ตัวอย่างการอ่านไพ่กับคำถาม "เรียนต่อปริญญาโทดีมั้ย?"

คุณโนะอายุ 39 ปี เธอเป็นคนเก่ง ขยัน และมีความสามารถ แต่เป็นธรรมดาของการทำงานเป็นพนักงานออฟฟิตที่เมื่อถึงจุดๆหนึ่ง หัวใจของเธอก็เริ่มร่ำร้องที่ต้องการจะเป็นอิสระจากระบบเจ้านายลูกน้อง และมีความปรารถนาที่จะเป็น Entrepreneur แต่คุณโนะเธอก็เหมือนพนักงานบริษัททั่วไปนั่นแหละครับ คือเธอต้องการมีกิจการเป็นของตัวเอง แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอมี

ประเด็นแรกสุดที่เธอเริ่มสงสัยเกี่ยวกับตัวเองคือ “ตกลงแล้ว เธอรักที่จะเป็นอะไรกันแน่?” เธอทำงานประจำตั้งแต่เรียนจบ แล้วก็เฝ้าฝันว่าสักวันต้องต้องมีวันของเธอ วันที่เธอไม่ต้องตื่นแต่เช้าและกลับบ้านดึกดื่นค่ำมืด ชีวิตที่ไม่ต้องร่ำรวยเฉพาะวันเงินเดือนออก ชีวิตที่เป็นอิสระจากการเดินตามความฝันของคนอื่น เธอเพียรพยายามค้นหาคำตอบ ถามตัวเองมานานหลายปีเกี่ยวกับชีวิตการทำงานที่เหลือของเธอ และแน่นอนครับ เธอก็ลงเอยเหมือนกับพนักงานส่วนใหญ่เป็น คือเธอไม่รู้ว่าจะเริ่มทำอะไร?

นานวันเข้าจากความต้องการอันแน่วแน่ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นความลังเล จังหวะเวลาที่เธอรอคอยไอเดียนั้นใช้เวลานานเกินไป เธอเริ่มแช่แข็งตัวเองด้วยการทำงานแบบขอให้ผ่านไปวันๆ ความกังวลเรื่องอนาคตของคุณโนะถูกปกปิดด้วยการทำงานในปัจจุบันอย่างเต็มที่ ทั้งๆที่หัวใจของคุณโนะเหนื่อยล้าเต็มที่

ตั้งเป้าหมายถูก ป้ายบอกทางก็ถูก!

ช่วงเวลาที่คุณโนะกำลังหมดแรงในการค้นหาไอเดีย ก็เหมือนฟ้าประทานแสงมาให้ เพื่อนของคุณโนะชวนคุณโนะไปศึกษาต่อปริญญาโท และคุณโนะคิดว่าถ้าปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับงานไปเรื่อยๆแบบนี้้ก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น ถ้าอย่างน้อยการศึกษาสามารถทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนแปลงไปได้ ทำไมเธอจะต้องปฏิเสธหละ

คุณโนะเป็นคนที่เก่ง ฉลาด และมีความรอบรู้ ดังนั้นเธอจึงตั้งเป้าที่จะเข้าคณะคณะหนึ่งให้ได้ (ขอโทษครับ ผมลืมถามว่าคณะอะไร) และเมื่อผลสอบปรากฏออกมากลับน่าพิศวงประดุจดูรายการคนอวดผียิ่งนัก เพราะคุณโนะพลาดคณะที่ตัวเองปรารถนา แต่คะแนนกลับถึงในคณะที่ 2 ที่เธอเลือกไว้พอดิบพอดี Happy Ending

