หลวงพ่อรอด พรหมพิราม พระเกจิแห่งพิษณุโลก

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 30 กรกฎาคม 2006.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,492


    คอลัมน์ มงคลข่าวสด



    [​IMG]

    พระครูสถิตวีรธรรมหรือหลวงพ่อรอด ฐิตวิริโย เป็นพระเถระที่มีพรรษาสูงรูปหนึ่งแห่งเมืองสองแคว เป็นพระเถระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เปี่ยมด้วยเมตตาธรรม เป็นที่พึ่งพิงทางจิตใจของพุทธศาสนิกชนทั่วไป

    หลวงพ่อรอด เป็นพระเกจิอาจารย์ผู้เป็นศิษย์สืบสายพุทธาคมจาก "หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ" ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเทพเจ้าแห่งปากน้ำโพ ที่ยังดำรงชีพอยู่และมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่ว

    ปัจจุบัน สิริอายุ 85 พรรษา 65 ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอพรหมพิราม และเจ้าอาวาสวัดสันติกาวาส ต.วงฆ้อง อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก

    อัตโนประวัติ มีนามเดิมว่า บุญรอด แจ่มจุ้ย เกิดเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2464 ที่บ้านหมู่ที่ 3 ต.ตลุกเทียม อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก โยมบิดา-มารดา ชื่อนายเพชร และนางบุญมา แจ่มจุ้ย ครอบครัวประกอบอาชีพทำนา

    ชีวิตในวัยเด็กค่อนข้างลำบาก ต้องช่วยเหลือครอบครัวทำงาน โยกย้ายถิ่นบ่อย แต่ยังมีเวลาที่จะศึกษาเล่าเรียนจนอ่านออกเขียนได้ โดยได้ใช้ชีวิตเติบโตและร่ำเรียนวิชาความรู้ที่ อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์

    ครั้นอายุได้ 14 ปี ได้ย้ายบ้านไปอยู่ที่บ้านป่ามะม่วง อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย เป็นเวลา 3 ปี จากนั้นจึงย้อนกลับไปถิ่นกำเนิด

    กระทั่งเมื่ออายุถึงวัยบวชเรียน โยมพ่อโยมแม่จึงนำตัวมาฝากที่วัดเชิงหวาย ต.ตลุกเทียม อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก เพื่อท่องบทสวดขานนาคตามประเพณี

    จนท่องขานนาคได้คล่อง จึงเข้าสู่พิธีอุปสมบทที่วัดเชิงหวาย เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2485 โดยมีพระครูญาณปรีชา วัดดอกไม้ ต.ท่ามะเฟือง อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์หัด วัดหางไหล อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการพวง วัดเชิงหวาย อ.พรหมพิราม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายานามว่า"ฐิตวิริโย" แปลว่า ผู้ตั้งมั่นในความเพียร

    หลังจากที่จำพรรษาอยู่ที่วัดเชิงหวายได้ระยะหนึ่ง ได้ออกเดินทางไกลเพื่อไปเรียนนักธรรมที่จังหวัดอุทัยธานี จนสอบได้นักธรรมชั้นตรี

    หลังจากนั้น ท่านได้เดินทางกลับมายังบ้านเกิด พบว่าบริเวณที่รกร้างริมแม่น้ำน่านฝั่งตะวันออก ไม่ไกลจากชุมชน มีสถานที่แห่งหนึ่งที่ชาวบ้านพร้อมใจกันจัดสร้างไว้เป็นการชั่วคราว เพื่อป้องกันแดดฝนและสัตว์ร้ายให้กับพระธุดงค์ที่เดินทางผ่านอยู่เนืองๆ

    ในยามที่ไม่มีพระภิกษุมาพักปักกลด สถานที่ดังกล่าวจะถูกทิ้งร้าง ประกอบกับชาวบ้านส่วนใหญ่ มีความประสงค์จะให้ก่อสร้างวัดทางฝั่งทิศตะวันออกบ้าง ด้วยที่ผ่านมา ชาวบ้านต้องลำบากในการนั่งเรือข้ามฟากไปทำบุญที่วัดเชิงหวาย ซึ่งอยู่คนละฝั่งแม่น้ำ

