ธุรกิจเบียร์และพุทธศาสนาที่ในประเทศไทย

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 21 มีนาคม 2005.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,695
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,019
    พระสงฆ์ 5 พันรูปบุกตลาดหลักทรัพย์ รวมตัวยื่นคัดค้านเบียร์ช้างเข้าตลาดหุ้น ประกาศแถลงการณ์ชี้ 99% ของปัญหาสังคมมาจากพิษสุรา ย้ำชัดยุติการมอมเมา สกัดอบายมุขเป็นหน้าที่สงฆ์ ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ยอมรับกระแสค้านกดดันหนัก พร้อมเดินหน้าชี้ขาด 23 มี.ค. คาดเครือข่ายต่อต้านรวมพลครั้งใหญ่

    [​IMG]
    ในที่สุดการนำเบียร์ช้างเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ก็ได้สร้างปัญหาให้กับคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งก่อนหน้านี้ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ได้ออกมาคัดค้านการนำธุรกิจเครื่องดื่มมึนเมาเข้าซื้อขายในตลาดหุ้น กระทั่งล่าสุดพระสงฆ์จากทั่วประเทศจำนวน 5,000 รูป ได้มารวมตัวกันที่ตลาดหลักทรัพย์ เพื่อยื่นหนังสือคัดค้านอีกครั้ง

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 18 มีนาคม ที่ผ่านมา ตั้งแต่เวลา 08.30 น. คณะภิกษุสงฆ์ประมาณ 5,000 รูป จากทั่วประเทศได้ทยอยเดินทางยังอาคารตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งตั้งอยู่บนถนนรัชดาภิเษก เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยที่จะรับธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าเป็นบริษัทจดทะเบียน หลังจากที่คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์กำหนดจะพิจารณาการรับหลักทรัพย์ของบริษัท ไทยเบฟเวอร์เรจส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายเบียร์ช้างของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี เข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในวันที่ 23 มีนาคมนี้

    การเดินทางมาของคณะสงฆ์ในครั้งนี้ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.ลุมพินี และ สน.ทองหล่อ จำนวนร่วม 100 นาย ทำหน้าที่อำนวยความสะดวกในเรื่องการจราจรและการรักษาความเรียบร้อย

    กระทั่งเวลา 09.30 น. คณะสงฆ์ได้เดินทางมาถึงโดยพร้อมเพรียงกัน และเริ่มสวดบทยังกิญจิ (บทสวดสำหรับทำน้ำมนต์เพื่อขับไล่สิ่งอัปมงคล) หลังจากนั้นตัวแทนคณะสงฆ์ ได้แก่ พระสุริยะ ปัญญาวชิโร เลขาธิการศูนย์ประสานงานคณะสงฆ์แห่งประเทศไทย (ศปส.) ได้อ่านคำแถลงการณ์ภาษาไทย ก่อนที่จะมีตัวแทนคณะสงฆ์อีกรูปหนึ่งอ่านแถลงการณ์เป็นภาษาอังกฤษ

    ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ต่อมาตัวแทนคณะสงฆ์จากทั้ง 4 ภาค กล่าวสัมโมทนียกถาพิเศษเรื่องอบายมุข หลังจากนั้นได้ยื่นหนังสือคัดค้านอย่างเป็นทางการ โดยมีนางภัทรียา เบญจพลชัย รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นตัวแทนรับมอบ

    พระสุริยะ ปัญญาวชิโร เลขาธิการ ศปส. ได้อ่านแถลงการณ์ว่า ศปส. มีความกังวลเป็นอย่างยิ่งว่า ศีลธรรมอันดีงามของประเทศไทย ตลอดจนสุขภาพสังคม และวัฒนธรรมไทยที่ดีงามจะได้รับความเสียหาย รวมทั้งยังกระทบไปถึงการรักษาความมั่นคงของประเทศชาติ ศาสนา อีกทั้งเป็นการดำเนินการที่ขัดแย้งต่อวาระแห่งชาติของรัฐบาล เรื่องการส่งเสริมให้ประชาชนมีศีลธรรมอันดีงามที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กำหนดไว้ด้วย

    "ปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นในประเทศปัจจุบันนั้น 99.99% มาจากพิษของสุรา ดังนั้น คณะพระภิกษุสงฆ์จากทั่วประเทศจึงได้รวมตัวกัน เพื่อแสดงพลังไม่เห็นด้วยในการนำธุรกิจดังกล่าวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หากจะมีการนำไปจดทะเบียนในต่างประเทศก็เป็นเรื่องของเขา แต่สำหรับประเทศเราก็ต้องดูแลในส่วนประเทศของเราเอง ซึ่งเชื่อว่าการรวมตัวของคณะสงฆ์ในครั้งนี้ น่าจะทำให้ทางตลาดหลักทรัพย์รับฟังความเห็นบ้าง" พระสุริยะ กล่าว

    ส่วนในวันที่ 23 มีนาคม ซึ่งเป็นวันที่คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์จะพิจารณาเรื่องการรับธุรกิจแอลกอฮอล์เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นั้น ทาง ศปส.คงต้องมีการพูดคุยกันภายในอีกครั้งหนึ่งว่า จะมารวมตัวเพื่อแสดงพลังคัดค้านหรือไม่ โดยได้นัดหมายหารือกันในวันที่ 20 มีนาคมนี้

    ด้านพระกิตติญาโณ ภิกขุ กรรมการ ศปส. กล่าวยืนยันด้วยว่า การออกมาคัดค้านครั้งนี้ถือเป็นกิจของสงฆ์อย่างหนึ่งที่พึงกระทำ เนื่องจากพระสงฆ์มีหน้าที่ปลูกฝังศีลธรรมอันดีให้กับชาวโลก ซึ่งก่อนหน้านี้ ศปส. ก็ได้จัดกิจกรรมเทเหล้า เผาบุหรี่มาอย่างต่อเนื่อง และได้รับความร่วมมือจากองค์กรศาสนา ดังนั้น การคัดค้านเรื่องนี้จึงไม่ใช่การกระทำที่แปลกแยกอะไร

