ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ยาม.. เฝ้าแผ่นดินไหวเตรียมพร้อม ๒๙ มีค-๑ เมย
ไม่รู้ยามเฝ้าแผ่นดินเตรียมพร้อมเมื่อไหร่

อยากให้พากัน ถวายสังฆทาน บริจาคโลหิต ปล่อยปลา ไถ่โคกระบือ อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรของตนเองเสียในระหว่างนี้..ก่อนเกิดเหตุ..
ของเราเองจะได้เบาบาง
เสาร์นี้วันพระค่ะ

 

ขอเชิญทุกท่านเลยนะครับ มาถวายมหาสังฆทานกัน ที่บ้านสายลม แถวๆ อารีย์

วันเสาร์นี้ 29 มีนา ^-^

 

ขออนุญาตขยายความของคุณอ๋อเพิ่มเติมครับ

ทางแลปของดร.อนันดา ได้ตรวจจับสัญญานแนวโน้มการเกิดแผ่นดินไหว ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นใน สี่ห้าวันนี้ บริเวณ ประเทศอินเดีย และบางส่วนของจีนด้านตะวันตก

ประมาณความรุนแรง 4- 9 ริกเตอร์ ซึ่งที่ผ่านมา มีกรณีการเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงในซินเกียงในอาทิตย์ที่ผ่านมา 7.2 ริกเตอร์อยู่หลายครั้ง

หากเราจับสัญญานที่ทางดร.อนันดา มารวมกับข่าวการปรากฏ การอพยพของหนูทั้งในไทยเอง และในประเทศจีน ก็เป็นไปได้ที่จะเกิดแผ่นดินไหวเกิดขึ้น

ดังนั้นหากเป้นไปได้อยากให้เฝ้าระวังกันเอาไว้บ้างครับในช่วงสี่ห้าวันนี้ครับ

เพราะมีโอกาสที่คลื่นแผ่นดินไหวจะ ย้อนขึ้นไป หรือลง มาในแนวรอยเลื่อนทางพม่าจนถึงประเทศไทยเราเองได้ครับ

ดังนั้นอย่าเพิ่งประมาทกัน

 

ในช่วงนี้มีคนฝันแบบคุณ access หลายคนมากจริงๆ ครับ ผมคิดว่าคงเป็น ความฝันที่เกิดขึ้นเพราะเทวดาบันดาล ความฝันเช่นนี้เป็นเพราะเทวดาผู้ปกปักรักษาคุ้มครองคุณ access ได้ดลบันดาลให้เกิดความฝันไป เพื่อสำแดงแจ้งเหตุการณ์ล่วงหน้า โดยเฉพาะถ้าเป็นเรื่องร้าย ก็เป็นเหมือนการตักเตือนผู้ฝันให้ระวังภัยและป้องกันตัว จากอันตรายที่จะเกิดขึ้นครับ

ภัยทางน้ำที่คุณ access ฝันเห็นนั้นอาจจะหมายถึงคลื่นยักษ์สึนามิ หรือน้ำจากเขื่อนที่แตกทะลักออกมาเนื่องจากเกิดแผ่นดินไหว หรืออาจจะเป็นน้ำแข็งจากเทือกเขาหิมาลัย ที่ละลายลงมาอย่างรวดเร็วเพราะแผ่นดินไหวก็ได้ครับ โดยเฉพาะช่วงสงกรานต์ปีนี้ต้องระวังให้มากเป็นพิเศษ เพราะมีท่านผู้รู้เตือนมาหลายท่านว่าจะมีภัยทางน้ำที่รุนแรงมากเกิดขึ้นมาอีกครับ

ส่วนช่วงเวลาที่จะเกิดโลกมืด 7 วัน 7 คืน หรือ 49 วันนั้น ผมคิดว่าน่าจะเกิดในปี 2552 แต่ต้องหลังจากการเกิดสงครามนิวเคลียร์ขึ้นมาก่อนครับ เรื่องสงครามนิวเคลียร์นี้ ไม่ว่าจะเป็นคำทำนายจากสำนักไหนๆ ก็บอกเป็นเสียงเดียวกันเลยว่าจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ในอนาคตอันใกล้นี้ เตรียมตัวเตรียมใจกันเอาไว้ได้เลยครับ

 

แผ่นดินไหว 5.7 ริกเตอร์ ตอนเหนือของฟิลิปปินส์

​

ฟิลิปปินส์ 29 มี.ค.-เกิดเหตุแผ่นดินไหววัดความสั่นสะเทือนได้ที่ระดับ 5.7 ริกเตอร์ เมื่อช่วงเช้าตรู่วันนี้ ทางตอนเหนือของฟิลิปปินส์ ในเบื้องต้นยังไม่มีรายงานความเสียหายหรือผู้ได้รับบาดเจ็บ

กรมสำรวจธรณีวิทยาของสหรัฐรายงานว่า เกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงวัดความสั่นสะเทือนได้ที่ระดับ 5.7 ริกเตอร์ ทางตอนเหนือของฟิลิปปินส์ เมื่อเวลา 06.40 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือราว 05.40 น. ตามเวลาในไทย โดยศูนย์กลางของแผ่นดินไหวอยู่ทางตอนใต้ของเกาะบาตันประมาณ 30 กิโลเมตร และทางเหนือของเกาะลูซอนราว 225 กิโลเมตร อย่างไรก็ดี ศูนย์เตือนภัยสึนามิประจำแปซิฟิกไม่ได้ประกาศเตือนภัยสึนามิ และเบื้องต้นยังไม่มีรายงานความเสียหายหรือผู้ได้รับบาดเจ็บ.-สำนักข่าวไทย

2008-03-29 07:46:49

ที่มา http://news.mcot.net/international/

 

<TABLE class=mxtable cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top height=120>

ซ้อมระบบเตือนภัยสึนามิฝั่งอ่าวไทย
(วันที่ 17 พ.ค. 2549)

​

เช้าวันนี้(17 พ.ค.49) ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้ร่วมกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย จะดำเนินการฝึกซ้อมระบบเตือนภัย เพื่อเตรียมพร้อมและเผชิญภัยสึนามิในภูมิภาคมหาสมุทรแปซิฟิค สำหรับประเทศไทย พร้อมกับประเทศเวียดนาม กัมพูชา บรูไนและมาเลเซีย ณ บริเวณหาดในเพลา อ.ขนอม จ.นครศรี-ธรรมราช โดยสมมุติเหตุการณ์ว่า ในเวลา 09.00 น. เกิดแผ่นดินไหวในทะเล ทางตะวันตกเฉียงเหนือ ของประเทศฟิลิปปินส์ ขนาด 8.3 ริกเตอร์ คาดว่ามีโอกาสเกิดคลื่นสึนามิที่อ่าวไทยและจะส่งผลกระทบสร้างความเสียหายให้แก่ชายฝั่งทะเลอ่าวไทย
ทั้งนี้ ทางศุนย์เตือนภัยภิบัติแห่งชาติ และคณะผู้จัดการฝึกซ้อม ฝากเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยสึนามิด้านฝั่งอ่าวไทย มิให้เกิดความตื่นตระหนกกับเหตุการณ์สมมุติที่จะเกิดขึ้นดังกล่าว
(คอลัมน์:กรุงเทพมอนิเตอร์)
</TD><TD width=18 rowSpan=3> </TD></TR><TR><TD align=right>

