สมเด็จหลวงพ่อสูทัศน์ วัดกระโจมทองเสาร์๕เนื้อนวะลพ.ผันวัดแปดอาร์ สระบุรี

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,692
    ค่าพลัง:
    +21,337
    1700658529612.jpg
    หลวงปู่เครื่อง วัดสระกำแพงใหญ่ ศรีสะเกษ
    พระมงคลวุฒิ "เทพเจ้าอีสานใต้" วัดสระกำแพงใหญ่ อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ
    “พระมงคลวุฒิ” หรือ หลวงปู่เครื่อง สุภัทโท เจ้าอาวาสวัดสระกำแพงใหญ่ อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ พระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เป็นพระเกจิอาจารย์อันเป็นที่เคารพนับถือของคนทั้งประเทศ หลังจากท่านอาพาธ และเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลศรีสะเกษ เมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม
    ต่อ มาหลวงปู่ย้ายเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิ์ประสงค์อุบลราชธานี คณะแพทย์เฝ้าอาการของหลวงปู่อย่างใกล้ชิด ปรากฏว่าเมื่อเวลา ๐๒.๐๐ น. วันที่ ๒๘ กรกฎาคม หลวงปู่เครื่องได้ละสังขารแล้วด้วยอาการอันสงบที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิ์ ประสงค์ อุบลราชธานี สิริอายุ ๙๙ ปี ๙ วัน
    "เทพเจ้าอีสานใต้" สมญานามที่เหล่าข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน พากันขนานให้เป็นหลวงปู่เครื่อง เพราะท่านเป็นพระเกจิชื่อดังอีกรูปหนึ่งของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงที่ท่านมีชีวิตอยู่เป็นพระนักปฏิบัติ สนใจเจริญภาวนากรรมฐาน โดยเมื่อ พ.ศ.๒๔๙๔ หลวงปู่เครื่องเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ไปขอเรียนวิชาธรรมกายจากหลวงพ่อเจ้าคุณพระเทพมงคลมุนี (หลวงพ่อสด จนฺทสโร) วัดปากน้ำภาษีเจริญ กรุงเทพฯ ตั้งใจทำสมาธิประพฤติแนววิชาธรรมกายอยู่ ๓ วัน ก็อำลาจากไป นอกจากนี้แล้วหลวงปู่เครื่องถือว่าเป็นลูกศิษย์คนหนึ่งของหลวงปู่มั่น
    โดย เมื่อครั้งที่หลวงปู่ออกธุดงค์ไปอยู่ในถ้ำ (จ.ลพบุรี) กับหลวงปู่คำมี (บุญมี) ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่มั่น หลวงปู่บุญมีท่านเก่งเรื่องสมาธิ ท่านเป็นคนพูดน้อยมาก ระหว่างธุดงค์ท่านจะไม่พูดอะไรเลย จะพูดก็ตอนเมื่อต้องการเทศน์สั่งสอนและประสิทธิ์ประสาทวิธีการสร้างวัตถุ มงคล ส่วนพระอาจารย์ธงชัย ท่านสอนเรื่องธรรมะให้ โดยท่านมีคาถาอยู่บทหนึ่งสำหรับป้องกันตัวระหว่างธุดงค์ คือ มะ อะ อุ สำหรับหลวงปู่เดิม วัดหนองโพธิ์ จ.นครสวรรค์ อาตมาเดินทางไปกราบท่าน ๒ ครั้ง โดยได้คาถามาบทหนึ่ง คือ พุทโธล้อมจิต พุทโธรวมใจ พุทโธหลงใหล ซึ่งก่อนภาวนาต้องสมาทานศีลก่อน ดังนั้นเมื่อหลวงปู่เครื่องสร้างวัตถุมงคลออกมาแจกจ่ายบูชาให้แก่เหล่าพุทธ ศาสนิกชนตลอดจนบรรดาศิษยานุศิษย์ จึงมีความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์
    ทุกๆ วันที่ ๑๕ กรกฎาคม ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันเกิดของหลวงปู่เครื่อง คณะศิษยานุศิษย์ทั้งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ นักการเมือง พ่อค้า ประชาชน ที่ให้ความเคารพและศรัทธาหลวงปู่อย่างแรงกล้านับแสนคน จะพากันเดินทางไปวัดสระกำแพงใหญ่ เพื่อร่วมกันอวยพรวันคล้ายวันเกิดและขอพรอันเป็นสิริมงคลไม่เคยขาด กระทั่งกลายเป็นงานใหญ่ แม้หลวงปู่จะไม่ต้องการให้จัดเอิกเกริกใหญ่โต แต่ปฏิเสธศรัทธาของบรรดาคณะศิษยานุศิษย์มิได้ ทุกครั้งเวลามีผู้ประสบทุกข์ร้อนใจล้วนแต่พากันไปกราบท่าน ให้ประพรมน้ำมนต์ขจัดปัดเป่าให้ทุกข์ภัยต่างๆ สลายคลาย สร้างความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ตลอดจนความนิยมในวัตถุมงคลของท่านก็มีส่วนเสริมสร้างเป็นทุนในงานก่อสร้าง ต่างๆ ภายในวัดสระกำแพงใหญ่ และงานสาธารณูปการต่างๆ ด้วยเหตุนี้ชาวเมืองศรีสะเกษต่างพร้อมใจกันขนานสมญานามให้ท่านว่า “เทพเจ้าผู้มีเมตตาแห่งอีสานใต้”
    อย่างไรก็ตาม ครั้งหนึ่ง "คม ชัด ลึก" เคยสัมภาษณ์เรื่องคำสั่งเสียเรื่องการทำศพ ในครั้งนั้นหลวงปู่เครื่องตอบว่า "เผาหรือไม่เผานั้นดีทั้ง ๒ อย่าง คนตายไม่รู้อะไรหรอก คนที่อยู่ก็อาศัยบารมีคนที่ตายกิน อาตมาไม่เคยสั่งเสียอะไรญาติโยมหรอก เพราะสังขารเป็นอนิจจังแล้วแต่มันจะเป็นไป เน่าหรือไม่เน่าก็เรื่องของร่างกาย เผาไม่เผาเป็นเรื่องของญาติโยม เพราะตายไปแล้วจิตไม่ได้อยู่กับสังขาร ถ้าเปรียบไปแล้วบ้านก็เหมือนกับร่างกาย คนที่อยู่ในบ้านเปรียบเหมือนจิต เมื่อคนไม่อยู่บ้าน บ้านก็เสื่อมโทรมรอการพังทลายลงมาตามกาลเวลา ร่างกายของคนเราก็เช่นกัน เมื่อจิตวิญญาณออกจากร่างกาย ร่างกายย่อมเน่าเปื่อยพุพังตามกาลเวลา ส่วนเรื่องศพเน่าไม่เน่าไม่มีใครหยั่งรู้ได้ ต้องรอหลังจากตายถึงรู้ ศพไม่เน่าเกิดจากบุญ เกิดจากการเจริญภาวนา นั่งสมาธิเจริญกรรมฐานก่อนดับจิต ซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นอยู่ก็เยอะ"
    นอก จากนี้แล้วหลวงปู่เครื่องยังพูดถึงวัตถุมงคลไว้อย่างน่าคิดว่า วัตถุมงคลของหลวงปู่นั้นไม่ขลังเลยสักรุ่น อย่าไปเชื่อว่ารุ่นเก่าดีกว่ารุ่นใหม่ รุ่นนี้ดีใช้เวลาปลุกเสกทั้งไตรมาสขลังกว่ารุ่นที่ปลุกเสกวันเดียว รุ่นนี้นิมนต์พระเกจิอาจารย์ปลุกเสกเยอะกว่าอีกรุ่นหนึ่ง ขลังไม่ขลังไม่ได้อยู่ที่วัตถุมงคล มันขลังเฉพาะคนที่เคารพในคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เท่านั้น ถ้าคนไม่มีคุณพระเหล่านี้ก็ไม่ขลัง ความขลังของวัตถุมงคลไม่ได้อยู่ที่ตัววัตถุมงคล หากแต่อยู่ที่คนถือคนใช้ต่างหาก ถ้าคนไหนมีพระวิสุทธิคุณ พระธรรมคุณ และพระปัญญาคุณ รวมทั้งถือคุณบิดามารดา ครูบาอาจารย์อยู่ในตัว ไม่แขวนพระหรือวัตถุมงคลใดผู้นั้น ก็มีความขลังอยู่ในตัว ต่อให้แขวนวัตถุมงคลนับร้อยชิ้นถ้าไม่มีธรรมะอยู่ในใจวัตถุมงคลก็ไม่แตกต่าง จากตุ๊กตาพระ แขวนไว้ก็หนักคอเท่านั้น
    ชาติภูมิหลวงปู่เครื่อง
    หลวงปู่เครื่อง สุภทฺโท หรือ ด.ช.เครื่อง ประถมบุตร เกิดเมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๔๕๓ ที่บ้านค้อกำแพง หมู่ ๓ ต.สระกำแพงใหญ่ ในตระกูลของชาวนา เป็นบุตรคนที่ ๔ ของนายสอน-นางยม ประถมบุตร มีพี่น้องร่วมบิดา-มารดาเดียวกัน ๑๔ คน แต่เสียชีวิตไปในวัยเยาว์ ๖ คน คงเหลือพี่น้องอยู่เพียง ๘ คน
    อุปสมบท เป็นพระภิกษุเพื่อศึกษาพระธรรมเมื่ออายุ ๒๑ ปี ที่วัดบ้านสำโรงน้อย หมู่ ๖ ต.หนองห้าง อ.อุทุมพรพิสัย โดยมีพระครูเทวราชกวิวรญาณเป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูใบฎีกาชมเป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอาจารย์พรหม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับฉายาว่า "สุภทฺโท" มีความหมายว่า "ผู้ประพฤติงาม" หลังเข้าพิธีอุปสมบทเพียง ๒ สัปดาห์ โยมมารดาซึ่งล้มป่วยหนักได้เสียชีวิตลงทำให้ท่านต้องช่วยเป็นธุระจัดการงาน ศพมารดาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนไปอยู่จำพรรษาวัดบ้านค้อ ต.กำแพง อ.อุทุมพรพิสัย
    กระทั่งปี พ.ศ. ๒๔๙๔ หลวงปู่เครื่อง ได้เป็นเจ้าอาวาสรูปที่ ๗ ต่อจากพระอุปัชฌาย์คำ จันทโชโต ที่มรณภาพจนถึงปัจจุบัน เมื่อดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส หลวงปู่เครื่องจัดตั้งโรงเรียนสอนทางปริยัติธรรม นักธรรมชั้นตรี โท เอก และบาลีไวยากรณ์ ธรรมบทขึ้น รวมทั้งเป็นประธานก่อสร้าง มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย สถาบันอุดมศึกษาสำหรับพระภิกษุสงฆ์ แห่งแรกในจังหวัดศรีสะเกษ ที่ผ่านมาหลวงปู่เครื่องได้ทำนุบำรุงพัฒนาวัดให้เจริญก้าวหน้า สิ่งก่อสร้างภายในวัดไม่ว่าจะเป็นกุฏิ วิหาร ศาลาการเปรียญ เมรุ กำแพงวัด ซุ้มประตู ล้วนแต่สร้างขึ้นในสมัยหลวงปู่เครื่องเป็นเจ้าอาวาส

