"ทุนพระราชทาน"ของขวัญมงคล..วันพระราชสมภพ

"ทุนพระราชทาน" ของขวัญมงคล...วันพระราชสมภพ



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>

</TD></TR></TBODY></TABLE>เป็นอีกวันมหามงคลที่เฉลิมพระเกียรติ วันที่ 28 กรกฎาคม เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ซึ่งในปีนี้พระองค์ทรงเจริญพระชนมายุ 57 พรรษา และเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น เมื่อพระองค์พระราชทานของขวัญอันเป็นมงคลยิ่งแด่นักเรียนที่เรียนดี แต่ขาดโอกาสทางการศึกษา ซึ่งพระองค์ทรงจัดทำ "โครงการทุนการศึกษาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร" ปี 2552

ในการนี้ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์พระวรชายาฯ เสด็จเป็นองค์ประธานในการประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการทุนการศึกษาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ที่ศาลามิตราภิรมย์ วังศุโขทัย

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ฯ มีพระดำรัสเปิดการประชุมความว่า เพื่อร่วมทำงานสนองพระราชดำริในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ในโครงการทุนการศึกษาพระราชทาน เพื่อให้เกิดผลสมบูรณ์จะหาหนทางปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่องตามพระราชปณิธานจะส่งผลให้เยาวชนไทยที่มีฐานะยากจนและลำบาก แต่มีความประพฤติ และความสามารถในการศึกษาได้รับโอกาสทางการศึกษาที่มั่นคงและต่อเนื่อง ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจนสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี เพื่อจะได้นำความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ที่ได้รับไปใช้ให้เกิดประโยชน์ และมีคุณภาพแก่ครอบครัว ท้องถิ่น และสังคมไทยต่อไปในอนาคต <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>

</TD></TR></TBODY></TABLE>

นอกจากนี้ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ฯ มีพระดำรัสอีกว่า ความมุ่งหมายของโครงการทุนการศึกษา คือสร้างความรู้ สร้างโอกาส ตลอดจนพัฒนาความรู้ ความสามารถศักยภาพให้แก่เยาวชนเพื่อเป็นการลงทุนในทรัพยากรบุคคลของชาติต่อไป ในการบริหารหรือจัดการใดๆ จะต้องมีข้อมูลความเข้าใจและแสวงหาหนทางปฏิบัติ ระดมความคิด เพื่อให้การดำเนินการต่างๆ ถูกแนวทางและเข้าเป้าหมาย มีการติดตามผลและปรับแก้ไขงานให้ทันสมัย เหมาะสมอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เป็นไปตามพระราชดำริ

ทั้งนี้ "โครงการทุนการศึกษาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร" ปี 2552 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศให้มีคุณภาพด้วยการส่งเสริมการศึกษาของเยาวชนมาโดยตลอด จึงมีพระราชดำริให้จัดทำโครงการนี้ขึ้น เพื่อนำพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์และเงินจากผู้บริจาคโดยเสด็จพระราชกุศลมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ให้แก่เด็กยากจนเรียนอยู่ในเกณฑ์ดี ประพฤติดี อยู่ในกรอบจริยธรรม ศีลธรรม และตอนนี้มีนักเรียนเพื่อเข้าเฝ้าฯรับพระราชทานทุนการศึกษาในวันที่ 28 กรกฎาคม รวม 152 ราย จำแนกเป็นทุนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายสายสามัญ หรือ ม.4 จำนวน 128 ทุน ทุนละ 18,000 บาทต่อปี และทุนระดับมัธยมตอนปลายสายอาชีพ หรือ ปวช.ปี 1 จำนวน 24 ทุน ทุนละ 22,000 บาทต่อปี ผ่านธนาคารออมสิน รวมจำนวนเงินพระราชทานทั้งสิ้น 2,832,000 บาท และจะได้รับทุนพระราชทานต่อเนื่องไปอีกเป็นระยะเวลา 7 ปี จนจบการศึกษาปริญญาตรี โดยไม่มีภาระผูกพันที่ต้องใช้ทุนคืน และเมื่อจบการศึกษาแล้วยังเปิดโอกาสให้สมัครเข้าทำงานเป็นข้าราชบริพารได้อีกด้วย

โครงการนี้นับเป็นของขวัญพระราชทานที่มงคลยิ่งสำหรับนักเรียนที่ขาดโอกาสทางการศึกษาที่จะมีอนาคตที่ดีในวันข้างหน้า

--------
มติชน
http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01lad01280752&sectionid=0115&day=2009-07-28

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ทุนการศึกษาพระราชทาน...น้ำพระราชหฤทัยในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>27 กรกฎาคม 2552 20:22 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=268 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=268> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>


</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>เนื่องด้วย สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงตระหนักในความสำคัญของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศ ให้มีคุณภาพ ด้วยการส่งเสริมการศึกษาของเยาวชนมาโดยตลอด และด้วยพระราชปณิธานที่มุ่งมั่นในการเสริมสร้างโอกาสทางการศึกษาให้กับเยาวชนไทย ที่มีฐานะยากจนและลำบาก แต่มีความประพฤติดี และใฝ่รู้ในทางการศึกษา ให้สามารถนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับไปใช้พัฒนาคุณภาพชีวิตให้เกิดประโยชน์แก่ตนเอง ครอบครัว ท้องถิ่น และสังคมไทยในภายหน้า