    ขณะที่พระพิสิฐ ศรีวิชา พระจากวัดย่านเยาวราช ฉายา "ติชเกี่ยนบ้าว" หนึ่งในพระที่ร่วมเดินทางมาคัดค้านรูปหนึ่ง กล่าวว่า ได้รับฟังข่าวจากตามวิทยุและหนังสือพิมพ์เรื่องการนำธุรกิจแอลกอฮอล์เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งรู้สึกว่าเป็นการไม่สมควรอย่างยิ่ง ประกอบกับได้ข่าวว่าจะมีพระสงฆ์จากทั่วประเทศมารวมตัวกันเพื่อแสดงพลังคัดค้านในวันที่ 18 มีนาคม จึงได้เดินทางมาร่วมด้วย

    "ปกติผู้ขายเหล้าขายเบียร์ก็ร่ำรวยกันพออยู่แล้ว แถมจะเอาเข้าตลาดหุ้นเพื่อขยายกำลังการผลิต ซึ่งอาตมาในฐานะชาวพุทธทนฟังไม่ได้ ปัจจุบันเบียร์ที่ขายกันอยู่นั้นก็ราคาถูกแค่ 3 ขวด 100 บาท หากมีการระดมทุนขยายการผลิตต้นทุนจะถูกลง ราคาขายอาจยิ่งถูกกว่านี้ ซึ่งถือเป็นการมอมเมามากขึ้น ไม่ต่างจากยุคที่อังกฤษบุกประเทศจีนแล้วเอายาฝิ่นไปมอมเมาคนในประเทศ อาตมาทนไม่ได้ที่จะเห็นการทำลายมันสมองของชาติ ทำให้ประเทศชาติอ่อนแอ จึงร่วมเดินทางมาครั้งนี้ และขอยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับองค์กรไหนเลย" พระพิสิฐ กล่าว

    ขณะเดียวกัน ตลาดหลักทรัพย์ได้เผยแพร่เอกสารข้อมูลการจดทะเบียนธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศด้วยว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกมีธุรกิจแอลกอฮอล์จดทะเบียนอยู่ทั้งหมด 45 ประเทศ โดยมีบริษัทแอลกอฮอล์เข้าจดทะเบียนรวม 251 แห่ง

    ทั้งนี้ ประเทศเยอรมนีมีธุรกิจแอลกอฮอล์จดทะเบียนมากที่สุด 32 บริษัท อังกฤษ 27 บริษัท จีน 23 บริษัท ออสเตรเลีย 14 บริษัท สหรัฐอเมริกา 15 บริษัท และหลายประเทศในเอเชีย สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฮ่องกง ซึ่งผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เป็นเจ้าของยี่ห้อชั้นนำ และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศมีอยู่หลายราย เช่น เบียร์ไฮเนเก้น, คลอสเตอร์, อาซาฮี บัด ไวเซอร์, ซาน มิเกล, กินเนส และโคโรน่า ส่วนธุรกิจเหล้า อาทิ จอห์นนี่ วอล์กเกอร์, สเปย์ รอยัล, มาสเตอร์เบลนด์, ชีวาส รีกัล และฮันเดรด ไพเพอร์ส

    สำหรับการคัดค้านเบียร์ช้างเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นั้นดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ได้ส่งจดหมายคัดค้านมายังนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ เครือข่ายภาคประชาชน 100 คน ได้ยื่นหนังสือคัดค้าน วันที่ 14 มีนาคม 2548 เครือข่ายผู้นำนิสิตนักศึกษา 50 สถาบัน วันที่ 16 มีนาคม 2548 สมาคมพุทธศาสน์สัมพันธ์ และองค์กรภาคเอกชน 122 องค์กร วันที่ 17 มีนาคม 2548 องค์กรคริสตจักรร่มเกล้า และวันที่ 18 มีนาคม 2548 เป็นการรวมตัวคัดค้านของศูนย์ประสานงานคณะสงฆ์แห่งประเทศไทย และมีรายงานด้วยว่า ในวันที่ 23 มีนาคม 2548 จะมีการชุมนุมใหญ่จากเครือข่ายงดเหล้า- บุหรี่
     
  2. Kamen rider

    Kamen rider เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    3,763
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,998
  3. koymoo

    koymoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    2,066
    ค่าพลัง:
    +7,067
    ตอนก้อยอยู่มอ ก็มีนิสิตเอาใบสำรวจมาให้แสดงความคิดเห็นกับเรื่องนี้น่ะค่ะ ก้อยก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอก แต่ก็ด่าไปซะยับเลย เฮ้อ...จะทำลายประเทศไทยไปถึงไหน แค่นี้ยังไม่สะใจอีกหรือไง มีสมองกันหรือเปล่าพวกนี้ :( ถ้าลูกหลานตัวเองโดนมอมเมาจากสินค้าของพวกคุณ แล้วคุณจะรู้สึกยังไง
    *** เบื่อ ... พวกไม่มีศีลธรรมในตัวเอง ไอ้พวกฆ่าชาติ***
     
  4. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,695
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,019
    ที่พระออกไปประท้วง ท่านก็ทำเพื่อศิลธรรมนั่นเอง

    การขยายบริษัทเหล้าเพื่อแข่งขันกับต่างประเทศนั้น จะแข่งไปแล้ว ขั้นสุดท้ายจริงๆแล้วแข่งกันแล้วเมืองไทยก็เสีย ถึงจะได้เงินจากการขยายและผลิตแต่ก็ผิดศิลธรรมเท่ากับว่าขยายตลาดเพื่อสนับสนุนให้คนผิดศิล
     
  5. นายฉิม

    นายฉิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2004
    โพสต์:
    2,099
    ค่าพลัง:
    +2,696
    น่าจะเพิ่มอัตราภาษีสุราและบุหรี่
    ทั้งของประเทศไทยและนำเข้า จะได้เลิกกินกันซะที
     
  6. neomagic

    neomagic เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    255
    ค่าพลัง:
    +217
    ไม่ได้ขยายไปขายต่างประเทศหลอกคุณ มันเอามามอมเมาชาวไทยด้วยกันเองนั่นแหละ. คนอเมริกาเค้าไม่นิยมเหล้าไทย หรอกครับ เชื่อสิ
    และอีกอย่างเจ้าของเค้าไม่กินหรอก เค้าขายเพื่อมอมเมาคนให้เอาเงินมาให้เค้า เค้าไม่มอมเมาตัวเองอยู่แล้ว

