ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    สถานที่ ๔ แห่งที่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ไม่ทรงละเว้น
    พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ เล่ม ๙ ภาค ๒ หน้าที่ 303

    [​IMG]
    ภาพพระพุทธเจ้าทรง"เปิดโลก"ที่ใกล้ประตูเมืองสังกัสสะนคร

    อนึ่ง มีสถานที่ ๔ แห่งที่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ไม่ทรงละเว้น.

    ๑. โพธิบัลลังก์เป็นสถานที่ไม่ทรงละ ย่อมมีในที่แห่งเดียวกันแน่นอน.

    ๒. สถานที่ประกาศพระธรรมจักรก็ไม่ทรงละ อยู่ในป่าอิสิปตนะมิคทายวันเท่านั้น.

    ๓. ในเวลาเสด็จ ลงจากเทวโลก ใกล้ประตูสังกัสสนครย่างพระบาทแรก ก็ไม่ทรงละเว้น.

    ๔. สถานที่เท้าเตียงทั้งสี่ตั้งอยู่ ที่พระคันธกุฎีในพระเชตวันวิหารก็ไม่ทรงละเว้นเหมือนกัน แม้พระวิหารก็ไม่ทรงละ แต่พระวิหารนั้นเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง.

    หมายเหตุ

    คำว่าพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ไม่ทรงละเว้น ก็หมายความว่าทรงกระทำในที่แห่งเดียวกันทุกพระองค์ คือทรงตรัสรู้ในที่แห่งเดียวกัน ทรงแสดงปฐมเทศนาในที่แห่งเดียวกัน ทรงประทับพระบาทแรกเมื่อเสด็จกลับจากดาวดึงส์เทวโลกในที่แห่งเดียวกัน พระวิหารแห่งแรกในพระพุทธศาสนาที่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ทรงประทับก็เป็นที่แห่งเดียวกัน (ผมคิดว่าเมื่อโลกแตกสลายไปแล้วบังเกิดขึ้นมาใหม่ในแต่ละกัปป์ พื้นแผ่นดินทั้ง ๔ แห่งนี้ก็ยังเกิดมาในลักษณะเดิมเหมือนกัปป์ที่แล้วไม่เปลี่ยนแปลง)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ตุลาคม 2007
  2. JONGKON SIRISIN

    JONGKON SIRISIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2006
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +360
    ช่วงนี้บอร์ดมั่ว ๆนะครับ ไม่เหมือนเดิมแล้ว
     
  3. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    เจอระเบิด 22 ลูกข้างประตู มอ.เตรียมถล่มหาดใหญ่-เมืองสงขลา <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">6 ตุลาคม 2550 18:38 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td align="left" height="12" valign="bottom">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td bgcolor="#cccccc"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="1" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" bgcolor="#ffffff" valign="top"> <table cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellspacing="7" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - สงขลารอดวินาศกรรมหวุดหวิดเมื่อคนร้ายขนระเบิดแสวงเครื่องกว่า 22 ลูกเข้ามาเตรียมก่อเหตุวางระเบิดในพื้นที่ตัวเมืองหาดใหญ่ และตัวเมืองสงขลา แต่ข่าวรั่ว ตชด.ตรวจยึดได้ก่อน

    วันนี้ (6 ต.ค.) มีรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 03.00 น. ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ตชด.ภาค 4 ได้ทำการเก็บกู้วัตถุระเบิดแสวงเครื่อง ซึ่งกลุ่มแนวร่วมนำมาซุกซ่อนไว้ริมรั้วมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) วิทยาเขตหาดใหญ่ ตรงบริเวณประตู 108 ถ.ปุณณกัณฑ์ เพื่อรอให้แนวร่วมอีกกลุ่มนำไปปฏิบัติการวางระเบิด ซึ่งเชื่อว่าเป้าหมายน่าจะอยู่ในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

    จากการตรวจสอบพบว่า เป็นระเบิดแสวงเครื่อง จำนวน 5 ลูก ซึ่งมีการประกอบเสร็จเรียบร้อยแล้ว และพร้อมทำงานได้ทันที เพียงแต่ยังไม่ได้ต่อชนวน เพราะรอให้มีการนำไปวางยังเป้าหมายก่อน แต่โชคดีที่ข่าวเกิดรั่วเสียก่อน ซึ่งทางชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดพร้อมเจ้าหน้าที่จึงได้มาเฝ้าบริเวณจุดที่ซุกซ่อนระเบิดตั้งแต่ประมาณเที่ยงคืนที่ผ่านมา เพื่อรอให้แนวร่วมอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งจะทำหน้าที่นำระเบิดไปวางมารับของ เพื่อจะได้เข้าทำการจับกุม แต่สุดท้ายไม่พบบุคคลต้องสงสัย จึงได้ทำการเก็บกู้

    นอกจากนี้ยังมีรายงานอีกว่า ในเวลาไล่เลี่ยกันเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวยังได้ทำการเก็บกู้ระเบิดชนิดเดียวกันอีก จำนวน 12 ลูก ซึ่งถูกนำไปซุกซ่อนไว้ที่บริเวณหน้าห้องอาหารแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลนครสงขลา อ.เมือง จ.สงขลา ซึ่งเป็นบริเวณร้านอาหารของทหารเรือ เพื่อรอให้แนวร่วมนำไปวางตามจุดต่างๆ ในเขตเทศบาลนครสงขลา โดยเจ้าหน้าที่ได้วางแผนรออยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุเพื่อตลบหลังจับกุมคนร้าย แต่ก็ไม่มีใครมารับของเช่นเดียวกัน จึงได้ทำการเก็บกู้ไปตรวจสอบ

    ทั้งนี้ มีรายงานจากเจ้าหน้าที่ชุดที่เข้าเก็บกู้ระเบิดระบุว่า ระเบิดที่ยึดได้ทั้งหมดเป็นระเบิดแสวงเครื่อง แต่มีแรงดันต่ำ โดยหวังที่จะให้เกิดเสียงดังมากกว่าที่จะมุ่งสังหารเอาชีวิต ที่สำคัญเป็นระเบิดชนิดเดียวกันกับที่คนร้ายนำไปวางไว้ที่หน้ากรมแผนที่ทหาร ในกรุงเทพฯ เมื่อคืนวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา

    โดยก่อนหน้าที่ระเบิดทั้งหมดจะถูกพบ ปรากฏว่า เมื่อคืนวันที่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดระเบิดชนิดเดียวกันได้ก่อนแล้ว จำนวน 5 ลูก ซึ่งถูกนำไปซุกซ่อนไว้ที่บริเวณหน้าสวนสาธารณเทศบาลนครหาดใหญ่

    มีรายงานระบุด้วยว่า ก่อนหน้านี้หน่วยงานด้านความมั่นคงได้แจ้งเตือนให้ทุกหน่วยเฝ้าระวังพื้นที่ จ.สงขลา เป็นพิเศษ โดยเฉพาะใน อ.หาดใหญ่ หลังได้รับรายงานว่า มีการนำระเบิดเข้ามาในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ ทั้งหมดประมาณ 50 ลูก ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังเร่งตรวจสอบและตรวจค้นพื้นที่ต้องสงสัยเป็นการด่วน เพื่อสืบหาระเบิดที่คาดว่าอาจจะหลงเหลืออยู่อีกราว 27 ลูก