ประเด็นของเรื่องนี้ก็คือเธอรู้ตัวเองดีว่าเธอต้องการเรียนอะไร แต่ในเมื่อช่วงจังหวะมันลงเอยให้เธอได้เรียนในคณะที่เธอไม่ได้สนใจเอาไว้ เธอควรจะตัดสินใจอย่างไรดี? ระหว่างการตัดสินใจเรียนในคณะที่เธอรู้สึกเฉยๆ อดทนทำงานไปด้วยควบคู่กัน 2 ปี จากนั้นก็ได้รับปริญญาพร้อมกับเพื่อนที่ชวนเธอ หรือว่าจะตัดสินใจไม่เรียนแล้วรออีกครึ่งปีสำหรับการสอบเข้าคณะภาควิชาที่ตัวเองหมายปองอีกครั้ง ไม่ว่าเลือกทางไหน มันก็เป็นการเลือกแบบ Make your choice (ทางเลือกและค่าเสียโอกาส) ทั้งนั้น

และเมื่อคุณโนะลังเลและหาคำตอบไม่ได้ Tarot Reader ก็เป็นพระเอก

ก่อนอื่นต้องเข้าใจสถานการณ์ก่อนนะครับ เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย ไม่ได้เป็นเรื่องที่จะทำให้ใครเดือดร้อน แต่เรื่องนี้ก็คือเรื่องที่ตัดสินอนาคตของคนๆหนึ่งเช่นเดียวกัน ดังนั้น ไม่ว่าไพ่ Tarot จะถูกใช้ในกรณีไหน ขอให้ทุกคนพยายามสื่อสารจากความรู้สึกออกมาด้วยความเป็นกลางมากที่สุด และพยายามอย่าใช้ความคิดเห็นของตัวเองใส่ลงไปเด็ดขาด

ผมเรื่มต้นการอ่านไพ่ด้วยการจับไพ่ 1 ใบโดยถามสถานการณ์รวมๆของเหตุการในครั้งนี้ ไพ่ที่ได้คือไพ่ The Lover ก่อนที่ผมจะเฉลยว่าผมทายอะไรออกไป ผมอยากลองให้ท่านผู้อ่านลองใช้ความรู้สึกของตัวเองในการแกะไพ่ใบนี้นะครับ ลองสังเกตุลายละเอียดในไพ่ดูนะครับ ไม่ต้องสนใจความหมาย ทำเหมือนกับว่านี่คือการพบกันครั้งแรกระหว่างคุณกับ The Lover ต่างฝ่ายต่างเป็นคนแปลกหน้าซึ่งกันและกัน เอาหละ คุณรู้สึกอย่างไรบ้างครับเมื่อคุณจ้องมองไพ่ใบนี้



หลังจากเห็นไพ่เพียงชั่วแรกเห็น ความรู้สึกของคุณกำลังบอกอะไรคุณ จั่วไกด์ไลน์ให้อีกครั้ง คุณโนะกำลังลังเลใจกับอนาคตของเธอ และเธอไม่แน่ใจว่าควรจะเรียนต่อหรือรอเพื่อเข้าเรียนในครึ่งปีข้างหน้าดี

ทีนี้ถ้าเราพยายามมองหาคำตอบว่าเธอควรจะเรียนหรือไม่เรียนจากไพ่ใบนี้ เราอาจจะเกิดความลังเลสงสัยว่าเราควรจะทายอย่างไรดี? จะจับประเด็นจากไพ่ตรงไหนมาทาย? แล้วทายอย่างไรจะทำให้เรามั่นใจว่าสิ่งที่เราทำนายคือความจริงในอนาคตจริงๆได้อย่างถูกต้อง

ก่อนอื่นขอให้พยายามอย่าเจาะจงหรือบังคับให้ตัวเองต้องตอบคำถามของคุณโนะ ทำใจสบายๆและให้สัญชาตญาณการหยั่งรู้ของตนเองทำงานด้วยความชิวๆครับ ไม่รู้จะเอาศัพท์ไหนมาอธิบาย แต่ถ้าคุณจับความรู้สึกชั่วแรกเห็นไม่ได้ อันนี้ถือว่าพลาด

ต่อจากนี้ก็คือสิ่งที่ผมรู้สึก และแน่นอนมันอาจจะไม่ตรงกับความรู้สึกของท่านผู้อ่าน แต่ขอให้อ่านเป็นหลักการณ์คร่าวๆครับ

