นี่ ๆ เหล่านักปฏิบัติ จ๋าาา ช่วยวิสัชนา ตอบ นู๋บี ทีซิ ว่า ขรัวตาจะตีไหมค้าาาาาาาา ?

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย 5th-Lotus, 20 ตุลาคม 2009.

  1. lamb of god

    lamb of god เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2009
    โพสต์:
    543
    ค่าพลัง:
    +436
    อัดแน่นไปด้วย คุณภาพเช่นเคย ยาวนานจริงกระทู้นี้ 555 อมตะ
     
  2. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    ฟังดูแล้ว...
    ทำให้รู้สึกชัดเจนว่า
    ผู้กล่าวข้างต้น

    สื่อสารว่าตนเป็นพระอนาคามีเรียบร้อยแล้ว
    เพราะพูดว่ารู้ชัดในการปรากฎขึ้นของสังโยชน์เบื้องสูง 4 ประการ

    เพราะผู้ที่จะรู้ชัดในชั้นนี้ได้
    ต้องละสังโยชน์เบื้องต่ำ 5 ประการ ได้แล้ว
    อันได้แก่
    สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส ราคะ ปฏิำฆะ
     
  3. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    "สื่อสารว่าตนเป็นพระอนาคามีเรียบร้อยแล้ว
    เพราะพูดว่ารู้ชัดในการปรากฎขึ้นของสังโยชน์เบื้องสูง 4 ประการ"

    นี่แหละที่บอกอัตตาตนเองว่า คิดเองเออเอง
    คิดว่า พระอานาคามีคือแบบนั้นแบบนี้
    คิดว่าคนที่พูดแบบนี้ คือ คนที่บอกว่าเป็นพระอานาคามี
    มันไม่จำเป็นหรอก คนพูดเขาไม่ได้บอกว่าตนเป็นอะไร หรือไม่เป็นอะไร
    แค่คำพูดว่ารู้ชัด มันบอกได้ขนาดนั้นเลยรึ ใครๆก็พูดได้ว่ารู้ชัด ในเรื่องใด
    คุณเตซเองก็ยังพูดว่า "รู้สึกชัดเจน"
    เพราะการใช้คำพูดสมมุติมันเป็นความเข้าใจส่วนตัวของเขา
    แล้วคุณจะไปคิดให้เขาเป็นโน่นนี่เพื่ออะไร ฟังเอาวิทยาทานไม่เป็นใช่ไหม
    และเรามาแปะ เพราะเราชอบอ่าน คุณไม่ชอบ ก็อยู่เฉยๆไปสิ
    หรือถ้าทนอ่านเฉยๆไม่ได้ ก็วิจารณ์ตามเนื้อผ้าไปแต่อย่าไปเอาความคิดตัวเองยัดใส่ให้คนอื่น
    เป็นนั่นเป็นนี่ตามที่ตัวเองคิดโดยที่เขาไม่ได้มีเจตนาจะเป็นอย่างที่คุณคิดและพูดออกมา
    มันเข้าข่ายจับผิด หรือเข้าใจเจตนาเขาผิดไปจากความจริง ถ้ามองคุณในแง่ร้ายก็คือพูดให้ร้ายคนอื่น
    พูดให้คนอื่นเสียหายทั้งที่ตั้งใจ หรือไม่ได้ตั้งใจจะพูดให้คนอื่นเสียหายคือทำไปเพราะไม่รู้ว่าคนอื่นเขา
    จะเสียหายด้วยคำพูดนี้ของคุณ

    อีกอย่างคำพูดเต็มๆของท่านสันตินันท์คือ
    ผมเองก็ทำได้เพียงการรู้ถึงความยึดว่าจิตเป็นเราได้เป็นครั้งคราวเท่านั้น
    คือจะรู้ได้ ต่อเมื่อยามใดเจริญสติสัมปชัญญะอยู่
    แล้วรู้ชัดถึงความปรากฏขึ้นของสังโยชน์เบื้องสูง 4 ประการ
    อันได้แก่รูปราคะ อรูปราคะ มานะ และอุทธัจจะ อันใดอันหนึ่ง
    สิ่งเหล่านี้คือเงาของจิตที่ถูกยึดว่าเป็นตัวเรา
    เมื่อเห็นเงา แล้วเฉลียวนิดหนึ่ง ก็เห็นถึงจิตที่ถูกยึดว่าเป็นตัวเรา
    เพราะถ้าไม่มีจิตที่เป็นตัวเรา ก็ย่อมไม่มีราคะในฌาน

    เราอ่านแล้วก็ไม่ได้คิดเหมือนคุณเตซนะ เราคิดว่าถ้ามีสมาธิแนบแน่นมีสติสัมปัญญะสมบูรณ์อยู่
    ก็รู้ชัดได้เป็นครั้งคราว และเห็นแบบเงาของจิต ไม่บอกว่าละสังโยชน์ได้ทั้งเบื้องต่ำและเบื้องสูงใดๆ
    ท่านบอกว่ารู้ชัดเมื่อเห็นเงาแล้วเฉลียวไปเห็นถึงจิตที่ถูกยึดว่าเป็นเรา ไม่ได้บอกว่าละการยึดได้แล้ว
    หรือรู้จิตชัด รวมถึงไม่ได้บอกว่ามีปัญญาละะราคะได้ถาวรแล้ว แค่บอกว่า ไม่มีราคะในฌาณ
    ใครได้ฌาณ4 ก็ไม่มีราคะในฌาณได้เหมือนกัน ไม่ได้ละกามได้ด้วยปัญญาแบบพระอนาคามี
    รวมแล้วเราคิดว่าท่านไม่ได้บอกว่าท่านได้ขั้นไหนถึงขั้นไหน ท่านอธิบายถึงสิ่งที่รู้และ
    สัมผัสในความรู้ความเข้าใจของท่านเอง เราก็ฟังเพื่อเปิดหูเปิดตาเฉยๆคิดว่าเป็นธรรมทานเป็น
    ประสบการณ์ทางธรรมที่รู้เป็นส่วนตน

