*** สัจจะ กับ ภัยพิบัติและการเตรียมการ ****

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย หนุมาน ผู้นำสาร, 2 พฤษภาคม 2009.

  1. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** ค้นหาเรื่อง...ใบบัวบนหัว แอบใต้ใบบัว ****

    - ส่วนหนึ่งจาก
    บุพกรรมของกัณหา-ชาลี...(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)

    [​IMG]

    พระเวสสันดร ตรัสเรียกลูกกัณหาชาลีขึ้นจากสระ
    เพื่อนำไปให้ทานแก่ชูชก

    [COLOR=#0800]บุพกรรมของกัณหา-ชาลี[/COLOR]
    [COLOR=#040ff]โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) [/COLOR]

    ท่านสาธุชนทั้งหลาย วันนี้ขอพบกับบรรดาท่านพุทธบริษัทในเรื่องของกรรมเก่า
    ที่ตามภาษาบาลีท่านเรียกว่าบุพกรรม คือ [COLOR=#ff00]กรรมของกัณหา-ชาลี


    ในเรื่องนี้ปรากฎว่า บรรดาประชาชนในสมัยปัจจุบัน
    พากันโจมตีองค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่เนือง ๆ
    ความจริงการโจมตีพระพุทธเจ้านี้ไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับบรรดาผู้พูด
    เพราะเรื่องราวต่าง ๆ มันผ่านพ้นไปนานแล้ว
    แต่เห็นทางมีอยู่ทางเดียว คือจะประณามองค์สมเด็จพระประทีปแก้ว
    บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เสื่อมทราม
    แต่ทว่า การจะทำอย่างไรก็ตาม
    พระพุทธเจ้าจะเสื่อมทรามหรือเสียหายไม่ได้

    ทั้งนี้เพราะว่าองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า
    ทรงเข้าสู่พระปรินิพพานไปแล้ว
    เราจะนั่งนินทาว่าร้ายพระพุทธเจ้าสักเพียงใดก็ตาม
    ความชั่วมันก็ตกอยู่กับตัวของบุคคลผู้พูดแต่ฝ่ายเดียว
    ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่า
    นินฺทา ปสํสา คำว่า นินทาและสรรเสริญ
    เป็นความชั่วของบุคคลที่เกิดมา
    ผลที่เขาจะพึงได้รับในปัจจุบันนั่นคือ ความเสียหาย
    เขาเสียหายกันตรงไหน บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย จะพูดให้ฟัง
    คือเสียหายเพราะเสียเวลาประกอบกิจการงานของเขา
    ถ้าเขาจะเอาเวลาที่เขามานั่งนินทาพระพุทธเจ้า
    ไปประกอบการงานให้เป็นประโยชน์
    เขาก็จะมีประโยน์ มีทุนทรัพย์ขึ้นมามาก

    สมมุติว่า เขานั่งนินทาวันละ 1 นาที ถ้า 10 วัน ก็ 10 นาที
    100 วัน 100 นาที ปีหนึ่ง 365 วัน สิ้นเวลาการงานไป 365 นาที
    ถ้าลองคิดว่า เวลา 365 นาทีนี้ ถ้
    าเขาจะถอนหญ้าหน้าบ้านเขานาทีละ 1 ต้น
    หญ้าที่มันรกอยู่มันก็จะเตียนไป 365 ต้น
    เห็นไหม บรรดาท่านพุทธศาสนิกชน ท่านผู้ถูกนินทาไม่มีความเสียหาย
    แต่ว่าบุคคลที่นินทาเท่านั้นมีแต่ความเสียหาย
    เมื่อการนินทาไม่ได้อะไร แล้วก็เสียหายผลประโยชน์ของตน

    ต่อแต่นี้ไป เรามาพูดถึงอุปนิสัย
    คือ จริยาขององค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า
    ที่พระองค์ทรงให้ทานกัณหาและชาลี
    นี่เป็นประเพณีของ บุคคลที่จะเป็นพระพุทธเจ้าทุกท่าน
    เพราะมีกฎเกณฑ์บังคับว่า ท่านที่จะเป็นพระพุทธเจ้าได้ต้องเสียสละใหญ่
    [/COLOR]คือ เสียของที่รักที่สุดของตัว นั่นก็คือ บุตรธิดาและภรรยา เป็นต้น ....

    ....เรามาพูดถึงเรื่องกัณหาและชาลี
    เมื่อพระราชบิดามอบหมายตนเองให้เป็นสิทธิของตาชูชก
    เมื่อตาชูชกแกได้กัณหาและชาลีเป็นสิทธิแล้ว
    ตาแก่ผู้ใจแกล้วแทนที่จะปลอบโยนกัณหาและชาลีเป็นการเอาอกเอาใจ
    กลับมีความคิดเสียใหม่ว่า เด็กทั้งสองคนนี้เป็นลูกของกษัตริย์
    ถ้าเราจะเอาใจเธอทั้งสองคน พ่อหน้ามนก็จะทะนงตัว
    เมื่อไปอยู่กับเราก็จะถือตนว่าเป็นลูกกษัตริย์ จะเป็นนายของเราเข้าไป
    จึงตั้งอารมณ์เสียใหม่ว่า เราต้องข่มขู่เสียตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
    ฉะนั้น ตาชูชกจึงได้นำเถาวัลย์มาผูกมือทั้งสองของกุมารากุมารีแล้ว
    ก็เฆี่ยนตี ฉุดกระชาก ใช้อำนาจให้เด็กทั้งสองกลัว

    นี่แหละ บรรดาท่านพุทธบริษัท ตอนนี้เองที่บรรดาท่านทั้งหลาย
    หลายท่านด้วยกันโจมตีองค์สมเด็จพระทรงธรรมบรมศาสดาว่า
    เป็นคนเห็นแก่ตัว สร้างความชั่วให้แก่บุคคลอื่นเพื่อความดีของตน
    ความจริงถ้าเขารู้จักองค์สมเด็จพระทศพลเขาก็คงไม่พูดแบบนั้น
    แต่ว่าเราจะเอาขนมอะไรไปป้อนให้ควายกินเล่า
    บรรดาท่านพุทธบริษัท ควายที่จะมาชอบทองหยิบฝอยทองนั้นมันไม่มี
    หรือว่าจะหาขนมเค้กอย่างดี ขนมอะไรก็ตามมาป้อนให้กิน ควายมันก็ไม่ชอบ
    เพราะควายมันชอบกินหญ้า ข้อนี้มีอุปมาฉันใด คนที่โง่แกมหยิ่งมันก็เหมือนกัน
    บรรดาท่านพุทธบริษัท ชอบคิดแต่สิ่งที่ชั่วร้าย
    ส่วนที่เป็นความดีที่เป็นเหตุแห่งความสบายใจเขาไม่ชอบคิดกัน