    ท่านจึงเดินทางกลับไปที่จังหวัดอุทัยธานี นิมนต์พระสงฆ์ที่จบนักธรรมชั้นเอก พร้อมพระภิกษุสามเณรอีก 30 รูป จากนั้นจึงได้ร่วมกับชาวบ้านสร้างวัดขึ้นมา ให้ชื่อว่า วัดสันติกาวาส

    พ.ศ.2489 สอบไล่ได้นักธรรมชั้นโท สำนักวัดสันติกาวาส ต.วงฆ้อง อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก

    ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์ พ.ศ.2489 ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวันสันติกาวาส พ.ศ.2491 เป็นพระกรรรมวาจาจารย์

    พ.ศ.2493 เป็นเจ้าคณะตำบลวงฆ้อง พ.ศ.2494 เป็นกรรมการสงฆ์ฝ่ายสาธารณูปาการ อ.พรหมพิราม พ.ศ.2489-2499 เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าคณะอำเภอพรหมพิราม

    พ.ศ.2509 เป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.2510 เป็นรองเจ้าคณะอำเภอพรหมพิราม พ.ศ.2520 เป็นเจ้าคณะอำเภอพรหมพิราม

    พ.ศ.2544 ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอต่อไปอีก 3 ปี

    หลวงพ่อรอด พัฒนาวัดสันติกาวาส จนมีความเจริญก้าวหน้าตามลำดับ มีเสนาสนะต่างๆ ครบครัน ในระหว่างนั้น ท่านก็มีโอกาสเดินทางศึกษาหาความรู้ไปตามวัดต่างๆ เพื่อนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้กลับมาปรับใช้ที่วัดต่อไป

    หนึ่งในวัดที่ท่านมีโอกาสเดินทางไป คือวัดหนองโพ จ.นครสวรรค์ ของหลวงพ่อเดิม พุทธสโร

    หลังจากได้สนทนาธรรมกับหลวงพ่อเดิม ได้รับการชักชวนจากสุดยอดพระเกจิอาจารย์ให้พักอยู่ด้วยกัน เพื่อช่วยเหลืองานทางวัด ซึ่งหลวงพ่อรอด ตอบตกลงด้วยความยินดี

    ในช่วงที่อยู่กับหลวงพ่อเดิม ท่านมีโอกาสได้ศึกษาเรื่องของพุทธาคมในการปลุกเสกวัตถุมงคล เครื่องรางของขลัง โดยเฉพาะ ผ้ายันต์และคาถารอบโลก ซึ่งเป็นคาถาที่หลวงพ่อเดิมใช้ประจำตัว ไม่ว่าการพรมน้ำมนต์ หรือการปลุกเสกวัตถุมงคล โดยหลวงปู่รอดได้นำมาใช้เป็นคาถาประจำตัวเช่นกัน พระคาถานี้มีด้วยกัน 7 บท อาทิ คาถาหายตัว, คาถามหานิยม, คาถาคงกระพันชาตรี เป็นต้น

    หลวงพ่อรอด ฐิตวิริโย เป็นพระสงฆ์ที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัย ใวัตรปฏิบัติงดงาม เป็นที่เลื่อมใสศรัทธา ประกอบกับบุคลิกของท่านเป็นพระสงฆ์ที่ใจดีมีเมตตา ให้ความเสมอภาคกับทุกคน

    หลวงพ่อรอด มักจะพูดบ่อยๆ ว่า "คนเราเกิดมา ไม่ได้ทำเลวไปเสียทุกอย่าง" บรรดาลูกศิษย์ตลอดจนผู้คนที่เลื่อมใสศรัทธาที่เดินทางมาหาหลวงพ่อรอดจึงมีทุกประเภท รวมถึงคนที่เจ็บไข้ได้ป่วยเรื้อรังรักษาไม่หายก็ยังมาให้หลวงพ่อรอดเป่าเสก เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการต่อสู้กับอาการเจ็บป่วย