    ถ้ากินเค้าก็กินแต่เหล้าแพง ไว้อวดร่ำรวยกันเท่านั้นแหละครับ
     
  7. อินเดียหน้าโจร

    อินเดียหน้าโจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    226
    ค่าพลัง:
    +259
    -ผมดูรายการ......เมื่อคืนนี้ ก็เลยคิดว่าการเข้าตลาดหุ้นของเบียร์ช้าง
    นั้นจะทำให้บริษัติโปร่งใสขึ้นครับ ปัจจุบันเงินที่ ส.ส. ได้ใต้โต๊ะนี่ก็มา
    จากบริษัติเบียร์เหล้านี่แหละครับ แต่เนื่องจากบริษัติไม่ได้เข้าตลาดหลัก
    ทรัพย์ก็เลยตรวจสอบไม่ได้ครับ แล้วการที่คนดื่มเหล้านี่ผมว่ามันไม่เกี่ยว
    กับการเข้าตลาดหลักทรัพย์ของช้างนาครับ เพราะตลาดเป็นแค่แหล่งระ
    ดมทุนเท่านั้นเอง แต่การที่คนดื่มเหล้าผมว่าปัญหามันมาจากที่ตัวคนมาก
    กว่าน๊ะครับ ต่อให้ช้างไม่เข้าตลาดถ้าคนไม่มีศีลธรรมเค้าก็ดื่มอยู่ดีครับ
    ผมว่าเราควรแก้ปัญหาที่ต้นเหตุดีกว่าคือที่คนครับ สังเกตุจากปัจจุบันเด็ก
    ไทยติดเหล้ามากขึ้น ขนาดเลื่อนเวลาโฆษณาออกไปหล้ง 4 ทุ่มแล้วน๊ะ
    เนี่ย ผมว่าเรื่องนี้มันน่าจะมาจากค่านิยมที่ผิดของสังคมไทยมากกว่านา
    ครับ เช่น ถ้าเราเห็นคนเข้าผับ,เข้าบาร์เนี่ยไม่มีใครมองว่าผิดแต่ถ้าเห็นคน
    เข้าวัด กลับมีคนหัวเราะว่าตลก ผมว่าเรารับเอาค่านิยมผิดๆจากต่างชาติ
    มามากไปน๊ะครับ( ผมไม่ดื่มเหล้านะครับ เกลียดเลยแหละเพราะปู่ผมก็ตาย
    เพราะเหล้านี่แหละครับ แต่ที่เห็นด้วยกับการเข้าตลาดก็เพราะมันจะทำให้
    โปร่งใสครับ จะได้บรรเทาเรื่องใต้โต๊ะซะทีสังคมจะได้ดีขึ้น )

    -ส่วนเรื่องภาษีบุหรี่นี่ ขึ้นมากๆไม่ได้ครับ เพราะมันจะมีบุหรี่เถื่อนระบาดทำ
    ให้ควบคุมไม่ได้ ซึ่งปัจจุบันก็ควบคุมไม่ได้อยู่แล้วครับ แล้วคนสมัยใหม่ก็นิยม
    หันไปสูบบุหรี่นอกกันมากขึ้น ซึ่งความจริงบุหรี่นอกเนี่ยกว่าจะเข้าประเทศได้
    ก็หลายเดือน ใบยาในมวนบุหรี่นี่จะเก่ากว่าบุกรี่ไทยมากครับ แต่คนส่วนใหญ่
    ไม่รู้เพราะติดคิอว่ายี่ห้อนอกต้องคุณภาพดีเท่านั้นเองครับ หมายความว่าถ้า
    ขึ้นภาษีหนักๆคนจะหันไปสูบบุหรี่เถื่อนกับบุหรี่นอกมากขึ้น ยิ่งคนที่สูบบุหรี่
    เถื่อนยิ่งทำลายสุขภาพมากกว่าบุหรี่ธรรมดาหลายเท่าครับ ส่วนถ้าสูบบุหรี่นอก
    ก็เงินไหลออกนอกประเทศอีก นี่คือเหตุผมที่ทำไมต้องมีโรงงานยาสูบเพราะ
    เอาไว้คานอำนาจกับบุหรี่นอกเท่านั้นเอง เพราะไม่มีหรือยุบแล้วหรือตกอยู่ใน
    มือต่างชาติก็เสร็จครับ เพราะเราจะอยู่ไปขึ้นภาษีหนักๆไม่ได้เดี๋ยวเค้าโวยว่า
    ไม่เป็นธรรมแล้วไปตัดสิทธินำเข้าโน่นนี่เราอีกยุ่งอีกครับ( แล้วบุหรี่เถื่อนนี่แหละ
    ครับแหล่งระดมทุนของ ส.ส. ที่ชอบโกงบ้านโกงเมืองเลยหละครับ การที่มี
    คนออกมาบอกนโยบายว่า จะยุบโรงงานยาสูบบอกได้เลยครับว่าบางคนอาจ
    จะเห็นว่าก็ดีเหมือนกันแต่ความเป็นจริงแล้ว ผลประโยชน์ครับเพราะถ้ายุบไป
    เนี่ยหรือยาสูบถูกแย่งตลาดมากๆเราจะควบคุมไม่ได้ครับ พวกโกงก็จะได้เงิน
    ผิดกฎหมายจากยาสูบเถื่อนสูบก็จะได้รับอันตรายมากขึ้นเพราะไม่ได้คุณภาพ
    บุกรี่นอกก็จะโกยเงินออกนอกประเทศชนิดเพียว ทีนี้ก็จะไปบังคับอะไรเค้าก็
    ไม่ได้แล้วเพราะเราไม่มี นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไม่ยาสูบมันไม่ดีแต่เราถึงยังต้อง
    มีโรงงานยาสูบอยู่ เพราะยังมีคนสูบอยู่ครับถ้ามีคนสูบแต่เราไม่ขายเลยเงินก็
    ไหลออกนอกหมดปัญหาก็เพียบ พูดง่ายๆคนสูบเสียสุขภาพอยู่แล้วแต่ต้องมี
    ก็เพราะเพื่ออย่างน้อยสูบของเราเงินก็ยังอยู่กับเราและเอาไปเข้า 30 บาทได้
    ถ้าสูบของนอกเงินก็ไปนอก 30 ก็ไม่ได้ ยิ่งเถื่อนยิ่งไม่ได้เลยครับ

    ปัญหาบางอย่างต้องมองหลายๆมุมครับ ถ้ามองมุมเดียวแก้ปัญหามุมเดียวดีไม่
    ดีมันจะหนักกว่าเดิม เพราะทุกสิ่งในโลกนี้เป็นดาบ 2 คมครับ มันมี 2 ด้านเสมอ
     
  8. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,695
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,019
    ถ้าคิดในเชิงของธุรกิจ การเอาเข้าตลาดหลักทัพย์นั้นเป็นผลดี
    แต่ว่าถ้าคิดในเรื่องของศิลธรรมและศาสนา
    จะขัดกันตรงที่ว่าไปเสริมกำลังในการทำให้คนผิดศิล...