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญหล่อหลวงปู่เครื่องวัดสระกำแพงใหญ่ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20231122_200351.jpg IMG_20231122_200434.jpg
     
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,692
    ค่าพลัง:
    +21,337
    1700662875480.jpg
    พระครูนิสัยจริยคุณ วิสุทธิ์ ปัญญาธโร (หลวงพ่อโอด) วัดจันแสน นครสวรรค์
    ชาติภูมิ
    พระครูนิสัยจริยคุณ ฉายา ปัญญาโร นามเดิมชื่อ วิสุทธิ์ นามสกุล แป้นโต แต่ชาวบ้านทั่วไปนิยมเรียกท่านว่า "หลวงพ่อโอด" ท่านเกิดเมื่อวันที่ ๒๘ เดือน ธันวาคม ๒๔๖๐ ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนยี่ ปีมะเส็ง ณ บ้านเลขที่ ๑๐๓ หมู่ที่ ๗ (บ้านหัวเขา) ตำบลตาคลี อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ บิดามารดาของท่านชื่อ นายชิต นางต่วน แป้นโต มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันรวม ๗ คนคือ
    ๑. นายดำ แป้นโต ถึงแก่กรรม
    ๒. นางหนู เกรียงไกรเพชร ถึงแก่กรรม
    ๓. นายกุหลาบ แป้นโต ถึงแก่กรรม
    ๔. นางพยอม แป้นโต ถึงแก่กรรม
    ๕. พระครูนิสัยจริยคุณ ถึงแก่กรรม
    ๖. นางหลอม แป้นโต ถึงแก่กรรม
    ๗. นายออน แป้นโต ถึงแก่กรรม
    การศึกษาเบื้องต้น
    ท่านสำเร็จการศึกษา วิชาสามัญประถมบิริธูรณ์ จากโรงเรียนวัดหัวเขา อำเภอตาคลี อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์
    อุปสมบท
    เมื่อวันเสาร์ แรม ๗ ค่ำ เดือน ๖ ปีขาล ตรงกับวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๔๘๑ ณ พระอุโบสถ วัดหัวเขา อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ โดยมี
    ๑. พระธรรมไตรโลกาจารย์ (ยอด) วัดเขาแก้ว อำเภอพยุหะคีรี เป็นพระอุปัชฌาย์
    ๒. พระครูนิปุณธรรมธร วัดตาคลี เป็นพระกรรมวาจาจารย์
    ๓. พระครูพิพัทธศีลคุณ วัดหัวเขาตาคลี เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    วิทยฐานะ
    พ.ศ. ๒๔๘๔ สอบได้นักธรรมเอก จากสำนักเรียนวัดมหาพฤฒาราม เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ
    งานด้านปกครอง
    ๑) พ.ศ. ๒๔๘๙ เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดหนองสีนวล อำเภอ ตาคลี จังหวัดนครสวรรค์
    ๒) พ.ศ. ๒๔๓๙ ทางคณะสงฆ์ได้ย้ายท่านให้มารักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดจันแสน
    - ๒๔ มิถุนายน ๒๔๙๓ ได้รับแต่งตั้งเป็น เจ้าอาวาสวัดจันแสน
    - ๒๖ มิถุนายน ๒๔๙๓ ได้รับแต่งตั้งเป็น เจ้าคณะตำบลจันแสน
    - ๒๖ มีนาคม ๒๔๙๖ ได้รับแต่งตั้งเป็น พระอุปัชฌาย์และเป็นศึกษาอำเภอตาคลี
    ๓) พ.ศ. ๒๕๑๐ ได้รับแต่งตั้งเป็น รองเจ้าคณะอำเภอตาคลี
    ๔) พ.ศ. ๒๕๑๖ ได้รับแต่งตั้งเป็น เจ้าคณะอำเภอตาคลี
    สมณศักดิ์
    ๑) พ.ศ. ๒๕๐๐ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น พระครูสัญญาบัตรชั้น ตรี
    ๒) พ.ศ. ๒๕๑๐ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น พระครูสัญญาบัตรชั้น โท
    ๓) พ.ศ. ๒๕๒๐ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น พระครูสัญญาบัตรชั้น เอก
    ๔) พ.ศ. ๒๕๒๗ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น พระครูสัญญาบัตรชั้น พิเศษ
    การศึกษาด้านพุทธาคม
    เมื่อท่านกลับจากการเป็นครูสอนนักธรรมที่วัดดอนยานนาว่าแล้ว ได้มาอยู่กับหลวงพ่อรุ่งที่วัดหนองสีนวล ซึ่งในระยะนี้เองที่ท่านได้ศึกษาวิชาอาคมต่างๆ จากหลวงพ่อรุ่ง โดยศึกษาคู่กับหลวงพ่อสด วัดหางน้ำสาคร (พระครูวิจิตชัยการ) หลวงพ่อรุ่งได้เขี่ยวเข็ญ และพร่ำสอนท่านเป็นอย่างดี ซึ่งท่านได้เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า ท่านเองได้ค่อยจะสนใจเรียนเท่าใดนัก แม้หลวงพ่อรุ่ง จะแสดงคุณวิเศษทางวิชาที่สอนให้ท่านดู ท่านก็ไม่ค่อยจะสนใจ จนหลวงพ่อรุ่งถึงกับเอ่ยปากต่อว่าท่านว่า ท่านเป็นพระหัวสมัยใหม่ สักวันหนึ่งจะต้องนึกถึงตัวท่านอยู่ศึกษาวิชากับหลวงพ่อรุ่ง จนกระทั่งหลวงพ่อรุ่งมรณภาพ ในปี พ.ศ. ๒๔๘๙ ท่านก็ได้รักษาการเจ้าอาวาสวัดหนองสีนวลต่อจากหลวงพ่อรุ่ง และในปีนี้เองชาวบ้านหนองสีนวล ชื่อนายอ๊อด ถูกลอบยิงด้วยปืนลูกซอง กระสุนฝังในทั้งเก้าเม็ด จะไปรักษาที่ไหนก็ไม่ได้ เพราะเป็นยุคปลายสงคราม ญาติๆ ของนายอ๊อด จึงได้นำร่างที่บาดเจ็บของนายอ๊อดมาไว้ที่ศาลาวัดหนองสีนวล แล้วนิมนต์ท่านให้ทำการรักษาด้วยความจำเป็น ท่านจึงต้องรักษาให้ตามที่เขาขอร้อง โดยก่อนที่จะลงมือรักษาท่านได้จุดธูปอธิษฐานต่อหลวงพ่อรุ่งว่า "หากหลวงลุงต้องการใช้วิชานี้คงอยู่สืบไป ก็ขอให้ทำการรักษานายอ๊อดให้หาย หากรักษาหายจะเริ่มเรียน วิชาที่สอนให้ทั้งหมด" เสร็จแล้วท่านจึงทำน้ำมนต์ตามที่ได้เรียนมา แล้วนำไปให้นายอ๊อดดื่มและพรมตามบาดแผลที่ถูกปืน หลังจากนั้นท่านจึงได้เข้าจำวัดจนเช้ามืด ท่านได้ยินเสียงเรียกว่า หลวงน้า หลวงน้าผมไม่ตายแล้ว ท่านจึงลุกออกมาดู ปรากฏว่าเป็นนายอ๊อด ที่ท่านได้รักษานั่นเองผลออกมาว่าลูกปืนที่ฝังอยู่ในตัวนายอ๊อดทั้ง ๙ เม็ดไหลออกมาทั้งหมด และบาดแผลก็สมานกันดี เลือดหยุดไหล เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาท่าน ดังนั้นท่านจึงหันมาศึกษาวิชาของหลวงพ่อรุ่ง ทั้งหมดอย่างจริงจัง
    ส่วนหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ ระยะที่ท่านอยู่หนองสีนวล ท่านได้ไปมาหาสู่กับหลวงพ่อเดิมเป็นประจำ และหลวงพ่อเดิม ท่านก็มาหนองสีนวลอยู่เป็นประจำซึ่งท่านก็ได้ศึกษาวิชาต่างๆ จากหลวงพ่อเดิม ทั้งที่วัดหนองโพและที่วัดหนองสีนวลต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๙๓ ท่านได้มาเป็นเจ้าอาวาสวัดจันเสน หลวงพ่อเดิมท่านก็ได้ให้ทายกยิ้ม ทายกใหญ่วัดหนองโพ นำตำราต่างๆ ของหลวงพ่อเดิม ขึ้นรถไฟมาให้ท่านได้ศึกษาที่สัดจันเสนอยู่เป็นประจำ จนกระทั่งหลวงพ่อเดิมมรณภาพในปี พ.ศ. ๒๔๙๔
    จึงนับได้ว่า หลวงพ่อโอดท่านเป็นทั้งหลาน และเป็นทั้งศิษย์ ของสองพระเกจิอาจารย์ ที่โด่งดังและเกรียงไกรที่สุดของอำเภอตาคลีในยุคนั้น แต่มิใช่ว่าจะมีอาจารย์ที่ท่านได้ศึกษาทางพุทธาคม เพียงแต่หลวงพ่อรุ่ง และหลวงพ่อเดิม เท่านั้นก็ไม่ ที่ผู้เขียนรู้จากคำบอกของท่านเองยังมีอยู่อีก ๒ องค์คือ
    - หลวงพ่อพรหม วัดช่องแคอำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ยุค พ.ศ. ๒๕๐๐ เป็นต้นมา ท่านไปหาหลวงพ่อพรหมบ่อยๆ มาก ท่านบอกว่าท่านไปเรียนวิชากับหลวงพ่อพรหม แต่ท่านไม่ได้บอกว่าไปเรียนวิชาอะไร แต่ที่รู้ๆ หลวงพ่อพรหมรักใคร่ในตัวหลวงพ่อโอดมาก ถึงกับยอมมาปลุกเสกวัตถุมงคลให้ที่พระอุโบสถวัดจันเสน ซึ่งหลวงพ่อพรหมท่านไม่เคยยอมไปปลุกเสกนอกวัดช่องแคเลย
    - หลวงพ่อเชน วัดสิงห์ ตำบลทับยา อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ท่านไปอยู่เรียนกับหลวงพ่อเขน ที่วัดสิงห์เลย ท่านบอกว่า ท่านไปเรียนวิชาทำตะกรุดซึ่งหลวงพ่อเชน ท่านเก่งมากในเรื่องการทำตะกรุดโทน
    ดังนั้นจึงพอสรุปได้ว่า พระอาจารย์ที่หลวงพ่อโอด ท่านได้ศึกษาเล่าเรียนไสยเวท พุทธาคม มีอยู่ ๔ องค์คือ
    ๑. หลวงพ่อรุ่ง วัดหนองสีนวล อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์
    ๒. หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์
    ๓. หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์
    ๔. หลวงพ่อเชน วัดสิงห์ ตำบลทับยา อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี
    ด้านวิปัสนากรรมฐาน
    หลวงพ่อโอดท่านเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญทางด้านการปฏิบัติมาก ท่านศึกษามาจาก หลวงพ่อรุ่ง ต่อมาท่านได้ไปศึกษาต่อที่สำนักวิปัสนากรรมฐาน วัดมหาธาตุ กรุงเทพฯ และต่อมาในปี ๒๕๐๕ ท่านได้ไปศึกษาต่ออีกที่วิเวกอาศรม จังหวัดชลบุรี จนท่านมีความชำนาญ และมีพลังจิตที่กล้าแข็ง สามารถล่วงรู้เหตุการณ์ในอดีต และในอนาคตอย่างแม่นยำ ในระหว่าง พ.ศ. ๒๕๐๐ เป็นต้นมา ท่านได้เปิดสำนักสอนวิปัสนากรรมฐานขึ้นที่วัดจันเสน โดยท่านเป็นผู้สอน และในระยะเวลาที่เข้าพรรษาท่านจะนั่งปฏิบัติของท่านติดต่อกัน๗ วัน โดยไม่ลุกออกมาจากกุฏิเลย ผมในวัยที่ท่านชราภาพและป่วยก็จะปฏิบัติของท่านอยู่เสมอ ในตอนกลางคืนและตอนเช้ามืด แม้จะป่วยอยู่ในโรงพยาบาลก็ตาม
    มีเมตตาสูงยิ่ง
    หลวงพ่อโอดท่านเป็นพระที่มากด้วยเมตตา ท่านตัดแล้วซึ่งโกรธ โลภ หลง วันหนึ่ง ๆ ท่านจะนั่งคอยรับแขก อยู่ทั้งวัน ใครมีเรื่องทุกข์ร้อนใจไปหาท่าน ท่านก็จะให้คำแนะนำที่ดีแก่เขาเหล่านั้น ไม่เลือกชั้นวรรณะ ไม่ว่าจะเป็น คนรวย คนจน ท่านอนุเคราะห์ให้แก่เขาเหล่านั้นเสมอกันทุกคน มีบางคนขึ้นไปขอเงิน ขอข้าวของต่างๆจากท่าน ท่านก็ให้โดยมิได้หวงแหน บางคนนำของมาเสนอขายให้ท่าน ท่านก็ซื้อไว้ทั้งที่รู้ว่าเป็นของไม่ดี เช่นนำพระเครื่อง พระบูชา มาให้ท่านเช่า ท่านก็มีเมตตาเช่าไว้ โดยท่านพูดว่า เมื่อชาติก่อนติดค้างเขาไว้ ชาตินี้เขาจึงต้องตามมาทวงคืน ให้ๆ เขาไปเถิดจะได้ไม่ต้องติดค้างกันอีก ในการพูดคุยกับญาติโยมที่มาหาหรือว่ากล่าวใคร ท่านยิ้มอยู่เสมอ แม้แขกมานั้นจะจู้จี้ พูดมาก จนน่าเบื่อเพียงแค่ไหน ท่านก็ไม่มีอาการให้เห็นว่าท่านรำคาญหรือรังเกียจเขาเหล่านั้น แต่จะยิ้มเสมอ ผู้เขียนยังไม่เคยเห็นท่านแสดงอาการโกรธ หรือดุด่าว่ากล่าวใครเลย นับว่าท่านมีเมตตาสูงยิ่ง
    อาพาธและมรณภาพ
    หลวงพ่อโอดท่านป่วยด้วยโรคเบาหวานมานานนับสิบๆปี แต่ท่านก็ใช้พลังจิตของท่าน ข่มกลั้นความเจ็บป่วยนั้นมาตลอด ไม่หนักหนาจริงๆ ท่านจะไม่ยอมให้พาท่านไปโรงพยาบาลเลย จนบั้นปลายของชีวิต อาการเบาหวานของท่านกำเริบมาก จนเท้าของท่านบวมอยู่ตลอดเวลา คณะกรรมการวัดและศิษย์ของท่าน ก็นำท่านไปรักษาที่กรุงเทพฯ บ้าง ที่บ้านหมี่บ้าง แต่ท่านเองก็ไม่ค่อยจะยอมไปเพราะท่านเกรงใจเขาเหล่านั้นที่จะต้องมาเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาท่าน จนครั้งหลังสุดอาการเบาหวานของท่านกำเริบมากจนไตไม่ทำงาน ต้องนำเข้าโรงพยาบาลที่กรุงเทพฯ เพื่อล้างไต เมื่ออาการดีขึ้นท่านก็ขอให้ท่านกลับวัด มาอยู่จันเสนได้ไม่นานอาการของท่านทรุดลงอีก คณะศิษย์จึงนำท่านไปรักษาที่โรงพยาบาลบ้านหมี่ ท่านอยู่ที่โรงพยาบาลบ้านหมี่ได้ไม่นาน ท่านก็มรณภาพด้วยอาการอันสงบ เมื่อวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๓๒ เวลา ๒ ทุ่มเศษ ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ ซึ่งเป็นวันอาสาฬบูชา ประชนชนชาวจันเสนและใกล้เคียง ต่างเศร้าโศกเสียใจ อาลัยในมรณภาพของท่านมาก ทางคณะกรรมการวัดได้เคลื่อนศพของท่านจากโรงพยาบาลบ้านหมี่ มายังวัดจันเสน มีประชาชนเข้าร่วมขบวนแห่มากมายเป็นประวัติการณ์ปัจจุบันร่างของท่านยังอยู่ที่ตึกนิสิตสามัคคี เปิดให้ประชนชนทั่วไปได้สักการบูชาทุกๆ วัน สิริรวมอายุได้ ๗๒ ปี ๖ เดือน ๑๙ วัน ๕๐ พรรษา
    มาถึงวัตถุมงคลบางส่วนของท่านนะครับ เริ่มต้นด้วย พระปิดตา รุ่นแจกทาน พระรุ่นนี้เนื้อหามวลสารดีมากๆ เจตนาการสร้างก็ดีมากๆเช่นกัน หลวงพ่อโอดท่านเต้มใจเสกให้เป็นอย่างดี จำนวนสร้างมากพอสมควร ยังพอพบเห็นได้ตามสนามโดยทั่วไปครับ ราคาก็ไม่สูงมากนัก ยังหยิบได้สบายๆครับ แถมห้อยเดี่ยวได้สบายๆเช่นกัน
    https://lek-prapai.org/home/view.php?id=469
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระผงกลีบบัวหลวงพ่อโอดวัดจันเสนผสมเกศาให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20231122_211019.jpg IMG_20231122_211046.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤศจิกายน 2023
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,692
    ค่าพลัง:
    +21,337
    เหรียญหลวงพ่อโอดวัดจันเสนออกวัดกกก้าวงานผูกพัทธสีมาวัดลูกศิษย์ของท่านหลวงพ่อปัญญา ให้บูชา 150บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20231122_213809.jpg IMG_20231122_213830.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤศจิกายน 2023
  4. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,692
    ค่าพลัง:
    +21,337
    1700714834001.jpg