กรุงเทพธุรกิจ ​

</TD></TR><TR><TD align=right>

17 พ.ค. 2549 <!--192.168.1.254-->

ที่มา http://www.dmr.go.th/news_dmr/data/1070.html​

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

เพิ่งไปบริจาคเลือดมาเอง พยายามจะบริจาคให้ได้ทุก ๆ 3 เดือน เพื่อนที่ทำงานก็ชวนกันไป โชคดีที่ทำงานใจดี ให้ถือว่าไม่ต้องลางาน/ลาชั่วโมง หากไปบริจาคเลือด อยากเชิญชวนทุกคนไปร่วมกันบริจาคเลือด ตุนไว้ก่อนภัยจะมา
(f)

 

เรื่องของมนุษย์ในดาวกุรุ (อุตตรกุรุทวีป)
โดยอุบาสิกาถวิล วัติรางกูล


​

มนุษย์ที่อยู่ในอุตตรกุรุทวีป ทวีปนี้อยู่ตรงไหล่เขาทางทิศเหนือของภูเขาสิเนรุ(เขาสิเนรุเป็นศูนย์กลางของมงคลจักรวาล คือ จักรวาลที่เราอาศัยอยู่นี้ เป็นภูเขาที่ละเอียดมากมองไม่เห็นด้วยตาเนื้อ) ซึ่งเป็นทองคำ ดังนั้นในทวีปนี้ ต้นไม้ ใบไม้ ท้องฟ้า น้ำทะเล จึงมีสีส่วนใหญ่เป็นสีดังทองคำไปหมด เป็นทวีปที่วิเศษกว่าทวีปอื่น

คนทุกคนอยู่ในเบญจศีล มีความเป็นอยู่สะดวกสบาย เพราะมีต้นไม้ชื่อต้นกัลปพฤกษ์เป็นต้นไม้ บันดาลให้ที่อยู่อาศัย เครื่องอุปโภค บริโภคต่างๆ แก่ผู้คน และยังมีต้นไม้อื่นๆ อีกมากมายทั้งไม้ดอกไม้ผลเป็นที่อุดมสมบูรณ์ มีสระและบ่อน้ำเต็มไปด้วยดอกอุบลบัวหลวงนานาชนิด ส่งกลิ่นหอมฟุ้งตระลบ มนุษย์ทุกคนมีร่างกายสมบูรณ์ ไม่สูง ไม่ต่ำ แข็งแรง สวยงาม สุขภาพร่างกายไม่เสื่อมถอย

ไม่ต้องลำบากในการประกอบอาชีพการงาน ไม่มีอันตรายจากสัตว์ร้ายต่างๆ ดินฟ้าอากาศเป็นปกติสม่ำเสมอ ไม่ร้อนนัก ไม่หนาวนัก ไม่มีแปรปรวน ข้าวสาลีเกิดขึ้นเอง ไม่ต้องหว่านไถ ออกรวงเป็นข้าวสาลีขาวบริสุทธิ์ มีกลิ่นหอม ไม่มีรำ ไม่มีข้าวลีบ เวลาจะหุงเอาศิลาเพลิงชื่อ โชติปาสาณะ ๓ ก้อน ตั้งขึ้นไว้ วางหม้อข้าวลง ข้าวจะเดือดและสุกเอง เวลากินไม่ต้องแสวงหากับข้าว ปรารถนาให้เป็นรสใดจะเป็นตามนั้น

อาหารในโลกนี้มีคุณค่าสูง ดังนั้นจึงไม่มีโรคภัยไข้เจ็บอย่างใดเบียดเบียน ในโลกนี้จะหาคนเป็นโรคผิวหนัง โรคเรื้อน สักคนเดียวก็ไม่มี อนึ่งข้าวที่หุงไว้แล้ว ใครปรารถนาจะกินก็สามารถกินได้ตามอัชฌาศัย ไม่มีการหวงแหน ในทวีปนี้บรรดาพระอริยเจ้าที่มีฤทธิ์ มีพระปัจเจกพุทธเจ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นต้น ย่อมเสด็จไปโปรดรับบิณฑบาตอยู่เนืองๆ

หญิงชาวอุตตรกุรุทวีปนี้ แต่ละคนสวยงามเหมือนๆ กัน ไม่สูง ไม่ต่ำ ไม่ดำ ไม่ขาว นิ้วมือเรียวยาว เล็บสีแดง ตะโพกผาย เอวบาง ถันมิได้ย้อยยาน พักตร์ผ่องราวดวงจันทร์ มีแขน ขา คอ อ่อนละมุน มีสัมผัสเป็นสุขควรแก่ฤดูกาล คือยามร้อนสัมผัสแล้วเย็น ยามหนาวสัมผัสแล้วอบอุ่น มีถ้อยคำวาจาไพเราะอ่อนหวาน

<O</Oชายหญิงในทวีปนี้ ถ้ามีความกำหนัดด้วยราคะ จะเป็นอยู่เพียง ๗ วันเท่านั้น พ้นจากนั้นแล้วก็หมดความยินดี และหญิงใดที่ตั้งครรภ์ ไม่มีความลำบากแต่ประการใด สบายดีเช่นปกติ เวลาคลอดก็ไม่ลำบากทั้งแม่และลูก ทารกที่คลอดออกมาก็ไม่มีสิ่งปฏิกูลแปดเปื้อน ผู้เป็นมารดาเมื่อคลอดแล้วไม่ต้องเป็นกังวลห่วงใยประการใด จะไปไหนก็ได้ตามใจ ทารกนอนนิ่งอยู่ที่เดิม ชายหญิงใดมาพบเห็นเข้า เอานิ้วมือใส่ปากก็เป็นอาหาร เป็นน้ำนมไหลพรั่งพรูออกมา เลี้ยงดูกันดังนี้ อย่างช้า ๓ วันทารกก็ลุกขึ้นเดินได้ เป็นหญิงก็เข้าไปอยู่ในหมู่หญิง เป็นชายก็อยู่กับหมู่ชาย มีความสบายทุกประการ

บรรดาผู้คนทั้งหลายในทวีปนี้ เมื่อต้องการเครื่องประดับตกแต่งร่างกายต่างๆ ก็ไปนึกเอาที่ต้นกัลปพฤกษ์ ภูษาอาภรณ์เครื่องประดับที่ต้องการ จะเกิดขึ้นห้อยแขวนอยู่ตามลำต้น และกิ่งก้านใหญ่น้อยของต้นไม้นั้น เป็นที่น่าปลื้มใจ
ผู้คนมีอัธยาศัยดียิ่ง ไม่มีการทะเลาะวิวาทบาดหมาง ล่อลวง เบียดเบียนซึ่งกันและกัน

