นี่ ๆ เหล่านักปฏิบัติ จ๋าาา ช่วยวิสัชนา ตอบ นู๋บี ทีซิ ว่า ขรัวตาจะตีไหมค้าาาาาาาา ?

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย 5th-Lotus, 20 ตุลาคม 2009.

  1. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เรื่องพระเจ้า พระคริสต์ ซาตาน ไสยศาสตร์ ม.น.ต.ด จักรวาล เอกภพ และอื่นๆอีกมากมาย
    ที่พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้นำมาสอนพวกเรา ก็ถือว่าเป็นใบไม้นอกกำมือไป อะค่ะ
    เรียนรู้ไว้ เพราะเราอยู่ร่วมโลกเดียวกับเขา จะได้รู้เขา รู้เรา ไม่เดินไปเหยียบตาปลาใคร ง่ะ
    แล้วก็ทดสอบใจตัวเอง ว่าหวั่นไหว กระเพื่อมไปทางไหนบ้าง มีสติกับเรื่องที่ไปกระทบไหม
    รู้แล้วแยกแยะมาใช้ประโยชน์ได้บ้างไหม เป็นอุปนิสัยส่วนตัวอาเหล่ายาย ไง
    ชอบสอดรู้สอดเห็น อยากรู้ อยากเห็น เวลาสงสัยอะไรก็อยากจะศึกษาให้กระจ่าง
    เราเคารพเขา เขาก็เคารพเรา
    เราไปดูถูกดูหมิ่นเขา เขาก็ทำกับเราแบบเดียวกัน เป็นกฏแห่งกรรมไง ทำอะไรก็ได้แบบนั้น
    ถ้าต้องอยู่ในสังคมที่มีคนหลากหลายแบบ หลากหลายความคิด การที่เราเข้าใจคนอื่น
    หรือศาสนาอื่นๆ มันจะช่วยให้เราอยู่กับเขาได้ด้วยการเคารพในความคิดความเชื่อซึ่งกันและกันไง

    ไม่ได้คิดไปเปลี่ยนศาสนาหรือไปเข้ารีตที่อื่น ยังรักการถือศีล เจริญสติ เจริญสมาธิ
    เจริญปัญญา ไปตามที่เคยเป็นมาอยู่ดี มีพระไตรสรณคมณ์ เป็นที่พึ่งทางใจเหมือนเคย

    ถ้าเรากลัวเรื่องใบไม้นอกกำมือ เรื่องอจินไตย ก็อย่าไปใส่ใจกับเรื่องเหล่านั้น
    เพราะพระพุทธเจ้าท่านสอนใบไม้ในกำมือก็เพียงพอที่ช่วยให้พ้นทุกข์ได้แล้ว
    การระงับสงสัย ไม่ไปยุ่งกับคนศาสนาอื่นๆได้มันก็ดีแล้ว (รวมถึงอย่าไปดูถูกดูหมิ่นความเชื่อของเขา)
    มุ่งแต่ทางตรง ตัดรัก ตัดหลง ตัดสงสาร
    หาทางพ้นทุกข์ ออกจากกาละมังโลกเบี้ยวๆ ไปได้ก็แจ่มแล้ว
     
  2. Tawee gibb

    Tawee gibb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    1,175
    ค่าพลัง:
    +1,721
    แอ่บ ! ลุงกิ๊บเลยรึ เราก็รุ่นใกล้ๆกันนา ป้า !