    เอาเข้าตลาดหุ้นก็เพื่อจะได้มีทุนเยอะๆมาทำการผลิต
    เมื่อมีทุนเยอะๆ ก็ต้องมีการอยากได้กำลังไร กำลังการผลิตก็สูงขึ้น เมื่อมีการผลิตสูง ก็ต้องมีการจำหน่ายสูง ตอนนี้จะมีกำลังสูง พอกำลังสูงๆเวลาทำอะไรก็จะทำง่ายละตอนนั้นผลเสียจะไปตกที่สังคม
    ผลิตได้แต่ไม่ควรจะขยายให้ใหญ่

    ธุรกิจต่างๆที่น่าขยายมีอีกมาก ธุรกิจผลิตเหล้าไม่ใช่สัมมาอาชีวะ

    สิ่งเสพติดมึนเมาที่อันตรายที่สุดและฆ่าชีวิตคนมากที่สุดคือสิ่งเสพติดที่เป็นสิ่งที่ถูกกฏหมาย

    ตัวอย่างเช่น เหล้ามีฤทธิ์รุนแรงน้อยกว่ายาบ้าแต่อันตรายมากกว่ายาบ้า

    ต่างประเทศที่เจริญแล้วเขาผลิตเหล้าได้นั้น เช่น เยอรมัน นั้นเราต่างวัฒนธรรมและศาสนากันและประชาชนก็ต่างกัน เราจะไปเลียนแบบเขาไม่ได้
     
  9. pedora

    pedora สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +23
    จิงๆ ผมว่าการนำเข้าตลาดหุ้น ถ้าพูดธุรกิจมันก็ช่วยประเทศได้จิงๆ แต่ถ้าพูดถึงศีลธรรมแล้ว มันก็ผิดอยู่แล้ว แต่ต้องคิดอีกแง่นะครับ ว่าถ้าผลิดเพิ่ม คนกินจะเพิ่มไม๊ ผมว่าคนกินอ่ะยังไงมันก็กิน ถ้าคนไม่กินถือศีลข้อ5แล้ว เหล้าถูกกว่าน้ำก็ไม่กินหรอกครับ ผมว่ามันไม่เกี่ยวกับเอาเข้าตลาดหุ้นรึป่าว น่าจะขึ้นกับคนมากที่สุด
    ถ้าตามความเห็นผมจิงๆ คือไม่น่ามีขายเลยทั้งของต่างประเทดทั้งของในประเทด แต่จิงๆมันก็ทำมะได้หรอก ใช่ไม๊ครับ
     
  10. jit_jai

    jit_jai Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +57
    มองในมุมเศรษฐกิจ ดีนะ ผิดศีลธรรม มันอยู่แล้ว ถึงไม่เข้าตลาดหุ้น คนจะกิน ไงก็กิน

    มันอยู่ที่ตัวคน ปลูกจิตสำนึกในตัวตนคนแค่ไหน ว่า นั่น ไม่ดี นี่ไม่ดี

    ก็อีกแหละ ทั้งๆๆที่รู้ พอมีงาน รื่นเริง ต้องมีเจ้าน้ำเมา เข้ามาเกี่ยวทุกทีสิ

    อยู่ที่ตัวคน ค่ะ

    ปล. ไม่เห็นด้วยที่สงฆ์ ออกมาเคลื่อนไหว ไม่ใช่กิจของท่าน ? น๊อ
     
  11. lotte

    lotte เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    725
    ค่าพลัง:
    +4,545
    [B]สำเร็จแล้วพระเอาชนะเหล้าช้างได้แล้ว[/B]
    คุณก้อยนี่เป็นดาราใช่ไหมคับ หน้าคุ้นๆเย้ขอลายเซ็นหน่อย
     
  12. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171
    ผมว่านะ เรื่องการเอาบริษัทผลิตเหล้าเบียร์เข้าตลาดหลักทรัพย์ มันเป็นเรื่องของธุรกิจ จริงอยู่ว่าการเอาเข้าตลาดฯ แล้วจะทำให้ระดมทุนมาเพิ่มกำลังการผลิตได้ง่าย ผู้คนมัวเมาดื่มสุราและเบียร์กันในราคาที่ถูกลง และผลสุดท้ายไปตกอยู่แก่สังคม เกิดคดีความทะเลาะวิวาท ลัก วิ่ง ชิง ปล้นทรัพย์เกิดขึ้น แต่นั่นก็เป็นปลายเหตุแล้ว แม้เขาไม่เข้าตลาดหลักทรัพย์ ทุกวันนี้คนที่กินก็ยังกินกันอยู่ นับวันแต่จะเพิ่มมากขึ้น เราน่าจะช่วยกันคิดหาทางแก้ไขที่ต้นเหตุ คือ ตัวตนและจิตใจของคนมากกว่านะครับ ช่วยกันปลูกจิตสำนึกแก่เด็กและเยาวชนไม่ให้หลงมัวเมาดื่มกินน้ำเมาพวกนี้ ที่ผ่านมาลูกค้ารายใหญ่ของสุรา โดยเฉพาะสุราต่างประเทศ ได้แก่ นักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่ยังไม่มีรายได้ แต่ประทานโทษ สามารถซื้อสุราต่างประเทศกินได้ในราคาขวดละพันสองพัน ได้สบาย บางคนกินแทบทุกคืน แวะเวียนอยู่ตามร้านอาหารพวกคลับและดีสโกเทค ไม่รู้ไปหาเงินหาทองมาจากไหน.. เห็นแล้วก็ให้นึกสงสารพ่อแม่ที่หาเงินส่งให้มาเรียนด้วยความยากลำบาก... พวกเขาจะรู้หรือไม่หนอว่าลูกของตนเองมาทำตัวสำมะเลเทเมาอย่างนี้ ... สิ่งเหล่านี้หาดูได้ไม่ยาก..ตามถนนย่านบันเทิงเริงรมณ์ในกรุงฯ หรือตามหัวเมืองใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเชียงใหม่ ขอนแก่น ฯลฯ ลองไปดูเถิดรับรองไม่ผิดหวัง และยิ่งสงสารประเทศไทยที่อนาคตของชาติส่วนหนึ่ง ซึ่งจะเป็นมันสมองของประเทศ ขณะนี้มันสมองของพวกเขากำลังถูกทำลายด้วยพิษสุราโดยไม่รู้ตัว...