    อย่างคุณเตซเอง บอกว่ามีสมาธิอย่างนั้นอย่างนั้น มีสติตลอดต่อเนื่องเป็นสายน้ำ
    มีผู้รู้เกิดแล้ว มีสมาธิแยกจิต แยกกายได้แล้ว ได้ เห็นแสงสีระเบิดระเบ้อ ได้จิตรวม ได้รวมจิต
    ได้อะไรต่อมิอะไร เนี่ย แล้วเราคิดเองเออเองว่าคุณเตซต้องการจะบอกว่าได้ธรรมขั้นนั้นขั้นนี้
    ต้องการการยอมรับนับถือจากคนอื่น นี่ถือว่าเราเพ่งโทษคุณ มีอกุศลจิตต่อคุณ เหมือนกันหรือเปล่า
    เห็นว่าคุณต้องการอามิสบูชาจากคนอื่น นี่ถือว่าเราเห็นคุณถูกตามจริงหรือเปล่า หรือว่าเรามีอคติกับคุณ
    เจตนาคุณบอกเพื่ออย่างหนึ่ง อยากให้ธรรมทานในสิ่งที่ตนรู้เห็นและพูดในความรู้ความเข้าใจ
    ของตนเอง แต่คนอื่นเขาก็มีทิฏฐิ มีอคติ ก็คิดเองเออเอง สรุปเอง ไปอีกด้านหนึ่ง ก็ได้
    มันก็เป็นการไม่เคารพในความเป็นปัจเจกชนของคุณใช่ไหม เพราะเราตัดสินคุณ ด้วยอคติของเรา
    และเราไม่รู้จักคุณจริงๆ ไม่รู้ว่าที่คุณพูดนั้นความจริงคุณต้องการอะไร ต้องการแสดงธรรมทาน
    ต้องการอวดธรรม หรือโม้ธรรมที่ไม่มีในตน ซึ่งการเกิดอกุศลจิตต่อกันมันทำให้คุยกัน สนทนากัน
    ต่อไปไม่ได้ เพราะขาดการเคารพในธรรม และไม่เคารพในความเป็นปัจเจกชน ไม่เคารพความรู้
    ของผู้อื่น มันก็เป็นกัลยาณิตรกันไม่ได้ เพราะพูดอะไรก็พาให้เข้าใจผิด มีแต่คิดหาเรื่องคนพูดธรรมให้ฟัง

    และคำพูดนี่ของคุณ
    "เพราะผู้ที่จะรู้ชัดในชั้นนี้ได้
    ต้องละสังโยชน์เบื้องต่ำ 5 ประการ ได้แล้ว
    อันได้แก่
    สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส ราคะ ปฏิำฆะ<!-- google_ad_section_end --> "
    คุณก็คิดเอง เออเอง ตัดสินเอง
    คำว่ารู้ชัดในการปรากฎขึ้นของสังโยชน์เบื้องสูง 4 ประการ ของท่านสันตินันท์
    อาจไม่ได้หมายถึงแบบที่คุณพูดนี้ก็ได้ อาจจะหมายถึงคนละเรื่องก็ได้ ก่อนจะวิจารณ์คนอื่น
    หรือทำให้คนอื่นเสียหาย ควรมีสติยั้งคิดซักนิดนะ

    เปิดใจให้กว้างๆหน่อย อย่าไปเพ่งโทษคนอื่นเขาให้มากนัก
    คนที่เขาพูดในสิ่งที่เขารู้ในสิ่งที่เข้าใจ ก็เพื่อเป็นธรรมทานให้คนอื่น
    ถ้าอ่านแล้วรับไม่ได้ อย่างน้อยก็ขออย่าได้มีอกุศลจิตต่อเขาก็ยังดี
    จะได้ไม่สร้างเวรกรรมต่อกัน เพราะคนอื่นที่เขารับธรรมทานได้
    และไม่ได้เกิดอกุศลจิตต่อผู้เขียน ก็มี เขาก็รับเอาแต่ธรรมที่เป็นประโยชน์ไปใช้
    และผู้เขียนเองก็ไม่ได้อะไรจากเรา มีแต่ความเคารพในธรรมที่มีเจตนาเป็นกุศล
    ต่อกันในฐานะปัจเจกชนเท่านั้น ที่สงคราะห์กันในสิ่งที่ตนเองรู้และเข้าใจตามฐานะ
    ซึ่งก็เป็นความเข้าใจส่วนตัวของตนเอง ไม่ใช่เรื่องถูกผิดในใจของคนอื่น
    แต่เป็นเรื่องธรรมที่รู้และเข้าใจในตนเองแล้วพูดเป็นคำพูดสมมุติออกมาสื่อสารกับคนอื่น