</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=370 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=370> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา เสด็จเป็นองค์ประธานในการประชุม</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>จึงทรงมีพระราชดำริให้จัดทำ “โครงการทุนการศึกษาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร” ขึ้นในปี 2552 เนื่องในโอกาสครบรอบวันคล้ายวันพระราชสมภพ ทรงมีพระชนมายุครบ 57 พรรษา ในวันที่ 28 กรกฎาคมนี้ เพื่อนำพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ และเงินจากผู้บริจาคโดยเสด็จพระราชกุศลมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ภายใต้แนวคิดที่มุ่งพระราชทานทุนการศึกษาให้แก่เด็กยากจนที่เรียนดี ประพฤติดี ปฏิบัติตนอยู่ในกรอบจริยธรรม ศีลธรรม ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายสายสามัญและสายอาชีพ ต่อเนื่องไปจนจบการศึกษาในระดับปริญญาตรีในสาขาวิชาที่สอดคล้องกับความรู้ความสามารถ และความต้องการของผู้เรียน

นอกจากนี้ จะพิจารณาให้ครอบคลุมถึงการพระราชทานทุนการศึกษาระดับปริญญาตรีเป็นแต่ละกรณี โดยไม่มีภาระผูกพันที่ต้องใช้ทุนคืน อีกทั้งเมื่อจบการศึกษาแล้ว ก็จะเปิดโอกาสให้สมัครเข้าทำงานเป็นข้าราชบริพารได้ตามความสมัครใจ


</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=370 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=370> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จลง ณ ศาลามิตราภิรมย์ วังศุโขทัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา ทรงเป็นองค์ประธานในการประชุมคณะกรมการบริหารจัดการทุนการศึกษาพระราชทานดังกล่าว เพื่อพิจารณาผลการกลั่นกรอง คัดเลือก คัดสรร และอนุมัติรายชื่อผู้เข้าเฝ้าฯ รับพระราชทานทุนการศึกษาในวันคล้ายวันพระราชสมภพ 28 ก.ค.52

ในการนี้ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา ทรงมีรับสั่งถึงความมุ่งหมายของโครงการทุนการศึกษาโดยสังเขป ว่า การจัดตั้งโครงการทุนการศึกษาพระราชทานให้สำเร็จเป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่อง ก็เพื่อให้เป็นไปตามพระราชปณิธานอันแน่วแน่ เพื่อให้เยาวชนไทยผู้ด้อยโอกาสและขาดทุนทรัพย์ ได้รับโอกาสทางการศึกษาที่มั่นคงและต่อเนื่อง



</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=370 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=370> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>สำหรับปีนี้ จะทรงพระราชทานทุนให้ ทุกจังหวัดๆ ละ 2 ทุน รวม 152 ทุน ด้วยการจัดสรรสัดส่วนผู้ได้รับพระราชทานทุนการศึกษาทั้งชายและหญิงเท่าๆ กัน จำแนกเป็น ทุนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายสายสามัญ (ม.4) 128 ทุน และ สายอาชีพ (ปวช.ปี 1) 24 ทุน จำนวนเงินพระราชทานทั้งสิ้น 2,832,000 บาท ซึ่งจะได้รับทุนพระราชทานต่อเนื่องไปอีก 7 ปี จนจบปริญญาตรี ซึ่งในแต่ละปีจะมีการติดตามผลการเรียนอย่างใกล้ชิด ตลอดจนการใช้จ่ายทุนอย่างเป็นระบบ ทั้งรายภาคเรียนและรายปีอย่างต่อเนื่อง

ด้านตัวอย่างนักเรียนที่จะเข้ารับพระราชทานทุนในครั้งนี้ ล้วนมาจากครอบครัวที่มีความยากจน และขาดโอกาสทางการศึกษาแทบทั้งสิ้น อาทิ น.ส.อลิษา เกิดคง นักเรียนชั้น ม.4 ร.ร.บางกระทุ่มพิทยา จ.พิษณุโลก ซึ่งมีรายได้หลักจากพ่อที่มีอาชีพรับจ้างทำงานก่อสร้างทั่วไป ได้ค่าจ้างวันละ 100-200 บาท เป็นค่าใช้จ่ายในครอบครัวต่อวัน ไม่มีเงินเหลือเก็บ ส่วนแม่ไม่มีรายได้ เพราะเจ็บป่วย บางวันที่ครอบครัวไม่มีรายได้ ก็ต้องไปเก็บผักที่ปลูกไว้รอบบ้าน มาทำเป็นอาหาร โดยไม่มีข้าวกิน แต่ น้องอลิษา ก็ไม่ย่อท้อต่อสภาพของครอบครัว หลังกลับจากโรงเรียนแล้วจะไปรับจ้างเช็ดกระจก และทำงานที่ร้านขายทองในตลาด ได้รับค่าจ้างวันละ 20 บาท สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการไปโรงเรียน

ถึงแม้ น้องอลิษา จะต้องทำงาน คอยดูแลแม่ที่เจ็บป่วยเพียงไร แต่ก็ไม่ละทิ้งเรื่องการเรียน ทุกวันหลังจากทำงานแล้วต้องอ่านหนังสือจนถึงเที่ยงคืน-ตีหนึ่ง เป็นประจำทุกวัน ด้วยตัวเองมีความใฝ่ฝันว่าในอนาคตอยากเป็นหมอ จึงมุ่งมั่น และอดทนต่อความยากลำบากทุกอย่างที่ถาโถมเข้ามาในชีวิต จึงมีความตั้งใจที่จะเข้าเรียนคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร และกลับมาเป็นหมอที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน เพราะจะได้กลับมาดูแลแม่และเป็นที่พึ่งของครอบครัว
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
-----------
Metro Life - Manager Online