    สำหรับเรื่องที่พระภิกษุออกมาชุมนุมประท้วง....ผมเองในตอนแรกรู้สึกไม่ค่อยเห็นด้วยที่ท่านออกมาประท้วง เพราะคิดว่าไม่ใช่กิจของสงฆ์ แต่อ่านความคิดของเว็บสโนว์และความคิดเห็นของบางท่านแล้วก็ฉุกใจคิดขึ้นมานิดนึงว่า เหตุผลของเว็บสโนว์ก็มีส่วนถูกที่ว่า นั่นคือภาระกิจของสงฆ์ในการจรรโลงศีลธรรม แต่ก็นั่นแหละ...ผมยังมองว่า การออกมาประท้วงในลักษณะนี้ไม่น่าจะเหมาะสม... วิธีการปกป้องและจรรโลงศีลธรรมสามารถทำได้หลายรูปแบบ หลายวิธี ... สำหรับพระภิกษุสงฆ์ น่าจะเป็นลักษณะของการให้ความรู้ ให้การอบรมสั่งสอน ให้เด็ก เยาวชน และประชาชนทั่วไป ประพฤติปฏิบัติตนเป็นคนดี อยู่ในศีลในธรรม หากอบรมสั่งสอนแล้วผู้คนไม่ทำตาม ก็ถือว่าท่านได้ทำหน้าที่ของท่านแล้ว แต่ไม่ใช่ออกไปประท้วงอย่างนี้...ผมว่ามันไม่ใช่บทบาทของท่านในฐานะที่ท่านเป็นพระนะครับ.. เรื่องการประท้วงน่าจะปล่อยให้เป็นบทบาทของฆราวาส อย่างคุณจำลอง หรือใครก็ตามที่ไม่เห็นด้วยน่าจะเหมาะสมกว่า... หรือใครมีความเห็นว่าอย่างไรครับ ลองมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในส่วนนี้กันดูนะครับ...
     
  13. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171
    วันที่ 22 มีนาคม พ.ศ.2548 ปีที่ 14 ฉบับที่ 5227


    มหาเถรฯปัดฝุ่นคำสั่งสกัดม็อบพระ


    เมื่อวันที่ 21 มี.ค. น.พ.จักรธรรม ธรรมศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) ว่า ได้มีการนำเสนอคำสั่งมหาเถรสมาคม พ.ศ.2538 เรื่อง ห้ามพระภิกษุสามเณรเกี่ยวข้องกับการเมือง โดยอาศัยอำนาจมาตราความในมาตรา 15 ตรี แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2535 มหาเถรสมาคม เพื่อให้ที่ประชุมมส.พิจารณา กรณีพระสงฆ์จำนวน 5,000 รูป ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านการนำบริษัทผลิตแอลกอฮอล์แห่งหนึ่งเข้าตลาดหลักทรัพย์ รวมไปถึงกรณีพระสงฆ์เดินทางไปร่วมถวายฎีกาทางการเมือง เนื่องจากกรณีดังกล่าวอาจทำให้ชาวพุทธเกิดความรู้สึกที่ไม่ดีต่อภาพลักษณ์ของพระสงฆ์ได้ ด้วยว่าบทบาทของพระสงฆ์ต้องอยู่อย่างสงบไม่ข้องเกี่ยวกับเรื่องทางการเมือง ไม่มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งส.ส.หรือลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส.เป็นต้น

    น.พ.จักรธรรม กล่าวต่อว่า ในคำสั่งมหาเถรสมาคม พ.ศ.2538 เรื่อง ห้ามพระภิกษุสามเณรเกี่ยวข้องกับการเมือง ระบุว่า ห้ามพระภิกษุสามเณรร่วมชุมนุมในการเรียกร้องสิทธิของบุคคลหรือคณะบุคคลใดๆ และหากมีการฝ่าฝืนปฏิบัติ พระสังฆาธิการตั้งแต่ชั้นเจ้าอาวาสขึ้นไป ผู้มีอำนาจหน้าที่ในทางปกครองจะต้องชี้แจงแนะนำผู้อยู่ปกครองของตนให้ทราบคำสั่งมหาเถรสมาคมนี้ รวมทั้งกวดขันอย่าให้ฝ่าฝืนละเมิด และหากพระภิกษุรูปใดฝ่าฝืนคำสั่งก็สามารถดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของตนได้ทันที อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมมส.ได้มอบหมายให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ไปศึกษารายละเอียดคำสั่งดังกล่าวอีกครั้ง เพื่อให้การบังคับใช้คำสั่งเรื่องการห้ามพระภิกษุสามเณรเกี่ยวข้องกับการเมือง สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

    - ข่าวสด หน้า 15 -
     
  14. ไม่กินเหล่าไม่สูบบูหรี่

    ไม่กินเหล่าไม่สูบบูหรี่ บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ห้ามช้างเข้าตลาดหุ้น

    ห้ามช้างเข้าตลาดหุ้น ไม่แก้ปัญหาทั้งปลายเหตุ ทั้งต้นเหตุเลย มีแต่ทำบริษัทของคนไทยอ่อนแอลงในอนาคต ศีลธรรมดีหรือเปล่า ก้อไม่ จะมีผลต่อการจ้างแรงงาน กับรายได้ของประเทศในอนาคตอยู่ดี แทนที่จะช่วยกิจการคนไทย การที่เข้าเบียร์ช้างตลาดหุ้นทำให้ระบบอะไรมันโปร่งใสมากขึ้น (เข้าตลาดหุ้น จะต้องมีระบบตรวจสอบชัดเจน) เงินที่ซ่อนเร้นในเรื่องไม่ดีจะได้ลดบ้าง

    ก่อนเบียร์ช้างเข้าตลาดหุ้น กับ หลังเบียร์ช้างเข้าตลาดหุ้น ยังไงไม่น่ามีผลต่อขนาดของตลาดเบียร์เท่าไร จะบอกว่าบริษัทไทย (เบียร์ช้าง) มีกำลังโฆษณามาก ทำอย่างกับบริษัทต่างประเทศ หรือบริษัทร่วมทุน ไม่มีเงินโฆษณา