    อ่านแล้วชอบใจ ก็ผ่าน
    อ่านแล้วไม่ชอบใจ ก็ผ่าน
    ปล่อยวางกันไป มันก็ไม่มีเรื่องต่อกัน
    ถ้าจะอ่านแบบหาเรื่องมันก็มีเรื่องได้ทุกวัน ใจคนมันก็ไม่สงบลงได้หรอก
    ถ้ายังไม่เข้าใจ ใจของตนเอง
    เพ่งตนเองไม่พอ ยังติดนิสัยไปเพ่งคนอื่นอีก
    เราชอบของเราแบบนี้ เราก็ทำแบบนี้
    เราขอร้องคุณนะ เตซ อย่าเอาความคิดของตัวเอง ไปตัดสินคนอื่น
    มันเป็นอกุศลกรรม ที่จะทำให้คุณไม่มีสงบได้จริง
    และถ้าคุณยังไม่ยอมจบ ในเรื่องนี้
    เราก็จะขอจบเอง เพราะเราไม่ชอบการพูดที่พาดพิงให้ผู้อื่นเสียหาย
    และเราก็ไม่ชอบคำพูดของคุณในโพสท์ที่ 906
    และการพูดในลักษณะตำหนิคุณ แบบโพสท์นี้ก็จะเป็นครั้งสุดท้าย เราจะไม่พูดกับคุณในลักษณะนี้อีก
    เราเคารพในธรรมของท่านสันตินันท์หรือพระอาจารย์ปราโมทย์ ดังนั้นเราจะไม่คุยกับท่านในเรื่องนี้อีก
    ส่วนเรื่องอื่นๆเราไม่ใส่ใจ ต่อให้ไม่มีใครสักคนในโลกนี้เคารพท่าน แต่เราก็จะเคารพพระอาจารย์ตลอดไป
    ไม่ใช่เพราะเราหลงในศรัทธา แต่เป็นเพราะธรรมที่ท่านแสดงทำให้เราเข้าใจตัวเราเอง
    พระอาจารย์ก็เปรียบเหมือนพ่อแม่ที่สอนให้เรากินข้าวคำแรกเป็น ทำให้เราอ่านพระไตรปิฎกแล้วเข้าใจ
    มากขึ้น และท่านทำให้เราอยากอ่านพระไตรปิฎกด้วยตนเอง ที่เราพูดกับคุณยืดยาวขนาดนี้ เพราะ
    ไม่อยากผิดใจกับคุณ เหมือนที่คุณเคารพหลวงตามหาบัว ถ้ามีใครมาวิพากษ์วิจารณ์คำสอนของ
    หลวงตา
    โดยที่ไม่ตรงกับความจริงที่อยู่ในใจคุณ คุณก็ย่อมไม่ชอบใช่ไหม
    เหมือนมีคนมาบอกว่าคำสอนของพ่อแม่เรามันไม่ถูก พ่อแม่เราหลงตัวเอง เข้าใจผิดตัวเอง
    พ่อแม่เราเป็นคนโกหก เป็นมิจฉาทิฏฐิ หลงผิด แบบนี้ คุณจะคบกับคนๆนั้นต่อไปไหม
    คุณจะเห็นคนอื่นดีกว่าถูกว่าพ่อแม่ที่ป้อนข้าวคำแรกสอนให้คุณมีความรู้หรือ
    เรื่องกัลยาณมิตรทางธรรมหรือพ่อแม่ทางธรรม มันเป็นเรื่องของวาสนาถ้านับถือเป็นพ่อแม่
    นับถือเป็นครูบาอาจารย์กันแล้ว ต่อให้ความจริงจะเป็นอย่างไร ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของท่าน
    แต่เรื่องพระคุณของท่านที่มีต่อเรานั้นมันติดตัวเราไปจนตาย

    ไม่รู้คุณจะเข้าใจที่เราพูดไหม แต่ก็ขอจบไว้แค่นี้แล้วกัน ไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร


    เอวัง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ตุลาคม 2010
  4. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    ข้อความของผมไม่กี่บรรทัด
    แต่ของคุณไปคิดมายังไง
    ยาวเป็นหน้า ๆ

    เหมือนถูกไฟจี้เหรอ....

    อังศุมาลินของคุณ น่ะ
    ทิ่มหลวงตาทุกโพสต์ ผมไม่เห็นเดือดร้อนอะไรเลย

    ผมก็ไม่มีเจตนาไปกล่าวร้ายอะไรอาจารย์ของคุณ
    ผมก็แสดงความคิดเห็นโดยสุจริต และบริสุทธิ์ใจแค่นั้นเอง
    คุณนั่นแหละคิดมากไปเอง
    ค่อย ๆ อ่านโพสต์ผมให้ดี

    อย่าเอาอคตินำหน้า......
    มันทำให้เข้าใจผมผิดได้......

    จบ...เจ็บ อะไร
    เฮ้อ....คิดมาก
     
  5. vergo shaka

    vergo shaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    539
    ค่าพลัง:
    +835
    ..................... กระทู้ ดีเด่น เน้นเรื่อง ของจิตและภาวะของอารมณ์
    การกระทำที่สะอาด ย่อมออกมาจากใจที่สะอาด โดยธรรมชาติ
    การกระทำที่สกปรก ย่อมออกจากใจที่สกปรก โดยธรรมชาติ
    เขาว่ากันอย่างนี้....จริงหรือไม่จริง หว่า...วะ อา อา
     
  6. vergo shaka

    vergo shaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    539
    ค่าพลัง:
    +835
    เมพ ขิงๆ ชาบู ชาบู .......
     