    พูดได้ชัดเจน ตรงเป้าจ้า
    คือ เหล่าฮูโดนบ่อยๆน่ะ เลยพูดตีรวนสหายที่ชอบลบน่ะ
    ที่จิน ปรามาสก็จะเป็นแบบที่อาเต้าเจี้ยวว่าน่ะ กล่าวจาบจ้วงพระรัตนตรัย พระอริยสงฆ์ แต่ปรามาสที่พูดกันบ่อยๆ มันไม่ใช่อย่างที่เข้าใจน่ะ
    (พูดม่ายล่าย เดี๋ยวอีลบ)
    เนี่ย สุ่มเสี่ยงนิดโหน่ยก็กงนี้แหละ
    พาลก็แปลว่ายังไม่รู้ง่ะ ครั้นจะวางอุเบกขาดื้อๆ ก็ผิดหลักกรรม(การอยู่เฉยๆก็เป็นกรรมนะ เจตนาเป็นตัวชี้ขาด)
    เรื่องวางอุเบกขานี่ เป็นเรื่องวิจัยยากจินๆ
    รวมความคือ การวางใจให้เข้าใจถูกเนี่ย ต้องค่อยๆตามรู้ไปเรื่อยๆ
    เหมือนเปิดไฟสว่าง ฟามมึดมันหายไปเอง มะต้องไปไล่
    แต่ตราบใดยังมึดอยู่ ก็ยังต้องคลำไปอย่างระมัดระวัง
    ง่ะ !
     
  3. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310


    อ่าว เป็นงั้นไปอีก คุณนิวรณ์ ระวังข้างหลังเน้อ มีคนเห็นคุณสวยด้วยล่ะ
    สวยระดับนางเอกนิยายอันลือลั่นของเจ๊ทมฯเชียวนะ

    อังสุมาริน = คุณนิวรณ์ (กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกก)
     
  4. Tawee gibb

    Tawee gibb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    1,175
    ค่าพลัง:
    +1,721
    ดีจ้า เย็นนี้คงเสร็จแล้วจ้า ก็หมดธุระแล้ว
    ยินดีที่มีคนสนใจเรื่องนี้
    ตะหงิดๆองค์กรชาวยิว ความจริงพูดกันมานานมากแล้วนะ สัญลักษณ์แปลกๆพวกนี้ในธนบัตร แต่ไหงคุยไปคุยมา อุ่นหนาฝาคั่งทีเดียวเทียว พร้อมหน้าพร้อมตา
     
  5. เต้าเจี้ยว

    เต้าเจี้ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2008
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +1,697
    เราอาจจะแก่กว่าลุงกิ๊บก็ได้นะ
    เอาพาลปุถุชนหรืออันธปุถุชนมาฝากค่ะ

    :cool:

    พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 170

    อธิบายคำว่า ปุถุชน

    ในคำว่า เยน ปุถุชโน นี้ มีคำอธิบาย ดังต่อไปนี้

    พระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าพันธุ์พระอาทิตย์ ตรัสว่า

    ปุถุชนมี ๒ พวก คือ อันธปุถุชน ๑ กัลยาณปุถุชน ๑ ดังนี้ .

    ในปุถุชน ๒ พวกนั้น บุคคลผู้ไม่มีการเรียน การสอบสวน การฟัง

    การทรงจำ และการพิจารณาในขันธ์ ธาตุ และอายตนะเป็นต้น นี้ชื่อว่า

    อันธปุถุชน บุคคลผู้มีกิจเหล่านั้น ชื่อว่า กัลยาณปุถุชน. อนึ่ง ปุถุชน

    ทั้ง ๒ พวกนี้

    ชื่อว่าปุถุชน ด้วยเหตุทั้งหลาย มีการยังกิเลสมากมาย

    ให้เกิดเป็นต้น ชนนี้เป็นพวกหนึ่ง เพราะหยั่งลง

    ภายในของปุถุชน ดังนี้. ฯลฯ

    บทว่า กตํ กรณียํ ความว่า กิจทั้ง ๑๖ อย่าง คือปริญญา

    การกำหนดรู้. ปหานะ การละ, สัจฉิกิริยา การทำให้แจ้ง, และภาวนา

    การทำให้เกิดมี ด้วยมรรค ๔ ในสัจจะ ๔ อันเราตถาคตให้สำเร็จลง

    แล้ว. เพราะว่า พระเสขะ ๗ จำพวก รวมทั้งกัลยาณปุถุชน กำลังทำกิจนั้น

    อยู่ ( ส่วน ) พระขีณาสพมีกิจที่ควรท่านั้น ทำเสร็จแล้ว เพราะฉะนั้น

    พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพิจารณาอยู่ถึงกิจที่ควรทำของพระองค์ จึงทรงทราบ

    ว่า กิจที่ควรทำเราตถาคตได้ทำเสร็จแล้ว.