แม่น้ำที่มีอยู่ในทวีปนี้มีน้ำใส ท่าน้ำขึ้นลงเรียบราบดี น้ำนั้นสะอาดปราศจากเปือกตม น้ำไม่ร้อนไม่เย็น อาบได้สบาย ริมฝั่งเดียรดาษไปด้วยดอกไม้ต่างๆ หอมไปทั่วฝั่ง เวลาผู้คนอาบน้ำจะถอดผ้าผ่อนอาภรณ์ทั้งปวง รวมไว้ด้วยกันริมฝั่ง เมื่อขึ้นจากน้ำ ไม่มีการยื้อแย่ง เวลานอนก็เข้าไปยังต้นไม้ต้นใดต้นหนึ่ง ต้นไม้นั้นจะมีสิ่งของเครื่องใช้ ให้เป็นฟูก เมาะ เบาะ หมอน นอนได้เลย

เมื่อมีผู้ใดตายลง ไม่มีการร้องไห้คิดถึง คงช่วยกันประดับประดา เอาผ้าคลุมทิ้งไว้ มีนกใหญ่จำพวกหนึ่ง มีหน้าที่บินมาเฉี่ยวเอาซากศพนั้นไปทิ้งที่เกาะอื่น ในทวีปนี้จึงไม่มีป่าช้าและสถานที่สกปรกโสโครก

ชาวอุตตรกุรุทวีปนี้ เมื่อตายแล้วจะพากันไปเกิดในเทวโลกด้วยกันหมดทั้งสิ้น ด้วยอำนาจที่ทุกคนตั้งอยู่ในเบญจศีล การที่จะไปเกิดในอบายภูมินั้น ไม่มีเลยสำหรับเรื่องของ ปุพพวิเทหทวีป และ อปรโคยานทวีป ไม่มีอะไรพิเศษเท่าอุตตรกุรุทวีป เพราะชีวิตความเป็นไปต่างๆ คล้ายคนในชมพูทวีป เว้นแต่ความเจริญของโลกและจิตใจของผู้คน ถึงจะสูงก็ไม่สูงเท่าคนในชมพูทวีป แม้จะต่ำก็ไม่ต่ำเท่าคนในชมพูทวีป เป็นไปในฐานะกลางๆ
<O</O
คนอุตตรกุรุทวีปมีคุณสมบัติพิเศษ สูงและประเสริฐกว่า คนชมพูทวีปและเทวดาชั้นตาวติงสา ๓ ประการ คือ

๑. ไม่ถือเอาเงินทอง ทรัพย์สมบัติ ว่าเป็นของตน
๒. ไม่หวงแหนหรือถือเอาว่า ผู้นั้นผู้นี้ เป็นบุตร ภรรยา สามีของตน
๓. ต้องมีอายุยืนถึง ๑,๐๐๐ ปีเสมอ

ส่วนเรื่องการตายของคนในทวีปนี้ ทุกคนจะไปบังเกิดในเทวโลกหมด เป็นเฉพาะการตายจากทวีปนี้เท่านั้น เมื่อไปบังเกิดในเทวโลกและอยู่จนกระทั่งหมดบุญแล้ว เวลาจุติไปบังเกิดในภพใหม่ไม่แน่นอน อาจเกิดในอบายทั้ง ๔ หรือเกิดเป็นมนุษย์ในทวีปอื่น

พระโพธิสัตว์ก็ดี พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระอรหันตสาวกทั้งหลายก็ดี เมื่อจะบังเกิด จะอุบัติขึ้นเฉพาะในชมพูทวีปเท่านั้น ไม่บังเกิดสร้างบารมีที่โลกมนุษย์ทวีปอื่นๆ

( ที่มา;-หนังสือ "ขุมทรัพย์จากพระไตรปิฎกชุดเราคือใคร" เรียบเรียงโดย อุบาสิกาถวิล วัติรางกูล )

หมายเหตุ

เหตุที่ผมได้ยกเอาเรื่องของคนในดาวกุรุ(อุตตรกุรุทวีป) นี้ให้อ่านกันนี้ก็เพราะว่าในตำนานพระศรีอาริย์ที่จุติ ลงมาเกิดในกึ่งกลางพระพุทธศาสนานี้ ได้กล่าวเอาไว้ว่าเทวดาจะพาผู้หญิงนางหนึ่งจากอุตตรกุรุทวีป ให้มาเป็นคู่ครองของพระศรีอาริย์ ที่จุติลงมาเป็นพระยาธัมมิกราชองค์ที่ ๓ ในกึ่งพุทธกาลดังนี้ครับ

ตำนานเมืองฝางและอ่างสลุงเชียงดาว

ตอนที่ ๓ กล่าวพระพุทธเจ้าได้เสด็จไปที่ถ้ำเชียงดาว ทำนายว่ายักษ์ที่รักษาถ้ำจะได้เป็นพระยาธัมมิกราชองค์ที่ ๓ มีอายุ ๒๐๐ ปี โดยองค์แรกเกิดที่เมืองปาฏลีบุตร องค์ที่ ๒ เกิดในเมืองหงสาวดี องค์ที่ ๓ เกิดในเมืองเชียงดาว องค์ที่ ๔ เกิดในเมืองอังวะ องค์ที ๕ เกิดในเมืองอโยธิยาและได้กล่าวถึงพระอรหันต์ ๕๐๐ องค์ เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานแล้วก็นำเอาพระบรมสารีริกธาตุมาไว้ที่ดอยอ่างสลุงก็เลยได้ชื่อว่า อ่างสลุงเชียงดาว มีพระยาอินทร์ เทวดา มาเนรมิตมหาเจดีย์ทองคำไว้บรรจุพระธาตุ ต่อจากนั้นก็มีพระยาอินทร์ พระยาพรหม พระยานาค มาสร้างพระพุทธรูปทองคำองค์ใหญ่ไว้ในถ้ำ ประดับตกแต่งไว้สวยงาม ในถ้ำแห่งนี้มีทางแวะไปสถานที่ต่างๆ ได้ หลายแห่ง และได้กล่าวถึงวิธีปฏิบัติเมื่อจะเข้าไปชมถ้ำตามที่ต่างๆ ซึ่งหากปฏิบัติไม่ถูกก็จะกลับออกมาไม่ได้

ส่วนในเมืองเชียงใหม่ เมื่อศาสนาใกล้จะถึงสามพันปี บ้านเมืองจะเกิดความเดือดร้อนวุ่นวาย หาเชื้อพระวงค์ที่จะขึ้นเป็นกษัตริย์ปกครองเมืองมิได้ ในเวลาต่อมายักษ์ที่รักษาถ้ำเชียงดาวอยู่นั้น จะเกิดมาเป็น พระยาธัมมิกราช โดยเกิดมาเป็นพ่อค้าข้าวสาร พระอินทร์จะมาอัญเชิญขึ้นไปทำพิธีราชาภิเษกบนสวรรค์ จากนั้นจึงลงมาทำพิธีอีกครั้งหนึ่งในเมืองเชียงดาว ส่วนพระมเหสีคือนางแก้วจากอุตตรกุรุทวีป

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑​

 