    ถ้าสัดส่วนของบริษัทไทยลดลง แต่ของต่างชาติมากขึ้น แล้วทำให้คนกินเหล้าเบียร์ลดหรือเปล่า ก้อไม่อยู่ มีกระทบคนไทยที่ทำงานกับษริษัทของคนไทย กิจการคนไทย

    สำหรับม็อบพระสงฆ์ ผมค่อนข้างจะเห็นด้วยกับคุณสนธิพอสมควร น่าจะทำให้ศาสนาเข้มแข็งมากกว่า
    (ไม่มองที่มุงของการเมืองนะ)


    ความคิดเห็นคุณสนธิดูได้จาก
    <a href="http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9480000038829">สนธิ ชี้ มหาจำลอง ประท้วงเบียร์ช้างเป็นเรื่องการเมือง</a>
    http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9480000038829
     
  15. jherora

    jherora สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +18
    ไม่เอาเหล้าเบียร์เข้าตลาดหุ้น

    ขอสนับสนุนและชื่นชมความคิดของนายเวปสโนว์ ยอดเยี่ยมมาก
     
  16. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,695
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,019
    แน่นอนผมเห็นด้วยที่ว่าต้องแก้ที่ตัวบุคลลคือต้นเหตุ คือถ้าประชาชนไม่ดื่มเหล้า ผู้ผลิตก็เจ๊งเอง
    คนเราจะดีจะชั่วก็ขึ้นกับตัวบุคคล และสภาพแวดล้อม สังคมแวดล้อมก็มีส่วนด้วย
    เราก็ไม่ควรไปสนับสนุนให้ธุรกิจแบบนั้นขยายหรือให้มีสิ่งเหล่านั้นรอบๆตัวคนในสังคม
    เท่ากับว่าเราไปสนับสนุน ถ้าขยายออก เหล้าก็จะถูกและสะดวกในการบริโภค
    ถ้าเหล้าแพงมากๆและหาซื้อได้ยากมากๆ และรัฐบาลและสังคมไม่สนับสนุน แน่นอนผู้บริโภคก็น้อยลง
    เหมือนกับพวกยาอี ยาบ้า ยา love คือ แพงหาได้ยากและผิดกฏหมาย ไม่มีใครสนับสนุน คนบริโภคน้อย

    เบียร์ช้างเข้าตลาดหุ้น จะมีผลไหม ตอบคือมีผล ถ้าไม่มีผลเขาก็คงไม่พยายามเอาเข้า
    (คนที่รวยที่สุดในประเทศไทยคือ เจ้าของเบียรยช้าง ชื่อว่า คุณ เจริญ สิริวัฒนาภักดี ผมมีหนังสือประวัติเขา เขียนโดย บุญชัย ใจเย็น ยืมเขามาอีกที 5555)
    เขาหนุนหลังพวกนักการเมืองไว้เพียบ

    ถึงเบียบรช้างไม่เข้าตลาดหุ้นเขาก็อยู่ได้ ที่เขาเข้าตลาดหุ้นก็เพื่อที่จะให้มีกำลังในการขยายมากขึ้นกว่าเดิม

    คำถามว่าเรื่องคนไทยจะบริโภคเหล้าลดลงไหม ?

    ตอบ คนไทยจะบริโภคเหล้าลดลง ถ้าเราไม่ผลิตเอง และควบคุมการเข้ามาจากของต่างประเทศ ควบคุมสื่อต่างๆ และทำให้เหล้าราคาแพงมากๆ
    แบบนี้แน่นอนคนไทยจะบริโภคเหล้ากันน้อยลง

    (ที่เขียนไม่ได้ห้ามให้ผลิตเหล้านะครับ เพราะว่ายังมีผู้ต้องการบริโภคอยู่ เพียงแต่ว่าให้ผลิตได้แต่ไม่อยากให้ขยายใหญ่ออกไป)

    ขอตอบเพิ่มอีกว่าถ้าเบียร์ช้างเข้าตลาดหุ้น คนไทย และต่างชาติจะมีดื่มเหล้ากันมากขึ้น


    เมื่อเข้าตลาดหุ้นจะมีคนไทยเข้าไปลงหุ้นกับเบียรช้าง เช่น พวกนักการเมืองและผู้มีเงินและมีอำนาจต่างๆ ไปให้การสนับสนุนการผลิตและการตลาด
    พอเข้าไปลงหุ้น เขาก็ไม่อยากให้เบียร์ช้างเจ๊ง ก็อยากจะทำกำไร
    พวกยอดนักคิด ยอดฝีมือต่างๆก็จะใช้ปัญญา ความสามารถในการทำเรื่องเหล่านี้
    และต่อไปเบียร์เหล้าจะถูกลงต้นทุนการผลิตก็ต่ำลง
    เบียร์ไทยสามารถแข่งขันกับต่างชาติได้ทั้งส่งออกต่างประเทศและขายในประเทศแบบไม่ต้องไปกังวลเรื่องคู่แข่งมาก
    เวลามีคู่แข่งเขาก็ลดราคาเหล้าเบียร์ได้ระยะนานๆ ตอนนั้นคนไทยก็จะหาซือ้เหล้าเบียร์ได้ในราคาถูกและหาได้สะดวกมากขึ้น


    สิ่งมึนเมาทั้งหลายที่ทำให้ขาดสติเราพยายามทำให้มันลดลง ไม่ใช่ให้เพิ่มหรือขยายตัวขึ้นมา

    ธรรมของพระพุทธเจ้าก็มีขึ้นมาเพื่อให้เราลดสิ่งมึนเมาและมีสติมากขึ้น
    ถ้าเราไปสนับสนุนให้ขยายตรงนี้เท่ากับว่ารัฐบาลและคนในสังคมสนับสนุนกันให้เกิดการขยายเรื่องของสิ่งมึนเมา ซึ่งสวนทางกับเรื่องศิลธรรม

    ตอนนี้ประเทศไทยคนดื่มเหล้ามากเป้นอันดับ5ของโลกและอันดับ1ของทวีปเอเซีย
    ถ้าเหล้าถูกๆ หาซื้อได้ง่าย คนในสังคมเห็นว่าดี แน่นอนคนย่อมบริโภคเหล้ากันมากขึ้น ถึงแม้ว่า
    เมื่อคนบริโภคเหล้ากันมากขึ้น สติย่อมไม่ดี การเกิดการกระทำผิดต่างๆก็จะเกิดขึ้นได้ง่าย