    #ประวัติหลวงตาม้า (พระวรงคต วิริยธโร)
    ชาติภูมิ พระวรงคต วิริยะธโร มีชาติกำเนิดในสกุล สุวรรณคุณ เดิมชื่อ วรงคต สุวรรณคุณ เกิดเมื่อวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๔๘๗ ตรงกับวันพฤหัสบดี ปีวอก บ้านเดิมอยู่ที่ สกลนคร โยมบิดา-โยมมารดา ชื่อ นาย วันดี กับ นางโสภา มีพี่น้องร่วมบิดา มารดา อยู่ ๓ คน
    ก่อนที่จะมาบวช ท่านทำงานอยู่ที่ธนาคารกสิกรไทย สำนักงานใหญ่
    เมื่อท่านอายุได้ ๔๓ ปี ก็ได้เข้าพิธีบรรพชาอุปสมบท เมื่อวันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๓๑ เวลา ๑๐.๐๖น. ตรงกับวันอาทิตย์ ณ วัดพุทไธฯ อยุธยา เป็นการอุปสมบมหมู่ โดยมีท่านอาจารย์ ศุภรัตน์ แสงจันทร์ และพระอีก ๗ รูป รวม ๙ เณร ๑ โดยมีหลวงพ่อ หวล วัดพุทธไธฯเป็นพระอุปัชชาย์ ในพรรษาแรก ท่านได้ปฏิบัติภาวนาตลอด โดยยึดหลักการปฏิบัติสายหลวงปู่ดู่ วัดสะแก