องค์พระเมตไตรยต้องบุรพกรรม​

​

สมัยหนึ่ง ที่องค์พระเมตไตรยต้องบุรพกรรม มาเกิดเป็นนางยักษ์ รูปร่างร้ายอยู่ในป่า องค์พระ โคตมะกำลังบำเพ็ญบารมีอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเอราวดี ด้วยสัพพัญญุตญาณทราบว่า นางยักษ์นี้ได้ก่อสร้างบารมี 30 ทัศมามากมาย แต่เพราะผลกรรมที่กระทำกาเมสุมิจฉาจารกับภรรยาผู้อื่น จึงมาเกิดเป็นนางยักษ์ชาตินี้ พระองค์จึงเสด็จมาโปรด นางยักษ์แลเห็นลักษณะอันประเสริฐ จิตเลื่อมใสก้มลงกราบ เมื่อองค์พระโคตมะตรัสเทศนาพระธรรม นางยักษ์ปลงใจเด็ดขาด ตัดเอาเต้านมทั้งสองถวายเป็นพุทธบูชา อานิสงส์นางยักษ์ตัดเต้านมทั้งสองมากระทำสักการบูชาพระตถาคตครั้งนั้น ส่งผลให้นางยักษ์พ้นจากอิตถีเพศ คือ ท่านจะเกิดเป็นหญิงแต่เพียงชาติเดียวเท่านั้น นางยักษ์นี้ได้สร้างพุทธวิริยบารมีมาถึง 80 อสงไขยกัป คือ ปรารถนาอยู่ในใจถึง 36 อสงไขยกัป ลั่นวาจาว่า จะเป็นพระพุทธเจ้าอีก 28 กัป ​

และในกาลก่อน พระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งทรงพระนามว่า "มหุตชินสีห์" ได้ทรงพยากรณ์ว่า "ท่านจะเวียนว่ายตายเกิดสืบต่อไปอีก 16 อสงไขยกัป ก็จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า พระศรีอาริยเมตไตรย ในอนาคตกาล" และในท่ามกลางพระพุทธศาสนาของพระพุทธโคดม ท่านจะมาช่วยสืบอายุพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองไปจนตลอด 5,000 ปี ​

กาลต่อมา ในชาติหนึ่งที่พระเมตไตรยมาเกิดเป็นมนุษย์ชาวไร่ กระทำไร่เลี้ยงชีวิตอยู่ริมภูเขา ตักกคีรี ซึ่งเป็นภูเขาเดียวกับที่ฝูงลิงถ่ายอุจจาระใส่ผ้าอาบของพระพุทธเจ้านั้นเอง ขณะที่เมตไตรยกระทาชายวิ่งไล่ขับฝูงลิงที่ลงมากินแตงโมในไร่นั้น ก็เลยวิ่งเลยถลำ ไปเหยียบเอาพระฉาย คือ เงาของพระพุทธเจ้าโดยไม่ทันสังเกต เมื่อเหลียวมาพบพระโคตมะ จิตเลื่อมใสศรัทธา จึงนำเอาแตงโมมาถวาย 7 ลูก แต่มีลูกหนึ่งที่รอยหนูกัดเป็นโพรง กุศลผลทานครั้งนั้น จะส่งท่านมาเกิดเป็นพระยาจักรพัตราธิราชอันประเสริฐ ในท่ามกลางศาสนาของพระตถาคต และจะช่วยสังคายนา ชำระสะสางพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองสืบต่อไป ศาสนาของพระพุทธโคดมจะปกแผ่ไปทั่วทั้งเมืองคนขาว เมืองคนเทา ปกแผ่ไปทั่วโลก ส่วนวิบากกรรมที่ท่านได้เหยียบเงาพระตถาคตนั้น เมื่อท่านได้มาเกิดเป็นมนุษย์จะมีรูปร่างหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ บนศรีษะก็จะมีรอยแผลเป็น ดุจดังรอยหนูเจาะแตงโม แต่ในภายหลัง ท่านจะมีผิวพรรณวรรณะ สวยสดงดงามดั่งเทพบนสวรรค์ เพราะได้บริโภคของทิพย์ ของพระอิศวรเทพเจ้า ​

ตามบุรพกรรมสัญญาที่มาระหว่างองค์พุทธที่ 4 และองค์พุทธที่ 5 ทำให้องค์พระเมตไตรยโพธิสัตว์ จะต้องมาช่วยสืบอายุพุทธศาสนาของพระพุทธโคดม จวบจนครบพุทธกาลดั่งนี้แล และในระหว่างกาลแห่งการรักษาศาสนจักร อาณาจักรแห่งองค์พุทธที่ 4 จะอยู่ในนามว่า "ภายใต้รังสีพระศรีอาริยเมตไตรย" เพราะอำนาจสิทธิแห่งวงศ์ศาสนจักรยังเป็นขององค์พุทธที่ 4 แต่เพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น​

อดีตกรรม​

เอกัง สะมะยัง ในสมัยหนึ่งพระพุทธโคดมได้เสด็จเลียบมาถึงแม่น้ำสายหนึ่ง ในแคว้นสุวัณณภูมิ ซึ่งไหลผ่าน ภูเขาตักกคีรี พระองค์ลงสรงน้ำเรียบร้อยแล้ว ก็เอาผ้าอาบตากไว้บนฝั่งแม่น้ำ จึงเสด็จขึ้นประทับอยู่บนภูเขาลูกนั้น มีลิงแม่ลูกอ่อนฝูงหนึ่งอุ้มลูกออกจากชายป่า พลันก็ถ่ายอุจจาระของมันลงบนผ้าอาบของพระองค์ ซ้ำเอาหว่านเล่นเสียเลอะเทอะ คงเหลืออยู่ชายเดียว ณ บัดนั้นก็ได้มีนกยางปอน (นกยางขาว) ตัวหนึ่งบินมาจับลงที่ศรีษะของแม่ลิงตัวหนึ่ง แล้วก็เหลียวหน้ามองไปโดยรอบทั่วทุกทิศ ในทันใดรัศมี ซึ่งเป็นสีต่าง ๆ ได้พุ่งปราดออกจากพระเขี้ยวทั้งสี่ของพระพุทธเจ้า พระอานนท์ผู้อุปัฏฐาก จึงทูลถามเหตุการณ์อันประหลาดนั้น พระองค์ทรงตรัสพยากรณ์ว่า:-​

"ดูก่อนอานนท์ ผ้าอาบของตถาคต ได้แก่ ศาสนาที่ตถาคตวางไว้ ลิงแม่ลูกอ่อนที่มาถ่ายมูลเลอะเทอะหมดถึง 3 ชายนั้น ได้แก่ กองทัพ ซึ่งจะมารบราฆ่าฟันกันตาย เหลือที่จะคณานับ ศาสนาของตถาคตจะเสื่อมทรุดไปถึง 3 ใน 4 ส่วน คงค้างอยู่แต่เพียงส่วนเดียวและนกยางขาวที่บินมาจับหัวแม่ลิงนั้น คือ พระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์ จะมาปราบอธรรม และช่วยสืบอายุศาสนาของตถาคต เริ่มตั้งแต่ 2,500 ปีขึ้นไป จนครบ 5,000 ปี"​

"พระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์กับตถาคต ได้สร้างกรรมไว้ในอดีตชาติ" พระองค์ทรงเล่าให้พระอานนท์ฟังต่อไปว่า​

"อันชาติหนึ่งสองเราสหายสนิท
ช่วยกันคิดเอาบัวมาอธิษฐาน
เพื่อเสี่ยงทายบารมีพุทธกาล
ให้บัวบานบอกแจ้งเป็นผู้ใด"​

