การให้อันยิ่งใหญ่ขององค์มกุฎราชกุมาร

พระองค์ทรงตระหนักในความสำคัญของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศให้มีคุณภาพ จึงมุ่งส่งเสริมการศึกษาของเยาวชนมาโดยตลอด ...



แม้จะทรงเจริญพระชนมายุครบ 57 พรรษาแล้วในปีนี้ แต่ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ยังทรงเป็นองค์รัชทายาทที่ดูสมาร์ตและแข็งแรงเป็นยิ่งนัก ทั้งนี้เนื่องจากทรงมีพระ วินัยอย่างเคร่งครัดในการดูแลรักษาพระสุขภาพพลานามัยให้แข็งแรง ด้วยการออกกำลังพระวรกายเป็นประจำทุกวันมิได้ขาด เพราะทรงตระหนักเป็นอย่างดีว่า สุขภาพเป็นเรื่องสำคัญของคนเราที่จะทำให้ดำรงชีวิตอยู่อย่างมีความสุข ดังพุทธภาษิตที่ว่า "อโรคยาปรมาลาภา" คือ ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ

และจากการที่สมเด็จพระบรมโอรสา ธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพนี้เอง พระองค์ก็มิได้ลืมนึกถึงสุขภาพและชีวิตความเป็นอยู่ของพสกนิกรชาวไทยด้วย ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจต่างๆเพื่อสร้างชีวิตของพสกนิกรให้ดีขึ้น จากการที่ทรงรับเป็นองค์นายกกิตติมศักดิ์ของมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ซึ่งมีอยู่ทั่วประเทศ ด้วยทรงมีพระราชปณิธานที่จะให้โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชทุกแห่ง เป็นศูนย์กลางการรักษาพยาบาลพสกนิกรของพระองค์ ให้ปลอดภัยจากโรคภัยโดยทั่วถึงและเสมอหน้ากัน โดยทรงรับเป็นแม่งานใหญ่ในการจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลต่างๆที่ขาดแคลน โดยเฉพาะในจังหวัดชายแดนทางภาคใต้ของไทย อีกทั้งยังได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมเยียนราษฎรที่ยากไร้ และประสบปัญหาความเดือดร้อนจากภัยพิบัติ เพื่อจะได้ทรงทราบปัญหาและความต้องการของประชาชนจากพระเนตรพระกรรณของพระองค์เอง



แต่การจะแก้ปัญหาต่างๆอย่างยั่งยืนได้นั้น ก็ต้องแก้ที่การศึกษาหรือความไม่รู้หนังสือ ด้วยการให้คนมีปัญญานั่นเอง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร จึงทรงให้ความสำคัญในเรื่องของการศึกษาของประชาชนชาวไทยด้วย เพราะการศึกษาคือรากฐานอันสำคัญยิ่งในชีวิตของมนุษย์ทุกคน โดยจะเสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานปริญญาบัตรแก่นักศึกษาสถาบันราชภัฏทั่วประเทศเป็นประจำทุกปี ที่สำคัญคือทรงสนับสนุนและเป็นกำลังพระทัยให้พระโอรสและพระธิดาได้รับการศึกษาอย่างเต็มความสามารถ โดยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกทางกฎหมาย จากมหาวิทยาลัยคอร์แนลล์ ประเทศสหรัฐอเมริกา, พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงคว้าเกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญทอง จากคณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขณะที่พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ กำลังศึกษาชั้นอนุบาลปีที่ 2 โรงเรียนจิตรลดา

ด้วยทรงตระหนักในความสำคัญของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศให้มีคุณภาพ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร จึงมุ่งส่งเสริมการศึกษาของเยาวชนมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องในโอกาสวันพระราชสมภพ ปี พุทธศักราช 2552 นี้ พระองค์ท่านจึงทรงมีพระราชดำริให้จัดทำ "โครงการทุนการศึกษาสมเด็จพระบรม โอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร" ขึ้น เพื่อนำพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์และเงินจากผู้บริจาคโดยเสด็จพระราชกุศล มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด



โดย พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ ในฐานะรองประธานกรรมการโครงการฯ ได้รับสั่งเล่าถึง "โครงการทุนการศึกษาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร" ว่า สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงมีพระราชปณิธานอันมุ่งมั่นในการเสริมสร้างโอกาสทางการศึกษาให้กับเยาวชนไทยที่มีฐานะยากจนและลำบาก แต่มีความประพฤติและความสามารถในการศึกษา ให้ได้รับโอกาสทางการศึกษาที่มั่นคงและต่อเนื่อง ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจนสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี ตามความสามารถของแต่ละคน เพื่อจะได้นำความรู้ความสามารถและประสบการณ์ที่ได้รับไปใช้ให้เกิดประโยชน์และมีคุณภาพแก่ครอบครัว ท้องถิ่น และสังคมไทยต่อไปในอนาคต

โดยทุนการศึกษาพระราชทานในครั้งนี้ นับเป็นทุนที่ยั่งยืน ที่จะสร้างความรู้ สร้างโอกาส ตลอดจนพัฒนาศักยภาพให้กับเยาวชน เพราะเป็นการให้ทุนอย่างต่อเนื่อง โดยจะพระราชทานแก่เด็กยากจนที่เรียนอยู่ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายสายสามัญและสายอาชีพ ซึ่งมีผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์ดี และมีความประพฤติดี ปฏิบัติตนอยู่ในกรอบจริยธรรม ศีลธรรม ได้มีโอกาสเรียนต่อไปจนสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี ที่สำคัญคือ เป็นทุนพระราชทานที่ผู้รับไม่มีภาระผูกพันต้องใช้ทุนคืน อีกทั้งเมื่อจบการศึกษาแล้ว ยังเปิดโอกาสให้สมัครเข้าทำงานเป็นข้าราชบริพารได้ตามความสมัครใจอีกด้วย ทั้งนี้ผู้ได้รับทุนพระราชทานที่ได้รับคัดเลือกจากทั่วประเทศ จังหวัดละ 2 คน รวม 152 ราย จะเข้ารับพระราชทานทุนการศึกษาเป็นรุ่นแรกจากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ในวันที่ 28 กรกฎาคมนี้ ณ ศาลามิตราภิรมย์ วังศุโขทัย



พระเมตตาและพระกรุณาธิคุณที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอด ทั้งในเรื่องของสุขภาพอนามัย การศึกษา ถือเป็นการสร้างคนที่ให้ประโยชน์สูงสุด และในวโรกาสคล้ายวันพระราชสมภพครบ 57 พรรษา ในวันที่ 28 กรกฎาคม ศกนี้ ปวงข้าพระพุทธเจ้า ขอน้อมเกล้าฯ ถวายพระพรชัยขอทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ทรงมีพระพลานามัยที่แข็งแรง และทรงเป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยตลอดกาลนาน...




ที่มา ไทยรัฐออรไลน์