ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    พระแม่มารีย์ร้องไห้
    [​IMG]


    รูปแม่พระประจักษ์ที่ลูร์ดนี้ ซื้อจากประเทศไทยเมื่อประมาณ 8 ปีที่แล้วโดย คุณแพทตี้ โพเวล (Patty Powell) เมื่อตอนที่เธอมาเยี่ยมครอบครัวของนักเรียนซึ่งเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน ระหว่างโรงเรียนดรุณา ราชบุรี กับโรงเรียนที่เมืองเพิร์ธและเมืองร็อคกิงแฮม ตะวันตก ประเทศออสเตรเลีย รูปแม่พระนั้นก็มีลักษณะเหมือนดังพระรูปทั่วๆไปที่พบในประเทศไทย ​

    เมื่อวันสมโภชนักบุญยอแซฟ 19 มีนาคม 2002 พระรูปก็ได้เริ่มร้องไห้ และเริ่มร้องไห้อีกครั้งเมื่อวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์จนถึงวันสมโภชปัสกา และเริ่มร้องไห้อีกครั้งหนึ่งเมื่อวันสมโภชพระจิตเจ้า ในวันที่ 14 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันเตรียมสมโภชพระนางมารีย์รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ ได้มีกลิ่นหอมของดอกกุหลาบตลบอบอวนทั่วไปหมด ไม่มีใครสามารถอธิบายปรากฎการณ์เหล่านี้ได้ แม้แต่นักวิทยาศาสตร์จาก มหาวิทยาลัยซึ่งได้นำพระรูปไปตรวจสอบและวิเคราะห์โดยใช้วิธีทางเคมี และการทดสอบด้วยเสียง (Ultra Sound) ​

    แพทตี้ได้นำพระรูปไปให้คุณพ่อเจ้าอาวาสของเธอ คุณพ่อวาลช์ (Walsh) ได้นำพระรูปไปไว้ในวัดให้บรรดาสัตบุรุษในวันเสาร์และอาทิตย์ สตรีนิกายแองกลิกันได้ใช้แว่นขยายเพื่อดูพระรูป และก็ได้สรุปว่าเป็นความมหัศจรรย์ซึ่งพระรูปนี้ร้องไห้จริงๆ น้ำตาของพระแม่ใสในตอนแรก แต่เมื่อน้ำตาเหล่านั้นไหลลงตามพระรูปก็ได้เปลี่ยนเป็นน้ำมันหอมสีเหลือง น้ำมันเหล่านี้ได้ใช้เจิมคนป่วยและอวยพร มีผู้คนเป็นจำนวนมากได้ถวายเงินให้ แต่แพทตี้กล่าวว่า เงินทั้งหมดที่ได้รับนั้น เธอจะนำไปให้กับซิสเตอร์โจน (Sr.Joan) คณะแม่พระถวายองค์ฯ (PBVM) ซึ่งทำงานกับบรรดาเด็กๆและสตรีที่ชุมชนคลองเตย กรุงเทพฯ​

    ทุกวันนี้ ผู้คนที่รู้เรื่องยังคงไปเคารพและสวดภาวนาที่พระรูปนี้เป็นจำนวนมาก และคนเหล่านี้ส่วนใหญ่ก็ได้กลับใจหลังจากที่ได้ทิ้งวัดมานานหลายปี พระศาสนจักรในออสเตรเลียได้ระมัดระวังมากกับเรื่องนี้ แต่ก็มิได้ปฏิเสธว่าอาจจะเป็นอัศจรรย์ก็ได้ ​

    [​IMG]

    แม่พระร้องไห้เป็นเลือด ที่ตรินิแดด

    รูปภาพเหล่านี้ ถ่ายจากรูปปั้นอันเดียวกัน ต่างวันกัน เป็นรูปแม่พระเมืองลู๊ดส์ ตั้งอยู่ในคอนแวนต์คอร์ปุสคริสติของคณะชีมืด ในเมืองดิเอโก ประเทศตรินิแดด วันที่ 16 กุมพาพันธ์ 1996 เป็นครั้งแรกที่รูปปั้นร้องไห้เป็นเลือด แล้วก็ร้องไปเรื่อยๆ แต่ไม่ได้ร้องติดต่อกันทุกวัน นักวิทยาศาสตร์ได้เอาตัวอย่างเลือดไปวิเคราะห์ปรากฏว่าเป็นเลือดมนุษย์จริงๆ ​

    รูปภาพทางซ้ายมือถ่ายก่อนและรูปภาพทางขวามือถ่ายห่างกันหลายวัน ตำแหน่งที่ตั้งของพระหัตถ์และพระเศียรในรูปถ่ายทั้งสองต่างกัน สีดวงตาก็ต่างกัน ในภาพซ้ายดวงตามีสีน้ำตาล ในภาพขวาดวงตามีสีฟ้า ผู้เชี่ยวชาญได้ศึกษาสองภาพอย่างพิถีพิถัน และลงความเห็นว่าเป็นปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ ​

    คำถามที่เราผู้อ่านน่าถามก็คือ ทำไมแม่พระจึงร้องไห้? ทำไมแม่พระไม่ร้องไห้เป็นน้ำตาแต่เป็นโลหิต?

    [​IMG]

    แม่พระร้องไห้เป็นเลือด ที่เกาหลี

    ในบ้านของหญิงชาวเกาหลีใต้ ชื่อ จูเลีย คิม รูปปั้นแม่พระได้ร้องไห้น้ำตาไหลออกมาเป็นโลหิตเพราะมนุษยโลกได้ทำแท้ง และจูเลียได้รับเลือกจากสวรรค์ ให้สวดภาวนา ทำพลีกรรมใช้โทษบาปแทนคนที่ฆ่าเด็กในครรภ์ เธอมีรอยแผลบนฝ่ามือทั้งสองข้างเหมือนของพระเยซูคริสตเจ้า ​


    [​IMG]

    ในภาพกลาง จูเลีย คิม ได้มอบรูปปั้นคล้ายรูปแม่พระร้องไห้ แก่พระคาร์ดินัลซิน ตอนที่เธอได้รับเชิญไปเยือนประเทศฟีลิปปินส์ ​


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • kolbeDay6.jpg
      kolbeDay6.jpg
      ขนาดไฟล์:
      52.4 KB
      เปิดดู:
      3,018
    • marycry.jpg
      marycry.jpg
      ขนาดไฟล์:
      32.4 KB
      เปิดดู:
      2,248
    • a001.jpg
      a001.jpg
      ขนาดไฟล์:
      26.7 KB
      เปิดดู:
      2,231
    • a002.jpg
      a002.jpg
      ขนาดไฟล์:
      33.1 KB
      เปิดดู:
      1,775
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ตุลาคม 2007
  2. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    <table id="table2" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="990"><tbody><tr><td valign="top" width="7">
    </td> <td valign="top" width="983"> เอ็นจีโอตปท.เตือนโลกร้อน ส่งผลให้กทม.เสี่ยงจมน้ำ