    ทีนี้ก็จะกล่วถึงบุพกรรมของกัณหาและชาลี
    เรื่องนี้เคยมีพระถามพระพุทธเจ้าในกาลที่เล่าเรื่องเรียบร้อยแล้ว
    บรรดาพระสงฆ์จึงได้กราบทูลองค์สมเด็จพระประทีปแก้วว่า
    กัณหาและชาลี ทั้งสองศรีนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นขัตติยราช เป็นบุตรกษัตริย์
    เป็นคนมีจริยาดี แสดงความเคารพนบนอบ อ่อนโยนกับตาชูชกด้วยดี
    แต่ว่าเมื่อองค์สมเด็จพระชินสีห์พระราชทานแล้ว ทำไมตาชูชกจึงได้ทำอย่างนั้น

    องค์สมเด็จพระภควันต์จึงได้ทรงมีพระพุทธฎีกาตรัสว่า
    ภิกขเว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
    เหตุที่จะเกิดขึ้นเช่นนั้นก็เพราะอาศัยกรรมเก่าของกัณหาและชาลี
    เดิมทีกัณหาและชาลีเป็นลูกของชาวบ้าน คือ ชาวนาธรรมดา
    ตาชูชกตัวแก่เฒ่าชราคนนี้แกเป็นควายแก่
    เมื่อต้นข้าวขึ้นมาใหม่ ๆ บิดาและมารดาให้สองศรีนี้ไปเฝ้าต้นข้าว
    เพื่อกันควายไม่ให้เข้ามากิน พอเด็กสองคนนี้เผลอเมื่อไร
    เจ้าควายแก่ก็ย่องเข้ามากินเมื่อนั้น
    บิดาและมารดาก็ดุว่าเด็กทั้งสองนี้บ้าง เฆี่ยนตีบ้าง หาว่าละเลยหน้าที่
    เมื่อจะไล่จะปาสักเท่าไรก็ตามที เจ้าควายแก่ตัวนี้มันไปไม่ไกล
    ทำทีเหมือนว่าหันหน้าหนีไปแล้ว กินหญ้าอยู่
    พอโฉมตรูทั้งสองกุมารเผลอเมื่อไร มันก็ย่องเข้ามากินต้นข้าวอ่อนเมื่อนั้น
    เป็นเหตุให้สองกุมารมีความโกรธ จึงได้พากันจับควายเฒ่าตัวนั้นไปผูกไว้กับต้นไม้
    คือเอาเชือกผูกที่ตะพายแล้วก็ผูกติดกับต้นไม้
    สองคนพี่น้อยช่วยกันหาไม้เรียวหนามมาตีควายแก่ตัวนี้เสียจนหนำใจ
    เรียกว่าจนพอใจ แล้วจึงปล่อยควายแก่นี้ไป

    องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า
    เพราะกรรมในอดีตที่กัณหาและชาลีตีควายแก่
    กรรมนั้นมันมาสนองเธอทั้งสอง
    เจ้าควายแก่ตัวนั้นมันมาเกิดเป็นชูชก
    ทีนี้เมื่อมอบหมายให้ชูชกแล้ว กรรมเก่ามันเข้าสนองใจ
    ทำให้ชูชกเห็นผิด คิดในใจว่า
    เราต้องปราบปรามให้เด็กพวกนี้เข็ดเสียก่อน กลัวเรา
    ไม่เช่นนั้นแล้ว ไปอยู่กับเราก็จะทำตัวเป็นนาย
    เพราะจะถือตัวว่าเป็นลูกเจ้าใหญ่นายโต....


    [​IMG]
    พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)

    คัดลอกจาก...หนังสือธรรมสัญจร เล่ม 4
    http://kaskaew.com/index.asp?contentID= ... d=&catid=3

    บุพกรรมของกัณหา-ชาลี...(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) - ธรรมะกับชีวิต - มอนอ ดอทคอม : รวมทุกอย่างบนโลกออนไ

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กรกฎาคม 2009
  2. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** เด็กน้อยใต้ใบบัว ****

    ลูกได้ช่วยพ่อ รักษาสัจจาที่พ่อได้ให้ไว้

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  3. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** ค้นหาชาติไทย กับ ประวัติพุทธศาสนา ****

    [​IMG]

    เมื่อวันวิสาขบูชา ปี ๒๕๔๙ ดิฉันได้มีโอกาสพบกับสุภาพสตรีท่านหนึ่งโดยบังเอิญ ขณะกำลังจะเดินทางไปพุทธมณฑล
    ก็ได้มีโอกาสพูดคุยกัน เธอเล่าว่าเธอกำลังทำเรื่อง "จารึกกเบื้องจาน"
    เพื่อสนองงานสืบต่อจากอดีตท่านเจ้าคุณพระราชกวี (อ่ำ ธมมทัตโต) แห่งวัดโสมนัสราชวรวิหาร
    ซึ่งท่านได้ถึงแก่มรณภาพไปแล้วเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๕
    แต่เดิมครอบครัวคือสามี ลูกๆและญาติพี่น้องก็ไม่ค่อยจะเห็นด้วยสักเท่าไหร่
    เพราะเป็นงานที่ยากลำบาก ใช้ทรัพย์ส่วนตัวมากมาย และก็อยากจะให้เธอหยุดหรือเลิกทำเรื่องนี้เสีย
    แต่เธอก็ยังคงกระทำงานนี้อยู่ ในขณะนั้นดิฉันก็ไม่รู้เรื่องของเธอมากนัก
    ก็ได้แต่แนะนำว่า น่าจะตอบทางครอบครัวและลูกๆว่า "งานนี้เป็นงานที่ยากก็จริง แต่แม่ก็ถนัดและยินดีที่จะทำเพื่อถวายเป็นพุทธบุชาและทำความจริงให้กระจ่างในเรื่องของ "การจารึกกเบื้องจาน" แต่ถ้าวันหนึ่งที่แม่หมดลม ถึงอยากจะทำเท่าใดก็ไม่สามารถกระทำได้หรอก ขณะนี้ยังมีลมหายใจอยู่ก็ไม่อยากจะหายใจทิ้งไปเสียเปล่าๆ..."
    ซึ่งเธอก็ตอบว่า เป็นคำแนะนำที่ดี... เธอคือ คุณ ว. กเบื้องจาน
    นับถึงปีนี้เป็นเวลาถึง ๑๗ ปีแล้วที่เธออยู่กับ "กเบื้องจาน"
    ลูกๆของเธอคือลูกสาว ๒ คน และลูกชาย ๒ คน ลูกชายสองคนจบปริญญาตรีเกียรตินิยมทั้ง คู่ ลูกชายคนสุดท้ายปีหน้าก็จะเป็นนักบินของการบินไทยแล้วค่ะ ....
    ก่อนอื่นของเรียนให้ทุกท่านทราบว่า วันนี้ (๑๐/๐๓/๒๕๕๒)
    เป็นวันที่มีการเททองหล่อพระรูปของ "ต้นสงฆ์ไทย เอหิภิกขุ ปุณณเถระ อรหันต์สุวัณณภูมิ " ณ.วัดเพชรพลี (ชื่อเดิมคือวันพริบพรี - วัดพริบพลี)จ. เพชรบุรี
    ก็กำลังทำเรื่องอยู่จะขอกลับมาใช้ชื่อ "วัดพริบพรี" เพราะเป็นชื่อที่มีปรากฎอยู่ในกเบื้องจาน
    เมื่อวันที่ ๖-๗ เม.ย.ศกนี้ ดิฉันได้มีโอกาสไปที่วัดเพชรพลี จ.เพชรบุรีกับคุณ ว. กเบื้องจาน
    ก็ได้พูดคุยกับเจ้าของร้านขายก๋วยเดี๋ยวแบบชาวบ้านแห่งหนึ่ง ซึ่งอายุน่าจะประมาณ ๕๒ ปี และได้พูดถึงวัดเพฃรพรี
    เธอบอกว่าวัดไหน รู้แต่วัดพริบพรี ชาวบ้านแถวๆนั้นเขาก็คุ้นเคยกับชื่อ "วัดพริบพรี"
    ซึ่ง ชื่อเพชรพลีนี้เพิ่งมาเปลี่ยนเมื่อ ๒๐ กว่าปีมานี้เอง ...
    เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวบอกว่า ถ้ามาขอเสียงให้เปลี่ยนกลับเป็นชื่อเดิม มาขอเสียงได้ที่นี่นะ...
    ขอเรียนให้ท่านทราบว่า การสร้าง "เอหิภิกขุ พระปุณณเถระ อรหันต์สุวัณณภูมิ"รูปนี้
    สร้างจำนวนไม่มากนัก ขนาดหน้าตัก ๕ นิ้วเพียง ๒๒๗ องค์เท่านั้น นอกนั้นจะเป็นพระเครื่องประมาณ ๔,๐๐๐ องค์
    จำนวนพระบูชา ๒๒๗ องค์นี้มีความหมายคือ ๑. ศีลของพระสงฆ์ ๒๒๗ ข้อ และ ๒. ครบรอบตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ ๒๒๗ ปี เมื่อวันที่ ๖ เม.ย. ๒๕๕๒