    พอออกพรรษาแล้ว ท่านได้เข้าไปกราบลาหลวงพ่อหวลเพื่อธุดงค์ เมื่อหลวงพ่อหวลอนุญาติแล้ว ท่านก็ได้ไปกราบลาหลวงปู่ดู่ วัดสะแก บอกจุดประสงค์ต่อหลวงปู่ดู่ ท่านชี้ไปทางพระอาจารย์มั่นท่านบอกว่า ถ้าจะไปนิพพานน่ะเดินตามนั้น คืนนั้นไม่มีใครอยู่ในกุฏิหลวงปู่ดู่ ท่านเลยกราบลาหลวงปู่ดู่คืนนั้น แล้วท่านก็บอกหลวงปู่ดู่ว่าจะจำวัดในโบสถ์ หลวงปู่ดู่ท่านให้พระปูนรูปเหมือนหลวงปู่ดู่ ๑ องค์ แล้วบอกว่า ถ้าแกอยากรู้อะไรให้ถามพระองค์นี้ หลวงปู่ดู่ท่านยังเมตตาให้เงินติดตัวมาอีก ๕๐๐ บาท พร้อมทั้งมอบของใช้สำหรับสงฆ์ แล้วบอกว่าเวลาแกไปไหนข้าไปด้วย
    เมื่อเดินทางมาถึงเชียงใหม่ ท่านได้พักที่พระธาตุจอมแจ้ง พอมาถึงท่านได้อธิษฐานจิตกลางแจ้งเลยว่า ท่านอยากจะหาสถานที่ที่สงบเพื่อเก็บตัวสัก ๔ ปี พอเช้าวันรุ่งขึ้นมีผู้เฒ่าคนหนึ่งมาบอกว่าที่เมืองนะมีถ้ำน่าอยู่ หลวงตาบอกว่าถ้าไม่เจอผู้เฒ่าคนนี้คงไปอยู่พระบาท ๔ รอยแล้ว ผู้เฒ่าคนนี้ก็ไปจำศีลที่พระธาตุจอมแจ้ง พอท่านธุดงค์มาถึงถ้ำนะแล้วท่านรู้สึกว่าที่นี้แหละที่ตั้งใจไว้ ซึ่งตรงกับต้นปี ๒๕๓๒ ท่านก็ตั้งจิตอธิษฐานทันทีว่าจะไม่ออกไปไหน ๔ ปี แล้วท่านก็ส่งข่าวมาทางหลวงปู่ดู่และอาจารย์ศุภรัตน์ให้ทราบถึงเรื่องถ้ำแห่งนี้ หลังจากนั้นไม่นานอาจารย์ศุภรัตน์ก็ได้ไปเช่าหาพระพุทธชินราช ที่เสาชิงช้าด้วยตัวเอง แล้วนำมาให้หลวงปู่ดู่ทำพิธีพุทธาภิเษก เพื่ออันเชิญไปไว้ถ้ำนะ พระพุทธชินราชองค์นี้จึงเป็นพระพุทธรูปองค์แรกของถ้ำ ที่ได้อันเชิญมาไว้ที่เมืองนะจนถึงทุกวันนี้
    เวลาผ่านไปไม่นานจนเข้าปี ๒๕๓๓ หลวงตาได้รับข่าวว่าหลวงปู่ดู่เสีย หลวงตาจึงรีบเดินทางกลับมายังอยุธยาหลังจากผ่านพิธีพระราชทานเพลิงเรียบร้อย หลวงตาได้เดินทางไปวัดป่าดาราภิรมณ์เพื่อขอตั้งถ้ำนะเป็นสำนักสงฆ์และได้รับอนุมัติในปีเดียวกันนั้นเองเป็นวัดสาขาของวัดป่าดาราภิรมย์
    เมี่อประมาณปี 2520 ข้าพเจ้าได้เข้าทำงานที่ธนาคารกสิกรไทยสำนักงานใหญ่ ตั้งอยู่ที่ถนนสีลมและได้ทำงานร่วมกับท่าน

    สมัยท่านยังเป็นฆารวาส ท่านมีนามว่า “วรงคต นามสกุล สุวรรณคุณ" ท่านเป็นบุคคลที่มีอุปนิสัยดี เรียบร้อยเป็นมิตรกับผู้ร่วมงานทุกคนไม่ว่าจะเป็น ผู้บังคับบัญชาและรุ่นพี่กับรุ่นน้อง ท่านเป็นคนทำอะไรทำจริง และรักษาคำพูดเป็นที่สุด สมัยทำงานก็เหมือนกับพนักงานทั่วๆ ไปคือมีการสังสรรค์กันบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องปรกติ ของพนักงาน อาจจะหนักบ้างเบาบ้างแล้วแต่สถานะการ แต่ตัวผมเองหนักตลอดเวลา ขอโทษออกนอกเรื่องนิดหน่อย เรื่องของเรี่องที่หลวงตาท่าน จะด้วยบุญบารมีของท่านที่นำพาท่านให้ได้พบ และปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่ดู่ โดยมีเพื่อนซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ได้นำพา และชักนำมากราบหลวงปู่ที่วัดสะแก สมัยนั้นก็อย่างว่าแหละครับ (เรื่องสุรา) เมื่อท่านได้ไปกราบหลวงปู่ ครั้งแรกหลวงปู่ ท่านให้หลวงตาท่านอาราธนาศีล หลวงตาท่านก็กราบเรียนหลวงปู่ว่า กระผมยังดื่มสุรา และถ้าออกจากวัดคงจะไปดื่มอีก หลวงปู่ท่านมีจิตเมตตาต่อหลวงตา ท่านจึงกล่าว บอกกับหลวงตาว่า #ตอนนี้แกยังไม่ดื่มก็ยังมีศีลอยู่ ถ้าแกออกไปนอกวัดก็ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง และท่านก็ขอให้หลวงตาท่านปฏิบัติภาวนาวันละ 5 นาที ซึ่งหลวงตา ท่านก็รับคำของหลวงปู่ด้วยความที่ท่านเป็นคนทำอะไรทำจริง และรักษาคำพูดเป็นที่สุด จากวันละ 5 นาที ที่ท่านตกปากรับคำกับหลวงปู่ ท่านเริ่มปฏิบัติภาวนาสวดมนต์จากวัน ละ 5 นาที เป็นเวลานานขึ้นนานขึ้น

    จนปัจจุบันท่านได้บวชเป็นพระภิกษุสงฆ์ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบเจริญรอยตามหลวงปู่ดู่ซึ่ง เป็นเปรียบเสมือน "พ่อ แม่ ครูอาจารย์" ของท่านสืบมา จนปัจจุบันนี้

    หมายเหตุข้อความบางตอน ผมได้นำมากล่าวนี้บางส่วนได้คัดลอกมาจากหนังสือที่ "อาจารย์ศุภรัตน์ แสงจันทร์" ซึ่งเป็นศิษย์คนสำคัญของหลวงปู่ดู่อีกท่านหนึ่ง

    ผมขอกราบคารวะ ท่านด้วยความเคารพ
    เรี่องที่ได้เล่าให้ฟังนี้อาจจะ มีสิ่งใดขาดตกบกพร่องต้องขอกราบขอโทษ และถ้ามีตอนใด ตอนหนึ่งซึ่งไปกระทบหลวงตาท่าน ผมขอการ โยโธโสฯ ท่านครับ ขอกล่าวเพิ่มเติม
    เมื่อครั้งหลวงตาท่านได้รับคำกับหลวงปู่ แล้วท่านนำมาปฏิบัติและเรียนรู้เพิ่มเติม
    กับหลวงปู่ อีกเป็นเวลากว่า 10 ปี เมื่อท่านมีเวลาว่างหรือวันหยุด ท่านจะรีบเดินทาง ไปกราบหลวงปู่ และศึกษาหาความรู้จากหลวงปู่ทุกๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นการสวดมนต์ ภาวนาแล้ว ฝึนจิตใจ จนกล่าวได้ว่า ท่านเป็นอีกผู้หนึ่งที่ได้รับการอบรมสั่งสอน จากหลวงปู่มาเป็นเวลาอันยาวนานมาก ขนาดยอมละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างทั้งหน้าที่ การงานที่ท่านกำลังรุ่งเรือง และทรัพย์สินอันมีค่าทุกอย่าง

    เพื่อท่านจะได้ละเพศฆราวาส เพื่อศึกษาพระธรรม และเจริญรอยตามคำสอนของหลวงปู่ ซึ่งมีเมตตาอบรมสั่งสอนศิยษ์ผู้นี้ คือหลวงตาม้า
    กระผมและเหล่าบรรดาเพี่อนๆ ที่เคยได้ร่วมงานกันมา มิเคยสงสัยหรือผิดหวังในตัวท่าน เพราะพวกเราต่างทราบกันดี ว่าท่านเป็นพระอริยสงฆ์อีกรูปหนึ่งที่ มีความเพียรปฏิบัติ และจริยวัตรงดงามมีความเมตตาต่อลูกศิษย์ และบุคคลทั่วๆ ไปกระผมขอกราบแทบเท้า ท่านด้วยความปิติยินดี และยกให้ท่านแทนพ่อแม่ ครูอาจาย์สืบทอดคำสอนของ
    หลวงปู่ดู่ "พรหมปัญโญ" สาธุครับ
    สรุปคำสอนของหลวงปู่ดู่โดย อาจารย์ ศุภรัตน์แสงจันทร์
    ท่านเคยพูดถึงการสมาทานศีลว่าได้ทั้ง5และจะลดลงเมื่อละเมิด ถ้าตายในขณะนับศีลหรือยังไม่ทันละเมิดย่อมมีอานิสงส์ดีกว่าไม่มีศีล ชึ่งอาจเกิดจากรับศีลจากพระหรือตั้งใจรักษาเอง แต่ผู้ปฏิบัติได้มโนยิมธิขอรับจากพระพุทธองค์บอกหรือหลวงปู่ทวดก็ได้
    เรื่อง สมศักดิ์ ครุฑคำรณและกายสิทธ์ เรียบเรียง Tj
     
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,692
    ค่าพลัง:
    +21,337
    วันนี้ จัดส่ง
    1700728686797.jpg
    ขอบคุณครับ
     