    ขณะเดียวกัน ยังมีลูกศิษย์ที่เลื่อมใสในเรื่องของวัตถุมงคล เครื่องรางของขลัง ด้วยกิตติศัพท์หลวงพ่อรอด ในฐานะศิษย์เอกหลวงพ่อเดิม ยิ่งทำให้การปลุกเสกวัตถุมงคลเป็นที่ปรารถนาของบรรดาศิษยานุศิษย์ โดยเฉพาะกับเจ้าหน้าที่ทหาร-ตำรวจ ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่เสี่ยงภัยกับโจรผู้ร้ายที่ชุกชุมในอดีต

    นอกจากเป็นเพราะท่านมีวิชาอาคมขลังแล้ว ยังมาจากชื่ออันเป็นมงคลนามว่า "รอด" เชื่อกันว่าจะทำให้รอดพ้นจากเรื่องเลวร้ายต่างๆ จากร้ายกลายเป็นดี

    ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน หลวงพ่อรอด อนุญาตให้จัดสร้างวัตถุมงคลหลายรุ่นหลายแบบด้วยกัน รุ่นล่าสุดจัดสร้างขึ้นในโอกาสจัดงานฉลองอายุครบ 7 รอบ 84 ปี เมื่อวันที่ 4 ม.ค.2548

    แม้ว่าอายุท่านจะล่วงเลยเข้าสู่วัยชราแล้ว แต่กิจนิมนต์ของท่านแทบจะไม่มีวันเว้นว่าง โดยเฉพาะกิจนิมนต์ในเรื่องการปลุกเสกวัตถุมงคล เครื่องรางของขลังต่างๆ

    ดังนั้น หากวันไหนว่างเว้นจากกิจนิมนต์ มักจะมีลูกศิษย์ลูกหาเดินทางมากราบนมัสการถึงกุฏิ ซึ่งหลวงพ่อไม่เคยปฏิเสธการพบปะสนทนาธรรมกับคนที่ตั้งใจมาหา



    ที่มา

    http://www.matichon.co.th/khaosod/khaosod_detail.php?s_tag=03p0148300749&day=2006/07/30
     
  2. varanyo

    varanyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    925
    ค่าพลัง:
    +3,373
    เคยไปที่อำเภอพรหมพิราม พิษณุโลกด้วยแต่ไม่เคยรู้จักท่านเลย...
    ขออนุโมทนาครับ...ถ้ามีโอกาสอีกจะไปกราบมนัสการท่านครับ...
    สาธุ...สาธุ...สาธุ...อนุโมทามิ
     
  3. chanu-123

    chanu-123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    75
    ค่าพลัง:
    +142
    หลวงพ่อรอด ไม่ได้อยู่ที่ตัวอำเภอพรหมพิรามครับ
    เลยไปทางเหนืออีกประมาณ 15 กิโลเมตรหรืออีก 1 สถานีรถไฟเรียกว่า
    บ้านหนองตม วัดสันติกาวาสอยู่เหนือสถานีรถไฟหนองตมประมาณ 500 เมตร
    ผมเคยอยู่หิ้วปิ่โตล้างบาตรให้หลวงพ่อประมาณ 3-4 ปี หลวงพ่อทำห้องให้นอนใต้กุฏิท่านคู่กับ ด.ช จรูญศักดิ์ รอดเมือง (ซึ่งเป็นหลานหลวงพ่อ)
    ขอบอกว่าในอดีตหลวงพ่อดุมากนะแต่อาจจะเป็นอดีตก็ได้เพราะปัจจุบันศิษย์แรงเหลือเกิน
     
  4. chanu-123

    chanu-123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    75
    ค่าพลัง:
    +142
    หากมีศรัทธา วันนี้หลวงพ่อชราภาพมากขนาดเดินต้องประคอง2ข้างแล้วนะ
    เราจะรอหลวงพ่อ หรือให้หลวงพ่อรอเรา รีบตัดสินใจ...ครับผม
     

แชร์หน้านี้

Loading...