    "พุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ ราชบุรีวัตถุกถา ตำนานเมืองขุนไทย" พิมพ์ครั้งที่ ๘
    "ไทยวิทยา.๑ สุวัณณภูมิ" ประเด็นสาธารณ กเบื้องจาน หลักฐาน-แผ่นดินนี้ แผ่นดินเกิด
    ได้เปิดเผยชื่อ สุวัณณภูมิ แดนพระพุทธศาสนา และชื่อไทย กับ สิ่งมี ของไทยทั้งได้นำมา เป็นของไทยตามเดิม..

    ไทยค่อยๆฟื้นตัวคืนเป็นไทย
    ไทยจึง..สถิตอยู่กับไทยตลอดมา
    ชาติไทยดลคนไทยได้เป็นศักดิ์
    ศาสน์ประจักษ์แก่ทวยไทยใสสดศรี
    กษัตริย์ไทยได้เป็นสินวิญญาณมี
    ไทยเป็นที่เด่นชัดสัจจริงไทย
    ไทยเป็นไทยใจรู้ร่วมรวมเฉลิม
    ไทยจึงเจิมอิสระซร้องฉลองใหญ่
    ไทยชูไทยใจปลื้มโปรดสมโภชไชย
    ไทยสูงใหญ่ชัดเจนยืนครึกครื้นเทอญ
    พระราชกวี (อ่ำ ธมฺมทัตโต)

    ดิฉันได้ขออาสาที่จะรื้อฟื้นเรื่องราวของพระอริยสงฆ์
    ผู้ซึ่งสามารถอ่านตัวลายสือไทยในกเบื้องจารได้
    ท่านเคยเป็นพระเถระที่เป็นกำลังสำคัญรูปหนึ่งของวัดโสมนัสราชวรวิหาร
    ท่านเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส เป็นพระอุปัชชาย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์
    เป็นครูสอนปริยัติธรรม เป็นอาจารย์ใหญ่สำนักเรียนวัดโสมนัสราชวรวิหาร เป็นเจ้าคณะ เป็นอาจารย์ของพระภิกษุส่วนมากในวัดโสมนัส และรับภาระในพระศาสนาไม่ดูดาย
    ท่านเป็นนักค้นคว้า นักการศึกษา นักภาษาศาสตร์ นักกวี
    (มีบทกวีและโคลงกลอนมากมายที่เก็บไว้) นักประพันธ์ นักปฎิบัติกรรมฐานและนักโหราศาสตร์
    เป็นคนทำอะไรรวดเร็ว พูดจาตรงไปตรงมาและมีความอดทนยิ่ง...
    เพราะดิฉันเป็นคนที่อาศัยอยู่ใกล้วัดโสมนัสฯ เรียนชั้นประถมก็ที่โรงเรียนวัดโสมนัส
    เดินผ่านวัดไปตลาดหรือพ่อและแม่ก็ทำบุญทำทานที่วัด เรียกว่า ดินและทรายติดเท้าออกจากวัดไปเป็นกระสอบๆละกระมัง
    จึงขอถือโอกาสนี้ตอบแทนบุญคุณแก่วัดบ้างเถิด

    ท่านเจ้าคุณอ่ำบวชเณรที่วัดโสมนัสฯ พ.ศ. ๒๔๗๓ บวชแล้วมิได้สึก จนมรณภาพรวมอายุ ๗๘ ปี
    โดยเป็นฆราวาสเพียง ๑๖ ปีเท่านั้น ชีวิตพรหมจรรย์ ๖๒ ปี คือเป็นพระ ๕๘ พรรษา