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,692
    ค่าพลัง:
    +21,337
    Pic_679324_2.jpg
    เหรียญรุ่นแรก หลวงพ่อชู วัดหินเหล็กไฟ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์
    ไตรมาส ปี 2528 จารยันต์หัวใจนกการะเวก
    เหรียญผิวเดิม ไม่ผ่านการใช้ ห้ามพลาด ด้วยประการทั้ง ปวง
    พระเครื่อง ของ ท่าน ชุดกัวเผาะ...ต้องว่ากันหลักหมื่น แล้วครับ
    ขุนแผน ที่เป็น เนื้อโลหะ เมื่วันก่อน เดินเจอในสนาม เปิดหมื่นห้าแล้วครับ
    ในอดีต ผมน่าจะเคยนำมาออก มาออก ปะมาณ 3-4 องค์ ...(ราคา ไม่น่าจะเกินพัน ในสมัยนั้น
    สุดยอด แห่งเหรียญ เรื่องเมตตา และแคล้วคคลาด
    ขุนแผนกัวเผาะ ของท่าน ปัจจุบัน กลายเป็นตำนานไปแล้วครับ....
    ....เดินสนาม ไม่เคยเจอ อีกเลย..
    จำนวนสร้าง ๙,๒๗๒ เหรียญ จากกำหนดเดิม ๑๐,๐๐๐ เหรียญแต่บล็อคแตกเสียก่อน หลวงพ่อชูเมตตาปลุกเสกเดี่ยวให้ตลอดไตรมาส ปี พ.ศ.๒๕๒๘
    หลวงพ่อชูจารยันต์หัวใจนกการเวก (จารในบล็อค ทั้ง หน้าและ หลังเหรียญ ) และบอกว่าเหรียญนี้กันไข้ป่าได้ด้วยครับ
    ..............."หลวงพ่อชู กันตะวีโร" เมื่อประมาณปี 2527 คือ 20 ปีที่แล้ว ท่านเพิ่งบวชได้เพียง 7 พรรษา อายุเพียง 56 ปีเท่านั้น ยังเป็นพระสงฆ์ที่หนุ่มแน่นอยู่มาก ก่อนที่ท่านจะมาบวชพระ ท่านเคยเป็น "ณุ เฒ่า"มาก่อน "ณุ เฒ่า" คือหมอไสยศาสตร์ หรือคนที่มีวิชาอาคมเก่งกล้า เป็นอาจารย์ของพวกส่วยที่เลี้ยงช้าง ท่านเป็น"ณุ เฒ่า"มาตั้งแต่หนุ่มๆ ชาวบ้าน และลูกศิษย์ของท่าน เรียกท่านว่า "จอมพลสวัสดิ์ 2" เพราะท่านมีเมียมีลูกมาก จนจำไม่ได้ว่าลูกคนไหน แม่คนไหน เพราะมีมากเหลือเกิน ชาวบ้านแถวนั้นเล่าว่า......หลวงพ่อชูสมัยที่ท่านเป็นฆราวาส ท่านเป็นหมอไสยศาสตร์ที่เก่งกาจมาก จะหาคนเท่าเทียมได้ยาก นอกจากท่านจะเก่งกาจในเรื่องช้างแล้ว ท่านยังเชี่ยวชาญเรื่องการทำเสน่ห์ยาแฝดอีกด้วย วัตถุที่ท่านนำมาทำเป็น "กั่วเผาะ"คือ "น้ำมันช้างตกมัน" (ตามภาษาส่วยเรียกว่า"กั่วเผาะ" ถ้าเรียกตามภาษากลางกลาง"กั่วเผาะ"ก็คือ"สีผึ้ง" นั่นเอง) สีผึ้งของหลวงพ่อชู ท่านจะผสม น้ำมันของช้างที่กำลังตกมัน ซึ่งเจ้าของต้องตีปลอกล่ามโซ่ไว้ เพื่อป้องกันมันไปกระทืบคน เพราะเวลาที่ช้างตกมัน เป็นเวลาที่มีอารมณ์รุนแรง โดยเฉพาะอารมณ์ทางเพศจะรุนแรงมาก และน้ำมันที่ไหลออกมาจากขมับทั้งซ้ายและขวา จะเป็นวัตถุอาถรรพณ์ที่แรงและมีพลังอำนาจมากๆ และท่านยังเอาว่าน และวัตถุอาถรรพณ์ต่างๆ เช่นสีผึ้งตามท่ารถ ท่าเรือ 7 ท่า มาผสมและว่านมงคลต่างๆ และสิ่งสุดท้ายที่ท่านผสมคือ น้ำมันช้างตกมันนั่นเอง หลวงพ่อชู ท่านเล่าว่า น้ำมันช้างตกมันเป็นของอาถรรพณ์ที่หายาก มีผลทางเสน่ห์มหานิยมมากที่สุด เมื่อไปเอามาได้แล้วต้องผสมลงในสีผึ้งทันที่เพราะเป็นน้ำมันที่ระเหยเร็วมาก จากนั้นจึงนำมาทำพิธีปลุกเสกและแจกจ่ายให้ผู้ที่มาขอให้ท่านช่วยเหลือเพียงคนละเล็กละน้อยเท่านั้น หลวงพ่อชูท่านยังกล่าวอีกว่า "กั่วเผาะ"ที่ท่านทำขึ้นนั้น ใช้ได้ผลดีมากๆ ไม่ว่าจะเป็นให้ผัวเมียรักกัน หรือ ให้ผัวกลับมารักเมีย หลงเมีย เลิกจากเมียน้อย ท่านก็ทำได้ทั้งนั้น แต่วิชานี้เป็นวิชามาร ทำไปมากๆเข้า มารก็มาสิงในตัวท่าน ผู้หญิงที่มาหาท่านให้ท่านลงของหรือทำของให้ ท่านก็จะเอาทำเมียหมด เมื่อทำเข้าบ่อยครั้งเข้า ท่านก็สำนึกได้ว่านั่นคือ "นรก" ท่านจึงตั้งใจจะบวชสักพรรษาหนึ่ง เพื่อจะฝึกจิตให้แข็งกว่ามาร จะได้เลิกทำชั่ว เมื่อบวชแล้ว ท่านจึงรู้ว่าสิ่งที่ท่านเคยได้ทำไปในอดีตมันก็คือนรกดีๆนี่เอง ท่านจึงบวชไม่ยอมสึกและมาปลูกกระท่อมอยู่กลางป่าในหมู่บ้านหินเหล็กไฟ ประสบการณ์เหรียญรุ่นนี้ผู้ที่ใช้ติดตัวบูชาต่างกล่าวขวัญถึงพุทธคุณด้านเมตตามหานิยมเป็นเยี่ยม คงกระพันเป็นยอด จัดสร้างโดย อ.ชินพร สุขสถิตย์ ลูกศิษย์ หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ประสบการณ์ล่าสุดเมือกลางเดือนที่ผ่านมา (กรกฎาคม 2553)มีนายดาบตำรวจท่านนึง ไม่ขอเอ่ยนาม ที่ สภ.กระโพ จ.สุรินทร์ ได้ทดลองยิงเหรียญรุ่นนี้ปรากฎว่า นัดแรกยิงไม่ออกกระสุนไปติดที่ลำกล้อง นัดที่สองถ้า
    ยิงไปปืนแตกแน่ เลยตัดสินใจไม่ยิง จนข่าวนี้ดังกระฉ่อนไปทั่วพื้นที่สุรินทร์ และเขตอิสานใต้ ในอดีตเหรียญรุ่นนี้สมัยที่หลวงพ่อท่านยังมีชีวิตอยู่หลวงพ่อเคยพูดว่า " ใครที่บูชาเหรียญรุ่นนี้ของท่านไปถ้าจะถามถึงพุทธคุณเป็นอย่างไรนั้น หลวงพ่อท่านบอกให้เอาปืนเอ็ม 16 ลองยิงได้เลยจะได้รู้และถ้าไม่ดีจริงอย่าเอาไปขึ้นคอ" ในพื้นที่ตามเก็บกันเงียบชั่วโมงนี้เจอต้องเก็บครับ ราคายังไม่แรงพอเก็บได้ ต่อไปไม่แน่ครับ.....ขอบคุณท่านเจ้าของข้อมูลดีๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจท่านหนึ่งที่ สภ.ทุ่งมน จ.สุรินทร์ครับ
    get_auc3_img (9).jpeg
    หลวงพ่อชู วัดหินเหล็กไฟ จ.สุรินทร์ ท่านเป็นพระเขมร เจ้าตำรับน้ำมัน "กัวเผาะ" อันลือชื่อ ท่านเคยสร้างขุนแผนกัวเผาะให้ลูกศิษย์ไปใช้ จนลูกศิษย์ประสบผลสำเร็จในด้านความรักหลายรายมาแล้ว หลวงพ่อชูเคยทำตะกรุดอาถรรพณ์ออกมาชุดหนึ่ง ตะกรุดนี้ท่านใช้เทียนชัยอุดหัวท้าย ภายในบรรจุ "ผงกัวเผาะ" ที่ท่านจัดแจงลบเอง ซึ่งทำได้น้อยดอกมาก ท่านจะแจกให้เฉพาะลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดจริงๆ
    ถ้าจะให้เกิดพลัง ให้นำ "ดอกรัก" หรือ "ดอกกระดังงา" ถูไปที่ตะกรุด และนำตะกรุดนี้อธิษฐานก็จะได้ผลอย่างน่าพิศวง นับเป็นตะกรุดอาถรรพณ์อีกคณาจารย์หนึ่งที่แปลกมาก ซึ่งผมเห็นคนได้นำไปใช้แล้วยกนิ้วว่า "สุดยอดจริงๆ ในทางเพศตรงข้าม" ก็คงจะไม่เสียชื่อ "หลวงพ่อชู"
    ในสมัยที่ท่านเป็น "ฆราวาส" ปรากฎว่าท่านมี "เมีย" หลายคนทีเดียว ซึ่งเรื่องนี้ ชาวบ้านแถบนั้นต่างทราบดี
    จากลานโพธิ์
    เหรียญหลวงพ่อชู กัณตะวีโร รุ่นแรก เนื้อทองแดง หลังยันต์สาม ปี 2528 เจ้าตำรับขุนแผนกัวเผาะน้ำมันช้างผสมโขลง สุดยอดทางด้านเจ้าเมตตามหาเสน่ห์ จัดสร้างโดย คุณชินพร สุขสถิตย์ จำนวนสร้าง 9272 เหรียญ (ตั้งใจจะสร้างให้ครบ 10,000 เหรียญ แต่บล็อกแม่พิมพ์แตกเสียก่อนทั้งด้านหน้า และด้านหลัง จึงปั๊มได้เพียง 9,272 เหรียญเท่านั้น ปัจจุบันยังพอมีให้เห็นบ้างประปรายตามงานประกวดพระเครื่อง ***** ในอดีตตอนที่หลวงพ่อท่านยังมีชีวิตอยู่ หลวงพ่อเคยพูดว่า “ใครที่บูชาเหรียญรุ่นนี้ของท่านไป ถ้าจะถามถึงพุทธคุณเป็นอย่างไรนั้น หลวงพ่อท่านบอกให้เอาปืนเอ็ม.16 ลองยิงได้เลยจะได้รู้ และถ้าไม่ดีจริงอย่าเอาไปขึ้นคอ” เวลานี้คนในพื้นที่ตามเก็บกันเงียบๆ หากท่านเจอที่ไหนต้องรีบเก็บนะครับ แต่ขอบอกก่อนว่าท้องที่เล่นกันแรงจริงๆ เพราะเป็นเหรียญที่มีประสบการณ์ด้านโชคลาภ แคล้วคลาดเยี่ยม อนาคตราคาขึ้นหลักหมื่นแน่นอน เหรียญที่นำมาให้บูชานี้สภาพผิวเดิมๆ ทุกเหรียญจารยันต์การะเวก ทั้งหน้า-หลังครับ
    get_auc3_img (10).jpeg