    อย่างไรก็ตาม มีรายงานระบุด้วยว่า ระเบิดทั้งหมดเชื่อว่าถูกลำเลียงมาจากพื้นที่ อ.สะบ้าย้อย และ อ.เทพา จ.สงขลา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ 4 อำเภอของ จ.สงขลา ที่ถูกผนวกเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดชายแดนภาคใต้ร่วมกับอีก 3 จังหวัดคือ ปัตตานี ยะลาและนราธิวาส
    </td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>
     
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>จีนอพยพ ประชาชนนับล้านหนี "กรอซา"</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>7 ตุลาคม 2550 10:33 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG][​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=left border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> ทางการจีนได้อพยพประชาชนและนักท่องเที่ยวนับล้านคนออกจากพื้นที่ชายฝั่งด้านตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อลดความเสียหายจากพายุไต้ฝุ่นกรอซา ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 คนที่ไต้หวัน โดยเมื่อเวลา 19.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ไต้ฝุ่นกรอซา มีความเร็ว 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และอยู่ห่างจากเมืองชายฝั่งมณฑลซีเจียงประมาณ 455 กิโลเมตร แต่ทำให้มีฝนตกในมณฑลซีเจียง และ ฝูเจี้ยนมาตลอดช่วงบ่ายเมื่อวานนี้ ทำให้ทางการต้องรีบอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เพราะเกรงว่าจะเกิดดินถล่ม ทั้งประกาศเรียกเรือประมงอีกเกือบ 70,000 ลำกลับเข้าฝั่ง

    นอกจากนี้ สำนักงานควบคุมอุทกภัยของมณฑลซีเจียง ยังได้เตือนผู้บริหารท้องถิ่นเตรียมพร้อมการช่วยเหลือประชาชน ส่วนศูนย์ตรวจสอบการเดินเรือยังได้แจ้งเตือนว่า อาจมีคลื่นสูง ในช่วงอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้า

    ส่วนทางการของเซี่ยงไฮ้ ซึ่งกำลังเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟอมูล่าวัน กรัง ปรีซ์ และ กีฬาสเปเชี่ยล โอลิมปิก ได้เตรียมพร้อมเจ้าหน้าที่ด้านการป้องกันน้ำท่วม หากไต้ฝุ่นเปลี่ยนทิศทางเคลื่อนที่ขึ้นมาทางเหนือ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ที่มา http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9500000118471
     
  5. mahaasia

    mahaasia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    1,130
    ค่าพลัง:
    +4,971
    ;) (555) อย่างไรก็ตามคนมีศีล 5 กรรมบท 10 อยู่รอดแหงมๆ
     
  6. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** เรื่องราว ****

    ทุกเรื่อง...คือ ทุกการกระทำที่เกิดขึ้นในโลก ในจักรวาล
    ล้วนสัมพันธ์กันทั้งหมด
    เรื่องสรรพภัยทั้งปวงกึ่งพุทธกาล....ก็เป็นผลมาจากจิตใจคน

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  7. อวทม45

    อวทม45 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    330
    ค่าพลัง:
    +1,832
    ผมว่าถ้าอ่านพระคริสต์คัมภร์ นั่นแหละชัดเจนที่สุดแต่ไม่รู้ว่าแม่นยำหรือเปล่า
     
  8. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** สัจจะธรรม ความจริงหนึ่งเดียว ****

    ทุกศาสนา...อยู่บนโลกเดียวกัน
    หลักสัจจะธรรม....หลักเดียวกัน
    สอนให้คนทำดี...เหมือนกัน

    แต่...คนไม่จริงจัง ตามหัวข้อธรรม
    ไม่ค่อยทำ ทำไม่ได้
    คือ....ขาด "สัจจะ"
    ชีวิตคนยุคนี้จึงไม่เที่ยง...หาความเจริญแน่นอนไม่ได้

    หาก...ชีวิตคนๆ หนึ่งมี "สัจจะ" นำชีวิต นำการกระทำทุกวัน
    ชีวิตเขาจะเที่ยง....ความเจริญย่อมเกิดกับตัวตนทั้งกายทั้งจิตวิญญาณอย่างแน่นอน

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    WHO ห่วงมาลาเรียดื้อยาชายแดนไทย-กัมพูชาแพร่ระบาดทั่วโลก

    [​IMG]

    สำนักข่าวไทย 7 ต.ค.- พ.อ.ฐิติภูมิ เอื้ออำนวย ผู้อำนวยการกองส่งเสริมสุขภาพและเวชกรรมป้องกัน กรมแพทย์ทหารบก กล่าวว่า จากการวิจัยของกระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกรมแพทย์ทหารบก ได้ศึกษาถึงระดับโมเลกุล พบว่า เชื้อไข้มาลาเรียสายพันธุ์พลาสโมเดียม พาซิพารัม ต้นเหตุของไข้มาลาเรียมียุงก้นปล่องเป็นพาหะนำโรค พบภาวะดื้อยารุนแรงถึงขั้นทำให้เชื้อขึ้นสมอง ไตวาย จนเสียชีวิต จุดที่พบเชื้อไข้มาลาเรียดื้อยาน่าเป็นห่วงคือ ชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณจังหวัดไพลินกับจังหวัดจันทบุรี และ อ.บ่อไร่ จ.ตราด โดยปัญหาการดื้อยาทำให้ประสิทธิภาพของยาที่ใช้รักษาอยู่ในปัจจุบันที่มีร้อยละ 98 ลดประสิทธิภาพเหลือเพียงร้อยละ 80

    สถานการณ์เกิดขึ้นทำให้องค์การอนามัยโลก (WHO) ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนทางสุขภาพ ให้ความสนใจโรคไข้มาลาเรียจุดนี้อย่างมาก เนื่องจากเชื้อไข้มาลาเรียดื้อยาสามารถแพร่ระบาดไปอีกซีกโลกได้รวดเร็วจากการเดินทางที่สะดวก อีกทั้งยุงก้นปล่องมีการถ่ายทอดเชื้อมาลาเรียดื้อยาให้กับยุงรุ่นต่าง ๆ ยุงก้นปล่องอาศัยอยู่ตามป่าเขา หากจะเข้าไปเที่ยวป่าหรือไปทำงานในป่าต้องป้องกันไม่ให้ยุงกัด โดยนอนในมุ้ง ทายาป้องกันยุงกัด หากกลับจากป่ามีอาการไข้สูง หนาวจับสั่น ปวดกล้ามเนื้อ ควรแจ้งประวัติการเดินทางให้แพทย์ทราบด้วย.- สำนักข่าวไทย

    [ 2007-10-07 : 12:22:04 ]

    พิษณุโลกยังอ่วม ถนนเข้า-ออก อ.วังทอง ถูกตัดขาด

    [​IMG]

    พิษณุโลก 6 ต.ค.- อ.วังทอง ยังอ่วมน้ำท่วมหนักหลายจุด เส้นทางหลักเข้าออกตัวเมืองถูกตัดขาด เด็ก 9 ขวบถูกกระแสน้ำเชี่ยวพัดสูญหาย ส่วน อ.เนินมะปราง เจ้าหน้าที่เร่งสำรวจความเสียหายหลังถูกน้ำท่วมหนักที่สุดในรอบ 40 ปี

    ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ใน จ.พิษณุโลก วันนี้ (6 ต.ค.) ว่า พื้นที่ อ.วังทอง ยังเผชิญสถานการณ์น้ำท่วมหนัก เนื่องจากน้ำในแม่น้ำเข็ก หรือแม่น้ำวังทอง ยังเอ่อล้น ประกอบกับมีน้ำจาก อ.เนินมะปราง ไหลมาสมทบ ทำให้น้ำเอ่อท่วมเป็นวงกว้าง