    (หมายเหตุ - เรียน ในที่นี้ น่าจะหมายถึงรู้ด้วย คงไม่ใช่ เรียนแต่ไม่รู้หรือรู้ผิด)


    *

    อันนี้ก็น่าสนใจ

    พระเสขบุคคล หมายถึง บุคคลที่ยังต้องศึกษา จนกว่าจะเป็นพระอรหันต์
    พระอเสขบุคคล หมายถึง บุคคลที่ไม่ต้องศึกษาแล้ว ได้แก่ พระอรหันต์
    กัลยาณปุถุชน ได้แก่ ผู้ที่มีคุณธรรม ศึกษาธรรมเพื่อขัดเกลากิเลส
    พาลปุถุชน ได้แก่ ผู้ทุศีล ผู้ที่ทำอกุศลกรรมบถ 10 ไม่มีคุณธรรม ไม่ศึกษาธรรม
    *

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กรกฎาคม 2010
  6. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เรื่ององค์ลับๆล่อๆ มันก็เหมือนกิเลสที่ลับๆล่อๆในใจเรา แหละนะอาเหล่าฮู
    เราไม่ไปยุ่งกับเขา เขาก็มาวุ่นวายกับพวกเราอยู่ดี
    เพราะพวกเรามีของที่เขาอยากได้เขาก็มาเอากับเรา ทรัพยากรโลกมันก็มีจำกัด
    คนโลภบ้าอำนาจอยากครอบครองทุกสิ่งทุกอย่าง มันก็มีอยู่จริงทุกยุคทุกสมัย
    มันสืบทอดอุดมการณ์กันเป็นมรดกพกห่อยันชัวลูกชั่วหลานจนกว่าสูญพันธ์กันไปแหละ
    พระพุทธองค์ จึงสอนวิธีการอยู่ในโลกแบบไม่ต้องทุกข์ไปกับโลก ให้ได้ไง
    โลกมันร้อนระอุเพราะกิเลสตัณหา เมื่อเรายังไปไหนไม่ได้ต้องอยู่ร่วมกัน
    ก็ต้องรู้เขารู้เรา ถ้าต้องรบก็จะได้เอาตัวรอดได้ ไม่เพลี่ยงพล้ำให้กับคนอื่นง่ายๆ
    ถึงชาวพุทธเรานี้รักสงบ แต่เวลาต้องรบกับกิเลสเราก็ไม่ขลาดเขลาเบาปัญญาไง
    เอาชนะโลกให้ได้ด้วยสติปัญญาที่มีในตน ไม่ได้หมายถึงไปเอาชนะคนอื่นนะ
    หมายถึงให้เอาชนะใจตัวเองให้ได้ก่อน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กรกฎาคม 2010
  7. Tawee gibb

    Tawee gibb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    1,175
    ค่าพลัง:
    +1,721
    เนี่ย ฟังแล้วนึกถึงตอนตัวเองเข้าโบสถ์คริสต์เลย
    ให้เกียรติเขา เขาก็ให้เรา
    พอๆกับเพื่อนต่างศาสนา แวะมาสถานที่พุทธ เคารพสถานที่ เราก็คงให้การต้อนรับเขาน่ะ (แต่บางศาสนิก เค้ายกพระพุทธรูปออกไปจากที่ตั้งในห้องทำงาน ไม่ค่อยเคารพสถานที่เอาซะเลย)
    แต่อย่าได้วาใจเชียวอาเหล่ายาย ทุกวันนี้ปฎิบัติการDialogueทำงานอยู่ตลอดนะ ต้องช่วยกันสอดส่องดูแลเหมือนกัน ถ้าสนใจก็อันนี้ด้วย
    เรื่องนี้ค่อนข้างน่าวิตก เพราะชาวพุทธไม่ค่อยตื่นตัวเอาซะเลย
    อยากให้เพื่อนๆได้ลองศึกษาและช่วยกันพิจารณา
    เหล่าฮูรู้แต่ว่า พบเอกสารหลักฐานมาราวปี2524-25 โดยพระมหาระแบบเป็นผู้นำมาแสดงน่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กรกฎาคม 2010
  8. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    อาเหล่าฮู ก็รู้จักตลาดหุ้นใช่ไหม
    มันก็มีพวกที่มากอบโกยผลประโยชน์จากตลาดหุ้นต่างๆทั่วโลก
    ใครฉลาดกว่า ทุนหนากว่า ก็กวาดผลประโยชน์ไปได้มาก
    คนโง่ที่โลภมาก ก็เป็นเป็นเหยื่อของคนฉลาดที่โลภมาก
    คนที่รู้ฉลาดทันโลก และรู้จักความเพียงพอ ไม่โลภมาก ก็ไม่สร้างความทุกข์ให้ใครๆ
    โลกมันก็สงบสุขได้ เราก็ทำบ้านเรา ทำใจเราให้รู้จักพอ ฉลาดรู้ทันโลก
    คนอื่นๆเขาก็ทำอะไรเราไม่ได้ เราก็ไม่ต้องเป็นเหยื่อของใคร ก็เอาตัวรอดได้
     