    ความเห็นของพระราชพรหมยานเถระหรือหลวงพ่อฤษีลิงดำ
    ท่านได้มีคำพูดถึงท่านเจ้าคุณอ่ำในหนังสือ "ธัมมวิโมกข์" ว่า
    "เจ้าคุณพระราชกวี วัดโสมนัสวิหาร องค์นั้นท่านรู้จริง ไปถามท่านดูซิ
    (เกี่ยวกับพระกาลมาบอกเวลาตาย) ท่านปรารถนาพุทธภูมิ ความจริงยังไม่เคยเจอะหน้ากันเลยนะ
    แต่มีจิตใจยอมรับนับถือกันและกัน อาตมาก็ยอมรับนับถือท่าน ต่างคนต่างฝากข่าวไป-หากัน พบกันแค่ข่าว
    ถึงกระนั้นก็ดี แต่ว่าข่าวของท่านกับข่าวของอาตมาตรงกัน ความรู้สึกตรงกัน
    ใครสงสัยอาตมาพูดว่าพระพุทธเจ้ามีจริง พระพุทธเจ้าบอกอย่างนั้น..อย่างนี้ ไปถามเจ้าคุณได้
    และก็ไปถามคนที่เขาปฎิบัติได้ ให้ได้จริงๆก็แล้วกัน ที่เขาทำทิพจักขุญาณได้ก็ดี ทำอภิญญาได้ก็ดี อันนี้เขาตอบได้แน่นอน"
    ความเห็นของหลวงพ่อฤาษีลิงดำดังกล่าว แสดงถึงการรับรองว่า
    ท่านเจ้าคุณอ่ำเป็นผู้รู้จริงปฎิบัติได้จริง ท่านยังกล่าวด้วยว่า
    "พระราชกวีอ่ำคือช้างป่าลิไลยกะสมัยพุทธกาลโน้น ในอนาคตกาลจะเป็นพระพุทธเจ้าวิริยาธิกะ องค์ที่ ๑๐ ทรงพระนามว่า พระสุมงคลสัมมาสัมพุทธเจ้า..."
    ในจารึกคำทำนายของพระอรหันต์ในกบื้องจาน
    คำกล่าวของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ตรงกับข้อความใน ลายสือไทยในกเบื้องจาน แผ่นที่๑๖๖ หน้า ๑
    ซึ่งพระปุณณเถร (ทำนาย) จารึกไว้เมื่อวันขึ้น ๑๑ ค่ำเดือนอ้าย พุทธพัสสา ๒๑ ว่า "ปุณณมุณี (ปุณณเถร) ถ้ำพุทธ (ถ้ำเขางู จ. ราชบุรีซึ่งมีจารึกว่า พระพุทธเจ้าเคยเสด็จมาประทับ)...เราเขียนเรื่องนี้คอยภิกขุอ่ำ อันอุปัชฌายะให้ชื่อว่า ธมฺมทัตฺต พุทธกล่าวว่า ตัวช้างป่าลิเลยยกมาเกิด ธมฺมทตฺต จงอ่านเขียนให้คนอ่าน (อ่านลายสือไทยจากกเบื้องจานให้คนทั่วไปได้รู้)

    หมายเหตุ
    จากหนังสือ พุทธสาสนสุวรรณภูมิปกรณ ราชบุรีวัตถุกถา ตำนานเมืองขุนไทย
    เขียนโดยพระราชกวี (อ่ำ ธมฺมทตฺโต) ไทยวิทยา ๑ สุวัณณภูมิ หน้า ๗๑
    พริบพลี (พริบพรี) เพชรบุรี สุนาปรันตชนบท -หน้า ๗๕

    ผู้คัดลอกง่วงนอนแล้วค่ะ เกรงว่าจะลอกผิดๆถูกๆ มีเรื่องราวอีกมากมาย ถ้าสมัยนี้ก็ต้องพูดว่า น่ามหัศจรรย์ เหลือเชื่อ (คนสมัยนี้ไม่รู้จักชีวิตเมื่อ ๒๕๐๐ กว่าปีที่ผ่านมาแล้ว ก็คงจะทำให้เชื่อเรื่องต่างๆที่ได้จารึกไว้บนกเบื้องจานอยากยากยิ่ง) น่าตื่นเต้น น่าตกใจและร้าวรานใจยิ่งนัก...
    ท่านเจ้าคุณอำพระอริยสงฆ์ผู้สามารถอ่านจารึกกเบื้องจานนับเป็นพันๆแผ่น
    ในยุคหนึ่งที่ท่านต้องต่อสู้เพื่อเพื่อความจริงอันถูกต้อง
    ต่อสู้กับขบวนการโกงและปลอมแปลงกเบื้องจาน
    มีการมาขอยืมแล้วก็ไม่อามาคืนท่าน หายไปก็มาก
    และมีการกล่าวหาว่า "ของจริงเป็นของปลอม โกหก หลอกลวง" ต่างๆนาๆ

    จากหนังสือพุทธสาสนสุวรรณภูมิปกรณ ราชบุรีวัตดุกถา ตำนานเมืองขุนไท
    เขียนโดยพระราชกวี (อ่ำ ธัมมทัตโต) ไทยวิทยา.๑ สุวัณณภูมิ "คำไทยแจ้ง" ตั้งแต่หน้า ๔๑๓-๔๒๐ (หน้าถัดๆไปก็น่าอ่าน)
    และ "คำท้าย พวกเราอาจถูกต้ม" หน้า ๔๗๔ -๔๗๖
    หนังสือพุทธสาสนสุวรรณภูมิปกรณฯ เล่มนี้เป็นการพิมพ์ใหม่
    ภาษาที่ใช้สามารถอ่านได้ง่าย ทราบมาว่าคงเหลืออยู่ประมาณ ๑๐๐ เล่มเท่านั้น
    ทุนละ ๗๐๐ บาทต่อเล่ม
    ติดต่อได้ที่ ทุนนิธิพระราชกวี (อ่ำ ธมฺมทัตฺโต) โทร. ๐๒ ๒๘๐๐๔๘๐
    หรือต้องการติดต่อกับคุณ ว. กเบื้องจาน โทร. ๐๘๙-๑๙๓๙๕๓๕

    อนึ่ง รูปหล่อของ พระเจ้าทัพไทยทอง ผู้ตั้งชื่อสุวัณณภูมิ และต้นผีไทยทั้งชุดรวมกัน ๑๓ รูป
    และพระพุทธรูปโบราณอื่นๆ รวมทั้ง "กเบื้องจาน" จำนวนมาก
    ก็ยังคงเก็บรักษาไว้ที่กุฎิเดิมของอดีตท่านเจ้าคุณอ่ำ
    ซึ่งกุฎินี้ทำท่าว่าจะทานน้ำหนักไม่ค่อยไหวเสียแล้วค่ะ ...
    ปกติแล้วไม่เปิดให้คนเข้าชมนะคะ เห็นใจคนที่อยากชมวัตถุโบราณ
    ก็ขอเรียนให้ทราบ ณ.วันนี้เลยค่ะ
    ท่านมีโอกาสได้ชมก็ต้องไปที่วัดโสมนัสราชวรวหาร
    วันทำบุญอุทิศ ๑๙ มกราคม "วันตามรำลึก"
    และ วันประชุมประจำปี ๒๔ ตุลาคม "วันกเบื้องจาน"

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    Secret

    ขออนุโมทนาผู้ที่ช่วยกันสานต่อค้นหาความจริงของพุทธและไทย
    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กรกฎาคม 2009
  4. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** ค้นหาเมืองทองของไทย ****

    บันทึกเรื่องราวจากหนังสือ พุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ : ราชบุรี วัตถุกถา ตำนานเมืองขุนไทย


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
    รูปปกหนังสือเก่า คราวที่พระราชกวียังทรงขันธุ์อยู่ พิมพ์ครั้งที่ 6 ราว พ.ศ.2530