เริ่มขั้นตอนการอ่านไพ่

ผมสะดุดใจกับผู้หญิงในไพ่ทางด้านล่างซ้าย ผมรู้สึกว่าไพ่ใบนี้กำลังแสดงให้ผู้หญิงในไพ่เป็นตัวแทนของคุณโนะ ลองดูสีหน้าของเธอสิครับ เธอดูมีความสุขจากการได้ค้นพบเทวดาที่จู่ๆก็เหมือนมาปรากฏขึ้นตรงหน้า เหมือนเป็นเรื่องปาฏิหารย์ที่ดูจะคล้ายยักษ์ในตะเกียงวิเศษยังไงยังงั้น!!! จากตรงนี้รูปการณ์เหมือนกับที่คุณโนะเล่าเป๊ะ

แล้วผู้ชายในไพ่ทางด้านล่างขวาหละ Who is him?

ท่าทางของเขาเหมือนกับกำลังตั้งคำถามกับผู้หญิง ประมาณว่า “ผมอยู่นี่ ที่รัก คุณมองไปทางไหนกัน” หน้าตาของผู้หญิงมองขึ้นอย่างไม่แครฺสิ่งที่อยู่รอบตัว ทั้งๆที่มีสิ่งๆหนึ่งที่คู่ควรกับเธออยู่ในฐานะเดียวกัน จากไพ่ที่เห็นมาทั้งหมด สรุปได้ทันทีเลยว่าเป้าหมายของคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น กับการศึกษา เป็นคนละเป้าหมายกัน

การศึกษาไม่ใช่เป้าหมาย?

ผมอธิบายกับคุณโนะไปตามความรู้สึก ผมบอกเธอว่าถ้าเธอปรารถนาที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้น เงินเดือนที่เยอะขึ้น หรือได้ทำงานที่ท้าทายและทำให้เธอมีความสุขมากยิ่งขึ้น การศึกษาต่อปริญญาโทไม่ใช่คำตอบสำหรับเธออย่างแน่นอน

ดังนั้นการดูไพ่ทาโรต์ครั้งนี้ คำตอบคือไม่สามารถหาคำตอบที่ชัดเจนได้ครับ ถ้าเธอเลือกที่จะเรียน เธอจะเรียนได้สมใจ ถ้าเธอเลือกที่จะรอ เธอก็ต้องวัดความสามารถของตัวเองอีกครั้งหนึ่ง แต่ประเด็นก็คือเธออยากเป็น Entrepreneur นะครับเท่าที่เธอบอกผม ดังนั้นเป้าหมายของเธอจึงไม่ใช่ปริญญาโท แต่เป็นปริญญาทางไอเดีย ดังนั้นถ้าเธอต้องการมุมมองใหม่ของชีวิต เธอมีทางเลือกสำหรับตัวเองอย่างแน่นอน

ผมแนะนำคุณโนะไปว่าสมมุติคุณโนะชอบอ่านหนังสือเกี่ยวกับจิตวิทยา แต่คุณโนะไม่เคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ รัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ โหราศาสตร์ คอมพิวเตอร์ Fashion บลาๆๆ คุณโนะจะรู้ได้อย่างไรว่าตัวเองชอบหนังสือแนวจิตวิทยาจริงๆ และคุณโนะจะรู้ได้อย่างไรว่าแนวอื่นๆไม่ถูกกับจริตคุณโนะ ดังนั้นถ้าคุณโนะมีช่วงเวลาว่างๆ ควรเพิ่มประสบการณ์ใหม่ๆให้กับชีวิต เช่นไปเดินตลาดจตุจักรเพื่อไปดูชีวิตพ่อค้าแม่ค้าคนอื่น ไปตลาดเิปิดท้ายขายของตามที่ที่ไม่เคยไป ไปเรียนกับศูนย์ฝึกอาชีพ หาเพื่อนใหม่และพูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์ของพวกเขา มีหลายวิธีที่คุณโนะสามารถได้แรงบันดาลใจ ความคิดสร้างสรรค์และแนวทางใหม่ๆโดยไม่ต้องเสียเวลาตั้งสองปี ในขณะเดียวกันถ้าเธอเลือกที่จะเรียน เธอก็จะสามารถสำ้เร็จการศึกษาได้ด้วยความสามารถของเธอ นั่นคือสิ่งที่คุณโนะจะต้องเลือก และจะเลือกอย่างไรนั่นก็เป็นอิสระของคุณโนะ ในขณะเดียวกันคุณโนะก็สามารถเลือกทั้งสองทาง คือเรียนต่อและหาไอเดียไปพร้อมๆกันได้ด้วย (แต่ก็เหนื่อยเป็นหลายเท่า)