  9. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ชาวพุทธเรา จะตกม้าตายก็เพราะเรื่องพระพุทธรูปนี่แหละ
    สมัยพุทธกาล ก็ไม่ได้มีการสร้างพระพุทธรูป นะ
    การสร้างพระพุทธรูป ก็มีข้อดีข้อเสียในตัวเอง
    ข้อดีคือเป็นพุทธานุสติให้ระลึกถึงพระพุทธองค์
    ข้อเสียคือทำให้เกิดความยึดมั่นถือมั่น
    พอมีคนมาวุ่นวายกับความเชื่อของเราเช่นพระพุทธรูปหรือคำสอนในพระไตรปิฎก
    เราก็จะเกิดมารกำเริบในใจทันที คือไม่ชอบใจ ไม่พอใจ ระแวง กลัว
    ถึงแม้มันจะเป็นเรื่องจริง ที่เขาตั้งใจรุกเข้ามาในเขตพุทธศาสนา
    แต่เราสมควรไหม ที่จะต้องไปเล่นตามเกมของเขา เพียงแต่เรารู้เท่าทันเกม
    แล้วแก้ให้ถูกที่ ถ้าเรามีปัญญารู้จริงเขาก็ทำอะไรเราไม่ได้หรอก
    และที่เขาทำไม่ถูกไม่ควร ไม่ใช่ศาสนาเขาไม่ดีแต่พวกเขาเข้าใจหลักธรรม
    และศาสนาของเขาเองไม่ถูก ก็เลยกลายเป็นพวกปีศาจคาบคัมภีร์ไป
    เบียดเบียนศาสนาอื่นๆด้วยความไม่รู้ ถ้าเราไม่มีปัญญาช่วยเขาให้รู้ได้ถูก
    ให้สติเขาไม่ได้ เราก็ไม่ต่างอะไรกับเขา ก็เป็นแต่เพียงปีศาจคาบคัมภีร์ของ
    แต่ละศาสนาทำสงครามความเชื่อกันเอง ถ้าเรามองออกว่าเขาสำคัญผิด
    เราก็จะเกิดสงสารและเมตตาต่อเขา รู้วิธีจะสร้างความรู้เข้าใจด้วยสติปัญญา
    ทำให้เกิดความสงบสุขได้ ถ้าเราไม่มีสติปัญญาก็ไม่พ้นจะกลายเป็นร่วมทำ
    สงครามศาสนากันไป ไม่มีใครดีกว่าใคร ถ้าของเราถูกจริงดีจริง เราก็ทำของ
    เราไปเรื่อยๆ จนความดีมีส่งผลแล้ว ไม่ต้องไปทำอะไรพวกเขาก็จะเห็นความ
    จริงเอง แต่ระหว่างที่ความดีของเรายังไม่เกิด ก็ต้องอดทนอดกลั้น เหมือนที่
    พระพุทธเจ้าท่านเอาชนะพญามาร คือใช้ขันติรอให้พญามารแพ้ภัยตัวเองไป
    เรื่องแบบนี้ต้องใช้สติปัญญาให้มากๆ
     
  10. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    [​IMG]
     