  7. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    พี่"ชากะ"ตอบแค่นี้ ไม่สั้นไปเหรอคับ? และผมก็ไม่เข้าใจด้วยอ่ะคับ (ขออนุโมทนากับท่านจขกท.ด้วย เนื้อหามีประโยชน์ อ่านแล้ว อืม...ได้ข้อคิดหลายอย่างครับ...)
     
  8. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร

    ยังจะไปพาดพิงถึงคนอื่นอีก นะ
    ไปพูดให้ร้ายเขาอีก ว่าทิ่มหลวงตาทุกโพสท์
    ถ้าอังศุมาลินที่คุณพูดถึงหมายถึงคุณเอกวีร์นะ
    เราเห็นว่าเขาเคารพคำสอนหลวงตาและโยนิโสมนสิการคำสอนเข้าสู่ใจได้อีกด้วย
    เราเห็นเขายกคำสอนหลวงตามาประกอบคำอธิบาย ให้คนอื่นดูเสมอๆ
    ไม่เห็นว่าเขาจะทิ่มหรือลบหลู่ หลวงตา
    มีแต่คุณที่คิดอคติไปเองว่าเขาทิ่มหลวงตา
    ใจใครกันแน่ที่อคติ

    ที่เราพูดยาวๆ ก็เพราะจะอธิบายเป็นครั้งสุดท้าย แล้วก็จะเลิกยุ่งเกี่ยวเรื่องนี้
    ถ้าคุณไม่ปรับปรุงตัวเอง ก็คงคุยกันให้เข้าใจได้ยาก ก็ทางใครทางมัน

    ปล.เราพูดในฐานะเพื่อนกัน ก็จะบอกให้รู้ว่า ชอบอะไร และไม่ชอบอะไร การกระทำของเพื่อนแบบไหน
    ที่เราไม่ชอบ ถ้าเพื่อนไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร ก็ทำไปเหมือนเดิม แต่เราไม่ชอบเราก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวไปเอง
    และเป็นการบอกให้เพื่อนรู้ชัดๆว่าเรารังเกียจเรื่องอะไร ก็บอกตรงๆแล้ว ถ้าเพื่อนไม่เข้าใจก็ไม่มีอะไร
    จะพูดอีกแล้ว เอวัง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ตุลาคม 2010
  9. vergo shaka

    vergo shaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    539
    ค่าพลัง:
    +835
    ไม่สั้นหรอก ...... ตกใจเล็กน้อย เพราะน้องบอกว่าคิดถึง จึงพูดได้ แค่
    อุ๊ยสสส์ นะเอย .... ปิดเทอมแล้วดิ...คนหล่อ (น้อยกว่าเราครึ่งนึง5555+สะใจ)
     
  10. vergo shaka

    vergo shaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    539
    ค่าพลัง:
    +835
    ตำนาน เล่าขาน ปากต่อปาก มันก็ย่อมคลาดเคลื่อนได้ ตาม การใส่สีและตีไข่
    คนที่1จับปลาใหญ่เท่าฝ่ามือ บอกคนที่2ว่าใหญ่เท่าฝ่ามือ คนที่2บอกคนที่3ว่าปลาใหญ่
    เท่ากับสองฝ่ามือ คนที่3ตกใจบอกคนที่4ว่าปลาใหญ่เท่าตัวคน....บอกเรื่อยๆสุดท้ายใหญ่
    เท่าปลาวาฬ.....คนสุดท้ายไม่เชื่อ จึงสืบประวัติ ลงไปถึง สาเหตุและต้นตอของเรื่อง
    จึงทราบว่าปลาตัวเท่าฝ่ามือจริงๆ...นิทาน ขำๆ อย่าคิดมาก แต่คนทุกวันนี้ จะเป็นคนที่2ที่3
    และที่4.......หาได้เป็นคนสุดท้ายไม่ เชื่อ ตามๆกันมา ไร้เหตุผล พูดไปเรื่อย ....
     
  11. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    ที่ผมยกเรื่องอังศุมาลินของคุณขึ้นมาเพื่อให้รู้ว่า

    เค้าและพรรคพวกของเค้า(ไม่ใช่ประเทือง)
    อย่าคิดนะว่า ว่าสิ่งที่พวกเค้าคิด เค้าทำ และวางแผน จะทำ
    จะไม่มีใครรู้...

    แม้แต่ผมยังรู้
    เทวดาทำไมจะไม่รู้
    แล้วยมบาลทำไมจะไม่รู้...

    ถ้ามั่นใจในการทำการคิด และการวางแผนของตนแล้ว
    ก็ทำไปเถอะ....

    สำหรับคุณนะ
    ผมบอกตรง ๆ สงสาร
    ไม่อยากพูดอะไรมากกว่านี้

    ถ้าไม่อยากคบกับผม
    ก็...ตามสบายนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ตุลาคม 2010
  12. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [​IMG]
     
  13. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    อิอิ
    [​IMG]
     
  14. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ธรรมะ ไม่ใช่ของหยาบเลยนะครับ เป็นสิ่งที่ละเอียด เป็นสิ่งที่ปราณีต ใครที่มีจิตใจหยาบช้า คงเข้าไม่ถึง และอาจฟาดฟันธรรมะแท้ๆด้วยทิฎฐิที่หยาบช้าของตน ทิฏฐิที่เรียกว่า "มิจฉาทิฎฐิ" ตามที่ท่านได้อธิบายตามกระทู้นี้กระมังครับ

    สมควรแล้ว ที่วจีทุจริต มีเรื่อง การกล่าวร้ายผู้อื่น การพูดให้ผู้อื่นแตกแยกกัน โดยไม่ได้จำกัดเอาไว้ว่าห้ามเฉพาะการพูดถึงคนดีเท่านั้น...