ในชาตินั้นเราทั้งสองจึงเอาดอกบัวมาคนละดอก เข้าไปอธิษฐานในพระวิหารว่า ถ้าใครจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าก่อน ก็ขอให้ดอกบัวของผู้นั้นบานก่อน​

ครั้นวันรุ่งขึ้นพระตถาคตได้เข้าไปดูดอกบัวนั้น แต่ยังไม่ทันสว่างแจ้ง เห็นดอกบัวของพระศรีบานก่อน ด้วยความที่อยากเป็นพระพุทธเจ้าก่อนพระศรี จึงลักเปลี่ยนดอกบัวของพระศรีมาไว้ที่พระตถาคต สับเปลี่ยนกันเสีย​

"บัวของน้องบานแล้วนะพี่จ๋า
สัมพุทธาน้องย่อมได้ไปก่อนแน่
แต่ไฉนบัวในมือเดี๋ยวหุบเดี๋ยวก็แบ
พุทธยังไม่เที่ยงพุทธยังไม่แท้น่าอายจริง"​

ฝ่ายพระศรีนั้นเขาฌานแก่ รู้ว่ามีการสับเปลี่ยนบัว จึงทำนายว่า "โอ! สหายท่านจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าก่อนเราจริง แต่ทว่าฝูงมนุษย์ยุุคนั้นจะเป็นคนขี้ลักขี้ล่าย และใช้เงินดำ เงินแดง เงินกระดาษกัน อย่างพร่ำเพรื่อ มนุษย์จะไม่ซื่อสัตว์ต่อกัน จะทุจริต คิดมิชอบนานาประการ พระสงฆ์องค์เณรพุทธบริษัทในศาสนานั้น จะหาความเที่ยงแท้แน่นอนไม่ได้ เดี๋ยวบวช เดี๋ยวสึก เดี๋ยวหุบ เดี๋ยวแบดังบัวดอกนี้" ​

เพราะกรรมที่พระพุทธโคดมได้สับเปลี่ยนบัว ถึงแม้ว่าพระองค์และเหล่าพระอรหันตสาวกจะเข้าพระนิพพานไปแล้วก็ตาม แต่กรรมนั้นยังติดอยู่ในศาสนาของพระองค์ ตราบเท่าทุกวันนี้ ที่เหลือไว้แต่สมมติสงฆ์ในศาสนาของพระองค์ จึงรู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง ศาสนาสามส่วนก็ถูกพราหมณ์ ยักษ์ และมารเอาไปครอง เหลือจริงเพียงส่วนเดียวเท่านั้น ข้อวัตรปฏิบัติจึงถูกปนเป็น จนแยกแยะไม่ออก ผู้คนเกิดมาสมัยหลัง จึงไม่เข้าใจทางปฏิบัติที่ถูกมรรค ถูกผล ถูกนิพพานในฝ่ายสัมมาทิฏฐิแต่ส่วนเดียว นั้นคืออะไร ​

พระพุทธโคดมทรงเล่าอดีตกรรมจบลง พร้อมพยากรณ์เหตุการณ์สืบไปอีกว่า ​

"เมื่อพระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์จะมาช่วยสืบอายุพุทธศาสนาในพุทธกาลของพระตถาคตนั้น จะมีสรรพวัตถุทั้งหลายบังเกิดขึ้นแก่โลก อย่างแปลกประหลาดเหลือจะคณานับ ทั้งเสื้อผ้าอาภรณ์นานาชนิด ก็จะไม่ได้ปั่นและทอด้วยมือ เหมือนในศาสนาของตถาคตจะมีแต่ผ้าเนื้อบริสุทธิ์ ฝูงมนุษย์จะไม่ติเตียนว่า เป็นขี้หูขี้ตาเขาเท่าจะวัดวา (วัดหลาและเมตร) ก็จะมีในยามนั้น แม่หญิงจะนุ่งซิ่นเสื้อลายเหมือนหนังแย้ จะนุ่งเสื้อผ้าแขนกุดขาก้อม หญิงชายจะนุ่งผ้าเป็นอย่างเดียวกัน จะว่าชายก็บ่จริง จะว่าหญิงก็บ่แม่น แม่หญิงจะหวีผมปกหน้า จะใส่ต่างหูยาวง้ำหน้า พ่อชายจะใส่หมวกหุ้มหน้า สิ่งที่ไม่รู้จะได้รู้ สิ่งที่ไม่พบเห็นก็จะได้เห็น พร้อมด้วยบุรพนิมิตอันชั่วร้ายต่าง ๆ ก็จะบังเกิดขึ้นแก่โลกมากมายยิ่งนักดังนี้ ​

1. ราชภัย ท้าวพระยาจะบังคับเบียดเบียนพลเมือง
2. โจรภัย จะบังเกิดโจรผู้ร้ายปล้นสะดมทั่วไป
3. อัคคีภัย ไฟจะไหม้บ้านเมืองไม่ขาดสาย
4. อสุนีบาต ฟ้าจะผ่าสัตว์และคนล้มตายบ่อย ๆ
5. เมทนีภัย แผ่นดินจะไหวสะท้านและแยกออกจากกัน
6. วาตภัย จะเกิดลมพายุพัดพาบ้านเมืองพินาศ
7. อุทกภัย น้ำท่วมบ้านเรือนและเรือกสวนไร่นา
8. ทุพภิกขภัย จะเกิดข้าวยากหมากแพงและอดอาหาร
9. พยาธิภัย จะเกิดโรคระบาดคนและสัตว์ล้มตาย
10. สัตถภัย จะรบราฆ่าฟันกันล้มตายร้ายแรง​

ในขั้นสุดท้าย แผ่นดินจะไหวเดือนละหลายครั้ง จะมีสุริยคราสและจันทรคราสบ่อยครั้ง จะเห็นผีพุ่งไต้บ่อยๆ ดาวหางและแสงประหลาดจะบังเกิดให้เห็นไม่ขาดระยะ จะได้ยินเสียงดังในอากาศคล้ายระเบิดและปืนใหญ่ แร้งกาจะบินลงเกาะบ้านเมืองอย่างผิดธรรมดา ฝูงมนุษย์จะเดือดร้อนและขวักไขว่กันไปมา จะบังเกิดสงครามฆ่าฟันกันตายเหมือนใบไม้ร่วงไปทุกหนทุกแห่ง ครั้นแล้วก็ถึงกาลที่องค์พระเมตไตรยโพธิสัตว์จะปรากฏเป็นที่พึ่งแก่โลกตามบุรพกรรมสัญญา​

ที่มา http://www.navagaprom.com/book.php?id=11​

 

ฝัน...คือ สรุป
สิ่งที่เตือน เสียงที่บอก บุคคลที่เห็น
คือ....โลกุตตระ มาเตือนบอก ผู้มีสัจจะ

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

โลกุตตระ...จะมาสอน
มาเป็นอะไร ก็ได้
เช่นเดียวกับ พระพุทธเจ้า ที่โลกุตตระมาบอกสอน
จนพระองค์ตรัสรู้ได้เอง

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

ข่าวนี้จากนสพ.ไทยโพสต์ ครับ สืบเนื่องจากการกระทำของสส.เนเธอแลนด์ครั้งนี้อาจเป็นการเด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาวหรือเปล่า