  11. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    บางทีพวกเขาเห็นว่ารูปเคารพทั้งหมด เป็นเพียงวัตถุที่คนเราเอามาแทนนามธรรม
    บางครั้งเขาไม่ได้ดูถูกพระพุทธเจ้าหรือนามธรรมของพระพุทธเจ้า
    เขาอาจจะเห็นเป็นโลหะ หิน ดิน ทราย หรือรูปเคารพที่มีสิ่งอื่นแฝงอยู่ก็ได้ในสายของเขา
    ต้องดูที่เจตนาของเขา ว่าเขาเห็นเป็นพระพุทธเจ้าที่เราเคารพ หรือ เห็นเป็นหิน ดิน ทราย
    เรื่องพวกนี้มันละเอียดอ่อน เราคิดอย่างหนึ่ง เขาคิดอย่างหนึ่ง ความเชื่อมันก็ต่างกัน
    แต่ถ้าเป็นคนที่รู้จริงเหมือนๆกัน ไม่ว่าศาสนาไหนๆก็เข้าใจกันได้ ถ้ารู้จริงเหมือนๆกัน
    และถึงแม้เขาจะไม่ได้เคารพพระพุทธเจ้าของพวกเรา ก็ไม่ได้เป็นเหตุที่เราก็ไปโกรธ
    ไปเกลียด ไปทำโทษพวกเขา ก็แค่พวกเขาไม่รู้เหมือนเราเท่านั้น

    ไม่ใช่ว่าเห็นคนทำลายพระพุทธรูปต่อหน้าต่อเรา แล้วเราเกิดโทสะ
    ต้องเอาระเบิดไปถล่มเขาตอบแทน หรือระบายอารมณ์ความโกรธแค้นใส่เขา
    หรือแสดงความหดหู่ เสียอกเสียใจต่อเรื่องพวกนั้น ต้องมองให้ออกว่าเราเห็นอะไร
    เรายึดมั่นต่อหลักคำสอนและหลักธรรม พอที่จะรู้โทษ รู้โกรธ และรู้อภัย ให้คนไม่รู้
    ได้หรือไม่ ต่อให้โลกนี้ไม่มีพระพุทธรูปแล้ว แต่พระไตรปิฎกยังคงอยู่ มีผู้ดำเนินมรรค8
    มีพระอริยเจ้าสืบทอดความรู้ความเข้าใจ พระศาสนาก็ยังคงรุ่งเรืองไปด้วยความจริง
    ที่เป็นสัจธธรม มีผู้รู้ตื่นผู้เบิกบาน เป็นผู้ที่โลกสรรเสริญอย่างแท้จริง แต่ถ้าเหลือแต่
    พระพุทธรูป แล้วอย่างอื่นไม่มี ก็คงจบสิ้นแน่นอนใช่ไหม ต่อให้สร้างพระพุทธรูปมากเท่าใด
    ก็ไม่ได้เข้าถึงธรรมได้ เราเองต้องอย่าหลงทางถึงจะรักษาพระศาสนาสืบไปได้
    บางอย่างมันก้ไม่ได้อย่างใจเรา บางอย่างเราก็ต้องระวังอย่าตกเป็นทาสของอารมณ์
    ความยึดมั่นถือมั่นจนหลงไปก่อกรรมร่วมกับคนไม่รู้