    ที่หมู่บ้านเฟื่องฟ้า ต.วังทอง อ.วังทอง น้ำได้เอ่อล้นข้ามถนนสายพิษณุโลก-วังทอง ช่วงหลัก กม.ที่ 15-16 เข้าท่วมภายในหมูบ้านจัดสรร ที่มีประชาชนอาศัยกว่า 100 หลังคาเรือน ระดับน้ำบางจุดสูงกว่า 1 เมตร ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนหนัก หน่วยทหารต้องนำเรือท้องแบนเข้าไปช่วยลำเลียงประชาชนออกจากบ้านพักมาอาศัยในที่ปลอดภัย

    ล่าสุดมีรายงานเด็กชายวัย 9 ขวบ อยู่บ้านเกาะกระชาย ม.13 ต.วังทอง ถูกกระแสน้ำพัดสูญหายไป ขณะลงไปเล่นน้ำบริเวณหลังโรงพยาบาลวังทอง เจ้าหน้าที่กำลังเร่งค้นหาร่าง

    ส่วนเส้นทางสายหลักเข้าสู่ตัว อ.วังทอง ปรากฏว่าทั้ง 3 เส้นทางยังคงมีน้ำท่วมสูงบางช่วง คือ ถนนสายพิษณุโลก-หล่มสัก ช่วงหลัก กม.ที่ 18-20 หน้าโรงพยาบาลวังทอง ระดับน้ำสูง 50 ซม. ถนนสายวังทอง-สากเหล็ก ยังมีน้ำท่วมสูง 50 ซม. ช่วง ต.หนองพระ และถนนสายพิษณุโลก-วังทอง ช่วงหลัก กม.ที่ 15-16 ระดับน้ำสูงเกือบ 50 ซม. รถเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านได้ การเดินทางเข้า-ออกตัวเมืองวังทองต้องอาศัยรถขนาดใหญ่เท่านั้น

    ด้าน อ.เนินมะปราง ที่ถูกน้ำท่วม 7 ตำบล 18 หมู่บ้าน ยังมีน้ำท่วมขังบางส่วน ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังเร่งสำรวจความเสียหาย เบื้องต้นมีรายงานบ้านเรือนราษฎรพังเสียหาย 2 หลัง และอีก 28 หลังเสียหายบางส่วน พื้นที่เกษตร 25,340 ไร่ นับเป็นเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ในรอบ 40 ปีของ อ.เนินมะปราง.-สำนักข่าวไทย

    [ 2007-10-06 : 12:50:37 ]

    ปภ.เลย เผยน้ำท่วม 14 อำเภอชาวบ้านเดือดร้อนกว่าแสนคน

    [​IMG]

    เลย 6 ต.ค.-นายสุเทพ มณีโชติ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเลย เปิดเผยผลสำรวจความเสียหายจากอุทกภัยในพื้นที่ จ.เลย ช่วงวันที่ 3-6 ต.ค.50 พบว่ามีราษฎรได้รับความเดือดร้อน 112,208 คน 62,163 หลังคาเรือน ใน 14 อำเภอ 60 ตำบล 516 หมู่บ้าน พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย 31,875 ไร่ ถนน 860 สาย ท่อระบายน้ำ 700 แห่ง รวมมูลค่าความเสียหายเป็นเงินสิ้น 12,045,625 บาท ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อช่วงบ่ายวันนี้ว่า ระดับน้ำในแม่น้ำเลยเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนเอ่อล้นเข้าท่วมในเขตเทศบาลเมืองเลย ซึ่งเทศบาลและทหารจากจังหวัดทหารบกเลย ได้นำเรือท้องแบนเข้าไปช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ส่วนระดับน้ำที่ อ.ภูหลวง และ อ.วังสะพุง เริ่มลดระดับลงเรื่อย ๆ คาดว่าสถานการณ์จะคลี่คลายสู่ภาวะปกติภายใน 1-2 วันนี้.-สำนักข่าวไทย

    [ 2007-10-06 : 17:18:26 ]

    แม่น้ำป่าสักยังไหลล้นท่วมเขตรอบนอกเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์

    [​IMG]


    เพชรบูรณ์ 7 ต.ค. - ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในเขตเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ ซึ่งวันนี้ (7 ต.ค.) ระดับน้ำเริ่มลดลงแล้ว แต่พื้นที่รอบนอกเขตเทศบาลฯ ถูกแม่น้ำป่าสักไหลล้นตลิ่งท่วม 16 ตำบล 150 หมู่บ้าน กว่า 1,000 ครอบครัว พื้นที่การเกษตรเกือบ 30,000 ไร่ โดยเฉพาะบ้านท่ากกเรียงและบ้านวังซอง ตำบลท่าพล บ้านเรือนถูกน้ำท่วมกว่า 100 หลังคาเรือน

    ถนนบางสายน้ำสูงกว่า 1 เมตร ไม่สามารถสัญจรได้ แขวงการทางต้องนำกระสอบทรายไปกั้นริมฝั่งแม่น้ำป่าสักไม่ให้ไหลเข้าท่วมพื้นที่มากขึ้น ขณะที่ถนนสายเพชรบูรณ์-ดงมูลเหล็ก น้ำขังเป็นช่วง ๆ ประมาณ 30-50 เซนติเมตร การสัญจรไม่สะดวก โดยเฉพาะรถยนต์ขนาดเล็กไม่สามารถผ่านได้ ส่วนอำเภอหล่มเก่าคืนสู่ภาวะปกติแล้ว ขณะที่อำเภอหล่มสักระดับน้ำลดอย่างช้า ๆ หากใน 2-3 วัน ไม่มีฝนตกลงมาอีก คาดว่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ. - สำนักข่าวไทย

    [ 2007-10-07 : 13:18:59 ]

    พายุเลกีมาพ่นพิษชาวบ้านมีอาการเครียด 800 ราย

    [​IMG]

    สธ.7 ต.ค. - ปลัด สธ.สั่งสำรองยาเพิ่ม 300,000 ชุด พร้อมจัดส่งช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมทันที และผลกระทบจากพายุเลกีมาในรอบ 3 วัน มีผู้เจ็บป่วยแล้วกว่า 3,000 ราย มีอาการเครียดนอนไม่หลับ 800 ราย งูกัด 1 ราย ที่ จ.เพชรบูรณ์ อาการปลอดภัย แพทย์ให้กลับบ้านได้

    นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงความช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมจากพายุดีเปรสชั่นเลกีมา ที่จังหวัดพิษณุโลก เพชรบูรณ์ ว่า นพ.มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กำชับให้ทุกจังหวัดที่ประสบภัยน้ำท่วมจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่บริการตรวจรักษาผู้ประสบภัยตามหมู่บ้านต่าง ๆ อย่างเต็มที่ทุกวัน วันละไม่ต่ำกว่า 20 ทีม พร้อมยารักษาโรค อุปกรณ์ทำแผล รวมทั้งการออกหน่วยสุขศึกษาเคลื่อนที่ ให้ความรู้ประชาชนในการดูแลสุขภาพระหว่างน้ำท่วม และหลังน้ำท่วม ป้องกันไม่ให้เจ็บป่วยซ้ำเติม รายงานล่าสุดในรอบ 3 วัน พบผู้เจ็บป่วยในพิษณุโลก และเพชรบูรณ์ รวมกว่า 3,000 ราย ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ พบผู้ป่วยกว่า 1,000 ราย เฉลี่ยวันละกว่า 300 ราย จำนวนนี้มีชาวบ้านที่ อ.หนองไผ่ ถูกงูกัด 1 ราย แพทย์ได้ส่งตัวเข้ารักษาที่โรงพยาบาลหนองไผ่ ขณะนี้อาการปลอดภัย แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านแล้ววันนี้ ผู้ป่วยที่พบส่วนใหญ่เป็นไข้หวัด ปวดศีรษะ มีบาดแผลถลอกเล็กน้อย 500 ราย หน่วยแพทย์ทำแผลและฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยัก และเริ่มมีผื่นคันที่ผิวหนัง 20 ราย จัดหน่วยแพทย์ให้บริการ แจกถุงดำใส่ขยะ 10,000 ใบ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ตุลาคม 2007
  10. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** ลองพิจารณาทบทวน ****