แดนกังหันหวั่น หนังต้านกุรอาน ปลุกมุสลิมเดือด

29 มีนาคม 2551 กองบรรณาธิการ

รัฐบาลแดนกังหันลมหวั่นเกิดกระแสความโกรธแค้นจากชาวมุสลิม หลัง ส.ส.ดัตช์เปิดตัวภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาในเชิงกล่าวหาคัมภีร์อัลกุรอานว่าเป็นชนวนนำไปสู่ความรุนแรง



<DD>รวมถึงหนังยังนำเสนอภาพลบหลู่ศาสดามุฮัมมัดอีกด้วย


<DD>เมื่อวันพฤหัสบดี เกริต ไวล์เดอร์ส สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของเนเธอร์แลนด์ผู้ชอบวิจารณ์คัมภีร์อัลกุรอาน เปิดฉายภาพยนตร์ของเขาที่มีชื่อว่า "ฟิตนา" ซึ่งหากแปลตามคำภีร์อัลกุรอานแล้วจะมีความหมายว่า "การต่อสู้" ฉากส่วนหนึ่งในภาพยนตร์พาย้อนรำลึกภาพเหตุการณ์ช็อกโลกเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2544 และภาพเหตุระเบิดอื่นๆ จากฝีมือของสมาชิกกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง พร้อมกับยกข้อความบางตอนจากคัมภีร์อัลกุรอานมาประกอบ


<DD>ภาพยนตร์เรื่องนี้มีเนื้อหาเตือนว่าการเพิ่มจำนวนมากขึ้นของชาวมุสลิมในเนเธอร์แลนด์ และประเทศอื่นๆ ในยุโรป จะเป็นภัยคุกคามต่อสังคมประชาธิปไตย นอกจากนี้เนื้อหาของหนังยังเรียกร้องให้ชาวมุสลิมลบข้อความที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังออกไปจากคัมภีร์อัลกุรอาน


<DD>หลังขึ้นข้อความว่า "เนเธอร์แลนด์ในอนาคต?" สิ่งที่ผู้ชมได้เห็นในภาพยนตร์คือภาพการประหารชีวิตชายรักร่วมเพศ และภาพเด็กๆ ที่ใบหน้าอาบไปด้วยเลือด รวมถึงภาพผู้หญิงถูกวางยาและถูกตัดอวัยวะ จากนั้นหนังปิดท้ายเรื่องด้วยภาพของศาสดามุฮัมมัดทรงผ้าโพกศีรษะที่มีระเบิดอยู่ภายพร้อมมีเสียงประกอบเป็นเสียงดังติ๊กๆ ของนาฬิกา ซึ่งเป็นภาพเดียวกับที่หนังสือพิมพ์เดนมาร์กเคยนำออกตีพิมพ์ก่อนหน้านี้


<DD>หลังการเปิดตัวหนังเรื่องนี้ รัฐบาลเนเธอร์แลนด์พยายามออกตัวว่าไม่มีส่วนในการสร้างหนังเรื่องนี้หวังจะป้องกันไม่ให้เกิดการประท้วงของชาวมุสลิมเช่นเดียวกับกรณีภาพการ์ตูนล้อเลียนศาสดามุฮัมมัดเมื่อปี 2549 "ผมหวังว่าจะไม่มีปฏิกิริยาที่รุนแรงเกิดขึ้นอีก" นายกรัฐมนตรียาน ปีเตอร์ บัลเคเนนเด กล่าว


<DD>อย่างไรก็ดี ก่อนหน้าที่จะมีการเปิดฉายภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้มีการเดินขบวนประท้วงในประเทศมุสลิมอย่างอัฟกานิสถานและอินโดนีเซีย โดยผู้ประท้วงพากันเผาธงชาติเนเธอร์แลนด์และเดนมาร์ก เช่นเดียวกับรัฐบาลปากีสถานและอิหร่านที่ออกมาตำหนิหนังเรื่องนี้อย่างรุนแรง


<DD>ผู้ส่งออกชาวดัตช์กำลังเกรงกันว่าโลกมุสลิมอาจคว่ำบาตรทางการค้ากับเนเธอร์แลนด์ เช่นเดียวกับหลายฝ่ายที่กังวลถึงความปลอดภัยของพลเรือนชาวเนเธอร์แลนด์ 25,000 คนที่อาศัยอยู่ในประเทศมุสลิม


<DD>ด้านองค์การป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) แสดงความเป็นห่วงว่ากระแสต่อต้านหนังเรื่องนี้อาจนำไปสู่อันตรายครั้งใหม่ของกองกำลังนานาชาติที่ประจำการอยู่ในอัฟกานิสถาน ซึ่งมีทหารดัตช์รวมอยู่ด้วยมากถึง 1,650 นาย.


</DD>

 

ระวัง ... น้ำในเมืองจีน

 

เฝ้า....หิมาลัย

 

ฟัง....ข่าวเขื่อนแม่โขง

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

ถ้า...ประเทศไทย มี สัจจะ รักกัน
สันติธรรม....ก็เกิด
โลกุตตระ...พร้อมช่วย
อยู่ที่....คนไทย

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 29 มีนาคม เกิดพายุฤดูร้อนและกระโชกในพื้นที่หมู่ 5 และหมู่ 15 ต.เสนางคนิคม อ.เสนางคนิคม จ.อำนาจเจริญ ประมาณ 1 ชั่วโมง ทำให้บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 25 หลัง และต้นไม้ขนาดใหญ่หลายต้นล้มทับเส้นทางการสัญจร ซึ่งนายนิรันดร์ บุญสิงห์ หัวหน้าป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอำนาจเจริญ กล่าวภายหลังนำเจ้าหน้าที่ออกสำรวจความเสียหายว่า จะเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนต่อไป และขอฝากเตือนราษฎรให้ระมัดระวัง เนื่องจากในระยะนี้ จ.อำนาจเจริญ เกิดพายุฤดูร้อนเป็นครั้งที่ 4 แล้ว

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=25463&catid=27

 

ชาวนาอยุธยาหลั่งน้ำตา ถูกโจรลักพันธุ์ข้าวหายเกลี้ยง23กระสอบ

ชาวนาอยุธยาหลั่งน้ำตาเก็บเศษข้าวตามคันนา หลังถูกโจรขโมยพันธุ์ข้าวชั้นดีหายเกลี้ยง 23 กระสอบ ปัญหาเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลหนอนระบาดลามหนัก สมาคมผู้ส่งออกขู่ปิดกิจการ

หลังมีข่าวการลักขโมยเกี่ยวข้าวในนาในหลายพื้นที่ เนื่องจากข้าวเปลือกมีราคาสูงเป็นประวัติการณ์ ล่าสุด ชาวนาใน จ.พระนครศรีอยุธยา ถูกขโมยพันธุ์ข้าวที่เตรียมจะเพาะปลูกรอบใหม่

ทั้งนี้ เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 29 มีนาคม ผู้สื่อข่าว 'มติชน' ประจำ จ.พระนครศรีอยุธยา ออกตระเวนสำรวจแปลงนาตามพื้นที่ต่างๆ พบนายดาวเรือง กิจสนิท อายุ 61 ปี อยู่บ้านเลขที่ 68 หมู่ 2 ต.วังพัฒนา อ.บางซ้าย จ.พระนครศรีอยุธยา กำลังนั่งกอบพันธุ์ข้าวเปลือกที่ตกหล่นอยู่บนคันนา จึงสอบถามได้ความว่าเมื่อกลางดึกวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา พันธุ์ข้าวที่แช่น้ำเอาไว้ในนา และเตรียมจะนำไปหว่านในเช้าวันเดียวกันนี้หายไป 23 กระสอบ หรือประมาณ 60 ถัง