    [​IMG]
    ภาพจากนิตยสารโลกทิพย์ ฉบับเดือนกรกฎาคม 2535

    ความย่อจากหนังสือฯ ----> http://k.rubbishbin.org/Faith.pdf

    อธิบายเรื่อง กเบื้องจาร ย่อๆ โดย หลวงพี่ไชยวัฒน์ วัดท่าซุง
    (จากหนังสือ “ธัมมวิโมกข์” ฉบับเดือน มีนาคม ๒๕๔๖)

    ่เรื่องในกเบื้องจารของ หลวงพ่ออ่ำ (พระราชกวี) วัดโสมนัสวิหาร ซึ่งได้จารึกถึงการตั้งถิ่นฐานเดิม
    ของคนไทยที่เกี่ยวข้องกับประเพณีและพระพุทธศาสนา ตลอดจนถึงการคิดประดิษฐ์อักษรไทย
    มีพวกเราบางคนก็ยังไม่เชื่อเลย …แต่ก็เป็นเรื่องธรรมดาของแต่ละบุคคลที่จะพิสูจน์กันได้ จะเชื่อหรือไม่ก็ตามที
    แต่ท่านก็ได้มรณภาพไป ๑๐ ปีแล้ว คงจะทิ้งให้พวกเราได้ศึกษาวิชาประวัติศาสตร์ของชาติไทยกัน
    ซึ่งผู้เขียนมิได้มุ่งเอาเฉพาะแผ่นกเบื้องจรที่จารึกไว้เท่านั้น แต่ก็ได้ให้ความสำคัญของเรื่องราวต่างๆ ด้วย
    …ตามที่เล่าไว้ว่า คนไทยตั้งถิ่นฐานอยู่ในดินแดนแห่งนี้มานานแล้ว
    รวมทั้งพระพุทธเจ้าก็ได้เสด็จมาโปรดคนไทยถึงแหลมทองนี้

    หลักฐานอ้างอิง
    …ตามหลักฐานอ้างอิงของ หลวงพ่อพระราชกวี ก็มิใช่มีเฉพาะกเบื้องจารเท่านั้น ท่านยังมี พระพุทธรูปเก่าแก่
    ศิลาจารึก รูปปั้นขุนไทย ธรรมจักร กวางหมอบ และเทวรูปอีกมากมาย เพื่อเป็นส่วนประกอบในการศึกษาเรื่องราว
    ทั้งหลายเหล่านี้ …วัตถุโบราณที่ท่านได้รวบรวมและใช้อ้างอิงจึงมีหลายประเภท ทั้งที่ปรากฏในหนังสือต่างประเทศ
    และในประเทศ เช่น พระพุทธรูปสมัยและปางต่าง ๆ เหล่านี้ เป็นต้น ที่ขุดได้จากหลายแหล่ง และที่ยังคงอยู่ในวัดบางแห่ง
    เช่นที่ วัดพริบพลี ท่านใช้วัตถุโบราณและหลักฐานต่าง ๆ เหล่านี้ ตรวจสอบซึ่งกันและกัน (crossed checked) ตรวจสอบ
    กับจารึกในกเบื้องจารและกับเอกสารต่าง ๆ เช่น พงศาวดาร “ฉบับหลวงประเสริฐ” ประชุมพงศาวดาร และหลักศิลาจารึก
    ต่างๆ อีกด้วย

    …ท่านเจ้าคุณหรือหลวงพ่ออ่ำได้เห็นกเบื้องจารแผ่นแรกเมื่อ เดือนพฤศจิกายน ๒๕๐๖ เป็นกเบื้องหินทรายสมัยเก่า
    มีภาพพุทธประวัติปางประสูติ ซึ่งพระนางสิริมหามายาเทวีประสูตพระสิทธัตถราชกุมารแล้วพระนางประทับนั่ง ณ พระแท่น
    ซึ่งมีกวางหมอบอยู่ที่ฐาน เป็นศิลปสมัยสุวัณณภูมิ

    …ต่อมาท่านได้แผ่นที่มีแต่รอยขีดเป็นรอยสือไทยละว้า เมื่อเริ่มอ่านได้ ๕๐ กว่าแผ่น มีอยู่แผ่นหนึ่งกล่าวถึง
    วัดพริบพลีเมืองเพชรพริบพลี มีจารึกว่า พระนางสิริงามตัวเทวีสุวัณณภูมิ และน้องชายชื่อ ขอมทองเมือง
    เป็นผู้สร้างและได้สลักล้อธรรมจักรกวางหมอบไว้
    …ท่านจึงให้คนนำไปที่ วัดพริบพลี จ.เพชรบุรี เมื่อวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๐๗ ได้พบกับ
    พระครูพิศิษฐ์ศิลปาคม ท่านเจ้าอาวาสวัดพริบพลีขณะนั้นเป็นครั้งแรก เมื่อได้แลกเปลี่ยนข้อมูลกัน
    แล้ว ท่านพระครูพิศิษฐ์ได้แสดงส่วนล้อธรรมจักรที่หัก และแจ้งว่าล้อธรรมจักรและกวางหมอบ
    ที่สมบูรณ์อยู่ในพระวิหารวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ
    …เมื่อท่านเจ้าคุณอ่ำได้ทราบดังนั้น ท่านบอกว่าปลาบปลื้มใจมากที่ได้พบหลักฐาน คือ เรื่องที่อ่าน
    มีหลักฐานแน่นอน เป็นการพิสูจน์ตรงตัวว่า เรื่องที่อ่านจากกเบื้องจารมีของจริงให้เห็นด้วย
    คือล้อธรรมจักรและกวางหมอบที่สมบูรณ์นั้น ขุดพบได้ที่วัดพริบพลี แต่ถูกนำไปเก็บไว้ในวัดมหาธาตุ เป็นสิ่งที่
    ขอมทองเมือง น้องชายพระนางสิริงามตัวเทวีเป็นผู้สร้าง
    …ทั้งนี้ มีลักษณะตรงกับข้อความที่ได้จารึกไว้ในกเบื้องจาร เช่น เป็นกวางตัวเมียไม่มีเขา
    (คงเป็นสัญลักษณ์ให้รู้ว่าผู้สร้างวัดเป็นผู้หญิง) เป็นหลักฐานที่สำคัญที่พิสูจน์ได้ด้วยตาเปล่า
    ไม่ต้องใช้กรรมวิธีพิศดารทางวิทยาศาสตร์ ว่าจารึกลายสือไทยใน กเบื้องจารและแผ่นหินทราย
    เป็นบันทึกเรื่องจริง พูดถึงของจริง สามารถดูได้ เห็นได้ จับต้องได้...
    งานแห่งศรัทธา - Windows Live

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  5. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** พญานาคมีจริง แต่ยังไม่ถึงเวลาเห็น ****

    [​IMG]

    [​IMG]