    เหตุหนึ่งที่พระไตรปิฎกมาปรากฏ
    เพราะ... "หลักสัจจะธรรม" ความจริงในธรรมชาติถูกบดบังด้วยความเห็น
    คนไม่เห็นคุณค่าของ "สัจจะ"

    โลกุตตระ กล่าวไว้ว่า....ทำดีก็เป็นตน ทำชั่วก็เป็นตน ทำโดยเจตนาก็เป็นตน ทำโดยไม่เจตนาก็เป็นตน

    แต่ทุกวันนี้....ไปสอนตามความคิดเห็น ไม่ตรงกับความจริง
    สอนว่า ....ไม่มีตัว ไม่มีตน ไม่มีเขา ไม่มีเรา
    จึงตรงข้ามกับ "ความจริง"...ตรงข้ามกับ "หลักสัจจะธรรม"

    เพราะ
    หลักสัจจะธรรม... เป็นเรื่องของผลการกระทำที่ไม่ตาย ไม่สูญสลาย ติดตัวเราไป และมีผลตอบแทน
    ผลการกระทำ จากสิ่งที่เราได้ทำไปแล้ว ...เรียกว่า "ตัวกระทำ"
    จึงเป็นเรื่องของตัวตนทั้งสิ้น

    หาก...สิ่งนี้ไม่ตรงกับความคิดท่าน
    ขอให้ท่านลองพิจารณาถึงเหตุและผล
    หาก...ทำไปแล้วไม่มีตัว ไม่มีตน....แล้วผลตอบแทนจะเกิดขึ้นได้อย่างไร
    แล้ว คนจะสะสมบารมี เป็นพระพุทธเจ้าได้อย่างไร

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  11. vichai2500

    vichai2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    600
    ค่าพลัง:
    +2,877
    ลูกนี้ ก็น่าหวาดเสียวเหมือนกัน มันผลุบๆ โผล่ๆ(b-malang)


    <table border="0"><tbody><tr><td align="left" valign="top" width="125">[​IMG] </td> <td align="left" valign="top" width="355"> [FONT=Verdana, Helvetica, sans-serif]Potentially Threatening Space Rock Rediscovered
    [FONT=Verdana, Helvetica, sans-serif]By SPACE.com Staff

    [/FONT]
    [/FONT][FONT=arial,helvetica]posted: 05 October 2007
    10:18 am ET
    [/FONT]
    </td> </tr> </tbody></table> A recently discovered space rock that could one day threaten Earth turns out to be an object found seen more than four decades ago but lost in space ever since.
    The object, thought to be a burned out comet that now resembles an asteroid, was catalogued as 2007 RR9 this year when found. When it was last seen, in 1960, it carried the designation 6344 P-L. It's considered a "potentially hazardous asteroid" because part of its orbit is near the path our planet takes around the sun.

     
  12. นายดอกบัว

    นายดอกบัว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +5,676
    อย่าไปคิดมากเลย มันก็เป็นเรื่องธรรมดาของธรรมชาติ

    ตอนนี้มาคิดดีกว่า ว่าเราจะอยู่อย่างไร ทำความดีอย่างไร

    คนตายเป็นเรื่องปกติ เราก็ต้องตาย ความตายนี่แหละเที่ยงที่สุดแล้ว

    อยู่อย่างไม่ประมาทดีกว่า
     
  13. LuckyFriday

    LuckyFriday เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +1,153
    น้ำท่วมระนองดูได้ที่นี่
    http://www.ranongpoc.com/smf/index.php?topic=494.0

    ผมอยู่ระนองมา40ปี ครั้งนี้เป็นครั้งที่2
    ครั้งแรกเมื่อ3ปีก่อน

    ในแง่มุมมองผม ธรรมชาติไม่เท่าไหร่ คนต่างหากที่ไปวุ่นวายกับธรรมชาติ

    เมื่อก่อนตกปีละ8เดือนไม่เคยท่วม ตอนนี้เจอพายุเล็กแค่หางอีกต่างหากท่วมซ่ะแล้ว
    วันนั้นผมตื่นตี3 ฝนตกหนักจนนอนไม่หลับ เพราะเมื่อตอนเย็นผมมองเห็นกลุ่มฝนที่ลอยต่ำมากมาจากันดามัน ผมคิดในใจท่าจะเจอของดี พอราวๆ07.00น ออกไปสำรวจเห็นระดับน้ำมากผิดปกติก็ไปซื้อกระสอบทรายมา12กระสอบปิดกั้นที่หน้าบ้านช่วยได้เยอะน้ำเข้ามาไม่ถึงตาตุ่ม

    ***10.00น วันนั้นผมบริจาคข้าวกล่องไป 100 กล่องอย่างทันควัน เพราะรู้ว่าสาหัสแน่เพราะดูจากตรางน้ำขึ้น ลง เต็มที่ คงจะหนีไม่พ้น ปรากฏว่าได้ผลจริงๆ น้ำท่วมหนักจนถึง14.00น พอน้ำทะเลลดน้ำก็ลดลงไปมาก
     
  14. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ขอเป็นกำลังใจให้ผู้ประสบภัยอยู่ในขณะนี้ทุกๆท่านครับ
     
  15. foggy3

    foggy3 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2007
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +130
    ยายเอาใจช่วย ตาอ้อLuckyFriday สู้น้ำท่วมเด้อออ
     
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    คำทำนายของคุณป้าท่านหนึ่ง
    โดยคุณ เทพ<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_742790", true); </SCRIPT>

    [​IMG]
    พระบรมบรรพต(ภูเขาทอง)


    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ mead [​IMG]

    เมื่อคืนฝัน ระหว่างนั่งคุยอยู่ที่บ้านเพื่อนที่รู้จักกัน (อยู่ในกรุงเทพฯ)
    เค้ามีแฟนและมีลูกๆ 2 คน นั่งคุยวางแผนว่าจะให้เข้ามาพักอยู่ที่นี่แหละ

    จู่ๆ ก็มีเสียงน้ำไหลแรงๆ..หันไปดูนอกบ้านเป็นน้ำใสๆ พุ่งออกมา ก็นึกว่าท่อแตก ก็ยังไม่เอ๊ะใจ สักพักน้ำเปลื่ยนเป็นสีแดงไหลปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น
    จึงพาครอบครัวเพื่อนๆ ขึ้นไปดูจากที่สูง (เป็นบ้านสองชั้น)
    น้ำเริ่มเปลื่ยนเป็นสึดำ ข้นๆหนักขึ้นๆ บ้านเริ่มโยกไปมา
    ระดับน้ำโคลนเพิ่มสูงขึ้นๆ จึงวิ่งไปคว้ากล้องมาถ่ายภาพไว้
    ในใจคิดว่าคงไม่สูงไปกว่าชั้นล่างแน่ ต้องปลอดภัยแน่อยู่บนนี้

