"รุกฆาต" ทุกสรรพสิ่งในทุกๆ จักรวาลที่เป็นอนันต์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย WASINOAS, 19 ธันวาคม 2024.

  1. WASINOAS

    WASINOAS สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2016
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +8
    20671.jpg
    MTY
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ธันวาคม 2024
  2. WASINOAS

    WASINOAS สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2016
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +8
    1734598881382.jpg
     
  3. WASINOAS

    WASINOAS สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2016
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +8
  4. WASINOAS

    WASINOAS สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2016
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +8
    Untitled 3.png หัวข้อ-2.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ธันวาคม 2024
  5. WASINOAS

    WASINOAS สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2016
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +8
  6. WASINOAS

    WASINOAS สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2016
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +8
  7. WASINOAS

    WASINOAS สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2016
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +8
    กำพกกำกก.png
    1735367484142.jpg 1735367529193.jpg 1735367551957.jpg
    ปล. เราทำเต็มที่จนถึงที่สุดของกำลังแล้วนะ
    ที่เหลือ... ก็ตัวใครตัวมัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ธันวาคม 2024
  8. WASINOAS

    WASINOAS สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2016
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +8
    กหฟ.png

    ทฤษฎีแห่งการสะท้อน: ตัวตนของเราคือกระจกสะท้อนระบบ และระบบคือกระจกสะท้อนตัวเรา

    ทฤษฎีแห่งการสะท้อน (Mirror Theory) ชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์แบบสองทางระหว่างตัวตนของเราและระบบที่ใหญ่กว่า ทั้งในมิติของชีวิต สังคม ธรรมชาติ และจักรวาล โดยตัวเราทำหน้าที่เป็น “กระจก” ที่สะท้อนพฤติกรรม ความคิด และพลังงานของระบบรอบตัว ในขณะเดียวกัน ระบบเองก็ทำหน้าที่สะท้อนตัวตนและสถานะภายในของเราเช่นกัน

    1. หลักการของการสะท้อนในทฤษฎีนี้
    (1) ตัวตนสะท้อนระบบ (We Reflect the System)
    แนวคิด:
    - ตัวตนของเราสะท้อนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในระบบ ไม่ว่าจะเป็นสังคม ธรรมชาติ หรือจักรวาล
    - การแสดงออกของเรา เช่น ความคิด ความรู้สึก และพฤติกรรม ล้วนเป็นผลลัพธ์ของพลังงานและเงื่อนไขที่ระบบมอบให้
    ตัวอย่าง:
    - หากคุณอยู่ในสังคมที่เต็มไปด้วยความเครียด คุณอาจสะท้อนความเครียดนั้นออกมาผ่านอารมณ์หรือพฤติกรรม
    - หากคุณอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่สงบ ร่างกายและจิตใจของคุณก็อาจสะท้อนความสงบออกมา
    (2) ระบบสะท้อนตัวตน (The System Reflects Us)
    แนวคิด:
    - ระบบรอบตัวเรา เช่น สภาพแวดล้อม ความสัมพันธ์ หรือสังคม ทำหน้าที่เป็นกระจกที่สะท้อนสถานะภายในของเรา
    - สิ่งที่เราเห็นในระบบมักเป็นภาพสะท้อนของตัวตน ความคิด หรือพฤติกรรมของเรา
    ตัวอย่าง:
    - หากคุณมองเห็นแต่ความวุ่นวายในชีวิต ระบบอาจกำลังสะท้อนความวุ่นวายในจิตใจของคุณเอง
    - หากคุณปลดปล่อยความสงบออกมา คุณจะเริ่มมองเห็นความสงบในระบบที่เชื่อมโยงกับคุณ