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญหลวงพ่อชูสำนักสงฆ์หินเหล็กไฟมีรอยจารยันต์การะเวก ให้บูชา 1200 บาทครับ ผมเก็บไว้นานมาก
    IMG_20231123_230102.jpg IMG_20231123_230033.jpg
     
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,692
    ค่าพลัง:
    +21,337
    1700805860993.jpg

    หลวงพ่อบุญชู (พระครูวิชาญ พัฒนกิจ) หลังจากหลวงพ่อทองได้มรณภาพแล้ว หลวงพ่อบุญชู ก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส สืบต่อมานับแต่ปี พ.ศ. 2507 เป็นต้นมาก จนถึงปี พ.ศ. 2546 นับเป็นเวลาเกือบ 40 ปี ซึ่งนับว่านานมาก ในระหว่างที่ได้ครองวัดเป็นเจ้าอาวาส อยู่นั้นได้มีผลงานมากมายทั้งงานด้านบริหารและการปกครอง งานบูรณปฏิสังขรณ์ งานเผยแพร่งานก่อสร้าง งานพัฒนาต่าง ๆ งานอบรม งานช่วยเหลือการสนับสนุนการศึกษา และยังเป็นพระเถระที่ทรงวิทยาคมอีกรูปหนึ่ง เป็นที่รู้จักกันดีในด้าน “ผู้สร้างผงอิทธิเจ จากกระดูกผีเจ็ดป่าช้า” อีกด้วย ตามประวัติดังกล่าวไว้แล้ว
    พระสนิท นนทิโย เป็นพระที่มีพรรษาอาวุโสสูงสุดเมื่อท่านพระครูวิชาญพัฒนกิจอดีตเจ้าอาวาสได้ มรณภาพลง จึงได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรักษาการเจ้าอาวาส มาตั้งแต่ วันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2546 ไปพลางก่อนจนหว่า จะประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพ พระครูวิชาญ พัฒนกิจ (อดีตเจ้าอาวาส) แล้วเสร็จและจะได้มีการพิจารณาคัดเลือกและถามความสมัครใจในการจะเป็นอาวาส องค์ใหม่ต่อไป
    หลวงพ่อบุญชู มีลักษณะเฉพาะของท่านคือ พูดน้อย เอาจริงเอาจังและดุดัน จึงมีน้อยคนที่จะรู้จักและทราบประวัติความเป็นมาของท่าน ถึงท่านจะเก็บตัวเงียบสักเท่าใด ก็ปิดบังได้แต่คนธรรมดาเท่านั้นครับ แต่สำหรับสายตาอันเฉียบคมของพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบด้วยกันนั้น ปิดยังไง ก็ไม่มิด ...เพราะเราจะสังเกตุเห็นว่า หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง พระสุปฏิปันโณ แห่งเมืองสิงห์ ยังมาขอผงของหลวงพ่อบุญชู ไปเป็นมวลสารในพระสมเด็จของท่านเลยครับ
    หนึ่งในพระเวทย์วิทยาคมที่ท่านชำนิชำนาญเป็นพิเศษ คือวิธีการทำผงอิทธิเจ แบบพิเศษ ที่ท่านลบผงเอง พร้อมทั้งใส่ผงเถ้ากระดูกผีเจ็ดป่าช้า ลงไปในผงอีกด้วย..
    ว่ากันว่า วัดหัวว่าวเป็นวัดที่ผีดุที่สุดในสิงห์บุรี...แต่หลวงพ่อกลับเอากระดูกผี มาผสมผงฯ ด้วย..จึงนับเป็นของที่เหนือธรรมดาแน่นอน..ผงฯ ของท่าน จึงเข้มขลัง และแรง...ด้วยพุทธคุณ (สายขาวมิใช้สายพราย)
    ประสบการณ์มากมายครับ สำหรับคนในพื้นที่ ทั้งแคล้วคลาด ปลอดภัย ตีรันฟันแทง..โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มหาเสน่ห์ มหานิยม....ที่ใช้แทน ผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ หรือ หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ ได้อย่างสบายใจ
    หลวงพ่อบุญชู ไม่ต้อนรับการเข้ามาจัดสร้างวัตถุมงคลของศูนย์พระเครื่อง ศูนย์พระเครื่องหลายแห่งเข้ามาขออนุญาตจัดสร้างพระเครื่อง เพราะได้ยินเรื่องราวของท่าน แต่ท่านไม่ต้องการให้นำวัตถุมงคลของท่านไปขาย ใครเข้าไปถามหาเช่าวัตถุมงคลจากท่าน ท่านก็จะตอบทันทีว่า ที่นี่ ไม่มีขาย...มีแต่แจก แล้วท่านก็แจก ๆๆ อย่างถูกใจผู้ให้และถึงใจผู้รับ.. วัตถุมงคลของท่าน จึงไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลายสักเท่าใด
    พระคาถาที่ท่านสอนลูกศิษย์เสมอๆ ..คือ นะโมตัสสะ ถอยหลัง..ท่านว่า สวดนะโมถอยหลัง 3 รอบ คลุมได้หมด
    https://palungjit.org/threads/ประสบการณ์-หลวงพ่อบุญชู-วัดหัวว่าว.680275/
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญหลวงพ่อบุญชูหลังพระปิดตาลพความโกรธให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20231124_125904.jpg IMG_20231124_125928.jpg
     
  8. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,692
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1700806898078.jpg FB_IMG_1700806904545.jpg
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มารูปภาพอย่างสูงครับ
    พระผงมงคล 9 หลวงพ่อเกษมเขมโก 80 ปี สร้างปี 2534 รุ่นประสพการณ์
    ให้บูชา 600 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20231124_132407.jpg IMG_20231124_132445.jpg
     
  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,692
    ค่าพลัง:
    +21,337



    เหรียญครูบาสร้อย ท่าสองยาง จ.ตาก นิตยสารศักดิ์สิทธิ์สร้างปลุกเสกนาน ๖๐ วัน พร้อมซองเดิมๆ และ รูปอภินิหารปู่โต ไม่ไหม้ไฟ
    ให้บูชา 2 องค์ 230 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20231124_220039.jpg IMG_20231124_220057.jpg IMG_20231124_220008.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤศจิกายน 2023
  10. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,692
    ค่าพลัง:
    +21,337
    วันนี้จัดส่ง
    1700914751153.jpg

    ขอบคุณครับ
     
  11. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,692
    ค่าพลัง:
    +21,337


    http://www.watkositaram.com/forum/index.php?topic=9106.0
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาเว็บไซต์อย่างสูงครับ
    พระนางพญาเนื้อดินหลวงพ่อดำวัดหนองแขมสรรคบุรีชัยนาทพิธีใหญ่หลวงพ่อกวยและหลวงพ่อมุ่ยวัดดอนไร่ร่วมปลุกเสก
    #* จะมีส่วนที่มีกล่องใส่พระ และไม่มีกล่อง ด้วยครับ กล่องคาดว่ามาสร้างที่หลัง
    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20231127_123700.jpg IMG_20231127_123722.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 พฤศจิกายน 2023
  12. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,692
    ค่าพลัง:
    +21,337
    l1-jpg.jpg
    หากเอ่ยถึง “วัดเก่าแก่” และ “อาคมขลัง” เข้าขั้นเอกอุอีกแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกก็ต้องนึกถึงวัดเนินสุทธาวาส ต.บางปลาสร้อย อ.เมือง จ.ชลบุรี

    วัดเนินสุทธาวาสแห่งนี้ นับได้ว่าเป็นศูนย์รวมใจพุทธศาสนิกชนมาช้านาน ด้วยความขลังแห่งสรรพวิชาอาคมแต่ครั้งอดีตกาล อันเป็นตำนานกล่าวขานถึงอดีตเกจิอาจารย์หลายรูป ตั้งแต่หลวงพ่อทอง และหลวงพ่อโต หรือพระอธิการโต ซึ่งวัตถุมงคลของท่านได้รับความนิยมจากแวดวงนักนิยมพระไม่เป็นรองสำนักไหนใน ชลบุรี

    รายนามอดีตพระเกจิแห่งเมืองชลบุรีที่โดดเด่นมีหลายรูป ได้แก่ หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ หลวงปู่ภู่ วัดนอก หลวงปู่เจียม วัดกำแพง หลวงพ่อครีพ วัดอุทยานนที (วัดสมถะ) หลวงพ่อเริ่ม วัดจุกกะเฌอ หลวงพ่อโต วัดเนินสุทธาวาส (วัดเนิน) หลวงปู่ศรี วัดอ่างศิลา เป็นต้น

    ตามประวัติวัดเนินสุทธาวาส (วัดเนิน) เป็นวัดเก่าแก่คู่เมืองชลบุรีมาช้านานตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว ตั้งอยู่บนเนินสูง จึงเป็นเหตุให้เดิมเรียกว่า “วัดเนิน” ตั้งแต่นั้นมา

    จากคำบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่ระบุว่า คราวเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๒ ประมาณ พ.ศ. ๒๓๑๐ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ได้ทรงรวบรวมไพร่พลฝ่าวงล้อมของข้าศึกไปตั้งฐานที่มั่นที่เมืองจันทบุรีนั้น ระหว่างทางทรงแวะประทับแรมที่วัดอินทาราม จ.ชลบุรี ซึ่งต่อมาเรียกว่า “วัดใหญ่อินทาราม” ทรงนิมนต์หลวงพ่อทองเจ้าอาวาสวัดเนิน (ชื่อวัดเดิมขณะนั้น) ร่วมไปในกองทัพด้วย โดยหลวงพ่อทองนั้นเลื่องลือเรื่องวิชาอาคมแก่กล้า เป็นที่เคารพนับถือของประชาชนในภาคตะวันออก

    เรื่องเล่าข้างต้นสอดคล้องกับหลักฐานทางโบราณคดี ที่ปรากฏเป็นหลักฐานภายในวัดคือ พระอุโบสถหลังเก่า ที่มีลักษณะแอ่นโค้ง แบบท้องสำเภา ซึ่งเป็นรูปแบบนิยมแพร่หลายในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย สันนิษฐานว่า “วัดเนิน” น่าจะสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์เรื่อยมา ปี พ.ศ. ๒๕๐๐ ทางการเพิ่มคำว่า “สุทธาวาส” ต่อท้ายชื่อเดิม จนกลายเป็นชื่อ “วัดเนินสุทธาวาส” จนปัจจุบัน