    แต่ไม่เป็นแบบนั้น โคลนดำๆหนืดๆ สูงขึ้นจนท่วมพื้นชั้นสอง
    ต้องรีบพากันขึ้นปิดฝ้าไปอยูโครงบนฝ้าเพดาน
    น้ำโคลนดำๆหนืดๆ ก็สูงตามขึ้นมาเร็วมากๆ
    รู้สึกว่าบ้านหลังนี้โยกหลุดออกมาจากฐานรากแล้ว หมุนไปตามกระแสโคลน

    ต้องขึ้นไปมองจากบนหลังคาชั้นสอง จึงเห็นว่ามีบ้านหลายหลังกำลังหมุน หลุดออกมาจากพื้น ผู้คนร้องดังลั่นไปหมด ก้มไปดูข้างล่างอีกทีเห็นครอบครัวเพื่อนหายไปหมดแล้ว แต่มีลูกสาวเค้าอายุ 13 คนหนึ่งโผ่ลขึ้นมาพอดี จึงยื่นมือเข้าไปช่วยดึงขึ้นมาข้างบนสำเร็จ..

    จากนั้นไม่นานพื้นที่ยืนอยู่ค่อยแตกหักออกไปที่ละหน่อย น้ำโคลนสูงขึ้นมาเสมอหลังคาชั้นสอง คิดว่าไม่รอดแล้วงานนี้..หันไปอีกทีเห็นเรือไม้ลำนึงลอยเข้ามาใกล้ๆบ้านพอดี จึงอุ้มเด็นคนนั้นไว้ แล้วกระโดดข้ามไปที่เรือได้ ชนิดหวุดหวิดพอดี..

    มาวิเคราะห์ดูเหตุการณ์นี้เหมือนจริงมากๆ เคยคิดไว้ว่าบ้านสองชั้นจะพอรับมือได้ จากที่ฝันดูท่าจะไม่ไหวเหมือนกัน น้ำโคลนสีดำนี่สูงถึง 6-7 เมตร ถ้าเป็นแบบนี้จริงถือว่าเกินคาด เรียกว่าภัยจะมาชนิดไม่ให้เราตั้งตัวและเกินคาดแน่นอนครับ<!-- / message --><!-- sig -->

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    โดยส่วนใหญ่ คนจะคิดว่า บ้านสองชั้นจะอยู่ได้ แล้วพยุงตัวให้รอด รอน้ำลด ทำให้เกิดความประมาท และไม่สนใจเตรียมตัวเท่าที่ควร

    ผมไม่ค่อยฝันกลางคืน ชอบฝันกลางวัน เอามาเล่าบ้างสักเรื่อง

    ขออนุญาติเล่าย้อนหลังไปนานสัก 20 ปีก่อน มีคุณป้าท่านหนึ่งเห็นในสมาธิว่า กรุงเทพจะมีน้ำท่วมสูงมาก เห็นแต่ยอดภูเขาทอง (ภุเขาทองแถวราชดำเนิน แสดงว่าน้ำจะต้องสูงมากๆ) ซึ่งคงไม่แปลกอะไรสำหรับคนนั่งสมาธิที่จะเห็นอะไรต่ออะไรไปเรื่อย

    ความแปลกคือ สมาธิของคุณป้าแม่นมาก เข้าข่าย 99% หลายเรื่องที่ผมเคยเถียงมาตลอด หลายเรื่องในปัจจุบันกลับกลายเป็นเรื่องจริง เช่น บอกว่า เด็กคนหนึ่งต่อไปจะมีอาชีพพยาบาล เพราะเห็นภาพตอนโตใส่ชุดขาวแบบพยาบาล ผมก็เถียงหัวชนฝา เพราะเด็กคนนั้นไม่ได้เรียนมาสายวิทย์จะไปเป็นพยาบาลได้อย่างไร ... ปัจจุบันเด็กคนนั้นทำงานในโรงพยาบาลใส่ชุดขาวแบบพยาบาลเลย (และเด็กไม่เคยทราบเกี่ยวกับคำทำนายเรื่องนี้)

    เรื่องราวของคุณป้าท่านนี้มากมายเล่าไปเหมือนในหนังนิยาย เช่น ศึกปะทะพลังจิตขนาดบ้านทั้งหลังสะเทือน กระจกแตก ข้างบ้านนึกว่าแผ่นดินไหว (มีพยานหลายคนในที่เกิดเหตุ) ... ปัจจุบันคุณป้าล่วงลับไปแล้วตามอายุขัย

    โดยสรุป ผมยังรอดูว่า ระดับน้ำจะสูงถึงภูเขาทอง จริงหรือไม่ ถ้าจริงผมจะเพิ่มคะแนนให้คุณป้าเป็น 100 %

    เทพ<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_742790", true); </SCRIPT>
    สมาชิก
    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=79471&page=24

    หมายเหตุ

    พระบรมบรรพตภูเขาทองนี้มีความสูงประมาณ 100 เมตร บนยอดสุวรรณบรรพตเป็นที่ตั้งของพระเจดีย์ซึ่งบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ที่อัญเชิญมาจากเมืองกบิลพัสดุ์ ประเทศอินเดีย พระบรมบรรพตภูเขาทองจัดเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ ไม่เพียงแต่ในเมืองไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกอีกด้วย

    ที่มา http://www.bangkokgoguide.com/golden-mount.php

    <!-- / message -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ตุลาคม 2007
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เนื่องในวันออกพรรษาที่จะถึงนี้ กระผมขออนุญาตนำเรื่องตำนานของบั้งไฟพญานาค ว่ามีต้นกำเนิดเป็นมาอย่างไร มาเล่าสู่กันฟังดังนี้ครับ

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    "เมืองบาดาล ใต้ลำน้ำโขงซึ่งเป็นภพซ้อนภพ คือ เป็นภพละเอียด ของนาค ซ้อนอยู่ในภพหยาบของโลกมนุษย์ และครอบคลุม ดินแดนทั้งฝั่งไทยลาว"​

    ย้อนอดีตไปเมื่อประมาณ ๕,๐๐๐ ปี มีอาณาจักรโบราณแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่บริเวณริม แม่น้ำโขงทั้ง ๒ ฝั่ง อาณาจักรแห่งนี้มีความ เจริญรุ่งเรืองมาก ชาวเมืองอยู่เย็นเป็นสุข ประชาชนมีจิตใจงดงาม เป็นคนดี มีศีลธรรม เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน มีความเคารพ กันตามลำดับอาวุโส ความดีงามเหล่านั้นก็ยัง สืบทอดมาเป็นวัฒนธรรมสองแผ่นดินไทย ลาวจนถึงในปัจจุบัน ลูกมีความกตัญญูต่อบิดา มารดา เลี้ยงดูท่านให้อยู่ดีมีสุข เกิดความ อบอุ่น ไม่ทอดทิ้งท่าน ให้อยู่โดดเดี่ยวเดียวดาย ลำบากลำบน

    <TABLE id=Table_01 height=450 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>​

    พระราชาปกครองบ้านเมือง ด้วยทศพิธราชธรรม ในสมัยนั้นพระพุทธศาสนายังไม่เกิดขึ้น ประชาชนนับถือคัมภีร์ไตรเพทของศาสนาพราหมณ์ ไตรเพทประกอบด้วยคัมภีร์ ๓ เล่ม คือ ฤคเวท ยชุรเวท และสามเวท