    สถาบันเวิลด์วอทช์ เตือนเมืองชายฝั่งทั่วโลก อาทิ นิวยอร์ก ลอสแองเจลิส เซี่ยงไฮ้ โตเกียว รวมถึงกทม. ระวังอันตรายจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นจากภาวะโลกร้อน ระบุจีนเสี่ยงภัยธรรมชาติมากที่สุด

    เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สถาบันเวิลด์วอทช์ ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไร ซึ่งศึกษาวิจัยด้านสภาพแวดล้อมทั่วโลกระบุว่า เมืองที่มีที่ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งทะเลทั่วโลกกำลังเผชิญกับอันตรายจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น
    และหายนภัยอื่นๆ ที่เกิดจากภาวะโลกร้อน ซึ่งในจำนวนเมืองที่มีความเสี่ยงภัยนี้
    มีกรุงเทพมหานคร (กทม.) รวมอยู่ด้วย

    สถาบันเวิลด์วอทช์ ระบุว่า จากผลการศึกษาหลายชิ้นที่จัดทำโดยสหประชาชาติ (ยูเอ็น)
    และหน่วยงานอื่นๆ พบว่า จาก 33 เมืองที่คาดว่าจะมีประชากรอยู่อาศัยมากกว่า 8 ล้านคน
    ภายในปี 2558 มีอย่างน้อย 21 เมืองที่ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งและมีความเสี่ยงสูง อาทิ
    กรุงธากาของบังกลาเทศ กรุงบูเอโนสไอเรสของอาร์เจนตินา นครริโอเดอจาเนโรของบราซิล
    กรุงเซี่ยงไฮ้และนครเทียนสินของจีน กรุงไคโรของอียิปต์ นครมุมไบและกัลกัตตาในอินเดีย
    กรุงจาการ์ตาของอินโดนีเซีย กรุงโตเกียวและนครโอซาก้าของญี่ปุ่น กรุงลากอสของไนจีเรีย
    นครการาจีในปากีสถาน นครนิวยอร์กและลอสแองเจลิสในสหรัฐอเมริกา และ กทม.

    ผู้เชี่ยวชาญหลายรายของยุโรปและสหรัฐฯ ระบุเพิ่มเติมอีกว่า มีประชากรโลกประมาณ 643 ล้านคน
    ที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งที่มีพื้นที่ต่ำ ซึ่งเสี่ยงต่อภัยธรรมชาติที่เกิดจากภาวะโลกร้อน โดยสถานที่
    ที่อันตรายที่สุดจากมากไปหาน้อย คือชายฝั่งในประเทศจีน อินเดีย บังกลาเทศ เวียดนาม อินโดนีเซีย
    ญี่ปุ่น อียิปต์ สหรัฐ ไทย และฟิลิปปินส์

    http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=8133&catid=27
    </td></tr></tbody></table>
     
  3. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** ศาสนศาสตร์ หนึ่งเดียว ****

    พระเจ้า... หมายถึง โลกุตตระ พระไตรปิฎก
    แผ่นดินพระเจ้า....หมายถึง แผ่นดินที่โลกุตตระ พระไตรปิฎกมาปรากฏ
    ...คือ แผ่นดินไทย
    ผู้ไม่พร้อม...หมายถึง ผู้ไม่เชื่อ "สัจจะ"
    .... ผู้ไม่มีการกระทำด้วย"สัจจะ" ในชีวิต
    ...ผู้ที่การกระทำขัดขวาง "สัจจะ หลักสัจจะธรรม"

    วันนี้...ท่านมี "สัจจะ" ในการทำความดีหรือยัง ????- " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  4. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** พรโปรดมวลมนุษย์ จากพระเจ้าที่ท่านศรัทธา ****

    ถึง ผู้มีอำนาจทั้งหลายทั่วโลก

    " เราขอประกาศไว้ว่า.......
    สถานที่นี้ เอาหลักธรรมของ โลกุตตระ มานำสัตว์ให้หลุดพ้น
    เพราะฉะนั้น ผู้มีอำนาจทั้งหลาย ขอให้ตั้งอยู่ในความสงบ
    อย่าได้เอาท้องฟ้านี้ เป็นสนามรบ

    ถ้าฝ่าฝืน ประเทศใดประเทศหนึ่งฝ่าฝืนโองการของ โลกุตตระ
    .......ฟ้าจะต่ำลงมา "

    วันเสาร์ที่ ๒๗ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๐
    "หนุมาน ผู้นำสาร"
    ผู้บันทึก
     
  5. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** ศตวรรษ ๑ โคลงที่ ๑๒ ****

    *** เตือนภัย คนขายชาติ ****

    Dans peu ira faulce brute fragile,
    De bas en haut eslue promptement,
    Puis un instant desloyale & labile,
    Qui de Veronne aura gouverment.

    ต่อไป จะมีเสียงวิพากวิจารณ์ กล่าวขานถึง...คนทรยศ คนขายชาติ
    คน...ที่มาจากชาวบ้านธรรมดาสามัญ
    ผันตนเองเป็นผู้สูงศักดิ์ ....ชาวบ้านนับถือเพราะดูดีมีอำนาจบารมี
    ความไม่มีสัจจะ... ไม่ซื่อสัตย์ โกง ทรยศ หักหลัง
    ทำให้เขาได้ดีอย่างรวดเร็ว....ในยุคก่อนบ้านเมืองระส่ำระส่าย
    เขาจะได้รับอำนาจปกครอง...ดินแดนตะวันออก

    ดินแดนแห่งใด ... เลือกคนไร้สัจจะขึ้นเป็นผู้นำ
    ดินแดนแห่งนั้น .... เหล่าคนไม่มีสัจจะ จะมีอำนาจคล้อยตาม
    ความทุกข์ยากและพิบัติ ... ย่อมเกิดขึ้นในแดนดินแห่งนั้น ต่อไป
    เป็นไปตาม ...หลักสัจจะธรรม
    ผลการกระทำไม่ตาย และมีผลตอบแทนย้อนกลับมา

    -
     
  6. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** ศตวรรษ ๑ โคลงที่ ๓๒ ****

    *** โอ้ชะตาฟ้าลิขิต ****

    La grand empire sera tost translate
     
  7. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** ศตวรรษ ๑ โคลงที่ ๓๖ ****

    *** ต้องจำจาก ****

    Tard le monarque se viendra repentir
    De n
     
  8. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** ศตวรรษ ๑ โคลงที่ ๓๙ ****

    *** สัจจะธรรม กรรมคนทรยศ ****

    De nuict dans lict le suspresme estrangle,
    Par trop avoir sejoune
     
  9. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** อุบัติภัย ****

    ประเทศไทย จะเกิดอุบัติภัย
    ภัย ... คือ กรรม
    อุบัติ.... คือ วันที่กรรมมาถึง กรรมปรากฏ เลี่ยงไม่ทัน
    กรรมประเทศ...เป็น ผลการกระทำเก่าๆ ของคนไทย ที่สะสมมาถึงปัจจุบัน
    กรรมปรากฏ .... เป็น ภัยจากคนไม่ดี ก่อความวุ่นวาย รุ่นแรง ทำลายล้าง
    กรรมปรากฏ... เป็น ภัยธรรมชาติยิ่งใหญ่ กวาดล้างสิ่งไม่ดีให้หมดสิ้นไป ต้องเริ่มต้นใหม่

