บันทึกกรรมของฉัน

สเตมศึกษา คืออะไร ?
STEM = ?

สเตมศึกษา (อังกฤษ: Science Technology Engineering and Mathematics Education: STEM Education) คือ แนวทางการจัดการศึกษาที่บูรณาการวิทยาศาสตร์ วิศวกรรม เทคโนโลยี และคณิตศาสตร์ โดยเน้นการนำความรู้ไปใช้แก้ปัญหาในชีวิตจริง รวมทั้งการพัฒนากระบวนการหรือผลผลิตใหม่ ที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิต และการทำงาน

ดังนั้น สเตมศึกษาจึงไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นการต่อยอดหลักสูตรโดยบูรณาการการเรียนรู้วิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์ เทคโนโลยีและกระบวนการทางวิศวกรรมศาสตร์ เพื่อนำไปใช้แก้ปัญหาในชีวิตจริง และการประกอบอาชีพในอนาคต

ที่มา วิกิพีเดีย

 

วันนี้มีเต้าหู้ทอดจิ้มน้ำซอสค่ะ
ตื่นมาแต่เช้าเพื่อปรุงอาหารถวายพระค่ะ
สังเกตไหมคะ อาหารที่ฉันปรุงจะเป็นเพียงผักและเต้าหู้เท่านั้น นั่นเพราะเป็นอาหารที่ราคาไม่สูงและฉันสามารถซื้อหามาได้ค่ะ แต่เมื่อนำมาปรุงเป็นเมนูต่างๆแล้ว ดูน่าทานนะคะ เพื่อนๆลองเอาไปเลียนแบบดูนะคะ จะประหยัดไปได้เยอะเลยค่ะ

 

อร่อยพอพอกับ Amazon

โอวัลตินรุ่นนี้ อร่อยพอพอกับโกโก้ของ Amazon เลยค่ะ แต่ราคาถูกกว่าซองละเกือบ 5 บาทค่ะ

 

Toffy Cake…

วันนี้ฉันเบื่อๆ เลยไปซื้อ Toffy cake มาทานเล่น ก่อนออกกำลังกายค่ะ เวลาฉันซึมเศร้า ฉันจะทานเค้กค่ะเพื่อนๆ ฉันไม่สนใจรูปร่างของฉัน ฉันสนใจสุขภาพกายและจิตค่ะ เพราะฉันอายุมากแล้ว ตอนสาวๆ ฉันไม่ได้ทานเค้กเลย อดอาหารจนผอมเหลือแต่ซี่โครง หากไม่ทานตอนนี้ ตอนแก่ๆป่วย ทานไม่ได้อีก ฉันแย่แน่ๆเลยค่ะ



พ่อค้าเค้กที่มีรอยสักสุดเท่ห์เห็นฉันเป็นเจ้าประจำไปแล้วค่ะ แต่เขาผอมและหุ่นดี เขามือเบาหยิบเค้กไม่เละด้วยค่ะเพื่อนๆ อิ อิ

 

เนื้อคู่ เสมอกันด้วย 4 สิ่ง…

คือ ศีล ศรัทธา จาคะ และปัญญา เสมอกัน

ความเป็นเนื้อคู่กันนั้นเป็นผลจากการที่มีธรรมะเสมอกันแต่ปางก่อน เช่น มีศีล ศรัทธา จาคะ และปัญญา เสมอกันหรือสอดคล้องกัน มาถึงชาตินี้ก็ยังมีคุณสมบัติดังกล่าวสอดคล้องกัน นั่นหมายความว่า จะเป็นเนื้อคู่กันหรือไม่ ให้ดูที่นิสัยใจคอหรือธรรมที่บำเพ็ญ ไม่ใช่ที่หน้าตา

จาคะ คือ อะไร ?