    ฤคเวท เป็นคัมภีร์ที่ว่าด้วยบทสวด สรรเสริญความยิ่งใหญ่ดีงามของเทพเจ้า ยชุรเวท เป็นคัมภีร์ที่ว่าด้วยบทสวดอ้อนวอน ในพิธีฆ่าสัตว์บูชายัญ เพื่อให้เทพเจ้าเกิดความเมตตาสงสารรักใคร่

    สามเวท เป็นคัมภีร์ที่ว่าด้วยบทเพลงสำหรับสวดหรือร้องเป็นทำนอง ให้เทพเจ้าเพลิดเพลินเคลิบเคลิ้มในพิธีฆ่าสัตว์บูชายัญ เชื่อว่าเมื่อเทพเจ้าเพลิดเพลินเคลิบเคลิ้ม ก็จะได้ประทานพรให้โดยง่าย
    <TABLE cellPadding=5 width=200 align=left border=0><TBODY><TR><TD><TABLE id=Table_01 height=188 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    พระราชามีปุโรหิตสำคัญท่านหนึ่ง เป็นผู้มีจิตใจดีงาม มีปัญญามาก ชำนาญแตกฉาน ในไตรเพท ก่อนจะมาเกิดเป็นปุโรหิต ท่านเคยสร้างบารมี โดยตั้งความปรารถนา ที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต แต่อยู่ในระดับนึกในใจ ยังไม่เคยเปล่งวาจา หรือชักชวนใครให้ร่วมสร้างบารมีด้วย หลังจากนั้น ก็เวียนว่ายตายเกิด จนมาเป็นปุโรหิตในเมืองนี้

    ท่านปุโรหิตมีหน้าที่ประกอบพิธีกรรม บวงสรวงพญานาค โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ ฝนตกต้องตามฤดูกาล เพราะประชาชนส่วน มากมีความเชื่อว่า นาคเป็นผู้ให้น้ำ
    นอกจากนี้ ยังมีหน้าที่เป็นที่ปรึกษา ราชการของพระราชา คอยแนะนำให้พระราชา บริจาคทานให้แก่คนยากจนมิได้ขาด ตัวท่าน เองก็มักจะบริจาคทานเป็นประจำ นอกจากนี้ ยังมีหน้าที่ตัดสินคดีความ ซึ่งท่านก็ปฏิบัติ หน้าที่อย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมอีกด้วย
    <TABLE cellPadding=5 width=200 align=left border=0><TBODY><TR><TD><TABLE id=Table_01 height=188 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    ท่านปุโรหิตมีใจผูกพันกับพญานาคมาก จึงตั้งใจประกอบพิธีกรรมบวงสรวงทุกปี เมื่อ หมดอายุขัย ด้วยจิตที่ผูกพัน จึงได้ไปบังเกิด เป็นพญานาค มีชื่อว่า โอฆินทรนาคราช มีกาย สีทองสวยงามมาก และได้เป็นผู้ปกครองชุมชน นาคในระดับภุมเทวา ณ เมืองบาดาล ใต้ลำน้ำ โขงซึ่งเป็นภพซ้อนภพ คือ เป็นภพละเอียด ของนาคซ้อนอยู่ในภพหยาบของโลกมนุษย์ และครอบคลุมดินแดนทั้งฝั่งไทยลาว



    <TABLE cellPadding=5 width=200 align=left border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE>
    มเหสีของโอฆินทรนาคราช อดีตเป็น ราชธิดาของกษัตริย์โบราณแถบลุ่มแม่น้ำ โขงเช่นกัน เธอเป็นผู้มีจิตใจงดงาม โอบอ้อม อารี มีเมตตา ชอบช่วยเหลือคนทุกข์ยาก แต่ ในสมัยนั้นพระพุทธศาสนายังไม่บังเกิดขึ้น ประชาชนมีความเชื่อในเรื่องเทพเจ้าแห่งลำน้ำ จึงมักจะทำพิธีกรรมบวงสรวงเทพนาคราช เป็นประจำทุกปี ด้วยจิตใจผูกพันกับเทพเจ้า แห่งลำน้ำ เมื่อละโลกแล้ว จึงไปเกิดเป็นอัครมเหสีของเทพเจ้าแห่งลำน้ำ คือ โอฆินทรนาคราชนั่นเอง

    ขณะเกิด เธอเกิดแบบโอปปาติกะเช่น เดียวกับโอฆินทรนาคราช คือเกิดแล้วโตทันที และเกิดบนแท่นบรรทมของโอฆินทรนาคราชด้วย เป็นนางนาคมาณวิกาสาวทันที โอฆิน ทรนาคราชได้พบนางก็ทราบทันทีว่า นางคือ นางแก้วผู้มาเกิดเป็นมเหสีคู่บุญของตน จึงได้สถาปนาให้เป็นอัครมเหสี ต่างอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ตุลาคม 2007
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>​

    "มธุรนาคราช ชื่อนี้ถือนิมิตจากผิวพรรณของท่านว่าเหมือนสี น้ำผึ้ง คือ เป็นสีน้ำตาลทองเข้มๆ ซึ่งเป็นอานิสงส์แห่งการถวาย น้ำผึ้งครั้งเป็นมนุษย์"

    <TABLE id=Table_01 height=375 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD><TD rowSpan=2>[​IMG]</TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    ย้อนอดีตไปเมื่อ ๓,๐๐๐ ปีที่แล้ว ณ หมู่บ้านชนบทแห่งหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง ในยุคนั้น ผู้คนทั้งหลายมีความเชื่อว่า วิญญาณ ของบรรพบุรุษหลังจากตายแล้วไม่สูญ จะคอยติดตามคุ้มครองดูแลลูกๆ หลานๆ ต่อไป แล้วก็มีความเลื่อมใสในเรื่องเทพเจ้าแห่งลำน้ำ ซึ่งปัจจุบันความเชื่อเหล่านี้ก็ยังคงอยู่
    ในครั้งนั้น มีชายหนุ่มคนหนึ่งอาศัยอยู่ ในหมู่บ้านนั้น มีอาชีพหาของป่าและตัดฟืน ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเช่นเดียวกับผู้คนในยุค สมัยนั้น

    ต่อมาวันหนึ่ง มีพระดาบสเหาะมาจาก ป่าหิมพานต์ มาบำเพ็ญพรตที่ใต้ร่มไม้ใหญ่ บริเวณริมฝั่งโขง ซึ่งไม่ไกลจากหมู่บ้านแห่งนั้นนัก

    ดาบสผู้นี้มีลักษณะสง่างาม ผิวพรรณวรรณะผ่องใส มีรัศมีพวยพุ่งออกมารอบกาย แม้จะมีอายุเป็นพันปีแล้ว ก็ยังดูหนุ่มแน่น ท่านได้บรรลุฌาน ๔ อภิญญา ๕ สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้

    วันหนึ่ง ชายหนุ่มผู้นั้นเข้าป่า เพียงลำพังเพื่อหาน้ำผึ้ง เขาได้ น้ำผึ้งมาเต็มกระบอกไม้ไผ่ เมื่อได้ มาพบดาบสนั้น เห็นรัศมีผิวพรรณ ของท่านผ่องใส ก็มีจิตเลื่อมใส ได้ถวายน้ำผึ้งแก่ดาบส โดยวางไว้ตรงหน้า โดยคิดว่าดาบสท่านนี้ คงเป็นเทพยดาที่อยู่บริเวณนั้น เป็นแน่
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width=200 align=left border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    ดาบสท่านนี้ เป็นผู้สำเร็จแล้ว แม้ไม่ต้อง ขบฉันอาหารเยี่ยงคนทั่วไป แต่ก็รับไว้ด้วย อาการดุษณีภาพ คือ นั่งเฉยๆ เพื่ออนุเคราะห์ แก่ชายหนุ่ม