    ใน พ.ศ. ๒๔๓๖ พระอธิการโต อดีตเจ้า อาวาส พระเกจิอาจารย์ชื่อดังได้ก่อสร้างพระอุโบสถหลังใหม่และเปลี่ยนจากผนังไม้ เป็นก่ออิฐถือปูน ก่อนจะบูรณะอีกครั้งใน พ.ศ. ๒๕๔๓ โดยท่านพระครู พิศิษฐชโลปการ (หลวงปู่เกลี้ยง) เจ้าอาวาสปัจจุบัน ผู้สืบสานวิชาจากหลวงพ่อโต อดีตเกจิชื่อดัง

    ในฐานะผู้ได้รับการถ่ายทอดวิชาต่าง ๆ จากพระอาจารย์ ทำให้ชื่อเสียงของ พระครูพิศิษฐชโลปการ (หลวงปู่เกลี้ยง) เป็นที่รู้จักคุ้นเคยของผู้ศรัทธาในภาคตะวันออกเช่นเดียวกัน

    หลวงปู่เกลี้ยง เดิมชื่อ เกลี้ยง นามสกุล สุทธิพงศ์ บิดาชื่อ นายเปล่ง มารดาชื่อ นาง เนียม เกิดเมื่อวันที่ ๒๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๖๑ ที่บ้านหมู่ ๑๐ ต.หนองข้างคอก อ.เมือง จ.ชลบุรี มีพี่น้องร่วมอุทร ๓ คน ท่านเป็นคนที่ ๒ในวัยเยาว์ท่านไปอาศัยอยู่กับคุณตาคุณยายที่บ้านหนองข้างคอกจนอายุได้ ๘ ขวบ ก็ย้ายไปอยู่กับคุณปู่คุณย่าที่บ้านหัวฝาด ต.บ้านสวน พ.ศ. ๒๔๗๐ ก็เข้าเรียนหนังสือที่โรงเรียนประชาบาลวัดเนิน เรียนอยู่ประมาณ ๒ ปี ก็ย้ายกลับไปอยู่กับคุณตาคุณยาย และเรียนหนังสือที่วัดผาสุการามขณะท่านอายุได้เพียง ๑๔ ปี มารดาก็เสียชีวิตลง จึงบรรพชาเป็นสามเณรหรือบวชหน้าศพอุทิศผลบุญให้บุพการีเป็นเวลา ๗ วัน เมื่อครบกำหนดก็ลาสิกขาไปช่วยบิดาทำนาและเรียนหนังสือต่อ จนอายุ ๑๕ ปี ขณะอยู่ชั้นประถมปีที่ ๓ อายุได้ ๑๗ ปี ก็ออกและย้ายไปอยู่ใน ต.บ้านสวน อ.เมือง จ.ชลบุรี

    ครั้นอายุครบ ๒๑ ปีบริบูรณ์ หลังไปเกณฑ์ทหารแล้วโยมบิดาก็ให้อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดเนินสุทธาวาส (วัดเนิน) ต.บางปลาสร้อย อ.เมือง จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๔๘๒ โดยมีพระครูศรีสัตยาภิวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดต้นสน เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการสัน ธัมฺมสโร เจ้าอาวาสวัดเนินสุทธาวาส เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูสรวุฒิสมาจารย์ เป็นอนุสาวนาจารย์ แล้วจำพรรษาอยู่วัดแห่งนี้ ได้รับฉายาว่า “มนุญโญ”

    อุปสมบทได้ ๕ พรรษา พระอธิการสัน ลาสิกขา คณะสงฆ์จึงแต่งตั้งให้ พระเกลี้ยง (หลวงปู่เกลี้ยง) เป็นผู้รักษาการในตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดเนินสุทธาวาสนาน ๑ ปี จนกระทั่งวันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๗ ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดเนินสุทธาวาสจนปัจจุบัน
    ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๐๐ ขณะหลวงปู่ เกลี้ยงเดินธุดงค์เจริญวิปัสสนากัมมัฏฐานที่เขา พงพราน ต.หนองข้างคอก อ.เมือง จ.ชลบุรี นั่งสมาธิ นิมิตเห็น เทพยดามาบอกท่านว่า “สถานที่แห่งนี้ภายภาคหน้าจะเป็นที่สำคัญของประเทศชาติและพระพุทธศาสนา” โดยมอบหมายให้ท่านดำเนินการก่อสร้าง จึงสร้างสำนักปฏิบัติธรรมขึ้นมา ชื่อว่า “สวนป่านันทวันอาศรม” และสร้างมหาธาตุเจดีย์ขนาดใหญ่ดุจดั่งเจดีย์พุทธคยา ประเทศอินเดีย ประดิษฐานไว้เป็นอนุสติ น้อมรำลึกถึงสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอีกด้วย



    ตลอดชีวิตตั้งแต่วัยหนุ่มจนสิริอายุ ๙๓ ปี หลวงปู่เกลี้ยง ทุ่มเทและพัฒนาสร้างความเจริญ รุ่งเรืองให้วัดเนินสุทธาวาสและศาสนสถานอื่น ๆ อันเป็นที่สืบสานพระพุทธศาสนาเรื่อยมาโดยไม่เคยบ่นหรือแสดงความท้อถอย เป็นสาเหตุสำคัญให้ญาติโยมศรัทธาและเคารพนับถือท่านเป็นจำนวนมาก



    หลวงปู่เกลี้ยง เคยสร้างวัตถุมงคล รายได้ ทั้งหมดนำไปพัฒนาท้องถิ่น สร้างความเจริญให้แก่วัดเนินสุทธาวาส ได้รับความนิยมมาก ๆ คือหนุมาน พระปิดตา เหรียญ โดยท่านสร้างตามตำรับ หลวงพ่อโต อดีตเกจิดังและอดีตเจ้าอาวาส อีกทั้งท่านมีศักดิ์เป็นเหลน ของหลวงพ่อโตด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ความศรัทธาเพิ่มพูนทวีคูณ
    ขอขอบคุณขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    https://palungjit.org/threads/ประสบการณ์-หนุมาน-อาจารย์เกลี้ยง-วัดเนินสุทธาวาส-ชลบุรี.461559/
    เหรียญหลวงปู่เกลี้ยงวัดเนินสุทธาวาส ชลบุรีให้บูชา 120 บาทค่าจัดส่ง 30 บาท
    IMG_20231124_224133.jpg IMG_20231124_224150.jpg
     
  13. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,692
    ค่าพลัง:
    +21,337
    1667539771139-jpg.jpg
    29 ธันวาคม น้อมรำลึก พระครูพิมลศาสนกิจ (หลวงพ่อละม่อม ฐิตาโภ) วัดย่านขาด
    ตำบลพรหมพิราม อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก
    ***พระเถราจารย์เสือซ่อนเล็บ สมญานาม “มหากระดอนบ้านย่านขาด” ผู้สืบสายวิทยาคมครูบาอาจารย์
    ***สายวัดมะขามเฒ่าจากหลวงพ่อเกตุ วัดศรีเมือง จ.สุโขทัย หลวงพ่อพุฒิ วัดเขาไม้แดง เมื่อครั้งอยู่ที่วัดอินทรีศรีสังวร จ.สุโขทัย
    ***สายหลวงพ่อโพธิ์วัดวังหมาเน่า(หลวงพ่อเรือง วัดบ้านดง อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก) จากหลวงพ่อแจง วัดเกาะแก้ว จ.พิษณุโลก
    ***หลวงพ่อฝ้าย วัดสนามไชย จ.พิษณุโลก
    ***หลวงพ่อเถ้า วัดคลองตาล จ.พิษณุโลก
    ***หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ จ.นครสวรรค์
    ***เจ้าคุณแพ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.พิษณุโลก
    นามเดิม นายละม่อม ปานกลิ่น (สกุลเดิม คร้ามสมอ)วิทยฐานะ ประถมศึกษาปีที่ 4 อาชีพ ทำนา โยมบิดา ชื่อ นายฉาบ คร้ามสมอ โยมมารดา ชื่อ นางพัด คร้ามสมอ เกิด วันพุธ ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ.2465 แรม 2 ค่ำ เดือน 9 ปี จอ ณ บ้านดงสมอ ในตำบลหนองแขม อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก ท่านมีพี่น้องทั้งหมด รวมท่านด้วยจำนวน 9 คน ได้แก่
    1.พระครูพิมลศาสนกิจ (หลวงพ่อละม่อม ฐิตาโภ)
    2.นางผัน คร้ามสมอ
    3.นายรวม คร้ามสมอ
    4.นายรวย คร้ามสมอ
    5.นายผิน คร้ามสมอ
    6.นายเสาร์ คร้ามสมอ
    7.นางประทุม คร้ามสมอ
    8.นางบุญธรรม คร้ามสมอ
    9.นางประทิน คร้ามสมอ
    ช่วงชีวิตในวัยหนุ่มของท่านนั้น ไม่ต่างไปจากชาวบ้านชนบททั่วไป ท่านเคยมีครอบครัวมาแล้ว โดยภรรยาของท่านทราบชื่อว่า นางชิด ท่านมีบุตรสาวจำนวน 2 คน คนโตชื่อ นางสมัย คนที่สอง ชื่อนางสมาน ยามที่ท่านยังดำรงอยู่ในสถานะหัวหน้าครอบครัว ท่านก็ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าครอบครัวที่ดีโดยตลอด ประกอบอาชีพ ทำนา และขึ้นตาลเพื่อปาดน้ำตาลขายหารายได้อีกทางหนึ่ง ท่านมีนิสัยประหยัดไม่ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย อยู่มาไม่นาน นางชิด ผู้เป็นภรรยาได้ถึงแก่กรรม และต่อมา นางสมัย บุตรสาว ก็ถึงแก่กรรมอีกคน เหตุการณ์นี้ยังให้เกิดความเสียใจแก่ท่านอย่างมาก จึงตัดสินใจออกบวช โดยไปฝากตัวรับการอบรมสั่งสอนด้านบาลี และการไล่เจ็ดตำนาน จากหลวงพ่อเถ้า วัดคลองตาล หลวงพ่อท่านมีความเกรงอกเกรงใจในหลวงพ่อเถ้ารูปนี้มาก ด้วยว่าหลวงพ่อเถ้าท่านเป็นพระที่มีความเคร่งครัด ในพระธรรมวินัย ยิ่งถ้ามีใครมาฝากตัวปรนนิบัติเพื่อเตรียมตัวบวชด้วยแล้ว ถ้าไม่ได้เจ็ดตำนานไม่มีทางได้บวชแน่นอน หลวงพ่อละม่อม ท่านมีความรู้ติดตัว อ่านออกเขียนได้ ทั้งยังติดตามคลุกคลีอยู่กับสมภารวัดย่านขาดมาตลอด ในสมัยก่อน ใครอยากมีความรู้ก็นิยมเข้าวัดติดตามพระเถระสมภารวัด ก็จะได้รับการแนะนำสั่งสอนให้อ่านออกเขียนได้และรวมถึงพื้นฐานวิทยาคมอีกด้วย เมื่อศึกษาฝึกฝนจนท่านมีความชำนาญดีแล้วจึงเดินทางไปอุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดใหม่อภัยยาราม ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก เมื่อมีอายุได้ 32 ปี มีพระพิษณุบุราจารย์ (เจ้าคุณแพ)วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร พิษณุโลก เป็นพระอุปัชฌาย์ พระวรญาณมุนี เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูนิยมศีลาจาร เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ทำการอุปสมบท วันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ.2496 เวลา 14.45 น. ได้รับฉายาว่า***ฐิตาโภ***สังกัดมหานิกาย และกลับมาจำพรรษาที่วัดย่านขาดบ้านเกิดของท่าน ภายหลังจึงได้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดย่านขาด จวบจนปัจจุบัน เกี่ยวกับนามสกุลของท่านนั้น เดิมที่เดียวท่านใช้สกุล คร้ามสมอ แต่ด้วยท่านนั้นก็มีศักดิ์เป็นหลานของท่านพระพิษณุบุราจารย์ (เจ้าคุณแพ)โดยท่านเจ้าคุณแพ ท่านมีนามสกุลเดิมว่า ปานกลิ่น ในขณะที่บวชและจัดทำสูติบัตรประจำตัว ท่านเจ้าคุณแพ ก็ลงนามสกุลเป็น ปานกลิ่น จึงทำให้นามสกุลที่ปรากฏในเอกสารของท่านเป็นปานกลิ่น จนปัจจุบัน การดำรงตำแหน่งของท่านมีลำดับ ดังนี้
    ***1.วันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ.2509 อายุ 43 ปี พรรษา 13 ได้รับการแต่งตั้งเป็น พระกรรมวาจาจารย์
    ***2.วันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ.2510 อายุ 44 ปี พรรษา 14 ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระครูพิมลศาสนกิจ ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดย่านขาด วิทยฐานะ นธ.โท
    ***3.วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2521 ได้รับพระราชทานแต่งตั้ง ให้พระครูพิมลศาสนกิจ ดำรงตำแหน่ง เจ้าอาวาสวัดย่านขาด ในฐานะวัดราษฎร์ชั้น ตรี
    ***4.วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2526 ได้รับพระราชทานแต่งตั้ง ให้พระครูพิมลศาสนกิจ ดำรงตำแหน่ง เจ้าอาวาสวัดย่านขาด ในฐานะวัดราษฎร์ชั้น โท
    ***5.วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2537 ได้รับพระราชทานแต่งตั้ง ให้พระครูพิมลศาสนกิจ ดำรงตำแหน่ง เจ้าอาวาสวัดย่านขาด ในฐานะวัดราษฎร์ชั้น เอก
    ***6.วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2548 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ สัญญาบัตร พัดยศ เป็นเจ้าอาวาส เทียบเท่าผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวงชั้น เอก
    พระครูพิมลศาสนกิจ(หลวงปู่ม่อม ฐิตาโภ) มรณภาพลง เมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 29 ธันวาคม 2560 สิริอายุ 95 ปี พรรษา 63