    2. การสะท้อนในมิติต่าง ๆ
    (1) มิติของชีวิตส่วนตัว - ตัวเราและระบบชีวิตส่วนตัว เช่น ครอบครัว หรือเพื่อน ทำหน้าที่สะท้อนกัน
    ตัวอย่าง:
    - หากคุณมีความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว มันสะท้อนถึงความสมดุลในจิตใจของคุณ
    - หากคุณพบปัญหาในความสัมพันธ์ นั่นอาจสะท้อนถึงปัญหาที่คุณยังไม่ได้แก้ไขในตัวเอง
    (2) มิติของสังคม - สังคมคือกระจกบานใหญ่ที่สะท้อนพฤติกรรมและความเชื่อของสมาชิกในสังคม รวมถึงตัวเรา
    ตัวอย่าง:
    - หากสังคมเต็มไปด้วยความขัดแย้ง มันสะท้อนถึงความขัดแย้งในตัวเราและคนอื่น ๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งของระบบนั้น
    - หากคุณเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น การแสดงออกถึงความเมตตา สังคมอาจเริ่มสะท้อนความเมตตากลับมา
    (3) มิติของธรรมชาติ - ธรรมชาติสะท้อนพฤติกรรมของมนุษย์ เช่น การอนุรักษ์หรือการทำลายล้าง
    ตัวอย่าง:
    - หากคุณเห็นธรรมชาติถูกทำลาย มันอาจสะท้อนถึงความไม่สมดุลของมนุษยชาติที่ทำลายสิ่งแวดล้อมเพื่อประโยชน์ส่วนตัว
    - หากคุณดูแลธรรมชาติ มันจะสะท้อนกลับมาในรูปของความอุดมสมบูรณ์
    (4) มิติของจักรวาล - จักรวาลสะท้อนถึงพลังงานและจิตวิญญาณของเราในระดับที่ลึกที่สุด
    ตัวอย่าง:
    - หากคุณรู้สึกสงบและกลมกลืน คุณอาจสัมผัสได้ถึงความสมดุลในพลังงานของจักรวาล
    - หากคุณรู้สึกวุ่นวายและสับสน จักรวาลอาจสะท้อนความสับสนในรูปของเหตุการณ์หรือความท้าทายในชีวิต

    3. การสะท้อนแบบสองทางในเชิงจิตวิญญาณ
    (1) ตัวตนสร้างระบบ (We Create the System) - ในเชิงจิตวิญญาณ เรามีพลังที่จะกำหนดพลังงานและรูปแบบของระบบรอบตัว
    ตัวอย่าง: หากคุณส่งพลังงานแห่งความรักและความเมตตาออกไป คุณจะเริ่มเห็นระบบที่ตอบสนองด้วยพลังงานแบบเดียวกัน
    (2) ระบบกำหนดตัวตน (The System Shapes Us) - ระบบที่เราอยู่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการพัฒนาตัวเรา เช่นเดียวกับที่ตัวเราเปลี่ยนแปลงระบบ
    ตัวอย่าง: หากคุณเติบโตในระบบที่ส่งเสริมการเรียนรู้และความคิดสร้างสรรค์ คุณจะสะท้อนพฤติกรรมนั้นออกมาในชีวิต
    (3) การหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว (Unity in Reflection) - เมื่อเราเข้าใจว่าตัวตนและระบบสะท้อนกันอย่างสมบูรณ์ เราจะตระหนักว่าเราไม่ได้แยกออกจากกัน แต่เป็นส่วนหนึ่งของระบบที่ใหญ่กว่า
    ตัวอย่าง: การที่คุณแสดงความสงบและสมดุลในตัวเอง จะช่วยสร้างระบบที่สมดุลขึ้น ซึ่งจะสะท้อนกลับมาหาคุณอีกครั้ง

    4. ความสำคัญของการตระหนักถึงการสะท้อน
    (1) การมองเห็นตัวเองผ่านระบบ - ระบบเป็นกระจกที่สะท้อนตัวเรา หากเราตระหนักถึงสิ่งที่ระบบแสดงออกมา เราจะเข้าใจตัวเองมากขึ้น
    ตัวอย่าง: หากคุณพบว่าสังคมรอบตัวเต็มไปด้วยความเครียด ลองถามตัวเองว่า “มีความเครียดในใจหรือไม่?”
    (2) การสร้างผลกระทบในระบบ - เมื่อเราเปลี่ยนตัวตนของเรา เราสามารถเปลี่ยนแปลงระบบได้ เพราะระบบจะสะท้อนพลังงานใหม่กลับมา
    ตัวอย่าง: หากคุณเริ่มแสดงความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ในชุมชน คุณอาจเริ่มเห็นคนรอบตัวตอบสนองด้วยความเมตตา