นายดาวเรืองกล่าวทั้งน้ำตานองหน้าว่า ทำนาทั้งหมด 80 ไร่ เก็บเกี่ยวขายไปบางส่วนได้เงินประมาณ 4-5 แสนบาท และไปซื้อข้าวพันธุ์พิษณุโลก 2 ที่ จ.สุพรรณบุรี จำนวน 8,000 บาท จากนั้นนำพันธุ์ข้าวไปแช่น้ำไว้ในนา พอตกดึกประมาณ 02.00 น. ได้ยินเสียงสุนัขเห่าจึงสะดุ้งตื่น แต่ไม่กล้าออกไปเพราะกลัวว่าจะมีคนมาปล้น เนื่องจากขายข้าวไปเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา จนกระทั่งรุ่งเช้าจึงลงไปดูพบว่าพันธุ์ข้าวที่แช่น้ำไว้หายไปหมดเหลือเพียงเศษพันธุ์ข้าวที่ตกหล่นเป็นทางตามคันนา และพบรอยล้อรถเข็นทิ้งไว้ดูต่างหน้าจึงกอบพันธุ์ข้าวที่ตกอยู่เพื่อเอามาปลูกต่อไป และจะไปแจ้งความตำรวจให้ติดตามคนร้ายให้ได้ แต่ไม่หวังว่าจะได้ข้าวคืน

'ก่อนหน้านี้เครื่องยนต์ในนาราคาประมาณ 30,000 บาท หายไป ยังไม่เคยร้องไห้และเสียใจเท่ากับพันธุ์ข้าวหายครั้งนี้ ซึ่งเปรียบเสมือนแม่โพสพของชาวนาหายไป ทำนาเหนื่อยกลับมาบ้านนอนหลับกันเป็นตาย ขอฝากเตือนเพื่อนชาวนาทุกคนให้ระวังมากขึ้น ทุกวันนี้เครื่องไม้เครื่องมือเกษตรกรหายอยู่บ่อยๆ' นายดาวเรืองกล่าว

พล.ต.ต.นเรศ นันทโชติ ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ตำรวจให้ความสำคัญต่อเรื่องนี้อย่างมากเนื่องจากชาวนาเป็นกระดูกสันหลังของชาติ จะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนของ ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ออกไปตรวจสอบ ถ้าพบว่าพันธุ์ข้าวหายไปจริงถือว่าเป็นความเดือดร้อนของชาวนา ส่วนตัวจะนำเงินไปช่วยเหลือเบื้องต้นในการซื้อพันธุ์ข้าว ทราบว่าราคาประมาณ 8,000 บาท อยู่ในสังคมนี้ต้องให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ส่วนการติดตามตัวคนร้ายต้องดูรายละเอียดว่าเป็นกลุ่มคนในพื้นที่ใกล้เคียงหรือไม่ อยากฝากให้ชาวนารวมกลุ่มกันจัดเวรยามออกตรวจตรา โดยจะส่งตำรวจเข้าไปร่วม

ส่วนกรณีที่นายวัลลภ อำพันทอง อายุ 47 ปี ชาวนาใน อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ต้องฆ่าตัวตาย หลังถูกเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลลงกินข้าวในนาเสียหายเกือบหมดนั้น ล่าสุด ปัญหาเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลและหนอนกอระบาดหนักลุกลามจาก อ.เสนา ขยายพื้นที่ไปยัง อ.ผักไห่ ชาวนาจำนวนมากต้องฉีดพ่นสารเคมี แต่บางส่วนที่พ่นยาไม่ทันต้องได้รับความเสียหาย

นายมานิตย์ พุ่มพวง อยู่บ้านเลขที่ 39 ต.ลาดชิด อ.ผักไห่ เปิดเผยว่า ชาวนากำลังประสบปัญหาแมลงศัตรูพืช โดยเฉพาะเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลที่กัดกินต้นข้าว ซึ่งกำลังใกล้เก็บเกี่ยวในอีก 20 วันข้างหน้า ตนและเพื่อนบ้านเชื่อว่าปัญหาเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลกัดกินต้นข้าวน่าจะลุกลามมาจาก ต.ลาดงา อ.เสนา เนื่องจากมีพื้นที่ติดต่อกัน โดยเริ่มระบาดรุนแรงมากขึ้นเมื่อ 3 วันที่ผ่านมา เจ้าของนาฉีดพ่นยากำจัดศัตรูพืช ทั้งค่ายาและค่าจ้างแรงงานประมาณไร่ละ 3,000 บาท ขายข้าวมาได้ก็เกือบจะขาดทุน แต่ยังไม่มีใครแจ้งไปยังหน่วยงานราชการจึงยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ

ด้านนายวิเชียร พวงลำเจียก กรรมการสมาคมชาวนาไทย กล่าวว่า ตนทำนาปรัง 10 ไร่ ใน ต.ลาดน้ำเค็ม อ.ผักไห่ ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยต้นข้าวอายุกว่า 2 เดือน กำลังประสบปัญหาเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลและหนอนกอกัดต้นข้าว ได้ว่าจ้างให้ฉีดพ่นยากำจัดศัตรูพืชไร่ละ 50 บาท ส่วนค่ายานั้นไร่ละไม่ต่ำกว่า 2,500 บาท แทบจะขาดทุน ปัญหาเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล หนอนกอ และแมลงผีเสื้อเกิดขึ้นมาประมาณ 1 สัปดาห์ คาดว่าน่าจะมาจากสภาพอากาศที่แปรปรวน เพราะตามธรรมดาแล้วหากฝนตกต้องตามฤดูกาล ชาวนาก็ไม่ต้องดูแลปัญหาศัตรูพืชมากกว่านี้ ซึ่งในพื้นที่ทุ่งลาดน้ำเค็มมีการทำนากว่า 500 ไร่ ทุกคนต้องช่วยเหลือตัวเอง ขณะนี้ทราบว่าพื้นที่นาข้าวหลายพันไร่ใน ต.ลำตะเคียน อ.ผักไห่ ก็ได้รับความเสียหายจากเพลี้ยกระโดดด้วยเช่นกัน ส่วนปัญหาน้ำทำนาก็น่าเป็นห่วงว่าจะขาดแคลน

ด้านนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีนายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่ากระทรวงพาณิชย์เตรียมเปิดประมูลข้าวสต๊อครัฐบาล จำนวน 3 แสนตัน เพื่อบรรจุเป็นข้าวถุง ขนาด 5 กิโลกรัม (กก.) ขายในราคาถุงละประมาณ 55 บาท หรือ กก.ละ 11-12 บาท เพื่อแบ่งเบาภาระค่าครองชีพของผู้บริโภคว่า ยังไม่มีการกำหนดราคาข้าวที่จะขายว่าจะเป็นเท่าไรแน่ อยู่ระหว่างศึกษาต้นทุนทั้งหมด อาจจะไม่ใช่ กก.ละ 11-12 บาท เพราะยังไม่รู้ว่าต้นทุนจริงๆ เท่าไหร่แน่ แต่ยืนยันว่าจะขายในราคาต้นทุน

