+ พระแท้ +

สติปัญญาคือพระแท้ (คัดย่อมาจาก งานเขียนของท่าน ว. วชิรเมธี)

โรคขาดความเชื่อมั่น โรคเหงา โรคกลัวภัยที่มองไม่เห็น โรคขาดความมั่นคง และโรคขาดความอบอุ่น นับเป็นโรคทางจิตวิญญาณ ที่ผู้คนในยุคโลกาภิวัฒน์ เป็นกันมากที่สุดโรคหนึ่ง

ขณะที่คนส่วนใหญ่ พากันแสวงหาเครื่องรางของขลัง และครูบาอาจารย์จากภายนอก มาเสริมสร้างความมั่นคงภายในจิตใจให้ตัวเอง พระพุทธศาสนากลับสอนให้แสวงหาความมั่นคง จากภายในใจของเราเอง

เครื่องรางที่แท้ตามแบบฉบับของพระพุทธองค์ ไม่ได้อยู่ภายนอก หากแต่อยู่ภายในใจของเราทุกคน พระองค์จึงตรัสว่า " อัตตา หิ อัตตโน นาโถ , โก หิ นาโถ ปโร สิยา " ตนแล เป็นที่พึ่งของตน คนอื่น ใครเล่า จะเป็นที่พึ่งได้

อย่างไรก็ตาม แม้ชาวพุทธจะรู้จักสุภาษิตข้อนี้ดี แต่ในทางปฏิบัติ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ที่เราจะยืนหยัด มั่นคงอยู่ได้ จากภายใน โดยไม่รู้สึกหวั่นไหว จากภัยภายนอก ที่ย่องเข้ามาลิดรอนความมั่นคงภายใน ไปจากใจของเรา อย่างแยบยลและเงียบเชียบ

ด้วยเหตุนี้ พระเครื่อง จึงเป็นเครื่องรางยอดฮิต ที่คนไทยส่วนใหญ่ ต่างมีไว้ประจำตัวกัน นายแพทย์คนหนึ่ง ก็เช่นกัน มีความศรัทธา ในพระเครื่องวัตถุมงคลของตน เป็นอย่างมาก

วันหนึ่งมีโอกาสได้กราบ และสนทนาธรรม กับหลวงพ่อเทียน พระวิปัสสนาจารย์ ผู้เปรื่องปราดที่สุดรูปหนึ่ง ของเมืองไทย ก็อดไม่ได้ ที่จะควักพระเครื่อง ออกมาอวดหลวงพ่อ

หลวงพ่อเทียนนั่งฟังสรรพคุณของพระเครื่อง ที่นายแพทย์ท่านนั้นสาธยายจนจบ แล้วก็ยิงคำถาม

" พระองค์นี้ ทำจากอะไร "

" ทำจากเนื้อดินเผาแกร่ง อายุกว่า 700 ปี สีเนื้อมะขามเปียก มีแร่ต่างๆ ปรากฏอยู่เต็ม "

นายแพทย์ตอบด้วยความภูมิใจ ในเครื่องรางล้ำค่าของตน แต่เพียงไม่ถึงครึ่งนาที ความภูมิใจนั้นก็มลายกลายเป็นศูนย์ เมื่อหลวงพ่อเทียนเอ่ยขึ้นว่า

" ดินนั้นเกิดพร้อมกันตั้งแต่สร้างโลก พระองค์นี้ ไม่ได้เก่าแก่ไปกว่าดินที่เราเหยียบ ก่อนเข้ามาในบ้านนี้หรอก "

เพียงถ้อยสนทนาสั้นๆ แต่ทว่าคมคายเต็มไปด้วยเหตุผล ไม่กี่คำของหลวงพ่อเทียนนี้เอง นายแพทย์ท่านนั้น เกิดดวงตาเห็นธรรม สว่างโพลงขึ้นมาทันที จากนั้นเป็นต้นมา ท่านอัญเชิญพระเครื่ององค์นั้น กลับไปไว้ที่หิ้งบูชาตามเดิม แล้วหันมาแขวนพระองค์ใหม่ คือพระแท้ที่อยู่ในใจของท่านแทน



อีกตัวอย่างหนึ่ง มีนักเลงพระมากราบหลวงพ่อเทียน คุยได้สักพัก ก็ล้วงพระขึ้นมาอวด

" พระองค์นี้ เขาว่าทำให้อยู่ยงคงกระพัน "