    หลังจากชายหนุ่มกลับไปถึงหมู่บ้านแล้ว ก็เล่าเรื่องราวที่ไปพบดาบส ซึ่งตัวเองเข้าใจว่า เป็นเทพยดาให้เพื่อนบ้านฟัง

    วันรุ่งขึ้น ชายหนุ่มก็พาเพื่อนบ้านกลุ่ม ใหญ่มา เพื่อจะสักการะดาบส ได้เตรียมอาหาร หวานคาวมาด้วย แต่ดาบสไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว จึงพากันวางอาหารหวานคาวและเครื่อง สักการะต่างๆ เป็นการเซ่นสรวงสถานที่ที่ ดาบสเคยนั่ง คือ ตรงใต้ต้นไม้ใหญ่นั่นเอง

    ในใจของชายหนุ่มนั้น ยังคงมีความปีติ และประทับใจในการที่ได้พบ ได้ถวายน้ำผึ้งแก่ดาบสผู้สำเร็จนั้น เมื่อใกล้จะละโลก เขาได้เห็นนิมิตภาพที่ตนเองเคยถวายน้ำผึ้ง รวมกับความผูกพันที่มีต่อสายน้ำโขง และความเชื่อต่อเทพเจ้าแห่งลำน้ำ ดังนั้นเมื่อละโลกแล้ว จึงไปเกิดเป็นบุตรของพญานาคราชโอฆินทร* ณ เมืองบาดาลใต้สองผืนแผ่นดิน ไทยลาว บริเวณลุ่มแม่น้ำโขง โดยเกิดแบบโอปปาติกะ บนตักของอัครมเหสี พญานาคราชดีใจ ที่ได้บุตรผู้มีบุญญาธิการ ได้ทำพิธีสมโภช และขนานนามแก่บุตรว่า มธุรนาคราช

    ชื่อนี้ถือนิมิตจากผิวพรรณของท่านว่า เหมือนสีน้ำผึ้ง คือ เป็นสีน้ำตาลทองเข้มๆ ซึ่ง เป็นอานิสงส์แห่งการถวายน้ำผึ้งครั้งเป็นมนุษย์ เมื่อเจริญวัยขึ้นมา ผิวพรรณกลับเปล่งปลั่ง เป็นสีทอง เหล่านาคทั้งหลายจึงขนานนาม ท่านว่า สุวรรณมธุรนาคราช แปลว่าพญานาค น้ำผึ้งทอง

    ฝ่ายชาวบ้านที่มีจิตเลื่อมใสในพระดาบส และตามมาสักการะแต่ไม่พบ ภายหลังได้มา เกิดเป็นบริวารของสุวรรณมธุรนาคราช โดยเกิดเป็นนาคในกำเนิดต่างๆ ตามกำลังบุญ ของตน ซึ่งมีทั้ง ๔ กำเนิด คือโอปปาติกะ (เกิดแล้วโตทันทีเช่นเดียวกับเทวดานางฟ้า) สังเสทชะ (เกิดจากเหงื่อไคล หรือที่ชื้นแฉะโสโครก) ชลาพุชะ (เกิดในครรภ์เช่นเดียวกับมนุษย์) และอัณฑชะ (เกิดในฟองไข่เช่นเดียวกับงูทั่วไป)

    <TABLE id=Table_01 height=375 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    เมื่ออายุเกือบ ๕๐๐ ปี ซึ่งเป็นช่วงอยู่ในวัยรุ่น มธุรนาคราชได้ติดตามพญานาคราช โอฆินทร บิดา ขึ้นไปบนพื้นดิน และได้เห็นเหตุการณ์วันเทโวโรหณะ๑ ขณะพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเปิดโลกด้วย ในวันนั้นเอง โดยพุทธานุภาพทำให้สัตวโลกทั้งหลายใน ภพสาม นอกจาก จะแลเห็นพุทธลักษณะ อันงดงามและฉัพพรรณรังสีอันสว่างไสวรอบพระวรกายแล้ว ทั้งสัตว์นรก มนุษย์และเทวดา ยังสามารถเห็นซึ่งกันและกันอย่างชัดเจน อีกด้วย

    ครั้งนั้น ทั้งพญานาคและมนุษย์ เมื่อได้ ยลพุทธลักษณะต่างบังเกิดความศรัทธาเคารพ เลื่อมใสในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงต่างตั้งใจ บูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตามสติปัญญา และอานุภาพของตน
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width=200 align=left border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    เมื่อเวลาผ่านไป ราชบุตรโตเต็มที่ ถึงเวลา ที่จะต้องมีดวงแก้วประจำตัวเกิดขึ้น โอฆินทรนาคราชผู้เป็นพระราชาจึงให้บุตรชายไปจำศีล ณ สะดือแม่น้ำโขง

    หลังจากรักษาศีลจนกระทั่งถึงคืนวันเพ็ญ ด้วยบุญที่ถวายน้ำผึ้งแก่ดาบส ทำให้ดวงแก้ว ประจำตัวบังเกิดขึ้นโดยง่าย มีความสว่างไสวยิ่งนัก ซ้ำยังบันดาลให้เกิดวิมานทอง ตลอดจน สมบัติมากมาย ณ บริเวณสะดือแม่น้ำโขง นั่นเอง โอฆินทรราชาแห่งนาครู้ว่า บุตรของตน มีบุญญาธิการมาก จึงได้ยกตำแหน่งพระราชา ให้ปกครองนาคพิภพแทนตนสืบไป

    อัครมเหสีของสุวรรณมธุรนาคราชนั้น อดีตชาติเคยเกิดเป็นพระราชธิดาของพระเจ้า ไชยเชษฐาธิราช อดีตกษัตริย์ผู้ปกครองอาณา จักรล้านช้าง
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width=200 align=left border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    พระองค์มีราชธิดา ทั้งหมด ๓ พระองค์ องค์ที่เป็นอัครมเหสีของสุวรรณมธุรนาคราช นั้น เป็นราชธิดาองค์กลาง ขณะเป็นมนุษย์มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา ได้สร้างพระสุกไว้ แต่ไม่ค่อย ได้เจริญสมาธิภาวนา และยังมีความเลื่อมใสศรัทธา ในเรื่องอานุภาพของพญานาค อย่างแรงกล้า ตามความเชื่อดั้งเดิมของบรรพบุรุษ เมื่อละโลกแล้วได้ไปบังเกิดเป็นนางนาคในภพบาดาล ในกำเนิดโอปปาติกะ โดยเกิดบนแท่นบรรทม ของสุวรรณมธุรนาคราชเมื่อสุวรรณมธุรนาคราช ได้พบก็ทราบทันทีว่า เธอคือนางแก้วคู่บุญของตน ถึงแม้ว่านางจะมาทีหลังมเหสีองค์อื่น แต่เธอก็มีบุญญาธิการมากที่สุด จึงได้รับการสถาปนา ไว้ในตำแหน่งอัครมเหสี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ตุลาคม 2007
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    "พวกกำเนิดแบบโอปปาติกะนั้น เป็นพญานาคชั้นปกครองปกครองประชากรนาคด้วยระบบบุญญาธิปไตร โดยถือหลักผู้มีบุญมาก ปกครองผู้มีบุญน้อย "