    รอดพ้นภัยด้วย "สัจจะ"...กลับตัวกลับใจเป็นคนดี ทำสิ่งที่ทุกวัน ตลอดชีวิต
    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  10. Jubb

    Jubb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,267
    ค่าพลัง:
    +2,134
    สงครามระหว่างจีนกับใต้หวันยังไม่น่าจะเกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้นี้ เพราะ
    1. จีนจะบุกใต้หวันต้องเป็นการยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ สภาพภูมิประเทศของจีนใกล้ๆใต้หวันมีจุดระดมพลสำหรับการบุกไม่กี่จุด
    2. ถ้าหากจีนทำการบุกใต้หวันต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่อเมริกาเข้าแทรกแซงไม่ได้ เพราะถ้าอเมริกาเข้าแทรกแซงเมื่อไร มีโอกาสเป็นไปได้สูงมากที่กองกำลังของจีนบนเกาะใต้หวันจะถูกตัดขาด ซึ่งผลที่ได้คือแพ้
    3. นั่นหมายความว่าถ้าจีนต้องการจะยึดใต้หวัน จีนจะต้องมีกองทัพเรือที่แข็งแกร่งกว่านี้ แต่ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาจีนไม่มีประสบการณ์ในการรบทางเรือ
    4. ตอนนี้ปัญหาหนึ่งที่จีนต้องประสบคือปากท้องของประชาชนมากกว่า ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลจีนพยายามสร้างงานให้คนในชาติมาตลอด นอกจากนั้นปีหน้ายังมีการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ซึ่งรัฐบาลจีนทุ่มทุนไปมาก ถ้าหากเกิดสงครามจีนก็จะมีแต่เสียกับเสีย
    5. การที่ใต้หวันจะแยกตัวออกจากจีน อย่างน้อยๆ ก็ต้องได้รับการยอมรับจากต่างชาติบ้าง ซึ่งตอนนี้คาดว่าอเมริกาไม่สนับสนุนแน่นอนเพราะตอนนี้อเมริกายังต้องการเสียงสนับสนุนจากจีนอยู่
    6. การที่จีนจะรวมชาติได้ก็น่าจะต้องแสวงหายุทธวิธีอย่างอื่นมากกว่าการใช้กำลัง
    7. การกักตุนน้ำมันของจีนอาจจะดูไม่ปรกติ แต่ก็เป็นปรกติของการเตรียมความพร้อมอันเนื่องมาจากความคลุมเคลือของนโยบายของอเมริกาต่อตะวันออกกลาง
    A. อเมริกาสร้างสถานการณ์ในตะวันออกกลางเพื่อผลกำไรทางน้ำมันหรือเปล่า?
    B. อเมริกาต้องการถล่มอิหร่านจริงหรือเปล่า?
    C. หรือทั้งสองอย่าง?
    ทั้งหมดนี้ผมวิเคราะห์เองครับข้อมูลไม่ค่อยปึ๊กเท่าไหร่ แต่อยากรู้เหมือนกันว่าจะใช้ได้หรือเปล่า:boo:
     
  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    คนแห่ใช้ไบโอดีเซลเพื่อลดต้นทุนน้ำมันแพง

    [​IMG]


    กรุงเทพฯ 22 ต.ค.
     
  12. vichai2500

    vichai2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    600
    ค่าพลัง:
    +2,877
    Spirit of Ma'at: http://www.spiritofmaat.com/ "Prophecy" - Vol 3, No 6
    The Shift Is Happening Nowwith Gregg Bradenby Wynn Free

    (eek)


    Gregg
    The date 2012 is interesting because it comes up in Mayan traditions, Egyptian traditions, some of the Christian traditions, and even in the Bible Code - which is very controversial unto itself.

    My sense is this date could be any date. If we focus on a date and live our lives preparing for a change on that date, we miss life. From my perspective, if we simply live each day of our lives to its fullest, we reconcile the experiences that cross our paths each day, we reconcile the opportunity to honour life, to honour our relationships with one another.

    If we are honest, truthful, considerate, caring and compassionate, if we live this each day, we have already prepared for whatever could possibly come on 2012 or any other day, any other year, any time in our future.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ตุลาคม 2007
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เชียงดาว...เทวาลัยบรรพต

    <!-- Main -->[SIZE=-1][​IMG][/SIZE]​

    [SIZE=-1]ขุนเขารูปเกือกม้า ที่ตั้งตระหง่านอยู่ในดินแดนนพบุรีสรีนครพิงค์เชียงใหม่ ที่สูงเสียดฟ้าเพียงดาว นั้นนอกจากจะเป็นแหล่งที่อุดมด้วยพืชพรรณเฉพาะถิ่น และส่ำสัตว์หายากต่าง ๆ แล้ว ดอยแห่งนี้ ยังเป็นที่สถิตของเหล่าเทวาอารักษ์แห่งเมืองพิงค์ด้วย [/SIZE]​

    [SIZE=-1][SIZE=-1]ดอยหินปูนที่เงื้อมง้ำ ปกคลุมด้วยหมอกเหมยนั้น เป็นแหล่งศักดิ์สิทธิ์ ที่เคารพของผู้คนตลอดมา ด้วยเป็นแหล่งสถิตของ​
     
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    องค์พระเมตไตรยต้องบุรพกรรม

    [​IMG]

    สมัยหนึ่ง ที่องค์พระเมตไตรยต้องบุรพกรรม มาเกิดเป็นนางยักษ์ รูปร่างร้ายอยู่ในป่า องค์พระ โคตมะกำลังบำเพ็ญบารมีอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเอราวดี ด้วยสัพพัญญุตญาณทราบว่า นางยักษ์นี้ได้ก่อสร้างบารมี 30 ทัศมามากมาย แต่เพราะผลกรรมที่กระทำกาเมสุมิจฉาจารกับภรรยาผู้อื่น จึงมาเกิดเป็นนางยักษ์ชาตินี้ พระองค์จึงเสด็จมาโปรด นางยักษ์แลเห็นลักษณะอันประเสริฐ จิตเลื่อมใสก้มลงกราบ เมื่อองค์พระโคตมะตรัสเทศนาพระธรรม นางยักษ์ปลงใจเด็ดขาด ตัดเอาเต้านมทั้งสองถวายเป็นพุทธบูชา อานิสงส์นางยักษ์ตัดเต้านมทั้งสองมากระทำสักการบูชาพระตถาคตครั้งนั้น ส่งผลให้นางยักษ์พ้นจากอิตถีเพศ คือ ท่านจะเกิดเป็นหญิงแต่เพียงชาติเดียวเท่านั้น นางยักษ์นี้ได้สร้างพุทธวิริยบารมีมาถึง 80 อสงไขยกัป คือ ปรารถนาอยู่ในใจถึง 36 อสงไขยกัป ลั่นวาจาว่า จะเป็นพระพุทธเจ้าอีก 28 กัป ​