" คนทำ ตายหรือยัง " หลวงพ่อรุก

" ตายนานแล้วครับ " นักเลงพระตอบเสียงอ่อย

" คนที่ทำยังตายเลย แล้วเราจะหวังให้สิ่งนี้ ช่วยไม่ให้เราตายได้อย่างไร " นี่คือคำตอบเรียบง่ายของหลวงพ่อเทียน

พระแท้ ไร้รูปรอย ไร้น้ำหนัก ไม่ต้องผ่านการปลุกเสกอันรุงรังด้วยพิธีกรรม มีค่ามากเกินกว่าจะประมาณได้ ที่นายแพทย์ท่านนั้นค้นพบ จากถ้อยกถาของหลวงพ่อเทียนก็คือ " พระสติปัญญา " ที่จำพรรษา สงบนิ่งอยู่ในดวงใจของเราทุกคน มาตั้งแต่เกิดนั่นเอง

" พระ " องค์นี้แหละ ใครมีอยู่กับตัวแล้ว ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ เดินทางไกลก็ไม่หลงทาง ทำงานอะไร ก็ไม่รู้สึกว่าเป็นภาระหนัก คบหากับใคร ก็ไม่รู้สึกว่าเป็นคนแปลกหน้า เจรจาอะไร ก็มีแต่คนเชื่อถือคล้อยตาม

 

ธรรมะท่าน ว. วชิรเมธี



พุทธศาสนา เป็นศาสนาประเภท อเทวนิยม คือไม่มีและไม่ยอมรับเดชานุภาพของเทพเจ้า ในฐานะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด ซึ่งมีเทวานุภาพเหนือความเป็นไปของชีวิตมนุษย์ ในลักษณะ "พรหมลิขิต"

และศาสนาพุทธ เป็นศาสนาประเภทสัจนิยม ซึ่งยอมรับในความจริงของโลก และชีวิต ด้วยสติปัญญาของมนุษย์เองนี้ว่า "การศึกษา"

และเรียกระบบการอธิบายนี้ว่า "ไตรสิกขา" และด้วยไตรสิกขานี้เอง เมื่อใครนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตอย่างสมบูรณ์แบบ คนผู้นั้น ก็จะเปลี่ยนสถานภาพจากปุถุชน กลายเป็น "ผู้รู้" (พุทโธ) ขึ้นมาทันที

ระบบความรู้ ที่ผู้รู้นำมาเผยแผ่ ชี้แจง แสดง เปิดเผยนี้ มีชื่อเรียกว่า "พุทธศาสนา" (ศาสนาของผู้รู้)

แต่ทั้งๆ ที่พุทธศาสนาเป็นศาสนาของผู้รู้ เป็นศาสนาของสติปัญญา เป็นศาสนาของการศึกษา และการพัฒนาตนไปตามลำดับขั้น จนลุสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ในที่สุด

ทว่า ในโลกของความเป็นจริง บางทีบรรยากาศในหลากหลายวัฒนธรรม ที่พุทธศาสนาเข้าไปผสมผสานกลมกลืน ลงหลักปักฐาน เป็นศาสนาของประชาชนกระแสหลัก กลับมีบุคลิกภาพที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง กับพุทธศาสนาเดิมแท้

ประเทศไทยของเราเอง ณ พศ. นี้ พุทธศาสนาก็มากด้วยมนตร์ มากด้วยของขลัง มากด้วยเกจิอาจารย์ ขุนขลังขมังวิชา มากด้วยการปลุกเสกลงเลขยันตร์ และมากด้วยเทพเทวาสารพัดสกุลความเชื่อ

รวมทั้ง หมอดูผู้ทรงอิทธิพลอย่างลึกซึ้ง ไม่แต่เพียงเท่านั้น พุทธศาสนาในเมืองไทย ยังมีคำอธิบายอะไรในทางศาสนา ด้วยท่าทีแบบ "ไม่เชื่ออย่าลบหลู่" เป็นยันต์วิเศษไว้คอยสะกดชาวพุทธรุ่นใหม่

พุทธศาสนาเดิมแท้ เป็นพุทธศาสนาที่อธิบายได้ พิจารณาอย่างไร ก็มีความเป็นเหตุเป็นผล มีความเป็นวิทยาศาสตร์ อย่างที่คนร่วมสมัย สามารถลุกขึ้นมาท้าทาย พิสูจน์ด้วยตัวเอง ได้อย่างหนักแน่นเป็นแก่นสาร

และยิ่งผ่านคืนวันมาเนิ่นนานเพียงไร พุทธธรรมจากพุทธศาสนา ยิ่งสะท้อนให้เห็นความเป็นสากล ที่พร้อมจะตอบทุกคำถาม และทุกความต้องการของมนุษยชาติมากเพียงนั้น