    พูดอย่างนี้ จะมีคนเกลียดเราไหมเนี่ย
    เราว่าถ้าจะบูชาตำราพระไตรปิฎก บูชาหลักธรรมคำสอน ระลึกถึงหลักธรรมคำสอน
    จะช่วยให้เข้าทางตรงได้มากว่าการกราบพระพุทธรูปนะ
    คนที่ระลึกพระพุทธรูปเป็นพุทธนุสติก็มี ก็เป็นผลดี แต่คนที่หลงยึดไว้ก็มาก
    มันก็มีข้อดีข้อเสียนะ แต่ถ้าวันหนึ่งมีการทำลายรูปเคารพกันทั่วโลก
    เราชาวพุทธก็ต้องตั้งสติกันให้ดี อย่าทำสงครามศาสนาเพราะเรื่องของพระพุทธรูป
    เราก็จะไม่ตกเป็นเหยื่อของใคร ความรักและกตัญญูในพระพุทธเจ้าก็เป็นเรื่องสำคัญ
    แต่การทำตามคำสอนของพระพุทธองค์ด้วยใจ เป็นสิ่งสำคัญกว่า
    ความโกรธ อาฆาต พยาบาท เอาคืน มุ่งร้ายคนที่ทำให้เราเสียใจ
    ไม่ใช่สิ่งที่พระพุทธองค์สอนให้เราทำ
    ศีล สมาธิ ปัญญา มรรค8 พหรมวิหาร อิทธิบาท4 และความดีงามในจิตใจ
    การห่างไกลกิเลส บาป และความชั่ว คือหลักธรรม ที่เราควรศึกษาและน้อมนำให้เกิดในใจ
    และทำให้ได้ด้วย กาย วาจา ใจ น่าจะเป็นหนทางที่ดีนะ
     
  12. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [​IMG] = อังสุมาริน ของใครบางคน ไปแระ

    ปล. พักนี้ สวมบทพระเตมีย์ หรอ ไม่พูดไม่จา มั่งเลยนะ
     
  13. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เขาเห็นเราเป็นดั่ง เทพเจ้าหนะ เห็นเป็นดั่งแสงตะวันที่สาดส่องคนมืดบอด

    คนตาบอด เขาก็เห็นของเขาอย่างนั้นแหละ อย่าไปสนใจเลยเนาะ

    นิวรณ์ ก็คือ นิวรณ์

    สติ ก็คือ สติ

    นิพพาน ก็คือ นิพพาน
     
  14. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ควรอาจหาญ กัน ออกไปประกาศธรรม เท่ากับความรู้ตน ในห้องพระพุทธศาสนาก็ได้

    ดีกว่า คุยกันหลบมุมในนี้
     
  15. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ไปอ่านเจอมานะ เขาว่ามนุษย์ มีองค์ประกอบเหมือนพระเจ้า แต่ไม่ใช่พระเจ้า
    แบบว่า ถ้าเปรียบมนุษย์คือหยดน้ำทะเล พระเจ้าก็คือมหาสมุทร
    ก็แปลกดีเนอะ

    ทางพุทธเราก็มีคำสอนว่า
    ขันธ์5 ทั้งหลาย ก็ไม่ใช่ของเรา เราไม่ได้เป็นคนสร้างขันธ์5นี้ขึ้นมา
    เราเป็นเพียงผู้มาอาศัยขันธ์5นี้ชั่วคราว

    ขันธ์5 = ขันธ์5
    วิญญาณ = วิญญาณ
    ใจ = ใจ
    จิต+เจตสิก = จิต+เจตสิก

    จิต = จิต
    เจตสิก = เจตสิก
    รูป = รูป
    นิพพาน = นิพพาน

    และ จิต <> จิต+เจตสิก

    ผู้สร้าง <> ผู้ถูกสร้าง

    ผู้รู้ <> ผู้ถูกรู้
     
  16. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ไม่ได้ต้องการประกาศธรรม แค่ต้องการศึกษาทำความกระจ่างเป็นการเฉพาะตัว
    แล้วก็ว่ายน้ำกันแบบฟรีสไตล์ด้วยความไม่รู้เฉพาะตัว ใส่กันได้เต็มที่
    แบบว่าไม่มีกฏมาควบคุมมากมายไง เว็บมาสเตอร์ห้องนี้เขาไม่ควบคุมจนเกินไป
    ไม่อยากไปรบกวนคนอื่นๆ เดี๋ยวจะมีคนมารำคาญ
    หาว่าพูดจาไร้สาระ พาคนอื่นฟุ้งซ่านเสียจริตอีก
    เหมาะสำหรับการคุยเชิงลึกไง ไม่ต้องห่วงว่าคนอื่นจะสติแตกเพราะอ่านเรื่องของเรา

    สัปปายะ ดีออก นะ จะคุยเล่น คุยจริง คุยเฮฮา เฉพาะคนที่รู้ๆกันเอง
    ไม่ได้ไปทำความรำคาญให้คนอื่นไง
     