    เจอหน้านักโทษประหารชีวิตด้วยข้อหา ฆ่า และ ข่มขื่น ไปถ่มน้ำลายรดศีรษะเขา ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่บาป

    เคย นั่งแท็กซี่อยู่ครั้งหนึ่ง (นานมาแล้วครับ) ก็คุยกับคนขับแท็กซี่ บอกเขาไปว่า พี่ไปด่านักโทษประหาร เอาก้อนหินปาใส่เขา พี่ก็ยังบาป เพราะในศีล ในอกุศลกรรมบถ 10 ไม่เคยเขียนเอาไว้ที่ไหนเลยว่า "เว้นแต่จะกระทำกับคนชั่ว ไม่บาป"

    พี่คนขับแท็กซี่คนนั้น นิ่งอึ้งไปเลย หลังจากที่ด่าใครต่อใครให้ฟังมาครึ่งทาง...
    <table border="0" cellspacing="1"> <tbody><tr> <td nowrap="nowrap" valign="top" width="75">จากคุณ</td> <td>: พัลวัน [​IMG] </td> </tr> <tr> <td nowrap="nowrap" valign="bottom" width="75">เขียนเมื่อ</td> <td valign="bottom">: วันปิยมหาราช 53 19:24:09</td></tr></tbody></table>

    PANTIP.COM : Y9838516
     
  15. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    “นิ่ง” คือที่สุดแห่งเคลื่อนไหว : วีรบุรุษสำราญ (ตอน2)
    คอลัมน์ : บู๊ลิ้ม
    โดย : พชร สมุทวณิช

    ตอนที่แล้ว ผมได้เขียนถึงนิยายจีนกำลังภายในเรื่อง “วีรบุรุษสำราญ” พร้อมทั้งชวนคุยต่อถึงเรื่องของ “คุณธรรมน้ำมิตร” พร้อมทั้งทัศนะส่วนตัวสำหรับความหมายของคำว่า “เพื่อน”

    คราวนี้จะมาเล่าถึงเนื้อหาของ “วีรบุรุษสำราญ” เรื่องเล่าของเพื่อนน้ำมิตร 4 คน และสะท้อนมุมมองและทัศนคติเชิงปรัชญาที่ผมประทับใจกับนิยายจีนกำลังภายในเรื่องนี้กันบ้าง

    นิยายจีนกำลังภายในเรื่องนี้ มีเนื้อหาหลักอยู่ที่เรื่องราวของคน 4 คน อันประกอบไปด้วย ก้วยไต้ไล่ว เฮ้งต๋ง ลิ้มไท้เพ้ง และอี้ฉิก ทั้งหมดดำรงชีวิตร่วมกันในสถานที่ชื่อว่า “เคหารุ่มรวย” แต่ละคนมีที่มาและประวัติส่วนตัวที่ต่างกัน และที่สำคัญก็คือ ประวัติแต่ละคนที่ฉากเบื้องหลังที่ลึกลับและมีสีสัน ในแต่ละช่วงแต่ละตอนของเรื่องนี้ ความลับของตัวละครแต่ละครก็ค่อยๆ คลี่ม่าน และค่อยๆ โลดแล่นออกมาจากฉากหลัง โดยมีสถานการณ์ตื่นเต้นเร้าใจต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ล้วนแต่เป็นการสร้างวีรกรรมอันลือลั่นสะท้านสะเทือน

    ที่ผมเสียดายอย่างเดียวสำหรับเรื่อง “วีรบุรุษสำราญ” นี้ ก็คือการขมวดเนื้อหาในตอนจบ วิพากษ์อย่างตรงๆ ก็คือ จากที่อ่านด้วยความชอบใจในแนวนิยายจีนกำลังภายในเชิงคุณธรรมน้ำมิตรอยู่ดีๆ ในตอนจบกลับมีกลิ่นอายของละครไทยหลังข่าวโชยเข้าจมูกไปเสียอย่างนั้น

    หลายคนพูดถึงนิยายจีนกำลังภายในของ “โกวเล้ง” ในส่วนของแนวทางการเขียนที่สะท้อนความสมัยใหม่ หลุดจากกรอบขนบการเขียนนิยายจีนกำลังภายในดั้งเดิม เรื่องนี้สำหรับผมแล้วก็เป็นเรื่องหนึ่งที่สะท้อนภาพที่กล่าวมาเช่นนั้น บางคนบอกว่าความเป็นสมัยใหม่ของ “โกวเล้ง” นั้นก็เพราะ รูปแบบหรือแนวทางการเขียนของตะวันตก ซึ่ง “โกวเล้ง” เองก็ยอมรับว่าหลายเรื่องได้แรงบันดาลใจจากวรรณกรรมตะวันตกจริงดังว่า