'ตัวผมเองยังไม่รู้เรื่อง และยังไม่ได้มีการเรียกประชุมใดๆ จะเปิดประมูลให้โรงสีหรือเปล่าก็ไม่รู้ ทาง อคส. (องค์การคลังสินค้า) เขาก็ทำได้ อาจไม่ต้องให้เอกชนมาช่วยก็ได้ รวมทั้งจะต้องหาวิธีการกระจายข้าวถุงให้ถึงมือผู้บริโภค และจะต้องป้องกันไม่ให้มีการเวียนเทียนซื้อไปขายให้พ่อค้าต่อ' นายมิ่งขวัญกล่าว และว่า อยากเตือนชาวนาไม่ต้องรีบร้อนขายข้าว เพราะราคายังมีแนวโน้มดี ตลาดส่งออกยังมีความต้องการข้าวสูง นาปรังและนาปรังปีราคาข้าวจะดีขึ้นกว่าอดีต 5 เท่าตัว

นายวัฒนา รัตนวงศ์ นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า สภาพคล่องทางการเงินของโรงสีส่วนหนึ่งไม่ดีนัก เพราะข้าวราคาสูงต้องใช้เงินทุนซื้อข้าวเพิ่มขึ้นอีก 70% ขณะที่สถาบันการเงินก็ระมัดระวังการปล่อยกู้และมักปล่อยกู้ไม่เต็มจำนวน ก็ขอให้รัฐบาลช่วยประสานกับสถาบันการเงินพิจารณาปล่อยกู้ในวงเงินที่เพิ่มขึ้น ส่วนที่รัฐบาลจะทำข้าวถุงราคาถูกขาย ทางโรงสีเห็นด้วยและพร้อมให้การสนับสนุน

นายประสิทธิ์ บุญเฉย นายกสมาคมชาวนาไทย กล่าวว่า ในวันที่ 2 เมษายน ตัวแทนสมาคมชาวนาไทยจะหารือถึงปัญหาต้นทุนผลิตที่สูงขึ้น โดยเฉพาะปุ๋ยเคมีและยากำจัดศัตรูพืช ทั้งนี้ ต้นทุนผลิตข้าวเพิ่มขึ้นต่อไร่อีกเกือบเท่าตัว จากปกติ 3,900 บาท เป็นเกือบ 6,000 บาท นอกจากนี้ ยังอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบคุณภาพปุ๋ยด้วยว่าได้มาตรฐานหรือไม่ เพราะเริ่มมีการร้องเรียนจากชาวนามากขึ้นว่าปุ๋ยบางยี่ห้อคุณภาพต่ำลง ซึ่งเป็นต้นทุนแฝงที่เพิ่มขึ้น

นางโสพรรณ มานะธัญญา รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เจีย เม้ง มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ผลิตข้าวถุง 'หงษ์ทอง' กล่าวว่า จากราคาข้าวหอมมะลิที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 30 บาท เทียบกับต้นปีที่กิโลกรัมละ 18 บาท ล่าสุด บริษัทขอปรับราคาจำหน่ายสินค้ากับโมเดิร์นเทรด และห้างสรรพสินค้าอีกครั้งจากถุง (5 กก.) ละ 153 บาท เป็นถุงละ 160 บาท หลังจากต้นปีปรับจากถุงละ 140 บาทเป็นถุงละ 153 บาท มาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ทางโมเดิร์นเทรดยังไม่อนุมัติให้จำหน่ายในราคาใหม่ได้

นางโสพรรณกล่าวว่า หากราคาข้าวหอมมะลิเป็นไปตามที่นายมิ่งขวัญประเมินว่าจะเพิ่มเป็นตันละ 30,000 บาท ภายใน 3 เดือนข้างหน้า เท่ากับผู้ประกอบการข้าวถุงต้องซื้อข้าวหอมมะลิที่ กก.ละ 200 บาท หากไม่ได้ปรับราคาเพิ่มตามต้นทุนที่แท้จริง คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากไม่ส่งสินค้าจำหน่ายให้ห้างสรรพสินค้า โมเดิร์นเทรด ซึ่งที่สุดจะสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้บริโภค

นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวต่างประเทศ กล่าวว่า ที่นายมิ่งขวัญระบุว่าราคาข้าวยังมีโอกาสสูงขึ้นต่อไปอีก และแนะนำอย่าให้เกษตรกรอย่ารีบร้อนขายข้าวนั้น อาจทำให้ระบบค้าข้าวมีปัญหา เพราะหากเกษตรกรส่วนใหญ่ไม่ขายข้าวออกสู่ตลาด จะเป็นปัญหาต่อผู้ส่งออก ซึ่งขณะนี้ข้าวที่อยู่ในมือผู้ส่งออกมีประมาณ 1 ล้านตันข้าวสาร และต้องส่งมอบในเดือนเมษายนนี้ จำนวน 1 ล้านตัน ถ้าส่งออกหมดจะไม่เหลือข้าวในมือผู้ส่งออก ที่สำคัญผู้ส่งออกข้าวกำลังมีปัญหากับกลุ่มโรงสีส่วนใหญ่ที่ไม่ยอมส่งข้าวให้ ขณะที่ผู้ส่งออกมีสัญญากับคู่ค้าไว้แล้ว ถ้าไม่ส่งตามเวลาจะถูกฟ้องร้อง อีกทั้งขณะนี้ผู้ส่งออกส่วนใหญ่ขาดทุนเฉลี่ยตันละ 100-200 ดอลลาร์สหรัฐ เพราะรับออเดอร์ล่วงหน้าในราคาต่ำกว่าราคาข้าวในประเทศที่สูงอย่างรวดเร็ว

'สิ่งที่ผู้ส่งออกหวั่นวิตกคือ เกษตรกรและโรงสีข้าวกักเก็บข้าว เพราะเก็งว่าราคาตลาดจะสูงขึ้นอีก ทำให้ผู้ส่งออกประสบปัญหาและอาจจะต้องปิดกิจการ ถือเป็นสัญญาณที่ไม่ดี จึงอยากให้กระทรวงพาณิชย์ดูแลระบบค้าข้าวให้เป็นธรรมกับทุกฝ่ายมากกว่านี้' นายชูเกียรติกล่าว

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=25467&catid=27

 

พักนี้อากาศร้อนจัด

 

จุไรท่องเที่ยวดาวกุรุและดาวสิบปัง
โดย ส.ธ.​

​

ลูกหลานที่รัก วันนี้ก็มาฟังนิทานเรื่องของ จุไร กันใหม่ สำหรับวันนี้หรือตอนนี้ก็ถือว่าจะเป็นการลุยเรื่องดาวกันให้หมดไป ความจริงดาวไม่หมดแต่ก็จะหยุดคุยเรื่องดาว เราจะคุยกันอีก ๒ ดาว หลังจากแม่และลูกสองคนออกจากดาวสูตูแล้ว ทั้งสองคนก็ตรงแน่วไปดาวกุรุ​