    และในกาลก่อน พระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งทรงพระนามว่า "มหุตชินสีห์" ได้ทรงพยากรณ์ว่า "ท่านจะเวียนว่ายตายเกิดสืบต่อไปอีก 16 อสงไขยกัป ก็จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า พระศรีอาริยเมตไตรย ในอนาคตกาล" และในท่ามกลางพระพุทธศาสนาของพระพุทธโคดม ท่านจะมาช่วยสืบอายุพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองไปจนตลอด 5,000 ปี ​

    กาลต่อมา ในชาติหนึ่งที่พระเมตไตรยมาเกิดเป็นมนุษย์ชาวไร่ กระทำไร่เลี้ยงชีวิตอยู่ริมภูเขา ตักกคีรี ซึ่งเป็นภูเขาเดียวกับที่ฝูงลิงถ่ายอุจจาระใส่ผ้าอาบของพระพุทธเจ้านั้นเอง ขณะที่เมตไตรยกระทาชายวิ่งไล่ขับฝูงลิงที่ลงมากินแตงโมในไร่นั้น ก็เลยวิ่งเลยถลำ ไปเหยียบเอาพระฉาย คือ เงาของพระพุทธเจ้าโดยไม่ทันสังเกต เมื่อเหลียวมาพบพระโคตมะ จิตเลื่อมใสศรัทธา จึงนำเอาแตงโมมาถวาย 7 ลูก แต่มีลูกหนึ่งที่รอยหนูกัดเป็นโพรง กุศลผลทานครั้งนั้น จะส่งท่านมาเกิดเป็นพระยาจักรพัตราธิราชอันประเสริฐ ในท่ามกลางศาสนาของพระตถาคต และจะช่วยสังคายนา ชำระสะสางพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองสืบต่อไป ศาสนาของพระพุทธโคดมจะปกแผ่ไปทั่วทั้งเมืองคนขาว เมืองคนเทา ปกแผ่ไปทั่วโลก ส่วนวิบากกรรมที่ท่านได้เหยียบเงาพระตถาคตนั้น เมื่อท่านได้มาเกิดเป็นมนุษย์จะมีรูปร่างหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ บนศรีษะก็จะมีรอยแผลเป็น ดุจดังรอยหนูเจาะแตงโม แต่ในภายหลัง ท่านจะมีผิวพรรณวรรณะ สวยสดงดงามดั่งเทพบนสวรรค์ เพราะได้บริโภคของทิพย์ ของพระอิศวรเทพเจ้า ​

    ตามบุรพกรรมสัญญาที่มาระหว่างองค์พุทธที่ 4 และองค์พุทธที่ 5 ทำให้องค์พระเมตไตรยโพธิสัตว์ จะต้องมาช่วยสืบอายุพุทธศาสนาของพระพุทธโคดม จวบจนครบพุทธกาลดั่งนี้แล และในระหว่างกาลแห่งการรักษาศาสนจักร อาณาจักรแห่งองค์พุทธที่ 4 จะอยู่ในนามว่า "ภายใต้รังสีพระศรีอาริยเมตไตรย" เพราะอำนาจสิทธิแห่งวงศ์ศาสนจักรยังเป็นขององค์พุทธที่ 4 แต่เพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น​

    อดีตกรรม

    เอกัง สะมะยัง ในสมัยหนึ่งพระพุทธโคดมได้เสด็จเลียบมาถึงแม่น้ำสายหนึ่ง ในแคว้นสุวัณณภูมิ ซึ่งไหลผ่าน ภูเขาตักกคีรี พระองค์ลงสรงน้ำเรียบร้อยแล้ว ก็เอาผ้าอาบตากไว้บนฝั่งแม่น้ำ จึงเสด็จขึ้นประทับอยู่บนภูเขาลูกนั้น มีลิงแม่ลูกอ่อนฝูงหนึ่งอุ้มลูกออกจากชายป่า พลันก็ถ่ายอุจจาระของมันลงบนผ้าอาบของพระองค์ ซ้ำเอาหว่านเล่นเสียเลอะเทอะ คงเหลืออยู่ชายเดียว ณ บัดนั้นก็ได้มีนกยางปอน (นกยางขาว) ตัวหนึ่งบินมาจับลงที่ศรีษะของแม่ลิงตัวหนึ่ง แล้วก็เหลียวหน้ามองไปโดยรอบทั่วทุกทิศ ในทันใดรัศมี ซึ่งเป็นสีต่าง ๆ ได้พุ่งปราดออกจากพระเขี้ยวทั้งสี่ของพระพุทธเจ้า พระอานนท์ผู้อุปัฏฐาก จึงทูลถามเหตุการณ์อันประหลาดนั้น พระองค์ทรงตรัสพยากรณ์ว่า:-​

    "ดูก่อนอานนท์ ผ้าอาบของตถาคต ได้แก่ ศาสนาที่ตถาคตวางไว้ ลิงแม่ลูกอ่อนที่มาถ่ายมูลเลอะเทอะหมดถึง 3 ชายนั้น ได้แก่ กองทัพ ซึ่งจะมารบราฆ่าฟันกันตาย เหลือที่จะคณานับ ศาสนาของตถาคตจะเสื่อมทรุดไปถึง 3 ใน 4 ส่วน คงค้างอยู่แต่เพียงส่วนเดียวและนกยางขาวที่บินมาจับหัวแม่ลิงนั้น คือ พระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์ จะมาปราบอธรรม และช่วยสืบอายุศาสนาของตถาคต เริ่มตั้งแต่ 2,500 ปีขึ้นไป จนครบ 5,000 ปี"

    "พระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์กับตถาคต ได้สร้างกรรมไว้ในอดีตชาติ" พระองค์ทรงเล่าให้พระอานนท์ฟังต่อไปว่า​

    "อันชาติหนึ่งสองเราสหายสนิท
    ช่วยกันคิดเอาบัวมาอธิษฐาน
    เพื่อเสี่ยงทายบารมีพุทธกาล
    ให้บัวบานบอกแจ้งเป็นผู้ใด"

    ในชาตินั้นเราทั้งสองจึงเอาดอกบัวมาคนละดอก เข้าไปอธิษฐานในพระวิหารว่า ถ้าใครจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าก่อน ก็ขอให้ดอกบัวของผู้นั้นบานก่อน​

    ครั้นวันรุ่งขึ้นพระตถาคตได้เข้าไปดูดอกบัวนั้น แต่ยังไม่ทันสว่างแจ้ง เห็นดอกบัวของพระศรีบานก่อน ด้วยความที่อยากเป็นพระพุทธเจ้าก่อนพระศรี จึงลักเปลี่ยนดอกบัวของพระศรีมาไว้ที่พระตถาคต สับเปลี่ยนกันเสีย​