    <TABLE id=Table_01 height=375 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    ความเป็นอยู่และการ ปกครองของนาคราชในอาณา จักรต่างๆ ของภพบาดาลใต้ แม่น้ำโขง ครอบคลุมมาถึงใต้ แผ่นดินที่เป็นปริมณฑลกว้าง ใหญ่ ทั้งฝั่งไทยและลาว ยาว ตลอดลำน้ำโขง บริเวณสะดือ แม่น้ำโขงซึ่งอยู่ตรงกับอำเภอ โพนพิสัย จังหวัดหนองคาย ถือว่า เป็นศูนย์กลางการปกครองของ ภพบาดาล ทั้งใต้น้ำและใต้ดิน
    การปกครองของพญานาค
    พญานาคมีการปกครองด้วยระบอบ บุญญาธิปไตย คือ ผู้มีบุญมากปกครองผู้มี บุญน้อย ลำดับชั้นปกครอง ได้แก่
    พวกกำเนิดแบบโอปปาติกะ ปกครอง พวกกำเนิดแบบสังเสทชะ

    พวกกำเนิดแบบสังเสทชะ ปกครอง พวกกำเนิดแบบชลาพุชะ

    พวกกำเนิดแบบชลาพุชะ ปกครอง พวกกำเนิดแบบอัณฑชะ เป็นไปตามลำดับ
    ลักษณะของพญานาคแต่ละกำเนิด

    <TABLE id=Table_01 height=375 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    พวกกำเนิดแบบอัณฑชะ คือ เกิดใน ฟองไข่ ส่วนใหญ่เป็นงูชั้นล่าง เช่น งูเหลือม งูเห่า งูจงอาง เป็นต้น
    พวกกำเนิดแบบชลาพุชะ ดีขึ้นมาหน่อย คือ เกิดในครรภ์ เป็นงูขนาดใหญ่มากขนาดท่อนซุงหลายสิบต้นต่อกันยาวเป็น ร้อยเมตร อยู่ใต้น้ำลึก คนมักจะเรียกว่า งูเทพเจ้า
    พวกกำเนิดแบบสังเสทชะ ก็ดีขึ้นมาอีก พวกนี้จะเป็นกึ่งสัตว์เดรัจฉานและกึ่งทิพย์ เมื่อ อยู่ในเมืองบาดาลสามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ ได้ โดยจะทำหน้าที่เป็นบริวารรับใช้อยู่ในวิมาน ที่ภพบาดาลของพวกโอปปาติกะ
    ส่วน พวกกำเนิดแบบโอปปาติกะ นั้น เป็นพญานาคชั้นปกครอง ปกครองประชากรนาคด้วยระบอบบุญญาธิปไตย โดยถือหลักผู้มี บุญมาก ปกครองผู้มีบุญน้อย

    อายุขัยของพญานาค

    พญานาคใต้แม่น้ำโขง เป็นพญานาค ระดับภุมเทวาประเภทหนึ่ง ซึ่งมีอายุแตกต่าง กันตามกำลังบุญ พวกกำเนิดแบบโอปปาติกะจะมีอายุประมาณ ๕,๐๐๐ - ๑๐,๐๐๐ ปี
    พวกกำเนิดแบบสังเสทชะ เกิดจาก เหงื่อไคล ในน้ำที่หมักหมม จะมีอายุประมาณ ๑,๐๐๐ - ๕,๐๐๐ ปี

    พวกกำเนิดแบบชลาพุชะ เกิดในครรภ์ หรือประเภทงูเทพเจ้า จะมีอายุประมาณ ๑๐๐ - ๕๐๐ ปี

    พวกกำเนิดแบบอัณฑชะ เกิดในไข่ เป็นงูสามัญ จะมีอายุ ๑๐ ปีบ้าง ๒๐ ปีบ้าง ๓๐ ปีบ้าง
    การแปลงกายเป็นมนุษย์

    พวกเกิดแบบโอปปาติกะ สามารถแปลงกายได้ทั้งขณะอยู่บนบกและอยู่ในน้ำ

    พวกกำเนิดแบบสังเสทชะ ซึ่งเกิดในเมืองบาดาล แปลงกายได้เฉพาะขณะอยู่ในเมืองบาดาล ถ้าหากออกพ้นเมืองบาดาลก็จะกลายร่างเป็นนาคเหมือนเดิม

    พวกกำเนิดแบบชลาพุชะ และอัณฑชะล้วนแปลงกายไม่ได้ เพราะบุญน้อย ฤทธิ์ก็น้อย ตาม จึงอยู่ในสภาวะของงูตลอดไป

    อาหารของพญานาค

    พวกกำเนิดแบบอัณฑชะ หรืองูทั่ว ๆ ไป จะกินพวกกบเขียดปลาเล็กๆ เป็นอาหาร

    พวกกำเนิดแบบชลาพุชะ หรืองูเทพเจ้า จะกินปลาใหญ่เป็นอาหาร

    พวกกำเนิดแบบสังเสทชะ และโอปปา ติกะ จะกินอาหารทิพย์ที่เกิดจากบุญภายใน วิมานตนเองใต้ภพบาดาล

    วิมานในภพบาดาล
    เป็นทองคำ พื้นรอบนอกวิมานจะเป็นทรายเงิน ทรายทอง ทรายแก้ว ตามกำลังบุญของเจ้าของวิมาน ภายในวิมานจะมีคลังเก็บสมบัติ ทั้งที่เป็นหีบแก้วแหวนเงินทอง และรัตนชาติ บางส่วนก็เป็นสมบัติโบราณ ที่ตนเองมีหน้าที่เก็บรักษา เช่น พระพุทธรูปโบราณที่จมลงไปในดิน หรือสิ่งก่อสร้างสำคัญของวัดวาอารามที่ปรักหักพัง หรือเทวรูปต่างๆ
    มีเรื่องเล่าในพระไตรปิฎก เกี่ยวกับอดีต ชาติของพระรัฐปาล๕ ซึ่งคัดย่อเฉพาะเนื้อหา ที่เกี่ยวข้องกับพญานาคว่า มีพระดาบสองค์ หนึ่งได้เห็นสมบัติอันอลังการของพญานาค ก็ กลับไปเล่าให้โยมอุปัฏฐากฟัง โยมอุปัฏฐาก ก็เชื่อพระดาบสนั้น จึงปรารถนาสมบัติพญานาค เมื่อทำบุญก็จะอธิษฐานให้ไปเกิดในภพพญานาค เมื่อตายแล้วก็ได้ไปเกิดเป็น พญานาคสมดังใจที่ได้อธิษฐานไว้
    <TABLE cellPadding=5 width=200 align=left border=0><TBODY><TR><TD><TABLE id=Table_01 height=188 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>หน้าที่ของพญานาค
    นาคพวกกำเนิดแบบอัณฑชะ มีความเป็นอยู่เหมือนงูทั่วไป

    พวกกำเนิดแบบชลาพุชะ เป็นงูเทพเจ้า มีหน้าที่เฝ้าสถานที่สำคัญ เช่น วัดวาอาราม เก่าๆ หรือเฝ้าสมบัติโบราณ นักขุดสมบัติมักจะ เจองูใหญ่ประเภทนี้ไล่ขบกัด ต้องวิ่งเผ่นหนีกัน กระเจิดกระเจิง บางทีก็มาเข้าฝันเจ้าของสมบัติ ว่า อยากจะไปเกิดแล้ว ให้มาขุดเอาสมบัติไป ก็มี เช
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ตุลาคม 2007
  20. bnbk

    bnbk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,047
    ค่าพลัง:
    +15,613

แชร์หน้านี้

Loading...