    เรื่องของการสนับให้บริษัทขยายตัว แล้วคนไทยจะได้มีงานทำและมีรายได้เข้าประเทศจากการส่งออกเหล้านั้น
    เราควรจะภูมิใจเหรอว่าที่เรามีรายได้จากการผลิตสิ่งมึนเมา ที่ไปสนันสนุนให้คนไทยกันเองและคนทั่วโลกขาดสติ เมื่อคนขาดสติการกระทำผิดต่างๆก็มีโอกาสมากขึ้น
    และคนที่ดื่มเหล้าก็ต้องตกนรก และคนไทยก็มีอาชีพที่ไม่ใช่สัมมาอาชีวะ
    ธุรกิจอื่นก็มีอยู่มากที่น่าจะไปขยายและสนับสนุน

    คนดื่มเหล้าต้องตกนรก เท่ากับว่าเราไปสนับสนุนให้คนทั่วไทยและทั่วโลกต้องตกนรกกันมากขึ้น


    ประเทศไทยเราเป็นประเทศที่นับถือพุทธถึง 95 % และพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองที่สุดในโลก
    มีพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าที่ให้ละเว้นจากการดื่มสิ่งมึนเมา แต่ประเทศไทยเราเองกลับกลายเป็นผูสนับสนุนให้สิ่งมึนเมาขยายไปทั่วไทยและทั่วโลกซะเอง และคนไทยก็ดืมเหล้ากันมาก
    ตรงนี้จะขัดแย้งกันมาก ประเทศไทยจะดูเสีย พุทธศาสนาก็จะดูเสีย
     
  17. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,695
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,019
    คุณรู้ไหมว่า สนันสนุนให้มีการขยายตัวของการผลิตเหล้า จะร้ายแรงกว่ากว่าการสนับสนุนผลิตอาวุธนิวเคลียร์
     
  18. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171
    ที่เว็บสโนว์กล่าวมา ก็มีส่วนถูก และผมก็เห็นด้วย แต่ก็ยังมีความเห็นว่า เราควรปลูกฝังค่านิยมที่ถูกต้องและปลูกจิตสำนึกให้แก่เด็ก เยาวชน และประชาชนทั่วไป ให้เห็นว่าการดื่มสุรา เครื่องดอง ของมึนเมา เป็นสิ่งไม่ดี ไม่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและร่างกาย และไม่ใช่เรื่องโก้เก๋ในสังคม เพื่อช่วยกันลดละ และละเว้นการดื่มสุรายาเมามากกว่าจะมุ่งเน้นคัดค้านการนำบริษัทเหล้าเบียร์เข้าตลาดหลักทรัพย์ หรือคัดค้านการสนับสนุนบริษัทเหล่านั้น เนื่องจากได้ผลน้อย เพราะแม้ไม่ให้เขาเข้าตลาดหลักทรัพย์ เขาก็ผลิตและจำหน่ายได้ แถมบริษัทต่างชาติก็พยายามเปิดตลาดในบ้านเราอย่างมากมาย แข่งขันกันจำหน่ายสุรา เบียร์ ตลอดจนเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ชนิดต่างๆ อย่างโจ๋งครึ่ม ในส่วนของประชาชนเองไม่ว่าสุราและเบียร์จะมีราคาถูกหรือแพง ถ้าคนมันจะกิน มันก็จะกินละครับ ราคาเป็นเพียงปัจจัยหนึ่ง แต่ไม่ใช่ปัจจัยหลักครับ ดังจะเห็นได้จากยอดจำหน่ายสุรายี่ห้อแบล็คเลเบิ้ล เรดเลเบิ้ล ชีวาสลีเกิ้ล ฯลฯ ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าทั้งๆที่ราคาไม่ใช่ถูกๆ และก็อย่างที่บอกไว้แหละครับ ลูกค้ารายใหญ่ก็คือ เด็ก และเยาวชน ที่ไปเที่ยวตามผับตามดีสโก้เทคไงครับ...

    ผมคิดว่าการให้ความรู้ อบรมบ่มนิสัย และมีค่านิยมตลอดจนจิตสำนึกที่ดีที่ถูกต้อง จะเป็นเครื่องกั้นไม่ให้เด็ก เยาวชน และประชาชนมัวเมาในการบริโภคสุรายาเมา .... อันนี้ผมคิดเอาเองอ่ะ....โดยดูจากประสบการณ์ชีวิตของตัวเองเป็นพื้นฐาน เพราะผมได้รับการปลูกฝังทางด้านศีลธรรม รู้คุณและโทษจากการดื่มสุรายาเมาจากพ่อแม่และครูบาอาจารย์มาดี จึงทำให้ผมไม่ยุ่งเกี่ยวกับอบายมุขประเภทนี้ ทั้งๆ ที่ รอบข้างตัวผมตั้งแต่วัยเด็กจนถึงปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นเพื่อน เพื่อนรุ่นพี่ รุ่นน้อง น้องชาย เจ้านาย ผู้ใต้บังคับบัญชา ลูกศิษย์ลูกหา หรือแม้กระทั่งคนในสังคมที่ผมเกี่ยวข้อง ต่างก็นิยมชมชอบกับการร่ำสุรากันเป็นส่วนมาก แต่ผมก็ไม่ได้สนใจใคร่ดีกับรสชาดของสุราเหล่านั้นเลย ไม่ว่าจะดีเลิศ หรือแพงหูฉี่ขนาดไหน ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยดื่มเครื่องดื่มประเภทนี้เลยนะครับ ผมเคยดื่มมาเหมือนกัน สมัยวัยรุ่นก็ลองกับเขาบ้าง หนำซ้ำคุณพ่อของผมยังเป็นผู้ฝึกสอนให้ผมอีกต่างหาก เนื่องจากเห็นว่าช่วงนั้นผมอยากเป็นนักการฑูต เลยเกรงว่า ถ้าออกงานสังคมแล้วผมอาจจะเสียทีถูกล้วงความของทางราชการเวลาเมาได้ จึงได้ฝึกให้ผมรู้จักดื่มเหล้าให้เป็น ..ไม่ใช่ให้เหล้าดื่มเราเสียเอง... แต่คุณเชื่อมั้ยละครับว่า เวลาที่ผมออกงานสังคมหรืองานเลี้ยงสังสรรค์ เครื่องดื่มประจำของผมมีอยู่สองอย่างคือ โค้ก กับ น้ำส้ม เท่านั้น สิ่งที่ผมมักใช้ในการเข้าสังคมเสมอๆ คือ การรู้จักปฏิเสธ และ ไม่ต้องเกรงใจผู้ที่หยิบยื่นสุรายาเมาให้ โดยเราต้องมีจิตใจที่เข้มแข็งหนักแน่นมั่นคง ไม่ยอมรับอย่างเสียไม่ไดด้วยความเกรงใจ ถ้าเกรงใจผู้อื่น ผู้ที่เดือดร้อนก็คือตัวเราเอง แต่ทั้งนี้ การปฏิเสธก็ต้องทำด้วยความสุภาพและไม่ให้เขาเสียน้ำใจด้วย...