  17. คัน

    คัน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2008
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +67
    ปัญญามากกันจังนะ ไหนๆก็อยู่ในหลุมนี้แล้วทำไมไม่เอาพระพุทธเจ้ามาล้อเล่นกันอีกหละ
    คนมีปัญญาเขาไม่เล่นกับศรัทธาของคนแบบนั้นหรอกนะ มีพระอริยะที่ไหนที่เขาทำแบบนั้นกันบ้าง ที่เห็นทำก็พวกอวดรู้ว่าข้ารู้ ข้ารู้เลยทำแบบนี้ได้พวกเอ็งไม่รู้ พวกเอ็งมีแต่ศรัทธางมงายกันไป ระวัง วันหน้าถ้าปัญญาท่วมหัวเมื่อไหร่ระวังจะออกไปเหยียบพระพุทธรูปโชว์ชาวประชานะ
    พระอริยะ-คนมีปัญญา เขาไม่อวดฉลาดด้วยการเล่นกับศรัทธาคน ไม่เอาพระพุทธเจ้ามาล้อเล่นให้คนที่คนบางคนเห็นว่าโง่งมงายเขาติเตียนตนหรอก เพราะอย่างน้อยเขาจะเล็งเห็นว่าสิ่งที่เขารู้เห็นแล้วพูด ทำ ถึงจะเป็นความจริง แต่ถ้าทำแล้วทำให้ผู้คนส่วนไหญ่ที่ไม่รู้ ไม่เห็นอย่างเขา ต้องร้อนใจ ต้องติเตียนเขา จะเป็นบาปกรรมติดตัวคนไม่รู้ไปเสียเปล่าๆ เขาไม่ทำหรอก ไอ้พวกที่ทำ แล้วพากันกดอนุโมทนาแหยงๆหนะ พวกอวดรู้ อวดฉลาด
    ไม่อยากพูดมากเดี๋ยวโดนแบนอีก แต่ในหลุมนี้ท่าทางจะโดนยากหน่อยใช่ใหมละ
     
  18. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ก็อย่างว่าแหละ ปัญญาใครก็ปัญญามัน
    บางอย่างก็บอกกันให้รู้ไม่ได้ พวกที่ยังยึดติดกับพระพุทธรูปไม่เข้าใจหลักธรรมคำสอน
    ก็ไม่มีวันเข้าใจเจตนาคนอื่นหรอก เราเข้าใจเจตนาของเขาว่าทำอะไรเพื่ออะไร
    และเราเห็นเป็นเจตนาดี เราก็อนุโมทนาให้
    เราไม่ชอบใจหรือไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วยเราก็ไม่ข้องแวะ
    เราเข้าใจพวกเดียวกันเองก็พอแล้ว คนที่เข้าใจต่างกับเรา เราก็เฉยๆ
    ขี้เกียจมีพยาบาทอาฆาตใคร ค้างอยู่ในใจ
    พวกที่ปากพูดว่าเคารพพระพระพุทธองค์ เคารพพระพุทธรูปนักหนา
    ทำไมถึงยังมีอกุศลจิตต่อคนอื่นได้ไม่เลิกลา คนนั้นเขาไปถึงไหนๆ ไม่ยึดติดอะไรกะใคร
    เขาก็สบายแล้ว คนที่ไม่รู้ไม่เข้าใจมันก็ยังไม่รู้ไม่เข้าใจอยู่นั่นแหละ
    พูดยังไงก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี
     
  19. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    คนหลง ไม่รู้ว่า หลง
    มีคนมาช่วยชี้ขุมทรัพย์กลับโกรธเขาซะอีก คนไม่รู้ก็คือคนไม่รู้อยู่ดี
    พอกระทบ ก็ของขึ้น
    ศรัทธาที่ผิดทิศผิดทาง ก็เป็นได้เพียงศรัทธาที่สูญเปล่า
    ผู้ที่หลงในรูปของพระพุทธเจ้า ก็ยังติดอยู่ในความหลงอยูดี
    ติดหลงมากจนถึงขั้นก่อกรรม ก็ไม่พ้นต้องรับกรรมเป็นทาสของอารมณ์ อกุศลจิต ไปอีก
    ผู้ที่ทำตามคำสอนของพระพุทธเจ้าได้ ย่อมเข้าถึงพระนิพานได้ในวันหนึ่งข้างหน้า