    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    สมเด็จปรกโพธิ์หลวงพ่อขาววัดย่านขาดหลวงปู่ม่อมอธิษฐานจิตให้บูชา 300
    ค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    img_20221104_123244-jpg.jpg img_20221104_123257-jpg.jpg
     
  14. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,692
    ค่าพลัง:
    +21,337
    พระกริ่ง วิเศษไชชาญ วัดตลาดใหม่ อ่างทอง
    พิมพ์เล็กปี43
    หลวงพ่อทรงร่วมพิธีมหาพุทธาภิเษก”พระกริ่งวิเศษชัยชาญ”
    ณอุโบสถวัดตลาดใหม่ อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง วันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2543
    พระที่ร่วมพิธีมี ดังนี้ครับ
    1.พระครูปัญญาประโชติ (หลวงพ่อยัพ) วัดห้วยโรง
    2. พระครูโสภณจารุวงศ์วัดสิทธาราม
    3. พระครูวิบูลอาจารคุณ (ลพ.เกษม)วัดม่วง
    4. พระครูสังวรสมกิจ (ลป.ทิม)วัดพระขาว
    5. พระครูสุนทรยติกิจ วัดไผ่ล้อม
    6. พระครูสิริโพธิ์พิทักษ์วัดโพธิ์ศรี
    7. พระภาวนานุสิฐเถระ วัดบางจัก
    8. พระปาโมกข์มุนีวัดป่าโมก
    9. พระครูสุภัทรธรรมโสภณ (ลพ.ทรง)วัดศาลาดิน
    ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20230115_230706.jpg IMG_20230115_230718.jpg IMG_20230115_230734.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤศจิกายน 2023
  15. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,692
    ค่าพลัง:
    +21,337
    วันนี้ จัดส่ง
    1701254063520.jpg
    ขอบคุณครับ
     
  16. romegat

    romegat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,509
    ค่าพลัง:
    +9,414
    ปิดรายการนี้ครับ
     
  17. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,692
    ค่าพลัง:
    +21,337
    รับทราบครับ ขอบคุณครับ

    ผมมี ๒ องค์ สนใจบูชาเพิ่มไหมครับ
    จะถ่ายรูปให้ พิจรณาครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤศจิกายน 2023
  18. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,692
    ค่าพลัง:
    +21,337
    พระกริ่ง วิเศษไชชาญ วัดตลาดใหม่ อ่างทอง
    พิมพ์เล็กปี43
    หลวงพ่อทรงร่วมพิธีมหาพุทธาภิเษก”พระกริ่งวิเศษชัยชาญ”
    ณอุโบสถวัดตลาดใหม่ อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง วันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2543
    พระที่ร่วมพิธีมี ดังนี้ครับ
    1.พระครูปัญญาประโชติ (หลวงพ่อยัพ) วัดห้วยโรง
    2. พระครูโสภณจารุวงศ์วัดสิทธาราม
    3. พระครูวิบูลอาจารคุณ (ลพ.เกษม)วัดม่วง
    4. พระครูสังวรสมกิจ (ลป.ทิม)วัดพระขาว
    5. พระครูสุนทรยติกิจ วัดไผ่ล้อม
    6. พระครูสิริโพธิ์พิทักษ์วัดโพธิ์ศรี
    7. พระภาวนานุสิฐเถระ วัดบางจัก
    8. พระปาโมกข์มุนีวัดป่าโมก
    9. พระครูสุภัทรธรรมโสภณ (ลพ.ทรง)วัดศาลาดิน
    ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20231130_201704.jpg IMG_20231130_201745.jpg
    IMG_20231130_201632.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤศจิกายน 2023
  19. Nantana

    Nantana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +212
    พระกริ่ง วิเศษไชชาญ
    วัดตลาดใหม่ อ่างทอง
    พิมพ์เล็กปี43
    ขอจองค่ะ
     
  20. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,692
    ค่าพลัง:
    +21,337

    1701353103599.jpg
    หลวงพ่อแพ
    เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ ๑ มกราคม พ.ศ.๒๔๔๘ ณ บ้านสวนกล้วย ตำบลพิกุลทอง อำเภอท่าช้าง จังหวัดสิงห์บุรี เป็นบุตรของนายเทียนและนางหน่าย ใจมั่นคง เมื่ออายุได้ ๘ เดือน มารดาถึงแก่กรรม นายบุญและนางเพียร ขำวิบูลย์ จึงรับหลวงพ่อแพไปเป็นบุตรบุญธรรม เมื่ออายุได้ ๑๑ ปี หลวงพ่อแพ มาศึกษาอักษรขอมกับพระอาจารย์สมที่วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร กรุงเทพฯ

    จนอายุ ๑๖ ปี หลวงพ่อแพ จึงกลับสิงห์บุรีเพื่อบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดพิกุลทอง แล้วกลับมาศึกษาพระปริยัติธรรมต่อที่วัดชนะสงคราม จนสอบได้เปรียญธรรม ๔ ประโยค แต่ตาอักเสบเนื่องจากหักโหมดูหนังสือ หลวงพ่อแพ จึงหันไปศึกษากรรมฐานที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร

    หลวงพ่อแพ อุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ.๒๔๖๙ โดยมีพระมงคลทิพมุนี (มุ้ย ปณฑิโต) เจ้าอาวาสวัดจักรวรรดิราชาวาสวรมหาวิหาร เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูสิทธิเดช วัดชนะสงคราม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และเจ้าอธิการอ่อน วัดจำปาทอง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "เขมงฺกโร" แล้วกลับไปจำพรรษาที่วัดชนะสงคราม

    พ.ศ.๒๔๗๔ หลวงพ่อแพ รับนิมนต์จากชาวบ้านมาเป็นเจ้าอาวาสวัดพิกุลทองแทนเจ้าอาวาสรูปเดิมที่ลาสิกขา ระหว่างดำรงตำแหน่ง หลวงพ่อแพ มีชื่อเสียงจากการสร้างพระเครื่องหลายรุ่น และได้พัฒนาวัดและบำเพ็ญสาธารณประโยชน์หลายประการ เช่น สร้างโรงพยาบาล สถานีตำรวจ สถานีอนามัย โรงเรียน สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นต้น

    หลวงพ่อแพ มรณภาพเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๔๒ สิริอายุได้ ๙๔ ปี ๔๐ วัน.

    มีเรื่องเล่าว่า หลวงพ่อแพ ท่านยกมือเอานิ้วมือเขียนๆ ยันต์บนอากาศ แล้วก็มีผงตกลงมาจากอากาศ (ก่อนหน้าท่านจะเขียน ท่านบอกให้โยมอุปัฏฐากเอาผ้ามารองให้ก่อน แล้วเขียน) ผงลงมาบนผ้าที่รองอยู่ คนที่เห็นก็ตะลึง เพราะไม่เคยเห็นเรื่องแบบนี้มาก่อน
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญหล่อหยดน้ำกลับบัวเสาร์๕ หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง ให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ กล่องเดิมๆvisonนะครับ
    IMG_20231130_204607.jpg IMG_20231130_204635.jpg IMG_20231130_204543.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...