    ส่วนเรื่องนี้ เมื่อมองไปยัง “โครงเรื่อง” ผมก็รู้สึกว่าเป็นแนวทางที่เห็นบ่อยครั้งในงานเขียนฝั่งฝรั่งตะวันตก ก็คือรูปแบบของ การกำหนดสถานที่หนึ่ง ให้มีหลายตัวละครมาสุมหัวอยู่รวมกัน โดยมีที่มาที่ไปต่างๆ กัน จากนั้นมาเจอสถานการณ์ร่วมกัน คลี่คลายร่วมกัน และไปสู่จุดหมายในเอกะเดียวกัน โดยระหว่างทางก็มีการสะท้อนทัศนคติและแนวทางของความหมายของชีวิต รูปแบบในฐานะความเป็นมนุษย์ ผ่านหลากอารมณ์ รัก โกรธ เศร้า ลึกลับ โหดเหี้ยม น่าสะพรึงกลัว ต่างๆ นานา

    แนวทางเช่นที่ว่าข้างต้นนี้ เรามักจะเห็นบ่อยครั้งในงานเขียนตะวันตก แต่ยามโครงสร้างนี้พบเจอในงานเขียนตะวันออก ผมรู้สึกว่ามันลึกซึ้งและละเอียดในเนื้ออณูมากกว่า อาจจะเพราะแนวทางนี้สามารถกลมกลืนกับทัศนคติความคิดและปรัชญาแนวตะวันออกมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อนำเอา “หลักพุทธ” เข้ามาจับเป็นแก่นแกนของเรื่อง

    คนที่เคยอ่านเรื่อง “หลายชีวิต” ของ “คุณชายคึกฤทธิ์” คงพยักหน้าหงึกๆ เห็นด้วยเมื่อผมพูดเช่นที่ว่า เรื่องหลายชีวิตนั้นเป็นตัวอย่างอันดีที่มีโครงสร้างของงานเขียนดังข้างต้นที่ผมว่ามา แต่ด้วยโครงสร้างที่เรียบง่ายเช่นนั้น เมื่อลึกลงในรายละเอียดของการดำเนินเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบ ก็จะมองเห็นมุมมองในเรื่อง “ความหมายแห่งชีวิต” ที่เรียกได้ว่าสุดยอดควรแก่การน้อมคารวะ

    กลับมาพูดถึง นิยายจีนกำลังภายใน “วีรบุรุษสำราญ” กันต่อดีกว่า ในเรื่องนี้ แม้ตัวละครทั้ง 4 คน ก้วยไต้โล่ว เฮ้งต๋ง อี้ฉิก และลิ้มไท้เพ้ง จะมีบทบาทสำคัญในฐานะ “ตัวเอก” พอๆ กัน แต่หากผมจะหา “พระเอกตัวจริง” ออกมาหนึ่งคน ผมคิดว่า “โกวเล้ง” คงตั้งใจที่จะกำหนดให้ “ก้วยไต้โล่ว” เป็นหนึ่งนั้น

    ดังที่บทนำของนิยายจีนกำลังภายในเรื่องที่ ที่สำนักพิมพ์สยามอินเตอร์บุ๊ก ที่เป็นผู้จัดพิมพ์ ก็ได้พูดถึงเรื่องนี้ไว้ว่า “ก้วยไต้โล่ว” ถือเป็นหนึ่งในสามตัวละครในดวงใจของมังกรโบราณท่านนี้ ร่วมกับ ลี้น้อยมีดบิน และทิตงทั้ง แห่งธวัชล้ำฟ้า

    “ก้วยไต้โล่ว” ถือเป็นตัวละครที่แม้ประวัติความเป็นมาจะดูไม่ลึกลับซับซ้อนและครบรสมากนักเมื่อเทียบกับอีก 3 คน แต่มุมมองและทัศนคติหลายอย่างระหว่างการเดินเรื่องของ “ก้วยไต้โล่ว” นั้น คงต้องยอมรับว่า เต็มไปด้วยความเร้าใจและมีสีสัน

    ผมไม่อยากลงรายละเอียดมาก อยากให้ไปหาอ่านกันเอง (“วีรบุรุษสำราญ” นี้ ยังพอหาซื้อได้ง่ายตามร้านหนังสือทั่วไป) แต่ในมุมมองของผมนั้น มีแง่มุมหนึ่งที่ถือว่าโดดเด่นและแปลกใหม่สำหรับนิยายจีนกำลังภายใน (สำหรับยุคนั้น) มาก แม้จะเป็นอะไรที่มองเห็นเป็นแค่เงาบางๆ ทาบทออยู่บนฉากหลังไกลๆ นั่นก็คือ การแฝงไว้ซึ่งสิ่งที่สะท้อนมุมมองและทัศนคติในเรื่อง “เกย์”ได้อย่างเรียบเนียน

    กรณีของ “ก้วยไต้โล่ว” ที่มีความรักเชิง “คู่เรียงเคียงหมอน” ที่มอบให้กับ “อี้ฉิก” เมื่อครั้งที่ตัวเขาเองเป็นผู้งมงายที่ดูไม่ออกอยู่ผู้เดียวว่า “อี้ฉิก” แท้จริงแล้วเป็นหญิงสะคราญปลอมตัว (ซึ่งอันนี้เมื่ออ่านแล้วก็จะรู้สึกว่า นายคนนี้ “โง่ทึ่ม” ไปสักหน่อย)

    ในความรู้สึกที่ “ก้วยไต้โล่ว” แสดงออกมาในตอนนั้น ตัวเขาเองก็ยอมรับว่ามันเป็นความรู้สึกที่แปลก เป็นอะไรที่มากเกินกว่าความสนิทสนมรักใคร่ในแบบเพื่อนผู้ชายด้วยกัน เมื่อลองนึกดูว่า หากเอาเข้าจริง ถึงที่สุดแล้ว หาก “อี้ฉิก” นั้นไม่ได้เป็นหญิงสาวปลอมตัวมา บทสรุปของคนคู่นี้จะลงเอยอย่างไร ก็คงนึกภาพตามได้ยากลำบากเอาการอยู่