    *** พร บรรจุนาค อนุโมทนานาค ****

    ศูนนะกะจะพรหมมา มันสุกัง ตุมังวะสัง ศูนนะกะจะมันชนัง ขันตุกะ ตุมัสวะสัง
    พรหมมาจะสุตัง ตุมัสผัสสะมนุสสัง สุชะนะจิตตัง ขันตุเวทะสัง บันทะบุรุษมนุสสัง สุตายะ สุขายะ
    อุปปมาโน จันตุตะโส เหทะโว สุคะตะ มันตุโต สังฆะกะโห โพธิทะโร จันตุโต โต เต ติ ฯ

    - “ หนุมาน ผู้นำสาร “
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** ค้นหาเรื่อง พญานาคราช ****

    --- บางส่วนจาก รวมธรรมบรรยายของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ----
    <TABLE id=table1 width=760><TBODY><TR><TD vAlign=top width=760>

    </TD></TR></TBODY></TABLE>​

    <CENTER><TABLE id=table1 width=760><TBODY><TR><TD vAlign=top width=200>
    [​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>

    แสงส่องใจ(2)

    ญาติโยมวัดบวรนิเวศวิหารและวัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร ในพระบรมราชูปถัมภ์ เล่าว่า
    เคยได้ประจักษ์ในอิทธิฤทธิของการปฏิบัติพระพุทธศาสนา ที่เกี่ยวกับท่านพระอาจารย์ชอบ ฐานสโม และเคยเล่าให้ฟังด้วยความปีติ โสมนัสอัศจรรย์ในพระพุทธศาสนาอย่างยิ่ง
    ขอนำมาบันทึกไว้เพื่อให้บรรดาผู้สนใจในเรื่องของอิทธิฤทธิปาฏิหาริย์ได้ซาบซึ้งในพระพุทธศาสนา ที่เป็นเพียงจุดเล็กน้อยนัก เมื่อเปรียบเทียบกับความยิ่งใหญ่แห่งพระธรรมคำทรงสอน
    ที่สมเด็จพระบรมศาสดาทรงตรัสรู้และทรงมีพระมหากรุณาแสดงนำให้มีผู้รู้ตามเสด็จ ได้พ้นทุกข์ของความเกิดแก่เจ็บตาย ได้เป็นผู้ชนะที่ไม่กลับแพ้อีกต่อไป เรื่องที่ปรากฏประจักษ์แก่ญาติโยมวัดญาณสังวรารามฯ เมื่อ 20230 ปีมาแล้ว เมื่อท่านพระอาจารย์หลวงปู่ชอบท่านยังมีชีวิตอยู่ ยังมิได้ละสังขารไป

    เช่นขณะนี้ ครั้งนั้นเกิดฝนแล้ง น้ำตามอ่างตามห้วยในบริเวณวัดญาณสังวรารามฯแห้งขอด ผู้คนเดือดร้อน ญาติโยมผู้หนึ่งนึกขึ้นได้ถึง
    เรื่องการที่หลวงปู่ท่านเคยเป็น พญานาคราช
    ที่ได้ยินผู้เล่าให้ฟัง โดยไม่เคยได้ฟังโดยตรงจากหลวงปู่ท่าน เพราะไม่เคยรู้จักท่าน เรื่องที่ได้ยินก็คือที่ใดน้ำแล้ง และหลวงปู่ได้รับอาราธนาไปโปรด พญานาคจะตามท่านไปทั้งครอบครัว ช่วยให้น้ำฟู่ฟู่ เต็มไปทุกแห่ง ช่วงที่น้ำแห้งทั่ววัดญาณฯนั้น
    หลวงปู่ท่านไปโปรดผู้คนตามคำอาธาธนาที่อเมริกา เป็นเหตุให้ลังเลกันอยู่เหมือนกัน ว่าหลวงปู่ท่านจะได้รับทราบคำขอร้องให้ท่านช่วยแก้ความเดือดร้อนเรื่องขาดน้ำหรือไม่ เพราะท่านไปอยู่ไกลถึงต่างประเทศ แต่ด้วยความเดือดร้อนจริงๆ จึงตัดสินใจขอท่าน โดยรวมกันอ่านคำขอพร้อมกัน เป็นความจริงที่เล่ากันว่า เพียงผู้เขียนคำขอหลวงปู่จรดปากกาลงกระดาษเท่านั้น ฟ้าก็ลั่นสนั่นไปแล้ว เป็นสิ่งที่เหลือเชื่ออย่างยิ่งในหมู่ผู้ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งเล่าต่อไป ว่าเมื่อเขียนคำอ้อนวอนขอน้ำหลวงปู่จบก็พร้อมกันอ่าน เพียงสั้นๆ ฝนก็กระหน่ำหนักทันที ลูกเห็บตกเกรียวกราว เป็นที่รู้เห็นกันทุกทั่วหน้า ความปีติความตื่นเต้นยินดีพ้นจะพรรณนา ไม่กี่นาทีน้ำในบริเวณวัดญาณสังวรารามฯก็เต็มทั่ว เป็นความกรุณายิ่งใหญ่หาที่เปรียบมิได้ของหลวงปู่ท่าน ทุกคนซาบซึ้งเช่นนี้ และมีผู้หนึ่งเล่าในภายหลังว่าได้ตั้งใจไปกราบขอบพระเดชพระคุณหลวงปู่ท่าน ทั้งที่ไม่เคยรู้จักท่านเลย รู้แต่ว่าขณะนั้นท่านอยู่อเมริกา ความตื่นเต้นซาบซึ้งในพระเดชพระคุณท่วมท้นจริงใจทำให้น้อมใจส่งไปสัญญากับหลวงปู่ท่าน ว่าท่านกลับจากอเมริกาเมื่อใด ท่านอยู่ที่ไหน จะไปกราบสนองความเมตตายิ่งใหญ่ของท่านให้ได้ ไม่ว่าจะไปยากลำบากเพียงไหนก็จะไป เพื่อได้กราบท่าน ได้แสดงความสำนึกในพระเดชพระคุณความมีเมตตาอย่างไม่น่าเป็นไปได้ของท่าน บรรดาผู้กราบขอรบกวนท่านนั้นไม่มีผู้ใดรู้จักท่านมาก่อนเลย เพียงได้ยินชื่อเสียงและกิตติศัพท์ความเคยเป็นพญานาคราชในอดีตของท่านเท่านั้น และเป็นยิ่งกว่าความอัศจรรย์ หลังจากเหตุการณ์ที่ฝนตกตามคำขอของญาติโยมวัดญาณฯมาแล้ว ไม่นานวันขณะที่ญาติโยมพวกนั้นกลับจากวัดญาณฯไปรวมอยู่ใน "ห้องกระจก" วัดบวรนิเวศวิหาร มีสุภาพสตรีผู้หนึ่งเปิดประตูเข้าไปยืน พร้อมกับพูดขึ้นมาลอยๆไม่เจาะจงว่าพูดกับผู้ใด เธอพูดว่า "หลวงปู่ชอบท่านให้มาบอกห้องกระจกว่าท่านมาแล้ว จะให้ท่านพักที่ไหน" สุภาพสตรีผู้นั้นพูดเช่นนี้จริงๆ ไม่มีผู้ใดเคยพบเธอมาก่อน ว่าเป็นใครมาจากไหน เธอไม่เคยเข้าไปใน "ห้องกระจก" เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นเธอ แต่เธอก็เป็นผู้นำคำบอกเล่าที่ตื่นเต้นแปลกใจที่สุดสำหรับพวกเรา ทุกคนไม่ถามอะไรทั้งสิ้น ลุกขึ้นพร้อมกันและเดินตามเธอออกประตู "ห้องกระจก" ทันที และที่หน้าห้อง ตรงทางไปสู่ศาลา 150 ปี ทุกคนก็ได้เห็นท่านพระอาจารย์ชอบ ฐานสโม นั่งหน้าสงบเฉยอยู่ในเก้าอี้เข็นที่ท่านนั่งเป็นประจำ เพราะท่านไม่เดินนานปีแล้ว เมื่อพวกญาติโยมจาก "ห้องกระจก" เห็นตื่นเต้นเข้าไปกราบท่าน ท่านก็มองเฉยๆ มิได้แสดงอะไรทั้งสิ้น เพราะท่านก็มิได้รู้จักญาติโยมเหล่านั้นสักคนเดียว การที่สุภาพสตรีผู้นั้นบอกเมื่อเข้าไปใน "ห้องกระจก" เป็นที่อัศจรรย์ใจผู้ได้รับฟังทุกคน "หลวงปู่ชอบท่านให้มาบอกห้องกระจกว่าท่านมาแล้ว จะให้ท่านพักที่ไหน" เป็นไปได้อย่างไร ราวกับว่าท่านได้รับคำบอกกล่าวจากพวกห้องกระจกว่ามุ่งมั่นจะได้กราบท่านด้วยความสำนึกในพระเดชพระคุณอย่างจริงใจที่ท่านกรุณาให้น้ำตามคำขอ ทั้งที่ขณะนั้นท่านก็อยู่ถึงอเมริกา แสดงว่าหลวงปู่ท่านได้ทราบถึงใจกตัญญูรู้คุณของผู้ที่ซาบซึ้งพระคุณของท่านที่สุด จึงได้ตั้งใจจริงว่าจะไปกราบสำนึกพระคุณของท่านที่เมตตาให้น้ำตามคำขอ และที่ท่านอุตส่าห์ไปถึงวัดบวรนิเวศวิหาร ไปถึงผู้อธิษฐานจิต ที่เพียงคิดในใจ และมิได้บอกกล่าวผู้ใดก่อนนั้นเลย ท่านมา และตรงไป "ห้องกระจก" ทั้งยังบอกให้รู้ ว่าท่านมาแล้ว ใครฟังก็เหมือนมีผู้ไปอาราธนาท่านมา ท่านจึงมา เป็นความชื่นใจของผู้ได้รับพ้นพรรณนา หลวงปู่ท่านเมตตาอะไรเพียงนั้น ไม่ทำให้ต้องลำบากไปหาท่าน ท่านสู้มาหาถึงที่ทีเดียว ไม่ให้ซาบซึ้งไม่ให้ตื่นเต้นไม่ได้แล้ว หลวงปู่ท่านต้องรู้ ต้องเห็นจิตใจของผู้สำนึกในพระเดชพระคุณท่านแน่ จึงเมตตามาอนุโมทนา
    ?š҃?鹋҃ٻ??ⴂ Google ʓ˃Ѻhttp://www.baanjomyut.com/pratripidok/sungkarad/yannasangvorn2.jpg