หลังจากที่เราคุยกันพักใหญ่ คุณโนะก็เริ่มลังเลใจมากยิ่งขึ้นเกี่ยวกับการเรียนของเธอ คุณโนะบอกว่าไปหาหมอดูมาหลายที่แล้ว และทุกๆที่ก็จะทายคล้ายกันว่าไม่มีดวงการศึกษาขึ้นนะ ทำให้เธอมาดูไพ่กับผมเพื่อช่วยในการตัดสินใจ ส่วนตัวผมนั้นไม่ได้เน้นทายดวงชะตา แต่พยายามดูว่าไพ่ Tarot กำลังบอกอะไรเกี่ยวกับตัวเธอ เรื่องของการตัดสินใจนั้นคงต้องเป็นหน้าที่ของคุณโนะไป

*****

ถ้าให้ผมมองแบบยโสโอหังเลยนะครับ บางครั้งผมรู้สึกว่าระบบการศึกษาล้าหลังกว่าระบบการทำงานจริงเป็นอย่างมาก วิชาการตลาดยังใช้หลัก 4P ในการสอนอยู่เลยทั้งๆที่ปัจจุบันนี้ไปไหนต่อไหนแล้ว ความรู้ใน Internet ยังจะสดใหม่เสียกว่า มี Case Study ที่เป็นรูปธรรมทั้งส่วนบุคคลหรือองค์กรณ์ใหญ่ให้ศึกษา และที่สำคัญระบบการศึกษาไม่สามารถสร้าง Inspiration ได้เลย หรือถ้าวันหนึ่ง ผู้ใหญ่ในวงการการศึกษาตระหนักได้ว่าแรงบันดาลใจนั้นมีความสำคัญมากขนาดไหน ก็อาจจะสร้างวิชาแรงบันดาลใจสำหรับนักธุรกิจก็ได้ แต่เป็นไปได้ยากมาก

ผมมองระบบการศึกษาไม่ต่างอะไรไปจากสินค้าและบริการอย่างหนึ่ง เมื่อเราเสียเงินให้องค์กร เข้าหลักสูตร ทำตามกฏของเขาเหมือนไก่ในสายพานของโรงงานอุตสาหกรรม เมื่อผ่านกระบวนการผลิตก็กลายเป็นสินค้าสำเร็จรูป ได้ความรู้เหมือนๆกัน และคนเหล่านั้นก็ต้องมาแข่งกันเอง แต่ประสบการณ์คือ 0 อยู่ดี สุดท้ายความรู้จริงๆที่จะพาให้มนุษย์เงินเดือนเอาตัวรอดจากการทำงานได้คือความรู้จากประสบการณ์ที่กลั่นมาจากพยาดเหงื่อแรงกาย ไม่ใช่ตำรา!

สำหรับคนที่สนใจ อยากเรียนไพ่ Tarot ฟรีๆแบบไม่ได้ต้องการผลประโยชน์จากผม ที่สคำัญเรียนแบบง่ายๆ ไร้กฏเกณฑ์วิชา
เชิญเข้ามาเสวนากันได้ที่ https://www.facebook.com/vittarot?fref=ts ครับ