    "บัวของน้องบานแล้วนะพี่จ๋า
    สัมพุทธาน้องย่อมได้ไปก่อนแน่
    แต่ไฉนบัวในมือเดี๋ยวหุบเดี๋ยวก็แบ
    พุทธยังไม่เที่ยงพุทธยังไม่แท้น่าอายจริง"​

    ฝ่ายพระศรีนั้นเขาฌานแก่ รู้ว่ามีการสับเปลี่ยนบัว จึงทำนายว่า "โอ! สหายท่านจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าก่อนเราจริง แต่ทว่าฝูงมนุษย์ยุุคนั้นจะเป็นคนขี้ลักขี้ล่าย และใช้เงินดำ เงินแดง เงินกระดาษกัน อย่างพร่ำเพรื่อ มนุษย์จะไม่ซื่อสัตว์ต่อกัน จะทุจริต คิดมิชอบนานาประการ พระสงฆ์องค์เณรพุทธบริษัทในศาสนานั้น จะหาความเที่ยงแท้แน่นอนไม่ได้ เดี๋ยวบวช เดี๋ยวสึก เดี๋ยวหุบ เดี๋ยวแบดังบัวดอกนี้" ​

    เพราะกรรมที่พระพุทธโคดมได้สับเปลี่ยนบัว ถึงแม้ว่าพระองค์และเหล่าพระอรหันตสาวกจะเข้าพระนิพพานไปแล้วก็ตาม แต่กรรมนั้นยังติดอยู่ในศาสนาของพระองค์ ตราบเท่าทุกวันนี้ ที่เหลือไว้แต่สมมติสงฆ์ในศาสนาของพระองค์ จึงรู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง ศาสนาสามส่วนก็ถูกพราหมณ์ ยักษ์ และมารเอาไปครอง เหลือจริงเพียงส่วนเดียวเท่านั้น ข้อวัตรปฏิบัติจึงถูกปนเป็น จนแยกแยะไม่ออก ผู้คนเกิดมาสมัยหลัง จึงไม่เข้าใจทางปฏิบัติที่ถูกมรรค ถูกผล ถูกนิพพานในฝ่ายสัมมาทิฏฐิแต่ส่วนเดียว นั้นคืออะไร ​

    พระพุทธโคดมทรงเล่าอดีตกรรมจบลง พร้อมพยากรณ์เหตุการณ์สืบไปอีกว่า

    "เมื่อพระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์จะมาช่วยสืบอายุพุทธศาสนาในพุทธกาลของพระตถาคตนั้น จะมีสรรพวัตถุทั้งหลายบังเกิดขึ้นแก่โลก อย่างแปลกประหลาดเหลือจะคณานับ ทั้งเสื้อผ้าอาภรณ์นานาชนิด ก็จะไม่ได้ปั่นและทอด้วยมือ เหมือนในศาสนาของตถาคตจะมีแต่ผ้าเนื้อบริสุทธิ์ ฝูงมนุษย์จะไม่ติเตียนว่า เป็นขี้หูขี้ตาเขาเท่าจะวัดวา (วัดหลาและเมตร) ก็จะมีในยามนั้น แม่หญิงจะนุ่งซิ่นเสื้อลายเหมือนหนังแย้ จะนุ่งเสื้อผ้าแขนกุดขาก้อม หญิงชายจะนุ่งผ้าเป็นอย่างเดียวกัน จะว่าชายก็บ่จริง จะว่าหญิงก็บ่แม่น แม่หญิงจะหวีผมปกหน้า จะใส่ต่างหูยาวง้ำหน้า พ่อชายจะใส่หมวกหุ้มหน้า สิ่งที่ไม่รู้จะได้รู้ สิ่งที่ไม่พบเห็นก็จะได้เห็น พร้อมด้วยบุรพนิมิตอันชั่วร้ายต่าง ๆ ก็จะบังเกิดขึ้นแก่โลกมากมายยิ่งนักดังนี้ ​

    1. ราชภัย ท้าวพระยาจะบังคับเบียดเบียนพลเมือง
    2. โจรภัย จะบังเกิดโจรผู้ร้ายปล้นสะดมทั่วไป
    3. อัคคีภัย ไฟจะไหม้บ้านเมืองไม่ขาดสาย
    4. อสุนีบาต ฟ้าจะผ่าสัตว์และคนล้มตายบ่อย ๆ
    5. เมทนีภัย แผ่นดินจะไหวสะท้านและแยกออกจากกัน
    6. วาตภัย จะเกิดลมพายุพัดพาบ้านเมืองพินาศ
    7. อุทกภัย น้ำท่วมบ้านเรือนและเรือกสวนไร่นา
    8. ทุพภิกขภัย จะเกิดข้าวยากหมากแพงและอดอาหาร
    9. พยาธิภัย จะเกิดโรคระบาดคนและสัตว์ล้มตาย
    10. สัตถภัย จะรบราฆ่าฟันกันล้มตายร้ายแรง​

    ในขั้นสุดท้าย แผ่นดินจะไหวเดือนละหลายครั้ง จะมีสุริยคราสและจันทรคราสบ่อยครั้ง จะเห็นผีพุ่งไต้บ่อยๆ ดาวหางและแสงประหลาดจะบังเกิดให้เห็นไม่ขาดระยะ จะได้ยินเสียงดังในอากาศคล้ายระเบิดและปืนใหญ่ แร้งกาจะบินลงเกาะบ้านเมืองอย่างผิดธรรมดา ฝูงมนุษย์จะเดือดร้อนและขวักไขว่กันไปมา จะบังเกิดสงครามฆ่าฟันกันตายเหมือนใบไม้ร่วงไปทุกหนทุกแห่ง ครั้นแล้วถึงกาลที่องค์พระเมตไตรยโพธิสัตว์จะปรากฏเป็นที่พึ่งแก่โลกตามบุรพกรรมสัญญา​


    แหล่งที่มา : www.palungjit.org โดย brushed
    http://palungjit.org/showthread.php?p=771033#post771033
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1136441388.jpg
      1136441388.jpg
      ขนาดไฟล์:
      45.6 KB
      เปิดดู:
      1,443
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 ตุลาคม 2007
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    สงครามพลังจิต
    (อภิญญาขาว VS อภิญญาดำ)

    [​IMG]

    พระฤาษี<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_768460", true); </SCRIPT> สมาชิก

    อยากเรียนถามบุคคลในกลุ่มพลังจิตครับ
    ว่าใครที่รู้ตัวเองแล้วว่า ลงมาทำงานเพื่อต่ออายุ
    พระพุทธศาสนา ให้ครบ ๕๐๐๐ ปี บ้างครับ
    อยากคุยด้วย เพราะเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแล้ว
    ว่าประเทศไทยจะไปหรือจะอยู่
    ผมถือกุญแจ ห้าดอก สำหรับไขระหัสผ่านที่ฝังไว้ในความรู้สึก