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  7. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** ค้นหาความหมายชนชาติ ****

    ชาติไทย ....หมายถึง อะไร
    คนไทย กับ พุทธศาสนา

    คนผู้รักสงบ แล้วใครมารุกรานดินแดนผู้รักสงบ รุกรานเพื่ออะไรแน่
    มาทำลายอะไร มาเปลี่ยนอะไร เพื่อสร้างอะไรให้ใหม่
    ทุกครั้งที่บ้านเมืองกรุงแตก วัฒนธรรมเก่าจะถูกเผาทำลายให้สูญสิ้น
    เรื่องราวเขียนใหม่จะเข้ามาแทนที่ พอหลายชั่วอายุคน
    ลูกหลานก็ไม่รู้จักชนชาติตนเอง เป็นใคร มาจากไหนกันแน่

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  8. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** บารมีตน ****

    ไปนิพพาน ง่ายกว่าสานต่อศาสนาที่หักกลาง

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  9. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** สวนมะม่วง ****

    มะม่วงกาซอ (ผลไม้โรทันตี)
    มะม่วงกาซอ (มะม่วงลอกคราบ)
    ถึงเวลาทุกข์ยาก ก็กิน มะม่วงกวน กันไปก่อน
    ตัวมะม่วงกวน มีอายุยืนยาวมาก ไม่ต้องใส่สารกันบูด

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  10. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** หน้าที่เพื่อศาสนศาสตร์คู่โลก ****

    การเกิดมาเพื่อทำหน้าที่ทางศาสนา ตามสัจจา
    พระเยซู กลับมาเกิดใหม่ในศาสนาพุทธเป็นคนไทย
    เพื่อนพระเยซู เกิดมารองรับหลักโลกุตตระธรรมในไทย
    เกิดมาเพื่อสานต่อ ศาสนาที่หักกลาง
    ศาสนาคริสตร์ เมื่อถึงเวลาจะสิ้นสุดลง
    พระเจ้าในศาสนารอง คือ โลกุตตระในศาสนาหลัก
    คนที่ทุกศาสนารอคอย คือ คนเดียวกัน
    จะมาทำหน้าที่ แต่งเติมพุทธศาสนาของพระโคดมให้สมบูรณ์
    ผู้หนึ่งจะปกครองโลก เหมือนเป็น ในหลวงของโลก
    สัจจะ เป็นสิ่งสำคัญ ใครไม่เชื่อสัจจะ โลกก็ไม่ปล่อยไว้
    ขอให้เชื่อ สัจจะมีผลตอบแทน

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  11. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** เข้ายุคใหม่ ****

    คำพยากรณ์ในศาสนาคริสตร์ มีแล้ว
    อยู่ที่ว่า จะนำมาเปิดเผยให้มนุษย์โลกได้รู้หรือไม่
    โลกกำลังเข้ายุคใหม่ ศาสนศาสตร์จะรวมเป็นหนึ่งเดียว
    ตัวกระทำความชั่วทั้งหมด กำลังรวมตัวเพื่อส่งผลเป็นกรรมสัตว์โลก
    ตัวกระทำจากสัจจะ สัจจาที่ทำได้จริง จะส่งผลให้รอดพ้นกรรม
    เรื่องหลุดพ้นทุกข์ เป็นเรื่องของการตัดลดนิสัยสันดานตนเอง
    สัจจาว่าตัดนิสัยหนึ่ง แล้วทำได้จริง ตัวกระทำนั้น คือ ตัวศาสนา
    การกระทำที่ทำได้จริงทุกผู้ทุกนาม จะถูกประเมินเป็นเรื่องราวศาสนาของโลก
    ธรรมคือทำ ตัดได้จริงทำได้จริงก็กลายเป็นธรรม