    คนที่ทุบพระพุทธรูปทิ้ง เพราะไม่รู้
    แล้วมีคนไปทำร้ายคนที่ทุบพระพุทธรูป อีกที
    เพราะศรัทธาพระพุทธรูปที่เป็นวัตถุ หรือศรัทธาในความเป็นพระพุทธเจ้า
    มากกว่าการ ศรัทธาในหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า
    การไม่เบียดเบียนคนอื่น การไม่พยาบาท โกรธเกลียดคนอื่น ก็หลงลืม ไม่รู้จักการให้อภัย
    เพียงเพราะ เขาคิดไม่เหมือนเรา เขาคิดต่างจากเรา เขามีศรัทธาที่ต่างจากเรา

    การเอาหลักธรรมคำสอนมาปฏิบัติให้เกิดในจิตในใจเราได้จริงๆ
    มันมีค่าน้อยกว่าศรัทธาในรูปลักษณ์ของพระพุทธเจ้าตามความเชื่อไปแล้วหรือ
    ท่านคิดว่าพระพุทธเจ้าท่านจะยินดีในการกระทำที่เป็นทาสของอารมณ์ที่ยึดมั่นถือมั่นในรูปสัญลักษณ์
    ของพระพุทธองค์อย่างนั้นหรือ พระพุทธองค์ท่านคงไม่ยินดีในสงครามที่จะมีคนก่อขึ้นเพื่อปกป้อง
    ความเชื่อในพระองค์ท่านหรอก แต่หากท่านทำตามคำสอนไม่จองเวรก่อกรรมต่อผู้ใดจะเป็นการ
    ปฏิบัติบูชาตามคำสอนของพระพุทธองค์ จะเป็นอานิสงค์ที่น่าอนุโมทนายินดี มากกว่านะ

    คนที่เชื่อในรูปลักษณ์ของพระพุทธเจ้า ใครก็แตะต้องความเชื่อนั้นไม่ได้
    กับคนที่ทำตามคำสอนของพระพุทธองค์ด้วยใจ
    มันให้ผลต่างกัน คนที่ก่อกรรมก็คือคนที่งมงายกับความเชื่อของตนเอง
    แต่ไม่เคยทำตามคำสอนของคนที่ตนเองเชื่อและศรัทธาได้เลย
    เป็นได้แค่ศรัทธาที่สูญเปล่า และพร้อมจะทำสงครามกับคนอื่นเพื่อความเชื่อของตนเองได้ตลอดเวลา
    เพราะไม่มีธรรมในใจตน ไม่รู้เหตุ ไม่รู้ผล เห็นวัตถุมีค่ามากกว่าเลือดเนื้อและจิตใจของคน
    โดยลืมไปว่า วัตถุนั้นเป็นเพียงตัวแทนเป็นเพียงสัญญลักษณ์ที่ไม่ใช่ของจริง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กรกฎาคม 2010
  20. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    อย่าประมาท
    นี่แหละ คนที่ฝึกไม่ได้ พอกิเลสมันนำหน้าแล้ว รู้หมด มีเหตุผลหมด
    เอากิเลสนำหน้า ไม่ฟังเหตุฟังผลเรื่องธรรม

    พระพุทธรูป ก็คือ ตัวแทน ที่ทำให้เราระลึกถึง จะไปสุดโต่งว่า ไม่สำคัญทำไม

    พระธรรมส่วนพระธรรม พระพุทธรูปก็ส่วนพระพุทธรูป เอามาเปรียบกันทำไม

    ถ้า่เช่นนั้นแล้ว ก็บอกสิว่า ตึกราบ้านช่องไม่สำคัญ นอนกับต้นไม้ก็ได้

    นี่วัตถุ เขาก็เอาไว้เชื่อมโยง จิตใจไปสู่ศรัทธาได้ จะไปสุดโต่ง ทำไม
     

แชร์หน้านี้

Loading...