จาคะคือ การสละสิ่งของและความสุขส่วนตัวเพื่อประโยชน์สุขแก่ผู้อื่น และหมายรวมถึงการสละละทิ้งกิเลส ละความโลภ ความเห็นแก่ตัว ความตระหนี่ ความใจแคบ และการเลิกละนิสัย ตลอดถึงความประพฤติที่ไม่ดี ที่ทำให้เกิดความเสียหาย ก่อความบาดหมางทะเลาะเบาะแว้ง เป็นต้นด้วย

ขอบคุณ วิกิพีเดีย และพระอาจารย์ไพศาล วิสาโล

 

มื้อเย็นวันนี้…

มีถั่วขาวและออมเลทค่ะ
ถั่วขาวในซอสมะเขือเทศยี่ห้อ Ayam นี้ราคากระป๋องละ 43 บาท อยู่ในงบประมาณประจำวันพอดีเลยค่ะ ราคาไม่แพงแต่อร่อยมากนะคะ เทใส่จานอุ่นเข้าไมโครเวฟสักหน่อย อร่อยเหาะเลยค่ะ ทานคู่กับขนมปังกรอบยิ่งอร่อยค่ะเพื่อนๆ

 

สเปรย์ตรางู…

หลังทานเค้ก ถึงเวลาผึ่งพุง ให้ฉีดสเปรย์ตรางูที่ท้อง แล้วเป่าพัดลม จะรู้สึกสบายเหมือนขึ้นสวรรค์ชั้น 7 เลยล่ะค่ะ

ไม่ค่อยมีคนรู้จักผลิตภัณฑ์ตรางูตัวนี้หรอกค่ะ มันเป็นน้ำมันสเปรย์ที่ใช้พ่นบริเวณที่ต้องการความเย็นสบายค่ะ

ลองหามาใช้สักขวดสิคะ

 

วัยทอง…ผมร่วงหนัก

ลงทุนหาผลิตภัณฑ์แก้ผมร่วงจนมาเจอตัวนี้ คิดว่าน่าจะได้ผลดี หมอไม่แนะนำให้ใช้ยาแบบรับประทานเพราะอาจส่งผลกับยาประจำตัว เลยใช้ได้แค่ครีมหมักผมค่ะ หากใช้ดีจะมารีวิวต่อนะคะ กลิ่นหอมมะพร้าวดีค่ะ

 

วันนี้ทานง่ายๆ มีเต้าหู้ทอดและถั่วขาวค่ะ เน้นโปรตีนค่ะ

 

อ้า…ได้เวลา
ฉีดสเปรย์ ตรางู
แล้วเป่าพัดลมค่ะ…

 

คุณไวต่อ ภาพ หรือ เสียง ?

ทดลองตัวเองดูนะคะว่า เวลาทำสมาธินั้น เกิดสมาธิง่ายด้วยภาพหรือเสียง เช่น หากเพ่งพระพุทธรูปแล้วเกิดสมาธิ แสดงว่า เราไวต่อภาพ แต่หากฟังเสียงคนพากย์บอกให้เราทำตามดังที่เราเรียกว่าการนั่งสมาธิแบบถูกสะกดจิต แสดงว่า เราไวต่อเสียง

การสังเกตตัวเองว่าไวต่อภาพหรือเสียงนั้นสำคัญมาก เพราะจะได้สามารถเลือกวิธีปฏิบัติสมาธิที่เหมาะกับตนเองได้และก้าวหน้าในการปฏิบัตินะคะ

คนที่ไวต่อภาพเรียกว่า พวก Visio ส่วนคนที่ไวต่อเสียงจะเรียกว่าพวก Audio ค่ะ

 

กล้วยหอมทอดราดน้ำผึ้ง…

ทอดกล้วยในกระทะเทฟลอนนะคะ ให้หอมไหม้นิดๆ แล้วราดด้วยน้ำผึ้งค่ะ

 