    5. มุมมองการสะท้อนในจักรวาล
    (1) ตัวตนคือจักรวาลย่อส่วน - ตัวเราคือภาพสะท้อนของจักรวาลในระดับย่อส่วน และจักรวาลคือภาพสะท้อนของเราในระดับที่ขยายใหญ่ขึ้น
    ตัวอย่าง: หากคุณค้นพบความสงบในตัวเอง คุณจะเห็นความสงบในธรรมชาติและระบบที่ใหญ่กว่า
    (2) การสะท้อนคือกระบวนการเรียนรู้และเติบโต - การสะท้อนช่วยให้เราเข้าใจว่าเรายังขาดอะไร และสิ่งใดที่ต้องพัฒนาในตัวเราเอง
    ตัวอย่าง: หากคุณพบแต่ความขัดแย้งในความสัมพันธ์ อาจเป็นสัญญาณว่าคุณต้องพัฒนาความสงบและการสื่อสารในตัวเอง
    (3) การสะท้อนคือเครื่องมือแห่งการเปลี่ยนแปลง - ในระดับนี้ การสะท้อนคือการเชื่อมโยงพลังงานทั้งหมดเข้าด้วยกันเพื่อสร้างสมดุลและการเปลี่ยนแปลง
    ตัวอย่าง: การแสดงความรักและความเมตตาในสังคมที่วุ่นวาย อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงระบบทั้งหมด

    6. สรุป: การสะท้อนตัวตนและระบบ
    ตัวเราและระบบเป็นกระจกของกันและกัน การเปลี่ยนแปลงในตัวเราคือการเปลี่ยนแปลงในระบบ และการเปลี่ยนแปลงในระบบคือการเปลี่ยนแปลงในตัวเราเอง เมื่อเราตระหนักถึงความจริงนี้ เราสามารถใช้มันเพื่อสร้างสมดุลและพัฒนาทั้งตัวเราและระบบที่ใหญ่กว่าพร้อมกัน
     
  9. WASINOAS

    WASINOAS สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2016
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +8
    "ความเป็นธรรมชาติที่แท้จริง ไร้ซึ่งตัวตน (อัตตา)"

    การปล่อยวางจากตัวตนหรืออัตตา คือการเข้าสู่สภาวะที่สอดคล้องกับธรรมชาติของทุกสรรพสิ่งอย่างสมบูรณ์
    โดยไม่ยึดติดกับความเป็น "ตัวเรา" หรือ "ของเรา" ซึ่งหมายถึง การละทิ้ง *ความหลงในตัวตนที่ปรุงแต่งขึ้น*
    โดยความคิด อารมณ์ และประสบการณ์ที่สะสมมา

    ความหมายของความไร้ตัวตน

    1. การปล่อยวางจากความยึดมั่นในอัตตา:
    -ไม่ยึดติดกับบทบาท ฐานะ หรือคุณค่าใด ๆ ที่กำหนดตัวเอง
    - ตระหนักว่าความคิดและความรู้สึกเป็นเพียงส่วนหนึ่งของประสบการณ์ชั่วคราว

    2. การดำรงอยู่ในปัจจุบันอย่างบริสุทธิ์:
    - ไม่กังวลกับอดีตหรืออนาคต
    - รับรู้ทุกสิ่งตามความเป็นจริงโดยไม่ปรุงแต่งหรือบิดเบือน

    3. การเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ:
    - เข้าใจว่าตัวตนและธรรมชาติไม่ได้แยกออกจากกัน
    - ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามธรรมชาติ โดยไม่พยายามควบคุม

    "สภาวะไร้ตัวตนในมิติของธรรมชาติ"

    ธรรมชาติมีลักษณะสมดุลในตัวเอง ทุกสิ่งเกิดขึ้น ดำรงอยู่ และดับไปตามกฎแห่งธรรมชาติ
    ไม่มีสิ่งใดถือครองตัวตนอย่างแท้จริง เมื่อมนุษย์ละความยึดติดในตัวตนได้ จะพบว่า
    ตัวเองคือส่วนหนึ่งของธรรมชาติที่กว้างใหญ่และไร้ขอบเขต

    วิธีเข้าถึงความเป็นธรรมชาติไร้ตัวตน
    1. เจริญสติและสมาธิ: ฝึกจิตให้เฝ้าสังเกตความคิด ความรู้สึก และอารมณ์โดยไม่ยึดติด
    2. ปล่อยวางการยึดมั่นในความเป็นเจ้าของ: ตระหนักว่าสรรพสิ่งไม่มีสิ่งใดเป็นของเราอย่างแท้จริง
    3. ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและไม่ปรุงแต่ง: ลดความซับซ้อนในชีวิตและอยู่กับสิ่งที่จำเป็น
    4. เข้าใจความไม่เที่ยง: รับรู้ว่าทุกสิ่งล้วนเกิดขึ้นและดับไปตามเหตุปัจจัย
    5. เคารพและเชื่อมโยงกับธรรมชาติ: เปิดใจยอมรับความเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาลโดยไม่มีขอบเขตหรือความแบ่งแยก

    เมื่อเราสามารถปล่อยวางตัวตนได้อย่างสมบูรณ์ จะพบกับความสงบที่ลึกซึ้ง และมีชีวิตอยู่ในปัจจุบันอย่างแท้จริง
    เป็นสภาวะที่ทุกอย่างดำเนินไปอย่างอิสระและสมบูรณ์ในตัวของมันเอง.