    แต่ถ้าถามว่า ส่วนตัวผม ชอบใครมากที่สุดใน 4 คน ผมคงจะบอกว่า นอกจากความเป็นมาเป็นไปที่เต็มไปด้วยสีสันแล้ว คนที่ผมถูกใจในลีลาและบทบาทก็คือ “เฮ้งต๋ง” ด้วยความประทับใจกับรูปแบบ “นิ่งเป็นหลับ ขยับเฉพาะตอนมีเรื่อง(ใหญ่)”

    ซึ่งประเด็น “เคลื่อนไหวโดยไม่เคลื่อนไหว” ของ “เฮ้งต๋ง” นี้ เป็นประเด็นที่สอนเราได้อย่างดีสำหรับความสำคัญของการ “ไตร่ตรอง” อย่างรอบคอบ คนเราทุกวันนี้มีปัญหาใหญ่ที่แก้กันไม่ค่อยจะหาย (โดยเฉพาะผม) ก็คือ ไม่ยอม “คิดก่อนทำ” ไอ้เรื่องทำไปไม่คิด พอผ่านแล้วก็มานั่งเสียใจนั้น ประสบกันบ่อยๆ ในชีวิตเราๆ ท่านๆ กันทั้งนั้นมิใช่หรือ

    นอกจากนี้รูปแบบของ “เฮ้งต๋ง” นั้นยังสะท้อนแนว “สงบสยบเคลื่อนไหว” เป็นความเคลื่อนไหวในความไม่เคลื่อนไหว ซึ่งตรงนี้ ผมว่าสะท้อนเรื่องแก้ยากของนิสัยคนเราทั่วไป ดังที่ผมกล่าวมาข้างต้นนี้ได้เป็นอย่างดี หากเรารู้จักที่จะ “เรียนรู้ที่จะอยู่ในความสงบ” ได้ กล่าวคือ เมื่อจิตนิ่ง ร่างกายไม่เคลื่อนไหว แต่จิตและสมาธิเป็นตัวเคลื่อนไหวแทน โอกาสที่ปัญญาจะเกิดได้ย่อมมีมากกว่า

    เป็นปรัชญาพุทธ และเป็นปรัชญาแนวทางตะวันออกที่ชัดแจ้งกระจ่างแจ่ม

    ดังที่กล่าวไว้แล้วว่า นิยายจีนกำลังภายใน “วีรบุรุษสำราญ” เรื่องนี้ ที่จัดว่าเป็นงานเขียนแนวทดลองรูปแบบใหม่ๆ ของ “โกวเล้ง” อีกชิ้นหนึ่ง ผมมองว่าเรื่องนี้ นอกจากเป็นแนวนิยายจีนกำลังภายในที่ไม่เน้นเรื่อง “บู๊” มากนัก โดยเพิ่มสัดส่วนในด้าน “เฮียบ” หรือ “คุณธรรม” มากขึ้น มากไปกว่านั้น เรื่องนี้ยังสะท้อนแนวคิดเชิงปรัชญาที่เป็นแนวคิดที่น่าสนใจที่จะมองประกอบไปกับการดำเนินชีวิตของมนุษย์อีกด้วย

    นิยายจีนกำลังภายในเรื่อง “วีรบุรุษสำราญ” ใช้แนวทางการเขียนที่แปลกไปจากขนบนิยายจีนกำลังภายในดั้งเดิม และยังเพิ่มแนวปรัชญาที่ดูเหมือนจะอิงแนว “สุขนิยม” ใส่เข้าไปอีกต่างหาก (ในทำนองที่ว่า มองโลกด้วยสายตาอันสำราญ เน้นความสุขเป็นประเด็นหลักมากกว่าองค์ประกอบในชีวิตด้านอื่นๆ)

    วีรบุรุษสำราญ โดยเฉพาะสองตัวละครสำคัญ “ก้วยไต้โล่ว” และ “เฮ้งต๋ง” นั้น ไม่อนาทรร้อนใจทั้งเรื่อง ชื่อเสียง ลาภยศสรรเสริญ ทรัพย์สินเงินทอง เพียงแต่ต้องการชีวิตที่ง่ายและสั้นกระชับเพียงคำว่า “สุขสำราญ” ก็พอใจ

    สำหรับ “วีรบุรุษสำราญ” นี้ พอลงไปในรายละเอียดของการดำเนินชีวิต กลับมีสิ่งที่เป็นเรื่องของรายละเอียดอันน่าสนใจอีกหลายสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของมุมมองแห่งการกินอยู่อย่างพอเพียง ไปจนถึงการประสบปัญหาภาระหนี้สิน อันนำมาซึ่งกระบวนการ “ปลดหนี้” ที่สนุกสนานเร้าใจ