กรรมแม้กระทั่งฟัน 1 ซี่…

สมัยตอนฉันเรียนจุฬาปี 3 ฉันมีอาจารย์มาจีบ เขาจบเอกจากมหาลัยโตเกียวด้วยทุนมาบูโช แต่เขาเสียอย่างเดียวคือมีกลิ่นปากที่เหม็นมาก ฉันเลยพาเขาไปหาหมอฟัน เพื่อแก้ปัญหา

หมอฟันบอกให้เขาถอนฟัน 1 ซี่ เพื่อป้องกันการเป็นรำมะนาด เขาก็เชื่อฉัน แล้วถอนฟัน พอกลับบ้านไป น้องสาวของเขาโกรธฉันมาก ที่ให้เขาไปถอนฟันออก

มาตอนนี้ เราไม่ได้คบกันแล้ว แต่ฉันกลับมีปัญหาเรื่องฟัน 1 ซี่ มันสึกแล้วไม่สามารถทำอะไรมันได้ เคี้ยวอาหารก็ไม่ได้ เพราะเสียวฟัน จะถอนออกก็ไม่ได้ เพราะรูปกรามจะเสียไป ฉันต้องทานอาหารนิ่มๆ เช่น เต้าหู้ หรือ เค้ก อ่ะค่ะ อิ อิ

นี่คือผลกรรมแค่เรื่องฟัน 1 ซี่นะคะ แรงกรรมมีจริงค่ะเพื่อนๆ มันไม่เคยปราณีใครเลยค่ะ

 

บริจาคผ่าน Ummatee Thailand แล้วนั่งสมาธิได้นาทีละ 10 บาท
บันทึกไว้ ณ วันที่ 12 มีนาคม 68
1737 h

บริจาคสงฆ์อาพาธ นั่งสมาธิได้นาทีละ 10 บาทเช่นกันแต่มีอาการปวดท้อง
บันทึกไว้ ณ วันที่ 12 มีนาคม 68
1837 h

แสดงว่า การบริจาคต่างศาสนาไม่ส่งผลต่อการปฏิบัติธรรม นับว่าศาสนาพุทธ ใจกว้างมากค่ะ

 

การบริจาคต่างศาสนา ไม่ส่งผลต่อบุญในศาสนาพุทธ

ฉันได้ทำการทดลองแล้ว โดยทำการบริจาคข้ามศาสนาผ่านองค์กรชื่อ Ummatee Thailand แล้วพบว่า บุญนั้นสามารถสะสมข้ามศาสนาได้ค่ะ นั่นหมายถึง แม้ว่าเราจะเป็นชาวพุทธ เราบริจาคให้ชาวมุสลิม ก็เกิดผลบุญค่ะ

นับว่าศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่ใจกว้างมากๆค่ะเพื่อนๆ เพราะสามารถสะสมบุญข้ามศาสนาได้ด้วย ฉันทราบเพราะได้ทำการทดลองในช่วงรอมฎอนด้วยตนเองเลยล่ะค่ะ

 

เก็บค่าเทวดาผู้นั่งกรรมฐานให้เรา นาทีละ 10 บาท

ในขณะที่เราไปสอนวิชารีโมทเซนซิ่งที่มหาลัยชั่วโมงละ 150 บาท หรือ นาทีละ 2.50 บาท

โก่งค่าตัวเกินไปมั้ง ?

 

เรทปัจจุบันของการนั่งสมาธิเจริญภาวนาของเหล่าเทวดาอยู่ที่นาทีละ 10 บาทนะคะ
หรือชั่วโมงละ 600 บาท ค่ะ
พอๆ กับค่าเลคเชอร์ของอาจารย์มหาวิทยาลัยของรัฐวิชาแล็ปเลยนะคะเพื่อนๆ

 

ฉันเพิ่งเข้าใจความรู้สึกของ เปรต ที่ไปเที่ยวขอส่วนบุญของคนอื่น ว่ามันเป็นอย่างไร
เพราะ บุญ แพงเหลือเกินค่ะ

 