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  12. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** การโปรดสัตว์โลก ****

    จานบิน คือ พาหนะในการโปรดสัตว์ของผู้ทำได้ มีความคล่องตัวสูง
    ฝรั่งพยายามสร้างเลียนแบบ แต่ไปได้ไม่ไกล เพราะขาดเชื้อเพลิง เห็นสวรรค์ แต่ไปไม่ถึง
    ธรรมของโลกุตตระ คือสัจจะ สัตว์โลกกำลังโบกสบัดไปด้วยกรรม
    โลกุตตระธรรม นำพาสัตว์โลกพ้นทุกข์
    วันพิพากษา โลกเขาตัดสินด้วยตัวกระทำ
    ตัวกระทำ คือ ตัวตนของการกระทำที่ได้ทำไปแล้ว เป็นของใครของมัน
    เหมือนบันทึกวีดีโอเอาไว้ ในตัวเราเอง
    เราสามารถลบล้างมณทินเก่าๆได้ด้วยสัจจะเท่านั้น
    สัจจะเสมือนโองการที่ต้องทำ จึงจะหลุดพ้นทุกข์ได้
    ท่านรู้จักสัจจะปฏิบัติแล้วหรือยัง !!!

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  13. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** พิจารณา ****

    เพราะอะไร... พระพุทธเจ้าจึงให้ความสำคัญต่อ สัจจะ
    สัจจะพันธะ พันธะสัญญา ... เป็นเรื่องเดียวกัน มีผลทำให้ต้องกลับมาทำใหม่ กลับมาทำให้ได้
    เพราะอะไร....จึงเกิดคำพูดสามพยางค์ว่า " สัด-จะ-ทำ "
    แต่ละพยางค์...มีความหมายอะไร
    ในบันทึกโบราณ ....พุทธพูดถึงสัจจะ กี่ครั้ง พูดกับใคร พูดว่าอะไร
    บัญญัติหนึ่งข้อ บัญญัติสิบประการ...จะรักษาได้ต้องใช้สัจจะ
    ผู้ทำได้คนนั่น จะมีลักษณะเป็นผู้รักษาสัจจะ จริงไหม
    คนไม่รักษาสัญญา คนโกง จะมีลักษณะเป็นผู้ขาดสัจจะใช่ไหม
    คนรับศีล คนถือศีล แต่ขี้โกง คนเอารัดเอาเปรียบ เขามีลักษณะเป็นคนขาดสัจจะใช่ไหม
    คนที่เขาตั้งใจเลิกเหล้า เลิกยา เลิกบุหรี่ได้จริง เพราะเขาตัดได้จริง เขาทำตาสัญญาตัวเอง เขาเป็นคนรักษาสัจจะใช่ไหม
    เคยได้ยินเรื่องราวคนไทยในอดีต กับการรักษาสัจจะบ้างไหม

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  14. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  15. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** หินบันทึกโลก ****

    คือ บันทึกเรื่องราวของโลกทั้งหมด ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
    สถานที่พระพุทธเจ้ารักษาสัจจะ ตรัสรู้ เกิดเป็นหินบังลังก์ตรัสรู้
    ชั้นของหินบอกถึงสัญญาทำของพระพุทธเจ้า ที่ออสเตรเลียก็มี

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  16. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** ใจให้กว้างคลุมไปทั้งโลก ****

    คนเหมือนกัน หลักสัจจะธรรมเดียวกัน หนทางหลุดพ้นทุกข์เดียวกัน
    ศาสนาหลัก ศาสนารอง ถึงเวลาก็มากราบไหว้แบบเดียวกัน ที่เดียวกัน
    ต้องมาทำในแนวทางเดียวกัน เป็นสัจจะทำ

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  17. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** เรื่องราวกำลังดำเนินไปตามบทกลอน โอ้...ชะตาฟ้าลิขิต ****

    ทำลายสามัคคี ทำลายกรุงศรี ภาคใต้ก่อน เขมรตาม ที่เหลือรอบบ้านเอาบ้าง
    อยู่ที่ท่านคนเดียว การยอมรับสัจจะ เป็นหนทางเลือกเดินที่ดีที่สุด
    ไม่มีทางอื่นอีกแล้ว เชื่อไม่เชื่ออยู่ที่ท่านคนเดียว
    ศาสนาขาดสัจจะ คนจึงขาดสัจจะ บ้านเมืองจึงขาดสัจจะ ประเทศจึงขาดสัจจะ โลกจึงขาดสัจจะ

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  18. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** พระวจนะ ****

    ประเทศไทย จะเหลือเป็นกลมๆ

    [​IMG]

    -" หนุมาน ผู้นำสาร "
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กรกฎาคม 2009
  19. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** ผู้ไม่ยอมรับความปรารถนาดี ****

    ใครไม่เชื่อ ก็ช่วยไม่ได้
    ถือว่าข้าพเจ้าได้นำสัจจะของโลกุตตระมาส่งให้แล้ว
    แต่ท่านไม่รับเอง ก็ช่วยไม่ได้ ท่านไม่ทำเอง ก็ไม่มีใครทำให้ท่าน
    สุดท้าย ต้องพึ่งการกระทำที่ได้ทำลงไปแล้ว

    อดีต...ผู้คนมากมายไม่เชื่อโนอาร์ หาว่าเขาบ้า ประสาท เพี้ยน
    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  20. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** ศาสนาในอดีต ****

    พระเจ้าที่เขาเข้าใจ... คือ โลกุตตระที่มาโปรดเมตตา
    บัญญัติที่ให้ไว้ ...คือ สัจจะที่ให้เขาและเธอทำ ให้ปฏิบัติ
    ผู้ทำได้ในอดีต จึงมาเกิดใหม่....เข้าถึงศาสนาพุทธ ที่เข้าถึงความจริงได้มากกว่า
    พระเยซู จึงกลับมาเกิดอีกครั้งในศาสนาพุทธ...เพื่อสานต่อศาสนศาสตร์โลก คือศาสนาพุทธ
    เป็นเรื่องราว....พระพุทธเจ้านำพาสัตว์โลกหลุดพ้นทุกข์ ด้วยโลกุตตระธรรม
    คือ ธรรมของโลกุตตระ...ที่มีคำสอนคือ สัจจะ
    คนๆหนึ่ง มีเรื่องราวในอดีตมากมาย ....เกิดมาทุกยุคทุกสมัย
    เพื่อช่วยเหลือสัตว์โลก...ที่กำลังตกยาก ด้วยธรรมะ

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     

แชร์หน้านี้

Loading...