    เท่าที่ผมทราบมา...
    อีกไม่นาน...ออกพรรษานี้<O:p</O:p
    พวกเรากลุ่มหนึ่งจะมีฤทธิ์ทางใจ
    เป็นนักฆ่าทางวิญญาณ
    (ฆ่าคนได้โดยไม่ต้องติดคุก)
    <O:p</O:p
    แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าจะเอาฤทธิ์ไปทำลายใคร
    ตรงนี้อันตรายมาก...
    เท่าที่ผมรู้มาตอนนี้ข้างบนกำลังวุ่นวาย
    ข้อมูลในบัญชีถูกแก้ไข...สับเปลี่ยน...<O:p</O:p
    ไม่รู้ใครเป็นคนดีคนชั่ว...ตอนนี้สับสนไปหมด

    เพราะไม่รู้ว่าหลวงปู่ทวดตกลงกับพยามารไว้ว่าอย่างไร...
    <O:p</O:p
    เท่าที่รู้มาถึงตอนนี้เป็นเกมส์สำคัญมาก
    ประเทศไทยจะแก้กรรมได้หรือไม่ได้ก็ขึ้นอยู่กับ
    พวกเราที่มีฤทธิ์ทางใจ
    เพราะเขาเล่นแก้กรรมที่หนักที่สุดคือไฟบรรลัยกัน
    มูลเหตุของไฟบรรลัยกัน อยู่ที่บุคคล อกตัญญู ต่อผู้มีพระคุณ
    ต่อศาสนา ต่อธาตขันธ์ตัวเอง ต่อ ดิน น้ำ ลม ไฟโลก<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    พวกที่มีฤทธิ์ทางใจ(ส่วนมากเป็นโพธิสัตว์)
    จะตามฆ่าพวกอกตัญญูต่อศาสนาต่อแผ่นดินต่อโลก<O:p</O:p
    ตรงนี้แหละครับอันตรายมาก...
    พวกโพธิสัตว์ทั้งหมดจะยังไม่บรรลุธรรม
    จะมีเชื้อเกิดอยู่ที่ใจของตัว
    ทำให้ญาณตัวเองไม่บริสุทธิ์
    <O:p</O:p
    จะไม่รู้ว่าใครคือคนกตัญญู ใครคืออกตัญญู
    (ตอนนี้มันสลับไปหมด)
    ผมเขียนมาเพื่อที่จะขอร้องว่า
    พอจบพรรษานี้ พวกเราจะมีฤทธิ์ทางใจกัน
    อยากให้ตั้งหลักดีๆนะครับ
    ถ้าฆ่าผิดตัวนี้...ฉิบหายกันทั้งโลกเลยนะครับ

    ย้ำนะครับ...
    พวกเราไม่รู้ว่า...พยามารตกลงกับพระศรีอริยเมตไตร...ไว้อย่างไร...
    ขอให้ใจเย็น..ๆๆ <O:p</O:pอย่าอวดฤทธิ์กันนะครับ...อันตราย....<O:p</O:p

    <!-- / message --><!-- edit note -->เท่าที่ผมทำงานมาประมาณ ๔ ปี
    ทำให้ผมทราบรายละเอียดมากพอสมควร
    <O:p</O:p
    กรรมของประเทศไทยนั้นสามารถแก้ไขไปได้แล้วทีละอย่างๆ
    ถ้าว่ากันตามกรรมของประเทศไทยมันก็จะเป็นไปตามทำนายต่างๆนั้นแหละ
    <O:p</O:p
    แต่กรรมของประเทศไทยสามารถแก้ไขได้
    ที่ผ่านมาแก้ไขกรรมได้เป็นอย่างๆ มันเริ่มจากจุดเล็กๆ<O:p</O:p
    โดยการแก้กรรมที่เล็กๆก่อน ทำกันในป่าเขาชายแดนจังหวัดพัทลุง
    <O:p</O:p
    ตามปกติวิบากกรรมทั้งฝ่ายดี และฝ่ายชั่วให้ผลพร้อมกัน
    แต่เราทำโดยการให้วิบากกรรมดีมีผลมากกว่าวิบากกรรมชั่ว
    อาศัยกรรมดีที่ทำปัจจุบันนี้แหละเป็นตัวหนุน.
    <O:p</O:p
    ว่าสามารถละลายวิบากกรรมชั่วได้หรือไม่
    เขาทดลองกันในศูนย์แห่งหนึ่ง ในป่าเขาจังหวัดพัทลุง<O:p</O:p
    เมื่อ ๔ ปีที่แล้ว เมื่อทำได้.
    <O:p</O:p
    ทำให้วิบากกรรมประเทศไทยเริ่มเปลี่ยนไป
    โดยใช้วิธีทำกรรมดี เช่นมีความกตัญญูต่อพระพุทธเจ้า
    กตัญญูต่อพ่อแม่ มาเป็นตัวหนุนให้
    <O:p</O:p
    ส่วนการใช้ฤทธิ์ ในการแก้ปัญหานั้น ขอให้เป็นวิธีสุดท้ายนะครับ
    เท่าที่ผมรู้มา ตอนนี้ทุกฝ่าย ทุกกลุ่ม กำลังเตรียมพร้อมใช้ฤทธิ์กัน
    ถ้าลงมือกันเมื่อไร ก็จะเข้าทางพญามารที่เขาวางแผนไว้
    ให้พวกเราตีกัน
    <O:p</O:p
    พวกเราไม่รู้ว่า...พยามารตกลงกับพระศรีอริยเมตไตร...ไว้อย่างไร...

    ตอนปี ๔๕ นั้นมีนิมิตมาบอกหลายเรื่อง
    เกี่ยวกับพระศาสนาและประเทศไทย

    จากนั้น จิตผมค่อยๆประติดประต่อ
    เรื่องต่างๆเข้าด้วยกัน
    ใช้เวลาประมาณ ๔ ปี ทำให้เริ่มเข้าใจงาน
    ที่ลงมาทำ เห็นโครงสร้างทั้งหมด
    ตอนนี้วิบากกรรมของประเทศไทยเปลี่ยนทิศทาง
    ไปในทางที่ดีขึ้น...

    อย่าดูแคลนที่ครูบาอาจารย์ทำนายไว้นะครับ
    วิบากกรรมมันเปลียนทิศทางเพราะมีกรรมดีตัวใหม่
    มารองรับสภาวะกรรมเดิมเท่านั้น

    เพราะมีหลายบุคคลเสียลสะตัวเอง มีความกตัญญูต่อพระศาสนา
    ต่อแผ่นดินเกิด ไม่อยากให้วิบัติเกิดขึ้น อยากให้ศาสนา
    พุทธอยู่คู่กับประเทศไทย

    ตอนนี้ยังมีเวลาพอ ขอเรียนตามตรง
    ผมอยากให้พวกพุทธภูมศึกษาเกมส์ที่ลงมาทำให้เข้าใจ
    เพราะพวกเราจะเปิดยุคสาม...

    แยกคนดีกับคนชั่วออกจากกัน
    ปัญหามันอยู่ที่ว่า มีบางอย่างถูกช่อนเร้นไว้
    บัญชีที่ใช้ในสวรรค์ถูกแก้ไข...

    มีข้อมูลจริงบ้างไม่จริงบ้างปะบนกันอยู่ในบัญชี
    พวกเราจะเปิดยุคสามโดยใช้ฤทธิ์
    มันอันตรายมากครับ...

    ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

    kananun<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_770916", true); </SCRIPT> สมาชิก

    เรื่องการถือกุญแจในการไขปริศนา เปิดจิตของกันเป็นอีกกลไกหนึ่ง ในการป้องกันการผิดพลาดในการทำงานครับ

    เรื่องการใช้ฤทธิ์ในทางที่ผิดนั้น ขึ้นอยู่กับว่า ผู้ใช้ฤทธิ์ เป็นมิจฉาทิษฐิ หรือว่าเป็นสัมมาทิษฐิ

    ทำ สร้างบารมีด้วยเมตตา หรือทำเพื่อตนเอง เราเองทุกท่านต้องต้องสู้กับตนเองเป็นสำคัญครับ

    ทำเพื่อส่วนรวม ทำเพื่อชาติ ทำเพื่อพระพุทธศาสนา และทำเพื่อค้ำชูสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสำคัญครับ


    ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

    <!-- / message --><!-- sig --><!-- / message --><!-- / message -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ตุลาคม 2007
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ผู้โดยสารชาวญี่ปุ่นนับพันต้องติดอยู่ในรถไฟฟ้าใต้ดินหลังเกิดไฟฟ้าดับ

    [​IMG]
    ภาพประกอบจากทางอินเตอร์เน็ต

    ผู้โดยสารชาวญี่ปุ่นนับพันคนติดอยู่ในรถไฟใต้ดินกลางกรุงโตเกียวหลังไฟฟ้าดับในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน

    ผู้โดยสารกว่า 1,500 คน ต้องติดอยู่ภายในรถไฟใต้ดินนานเกือบ 1 ชั่วโมง และต้องอยู่ท่ามกลางความมืด เมื่อเกิดไฟฟ้าดับที่สถานีรถไฟสายโอเอโดะในกรุงโตเกียว จนทำให้รถไฟใต้ดินที่มีผู้คนใช้บริการกันอย่างเนืองแน่นต้องหยุดให้บริการ มีอย่างน้อย 13 คน เป็นลมหมดสติเพราะอากาศร้อน และเครียดท่ามกลางผู้โดยสารที่เบียดเสียดกันมากกว่าปกติถึง 2 เท่า เพราะขณะเกิดเหตุเป็นช่วงชั่วโมงเร่งด่วน ซึ่งในจำนวนนี้มีราว 10 คน มีอาการหนัก และต้องส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาล ผู้โดยสารส่วนใหญ่ออกมาจากรถไฟได้ด้วยการ ช่วยกันงัดประตูทางออกบานหนึ่ง และเดินไปตามรางรถไฟไปยังสถานีที่อยู่ใกล้ที่สุด

    [ 2007-10-23 : 15:05:00 ]

    ที่มา http://tna.mcot.net/#

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. koh55559

    koh55559 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +542
    (b-no) ด้วยความเคารพนะครับคุณเกษม..ส่วนตัวผมคิดว่าเรื่องที่คุณเกษมบอกว่าเบื้องบนกำลังสับสนว่าใครชั่วใครดีนั้นผมไม่เห็นด้วยนะผมว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ยากหรอกเพราะไม่งั้นตายไปแล้วเขาจะตัดสินเราได้ยังไงว่าเราดีหรือว่าชั่วเครื่องบันทึกนั้นก็คือจิตของคนเราเอง....ผมคิดว่าอย่างนี้มากกว่านะ
     
  18. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    มีความเป็นไปได้กรุงเทพฯ จะกลายเป็นเมืองบาดาลในปี 2558
    โดย ผู้จัดการออนไลน์ [ 22-10-2550 | 13:17 น. ]



    นางบรรณโศภิษฐ์ เมฆวิชัย รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงกรณีที่สถาบันเวิลด์วอทช์ ออกมาระบุว่า กรุงเทพมหานครเป็น 1 ใน 21 เมืองที่จะจมน้ำในปี 2558 ว่า มีความเป็นไปได้ เพราะมีการพัฒนาพื้นที่ใหม่ ทั้งการถมดิน สร้างที่อยู่อาศัยปิดทางน้ำ และการสูบน้ำบาดาลจนพื้นดินต่ำ โดยเฉพาะพื้นที่ฝั่งตะวันออก เขตลาดกระบัง วังทองหลาง และบางกะปิ ทางสำนักการระบายน้ำ จึงได้เร่งวางแนวทางแก้ไขปัญหา สร้างพื้นที่ปิดล้อมย่อย ซึ่งจะเริ่มดำเนินการภายในปีนี้ ขณะเดียวกัน ได้ยื่นเรื่องไปยังกระทรวงมหาดไทย ออกเป็นกฎกระทรวง ให้หมู่บ้านจัดสรรจัดทำพื้นที่แก้มลิงรับน้ำ

    ด้านนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า จะรวบรวมข้อมูลศึกษาวิจัยดังกล่าว ทั้งขององค์กรภายใน และระหว่างประเทศ มาประกอบการพิจารณา ในการวางแนวทางป้องกันแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในระยะยาวต่อไป
     
  19. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    <!--endclickprintexclude--><!--startclickprintexclude-->Rising seas, sinking land threaten Thai capital




    <!--endclickprintexclude--><!--startclickprintexclude--><!--endclickprintexclude-->KHUN SAMUT CHIN, Thailand (AP) -- At Bangkok's watery gates, Buddhist monks cling to a shrinking spit of land around their temple as they wage war against the relentlessly rising sea.
    <!--startclickprintexclude--><!-- PURGE: /2007/TECH/science/10/22/thailand.water.rising.ap/art.thailand.rising.waters.ap.jpg --><!-- KEEP --><!----><!--===========IMAGE============-->[​IMG]<!--===========/IMAGE===========--> <!--===========CAPTION==========-->A Thai Buddhist monk walks along a dam constructed to hold back the approaching sea.<!--===========/CAPTION=========-->


    [​IMG]


    <!-- /PURGE: /2007/TECH/science/10/22/thailand.water.rising.ap/art.thailand.rising.waters.ap.jpg --><!--endclickprintexclude-->During the monsoons at high tide, waves hurdle the breakwater of concrete pillars and the inner rock wall around the temple on a promontory in the Gulf of Thailand. Jutting above the water line just ahead are remnants of a village that has already slipped beneath the sea.
    Experts say these waters, aided by sinking land, threaten to submerge Thailand's sprawling capital of more than 10 million people within this century. Bangkok is one of 13 of the world's largest 20 cities at risk of being swamped as sea levels rise in coming decades, according to warnings at the recent Intergovernmental Panel on Climate Change held here.
    "This is what the future will look like in many places around the world," says Lisa Schipper, an American researcher on global warming, while visiting the temple. "Here is a living study in environmental change."
    <!--startclickprintexclude--><!-- KEEP -->[​IMG]
    Planet in Peril
    [​IMG]
    Anderson Cooper, Animal Planet's Jeff Corwin & Dr. Sanjay Gupta explore the Earth's environmental issues in a CNN worldwide investigation.
    October 23-24 at 9 p.m. ET on CNN
    [​IMG]

    see full schedule »