อย่าเก็บบุญไว้กับตัว…

เมื่อทำบุญเสร็จ เช่น บริจาคเงินซื้ออุปกรณ์การแพทย์จำนวน 350 บาท เป็นต้นแล้ว ให้รีบนั่งสมาธิ เพื่อแปลงผลบุญให้อยู่ในรูปของ การแผ่เมตตาต่อพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ญาติ เทวดา เจ้ากรรมนายเวรและสรรพสัตว์ ทันที

ทั้งนี้เนื่องจาก เทวดาที่มาร่วมนั่งสมาธิด้วยกันนั้น มีค่าตัวที่แพงขึ้นเรื่อยๆ อัตราการนั่งสมาธิของเหล่าเทวดาประจำตัวนั้นปัจจุบันอยู่ที่นาทีละ 10 บาท หรือชั่วโมงละ 600 บาท นั่นหมายถึง บริจาคค่าอุปกรณ์การแพทย์ไป 350 บาทนั้น จะสามารถนั่งสมาธิได้เพียง 35 นาทีเท่านั้นค่ะ

และแนวโน้มในอนาคตนั้น ค่าตัวของเหล่าเทวดาประจำตัวก็จะสูงเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ เกินนาทีละ 10 บาท ฉะนั้น ต้องรีบแปลงผลบุญที่ทำทั้งหมดให้อยู่ในรูปของการแผ่เมตตานะคะ เพราะค่าตัวเทวดาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆค่ะ

ปล เพื่อนๆ ไม่สามารถนั่งสมาธิได้คนเดียวนะคะ ต้องมีเทวดาประจำตัวคอยนั่งสมาธิร่วมด้วย นั่นคือ ต้องรวมญาณกับเทวดาประจำตัวค่ะ ฉะนั้นต้องจ่ายค่าตัวให้เทวดาประจำตัวด้วยค่ะ ซึ่งเขาคิดนาทีละ 10 บาทค่ะ ณ ปัจจุบัน

 

กฎการเติมบุญ…

ลองจินตนาการดูถึงอ่างน้ำที่มีรูใต้อ่าง แล้วเราเปิดก็อกน้ำเติมอ่างน้ำนี้ตลอดเวลา เราต้องทำอย่างไรก็ได้ให้มีน้ำในอ่างตลอดเวลา ฉะนั้น เราต้องบาลานซ์ปริมาณน้ำเข้าอ่างและน้ำออกจากอ่างให้ได้ นี่คือหลักการใช้บุญ

เนื่องจากเราต้องอาศัยบุญในการทำมาหากินทุกวัน เช่น ในการขายของก็ต้องอาศัยบุญ มิเช่นนั้น ขายของไม่ออก ไม่มีลูกค้าที่จะมาซื้อ ดังนั้น จะเห็นได้ว่า บุญนั้นจะร่อยหรอลงไปทุกวัน เสมือนปริมาณน้ำในอ่างที่มีรู หากเราไม่เติมบุญเข้าไป น้ำจะหมดอ่าง บุญจะหมด จะทำมาหากินไม่ขึ้นเลยค่ะ

ฉะนั้น ต้องเปิดก็อกน้ำ เติมบุญลงอ่างน้ำตลอดเวลา เพื่อให้ปริมาณบุญไม่ร่อยหรอ นี่คือกฎของการอยู่รอดนะคะ อย่ากินบุญเก่าไปวันวัน เพราะบุญจะราคาแพงเพิ่มขึ้นทุกวันตามอัตราค่าครองชีพที่สูงขึ้นค่ะ เช่น ข้าวจานหนึ่งเมื่อก่อนถวายพระเลี้ยงเพลจานละ 20 บาท มาตอนนี้จานละ 50-60 บาทค่ะ และจะเพิ่มขึ้นไปอีกเรื่อยๆค่ะ

สุดท้าย ผู้ไม่ประมาทและเตรียมพร้อมตลอดเวลาย่อมมีชีวิตที่ผาสุกค่ะ