    GCVV.png
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มกราคม 2025
  10. WASINOAS

    WASINOAS สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2016
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +8
  11. WASINOAS

    WASINOAS สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2016
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +8
    - เมื่อเราอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ -

    เราจะถูกสะท้อนความเป็นธรรมชาติอย่างแท้จริงออกมา...
    จากสิ่งแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติโดยเนื้อแท้

    ก็แปลว่า...
    เมื่อเราเป็นธรรมชาติโดยเนื้อแท้อันบริสุทธิ์บริบูรณ์พร้อม
    เรากำลังแสดงความเป็นธรรมชาติอย่างแท้จริงออกมา
    ...เสมือนสิ่งแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติโดยเนื้อแท้.

    SWL.png
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มกราคม 2025
  12. WASINOAS

    WASINOAS สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2016
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +8
    "ธรรมชาติ คือลมหายใจที่มีชีวิต"
    อยู่ในทุกสรรพสิ่ง ทุกมิติในอภิมหาอนันตจักรวาล
    เมื่อสามารถเข้าแทรกซึมได้ทั่วทุกอณูอย่างสมดุล
    ความจริงแท้ของทุกสรรพสิ่งถึงคราวถูกเปิดเผย
    ราวกับอภิมหาพายุที่พัดกระหน่ำอัตตาจนหมดสิ้น

    เมื่อไร้เปลือก... ความจริงอันเป็นแก่นแท้ของตัวตนจักปรากฏ
    และมิอาจมีสิ่งใดต้านทานพลังอันมหาศาลของธรรมชาตินี้

    ♟️ "รุกฆาต" ☠️
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มกราคม 2025
  13. WASINOAS

    WASINOAS สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2016
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +8
    ความเป็นจริงเที่ยงแท้... แม้ปรากฏ
    คำสบถมิอาจเอ่ย... เผยสดับ
    รำพึงพันหวนกาล... แม้นนานนับ
    แวววาววับว่าวุ่นวาย... เวทนา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มกราคม 2025
  14. WASINOAS

    WASINOAS สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2016
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +8
    มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความต้องการพื้นฐานในการอยู่รอด โดยอาศัยปัจจัยสำคัญ เช่น อาหาร ยา เครื่องนุ่งห่ม และที่อยู่อาศัย อย่างไรก็ตาม ความซับซ้อนของมนุษย์ไม่ได้หยุดอยู่แค่ความต้องการพื้นฐานเท่านั้น พฤติกรรมและความคิดของมนุษย์มีความหลากหลายและเอกลักษณ์เฉพาะบุคคล ความต้องการที่จะมีตัวตนที่ได้รับการยอมรับในสังคมและความรู้สึกปลอดภัยที่จะเป็นตัวเองนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งมีรากฐานมาจากประสบการณ์การได้รับการดูแลและเอาใจใส่ตั้งแต่ยังเป็นทารก ทำให้มนุษย์พัฒนาเป็นสิ่งมีชีวิตที่แสวงหาการยอมรับและความสนใจจากผู้อื่น เพื่อสร้างความรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่าและยืนยันการมีอยู่ของตัวตน