    ด้วยเหตุนี้ ผมจึงมีความเห็นว่า สิ่งที่น่ากระทำ โดยเฉพาะในบทบาทของพระสงฆ์ คือ การให้คำสั่งสอน อบรมศีลธรรม จริยธรรม ตลอดจนโทษของการดื่มสุรายาเมาแก่ เด็ก เยาวชน และประชาชนทั่วไป มากกว่าการออกมาคัดค้านในลักษณะนี้ พูดถึงแล้ว..ผมก็มีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้มาเล่าสู่กันฟังครับ คือ..วันหนึ่งผมต้องไปประชุมที่รัฐสภา เผอิญวันนั้นมีการประท้วงเรื่องใดผมก็จำไม่ได้แล้ว...ในการประท้วงครั้งนั้นมีพระภิกษุสงฆ์มาร่วมชุมนุมประท้วงอยู่ที่หน้ารัฐสภาด้วยนับพันรูป ....ทีนี้ลองนึกภาพดูสิครับ การชุมนุมประท้วงมันต้องใช้เวลานาน มีการกล่าวปราศรัยต่างๆ นานา ต้องรอเข้าพบเพื่อเจรจากับผู้ที่รับผิดชอบเรื่องนั้นๆ และรอฟังผลว่าจะเป็นอย่างไร แล้วผู้ที่มาชุมนุม ต่างก็ยืนบ้าง นั่งบ้าง นอนบ้าง ฯลฯ อีเหละเขะขละไปหมด หากเป็นคนธรรดาทั่วไปอย่างเราๆ ท่านๆ คงไม่น่าเกลียดอะไร แต่หากเป็นพระมายืน มานั่ง นอน ประท้วงอย่างนี้ มันเป็นภาพที่ไม่น่าดูเลย... ผมเห็นแล้วรู้สึกสลดใจ...และคิดว่าไม่ใช่บทบาทของพระสงฆ์องค์เจ้าที่จะมาทำแบบนี้... นี่คือ ..เหตุผลที่ผมไม่เห็นด้วยกับการออกมาประท้วงคัดค้านของพระในลักษณะนี้....ผมว่า ...ปล่อยให้เป็นเรื่องของฆราวาสเขาทำกันน่าจะดีกว่านะครับ
     
  19. ปุจฉา

    ปุจฉา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +31
    ถ้าคนเรามีธรรมนี้ประจำใจอะไรมันก็จะง่ายกว่านี้มากๆ


    หิริ-โอตัปปะ.....ละอายและเกรงกลัวต่อบาป

    จะกินเหล้าก็คงจะกินพอมีสติ จะทำอะไรก็มีขอบเขตสังคมจะดีแน่นๆครับผม
     
  20. ธรรมดา

    ธรรมดา บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    เลือกห้ามนำเหล้าเข้าตลาดหุ้นหรือปลูกฝังเยาวชนให้เห็นโทษสุรา

    อบายมุข เช่นสุราและเมรัย พระพุทธเจ้าได้ตรัสห้ามไว้และได้ ทรงตรัสถึงโทษของการเสพ พร้อมทั้งได้ตรัสถึงอานิสงของการไม่เสพไว้ด้วย...และศีลข้อที่ 5 เป็นอีกข้อหนึ่ง ที่นับเป็นปัจจัยด้านศีลธรรมขั้นพื้นฐานของมนุษย์ที่อาจสามารถทำให้คุณธรรมความดีอื่นๆเจริญขึ้นได้โดยง่าย...หรือไม่ทำให้อธรรมอื่นๆ เจริญขึ้น...
    ดังนั้นอบายมุขไม่ว่าจะเสพโดยใคร(รวมทั้งผลิตด้วย)ก็ทำให้เข้าสู่อบายโดยปกติ...เหตุไฉนจึงต้องเสริมให้มากขึ้น...มีกำลังกล้าขึ้น...อาจนำพาหมู่สัตว์ให้ตกสู่อบายได้มากขึ้น...ไม่ว่าคนชาติใดภาษาใดถ้าเสพแล้วล้วนต้องไปอบาย หรือกระทำอกุศลกรรมอื่นได้โดยง่าย...เว้นไว้แต่ท่านอยากได้เงินทองที่มาจากกองเพลิง...อย่าลืมว่ากรรมย่อมติดตามผู้ประพฤติกรรมดั่งรอยเท้าโคตามรอยเท้าเกวียน...ฉะนั้นอาสัยความกรุณาอย่าให้เขา(ผู้ผลิตและผู้เสพ)ต้องได้รับกรรมให้หนักขึ้นกว่าเดิมเลย..
    ใครกันล่ะที่จะเตือนใครได้ เพราะ "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน " มิใช่หรือ "ผู้ไม่ฝึกตนให้รู้แจ้งด้วยตนแล้วสามารถฝึกผู้อื่นให้รู้แจ้ง ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีไม่ได้" มิใช่หรือ .....แล้วเรา..ท่านเป็นใครล่ะ..เป็นผู้รู้แจ้งแล้วหรือ...หมดจดจากกิเลสแล้วหรือจึงจะฝึกผู้อื่นได้..ดูเอาเถอะบุตรธิดายังไม่สามารถที่จะฝึกให้เป็นไปดังใจได้...แต่ว่าเถอะท่านฝึกท่านทรมานตนเองอยู่..เพียรพยายามอยู่มากพอแล้วหรือ.......แยกให้ออกอะไรทางโลกอะไรทางธรรม....ทางโลกหากเจริญในทางธรรม..ธรรมนั้นย่อมทำให้โลกเจริญขึ้นด้วย(สรรพสัตว์ ก็จะได้อานิสงด้วยคือเจริญไปพร้อมกัน)...ดังภาษิตว่า "ผู้ใดประพฤติธรรม...ธรรมนั้นย่อมตามรักษา...ไม่ให้ตกไปสู่โลกที่ชั่ว." ............
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...