    [​IMG]


    <!--endclickprintexclude-->The loss of Bangkok would destroy the country's economic engine and a major hub for regional tourism.
    "If the heart of Thailand is under water everything will stop," says Smith Dharmasaroja, chair of the government's Committee of National Disaster Warning Administration. "We don't have time to move our capital in the next 15-20 years. We have to protect our heart now, and it's almost too late."
    The arithmetic gives Bangkok little cause for optimism.
    The still expanding megapolis rests about 3 ½ to 5 feet above the nearby gulf, although some areas already lie below sea level. The gulf's waters have been rising by about a tenth of an inch a year, about the same as the world average, says Anond Snidvongs, a leading scientist in the field.
    But the city, built on clay rather than bedrock, has also been sinking at a far faster pace of up to 4 inches annually as its teeming population and factories pump some 2.5 million cubic tons of cheaply priced water, legally and illegally, out of its aquifers. This compacts the layers of clay and causes the land to sink.
    Everyone -- the government, scientists and environmental groups _ agrees Bangkok is headed for trouble, but there is some debate about when. Anond, who heads the Southeast Asia START Regional Center, believes total submersion may not be imminent, but Smith disagrees.
    "You notice that every highway, road and building which has no foundation pilings is sinking," says Smith. "We feel that with the ground sinking and the sea water rising, Bangkok will be under sea water in the next 15 to 20 years -- permanently."
    Once known as the "Venice of the East," Bangkok was founded 225 years ago on a swampy floodplain along the Chao Phraya River. But beginning in the 1950s, on the advice of international development agencies, most of the canals were filled in to make roads and combat malaria. This fractured the natural drainage system that had helped control Bangkok's annual monsoon season flooding.
    "It's the only city in the world where a car has collided with a boat," says Smith, recalling a deluge where residents commuted by rickety boats down roads flanked by high-rises.
    As head of Thailand's meteorological department in 1998, Smith warned with little success that the country's southwest coast could face a deadly tsunami. He was proven right.
    He urges that work start now on a dike system of more than 60 miles -- protective walls about 16 feet high, punctured by water gates and with roads on top, not unlike the dikes long used in low-lying Netherlands to ward off the sea. The dikes would run on both banks of the Chao Phraya River and then fork to the right and left at the mouth of the river.
    Anond, an oceanographer who studied at the University of Hawaii, says other options must also be explored, including water diversion channels, more upcountry dams and the "monkey cheeks" idea of King Bhumibol Adulyadej. The king, among the first to alert Bangkokians about the yearly flooding, has suggested diverting off-flow from the surges into reservoirs, the "cheeks," for later release into the gulf.
    "There is no one single solution to respond to climate change," says Anond, whose team is putting forward recommendations based on several scenarios. "We have to start doing something about this right now."
    As authorities ponder, communities like Khun Samut Chin, 12 miles from downtown Bangkok, are taking action.
    The five monks at the temple and surrounding villagers are building the barriers from locally collected donations and planting mangrove trees to halt shoreline erosion.
    The odds are against them. About half a mile of shoreline has already been lost over the past three decades, in large part due to the destruction of once vast mangrove forests. The abbot, Somnuk Attipanyo, says about a third of the village's original population was forced to move.
    The top of a broken concrete water storage tank protrudes from the muddy sea, which swirls around rows of electricity pylons and telephone polls now stuck offshore.
    The monastery grounds are less than a tenth of their original size, and the waterlogged temple is regularly lashed by waves that have forced the monks to raise its original floor by more than three feet. Among a group of villagers attending morning prayers at the temple, 45-year-old shrimp farmer Rakiet Phinlaphak looks toward the watery horizon from the promontory and says, "I have seen the sea rising higher since I was a child."<!--startclickprintexclude--> E-mail to a friend [​IMG]<!--endclickprintexclude-->

    http://edition.cnn.com/2007/TECH/science/10/22/thailand.water.rising.ap/index.html
     
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ฟังไว้เป็นข้อมูลอันหนึ่งครับ อย่าพึ่งด่วนสรุปว่าจริงหรือไม่จริง ข้อมูลที่ผมนำมาโพสต์นี้เป็นข้อมูลของ พระฤาษี<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_768460", true); </SCRIPT> ซึ่งตอนนี้ท่านอยู่ในสมณเพศพระภิกษุ เป็นความรู้ภายในของผู้ปฎิบัติธรรม ซึ่งโดยปกติจะไม่นำมาเผยแพร่ให้คนภายนอกได้รับรู้ แต่คงเพราะใกล้ถึงเวลาเกิดภัยพิบัติแล้วจริงๆ จึงได้นำมาเปิดเผย

    เรื่องของเทวดานั้นก็มีทั้งฝ่ายที่เป็นสัมมาทิษฐิ และฝ่ายที่เป็นมิจฉาทิษฐิครับ ฝ่ายที่เป็นมิจฉาทิษฐินั้นที่ขึ้นไปเป็นเทวดาได้ ก็เพราะเคยบำเพ็ญฌานภาวนาแบบฤาษีชีไพร แบบโยคี จนได้ฌานเพราะผลบุญนี้จึงขึ้นไปเป็นเทวดาได้ แต่ไม่รู้บาปบุญคุณโทษ ไม่เคารพในพระพุทธเจ้า เป็นเทวดาอันธพาลคอยกลั่นแกล้งผู้กระทำความดี หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเทวดาอสูร (ที่เคยรบกับพระอินทร์นั่นแหละครับ)

    เรื่องกฏแห่งกรรมที่ความดีความชั่ว จะถูกบันทึกใว้ในจิตของแต่ละคนนั่นก็ถูกต้องแล้วครับ และการทำความดีและความชั่วของแต่ละคน จะไปปรากฎอยู่ในบัญชีของพระยายมราชด้วย เมื่อคนเราตายแล้วถ้ายังมีบุญและบาปก้ำกึ่งกันก็ต้องไปให้พระยายมราชท่านตัดสินก่อนว่า จะให้ไปสวรรค์ หรือไปนรก จึงต้องถือว่าบัญชีบุญบาป ในสำนักพระยายมราชเป็นสิ่งที่ไม่มีใครจะไปแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ครับ

    ส่วนบัญชีบุญและบาป ที่คนเรากระทำให้มนุษย์โลก ที่ท้าวมหาราชทั้ง 4 จะต้องนำไปเสนอให้พระอินทร์รับทราบทุกวันพระขึ้น 15 ค่ำนั้น ผมไม่แน่ใจว่าจะเป็นบัญชีเดียวกันกับที่ พระฤาษี<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_768460", true); </SCRIPT> กล่าวถึงหรือเปล่า แต่เรารับฟังเอาไว้ก็ไม่เสียหายอะไร เพราะเรื่องราวบนสวรรค์นั้น ก็มีทั้งเทวดาฝ่ายพระและเทวดาฝ่ายมาร ดังที่กล่าวมาแล้วครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...