    เมื่อมนุษย์เติบโตเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ หากยังคงมีพฤติกรรมที่เรียกร้องความสนใจเพื่อเพิ่มคุณค่าให้ตนเอง อาจก่อให้เกิดปัญหาทางสังคม เพราะพวกเขาอาจรู้สึกว่าตัวเองไร้ความหมายหากไม่มีผู้อื่นให้การยอมรับหรือสนใจ ด้วยเหตุนี้ มนุษย์จึงมักสร้างความหมายหรือคุณค่าให้กับสิ่งของที่บริโภค ซึ่งได้รับอิทธิพลจากการโฆษณาและภาพลวงตาที่สร้างขึ้นผ่านการสื่อสารและสื่อสังคม ซึ่งอาจเกิดจากแรงจูงใจภายใน เพราะมีความสนใจหรือความสุขจากการทำสิ่งนั้น ๆ และแรงจูงใจภายนอก เนื่องจากมีรางวัลหรือการยอมรับจากผู้อื่นเป็นแรงจูงใจ การทำงานเพื่อเงิน หรือการเรียนเพื่อคะแนน ทั้งนี้ คุณค่าเหล่านี้เป็นเพียงสิ่งที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นและไม่ได้มีอยู่จริงในเชิงสาระสำคัญ... ความจริงคือ คุณค่าโดยแท้ของมนุษย์มีอยู่ภายในตัวเองและสามารถมองเห็นได้ด้วยความตระหนักรู้ หากมนุษย์ไม่สามารถรับรู้หรือเข้าใจคุณค่าที่แท้จริงของตัวเอง พฤติกรรมที่แสดงออกปกติ เช่น น้ำเสียง ท่าทาง บุคลิกภาพ และการกระทำในชีวิตประจำวัน รวมถึงการสร้างภาพลักษณ์ผ่านสื่อต่างๆ จะสะท้อนถึงความต้องการแสวงหาความยอมรับจากผู้อื่นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แม้จะเป็นช่วงที่ใกล้ตายก็ตาม การแสดงบทบาทเหล่านี้ล้วนมีเป้าหมายเพื่อทำให้ตัวเองรู้สึกว่ามีคุณค่า มีความหมายและมีตัวตนที่สำคัญบนโลกใบนี้

    จึงสรุปได้ว่า มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถสร้างความสุข ความพึงพอใจด้วยตัวเองได้อย่างถาวร หากไม่ได้เข้าใจถึงคุณค่าที่แท้จริงในตัวเอง ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้จากความตระหนักรู้และการพัฒนาจิตใจที่ลึกซึ้ง เมื่อมนุษย์สามารถพัฒนาตนเองได้จนถึงจุดที่พึงพอใจและมีความสุขจากการได้เป็นตัวของตัวเอง จะเริ่มสังเกตเห็นความจริงของมุมมองนี้ชัดเจนมากขึ้น อาจมีมุมมองในภาพรวมที่มีผลต่อทัศนคติทั้งในเชิงลบและเชิงบวก แต่ในสภาวะที่มีความเป็นกลาง มนุษย์จะถูกสะท้อนความต้องการ ความปรารถนา อัตตา ตัวตนหรืออีโก้ออกมาอย่างชัดเจน ทั้งที่รู้ตัวและไม่สามารถรู้ตัว แต่ส่วนใหญ่แล้วเพื่อเป็นการยืนยันตัวตนในลักษณะต้องยินยอมรับฟังความคิดและเห็นด้วย โดยเฉพาะความปรารถนาให้มีผู้ที่สามารถเข้าใจและรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่ตนได้ประสพมา หรืออาจเป็นการแสดงพฤติกรรมเรียกร้องความสนใจในแบบที่ไม่พึงประสงค์ด้วยวัตถุประสงค์แบบเดียวกัน

    การมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในเรื่องนี้มีผลต่อทักษะการวางตัวเป็นกลางไม่เข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เพราะความขัดแย้งเป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นเสมอ ณ เวลาใด เวลาหนึ่ง ในโลกที่มีมนุษย์ซึ่งมีความคิดที่หลากหลาย และความต้องการที่มีมากมายไม่สิ้นสุด ดังนั้น การตอบสนองต่อความต้องการของมนุษย์อาจต้องปรับเปลี่ยนแนวทาง คำอธิบาย วิธีการ บางครั้งอาจต้องใช้การดำเนินการที่ซับซ้อนและท้าทายมากยิ่งขึ้น แต่หากสามารถเชื่อมโยงอารมณ์และความรู้สึกโดยอาศัยความเข้าใจเชิงลึกเพื่อตอบสนองอย่างมีชั้นเชิงด้วยอารมณ์ที่เป็นกลางไม่ถูกควบคุมจากปัจจัยอื่นๆ ทั้งภายในภายนอก มุมมองที่มีต่อมนุษย์จะกลายเป็นแค่ระบบที่ถูกหล่อหลอมขึ้นจากโปรแกรมที่เขียนด้วยความเชื่อ ค่านิยม ความคาดหวังทางสังคม การศึกษา อายุ ทัศนคติ ฯลฯ เท่านั้นเอง.
     

แชร์หน้านี้

Loading...