    อย่างการที่ “ก้วยไต้โล่ว” ไปท้าสู้เพื่อต้องการโกยรับอาวุธลับกระสุนทองคำของ “กิมไต้ส่วย” ผู้เป็นยอดจอมยุทธผู้มีทรัพย์มหาศาล กระสุนทองเกาทัณฑ์เทพยดาที่เป็นสุดยอดแห่งอาวุธที่เป็นทั้งสัญลักษณ์แห่งความล้ำค่าและอาจนำมาซึ่งความตาย ที่จุดแข็งแห่งอาวุธนี้พุ่งเป้าไปที่จุดอ่อนที่สุดของมนุษย์นั่นก็คือการถูกครอบงำโดยความโลภ โดยที่ “ก้วยไต่โล่ว” ต้องการทองคำมาชำระหนี้ และนำมาซึ่งบทสรุปที่ว่า หนี้ที่ก่อไว้ หาได้ง่ายไม่ในการชำระใช้ ทุกอย่างล้วนมีราคาที่ต้องจ่ายทั้งสิ้น สุดท้ายขึ้นอยู่ว่า แลกเปลี่ยนสิ่งต่างๆ ด้วยอะไร จึงถือเป็นกระบวนการที่ล้ำค่าแห่งคุณธรรมน้ำใจ

    หลายหลากเรื่องราวใน “วีรบุรุษสำราญ” แสดงถึงการสะท้อนของการค้นหาความจริงแท้ของความหมายแห่งชีวิตที่น่าค้นหาและรับซึมซับในใจ

    Daily News - Manager Online -
     
  16. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    “รู้ซื่อๆ รู้จิตซื่อๆ อาการของจิตมันเป็นอย่างไรก็รู้มันตรงๆ
    อย่าไปอยากให้มันเป็นอย่างไร ให้รู้ซื่อๆ อันนี้เป็นทางเดินของมรรค
    รู้ซื่อๆ นี่แหละคือปัจจุบัน จิตมันเป็นอย่างไรก็รู้มันขณะนั้น
    นี่เป็นทางเดินของพระอรหันต์ทั้งหลาย
    เราอย่าไปอยาก พอจิตมันไม่ดีก็อยากให้จิตมันดี
    พอจิตมันเป็นอย่างนั้น อยากให้เป็นอย่างโน้น
    อันนี้ท่านว่ามันเป็นกิเลสตัณหาซึ่งเป็นทางตรงกันข้ามกับพระนิพพาน
    ไม่ใช่ทางปฏิบัติของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและของพระอรหันต์สาวก”

    หลวงปู่ทา จารุธมฺโม



    "อภัยทานเป็นทานอันสูงส่ง
    เมื่อผู้อื่นล่วงเกินเรา ต้องเตรียมใจให้อภัยแก่เขาที่ไม่รู้
    คนไม่รู้เขาก็ทำ-คิดไป ตามความไม่รู้ของคนไม่ได้ปฏิบัติบูชาภาวนา
    ใจเราผู้ภาวนาต้องให้อภัย ไม่ต้องไปทำความเดือดร้อนต่อกันไปอีก
    เรียกว่า อโหสิกรรม"

    หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร <!--MsgFile=18-->

    <TABLE cellSpacing=1 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top noWrap width=75>จากคุณ</TD><TD>: <!--MsgFrom=18-->มือใหม่เล่นหุ้น [​IMG] [​IMG] </TD></TR><TR><TD vAlign=bottom noWrap width=75>เขียนเมื่อ</TD><TD vAlign=bottom>: <!--MsgTime=18-->27 ต.ค. 53 00:18:51 </TD></TR></TBODY></TABLE>

    PANTIP.COM : Y9849284
     
  17. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>[​IMG]

    เครดิต คุณ nonsoul
     
  18. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    <TABLE class=tborder id=post2568725 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG]</TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#11 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->5th-Lotus<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2568725", true); </SCRIPT>

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    :boo:
     
  19. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->5th-Lotus<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2568725", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]...เจ้าแม่ต้นตำรับ เกรียนเทพ อิอิ

    หาก ใครก้าวข้ามสมมุติบัญญัติ ไม่ได้


    ก็ปล่อยให้มันอดตาย อยู่ในป่า นั่นแหล่ะ

    ก็ปล่อยให้มันอดตาย อยู่ในป่า นั่นแหล่ะ
    ก็ปล่อยให้มันอดตาย อยู่ในป่านั่นแหล่ะ

    5555555555555555555555555

    [​IMG]

    ปล.คาดว่าจะอัญเชิญให้มาเป็นเจ้าสำนัก บู๊จัง อยู่เนี่ย ไม่รู้เจ้าป้าจะรับเทียบเชิญ รึป่าว อิอิ
    เคยบอกว่าจะมาตอนปีหน้าฟ้าใหม่โน่น อะ ตอนนี้เก็บตัวเข้าถ้ำนั่งมาธิเก็บเลเวล อยู่มั้ง
    คิดถึงเจ้าป้า นะเอย นะเอย ขาดเจ้าป้าไปคนนึงเหมือนกินต้มยำไม่มีพริกกะมะนาว อิอิ
     
  20. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    บางทีพี่บัวเขาอาจจะชอบการอยู่เงียบๆ ก็ได้
    แต่ว่า ยัยเพิ้ยนก็ยังเมาธรรมอยู่ แต่ไม่เป็นไรเนอะ
    กะว่าเสร็จศึก อุ้ยไม่ใช่ เสร็จงาน จะบวชสัก 3 เดือนน่ะ
    เฮ้อ หายหัวไปดีกว่าจะดีไหม อิอิ เอ จะหนีตัวเองไปไหนพ้น
    แต่ว่า อยู่กับตัวเอง แบบไม่เป็นมิตร ไม่เป็นศัตรูเนอะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...