มนุษย์เหนือโลกลพ.ใหญ่พ่อท่านนวลไสหร้าลป.ทวดพ่อท่านเขียวห้วยเงาะสเขาแก้ว

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,466
    ค่าพลัง:
    +21,422
    FB_IMG_1753971020968.jpg
    พระกลีบบัว รุ่นแรก พระอาจารย์เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป วัดอรัญวิเวก(บ้านปง) จ.เชียงใหม่
    เส้นทางสายแม่ริมถึงอำเภอพร้าวถือว่าเป็นเส้นทางจาริกของพระอริยสงฆ์ หนึ่งในนั้นที่จะกล่าวถึงคือ วัดอรัญญวิเวก (บ้านปง) ต.อินทขิล อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เดิมเป็นสำนักสงฆ์เก่าแก่มาแต่อดีตกาล ได้มีการจัดตั้งขึ้นจากบุคคลหลายฝ่ายผู้ใฝ่ในทางพระพุทธศาสนา จึงขออาราธนานิมนต์พระคุณท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ มาพักเพื่อเจริญภาวนาและเทศนาพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ ซึ่งหลวงปู่มั่นก็ไม่ขัดศรัทธาแต่ประการใด พร้อมกับให้ชื่อว่า สำนักสงฆ์อรัญญวิเวก เป็นชื่อซึ่งหลวงปู่มั่นตั้งให้ ตั้งแต่นั้นมาในสำนักสงฆ์แห่งนี้ได้มีพระอาจารย์กัมมฏฐานหลายท่านมาจำพรรษา อาทิเช่น หลวงปู่แหวน สุจิณโณ หลวงปู่ขาว อนาลโย หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี หลวงปู่ชอบ ฐานสโม หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม เป็นต้น ต่อมาประมาณปี 2495 หลวงปู่แหวน สุจิณโณ ได้กลับมาจำพรรษาอยู่ที่สำนักนี้อีก ๑๐ ปีติดๆ กัน ก่อนที่จะไปจำพรรษาอยู่ที่วัดดอยแม่ปั๋ง ภายหลังต่อมาพระอาจารย์เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป ท่านเป็นลูกศิษย์หลวงปู่พรหม หลวงปู่แหวน หลวงปู่ตื้อ ท่านได้ธุดงค์ตามรอยครูบาอาจารย์มาพักอยู่องค์เดียว ในปี พ.ศ. 2509 และจำพรรษาอยู่ในสำนักสงฆ์แห่งนี้ พร้อมกันนั้นท่านได้พัฒนาจนกลายเป็นวัดเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน พระอาจารย์เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป ท่านมีลูกศิษย์มากมายที่ติดตามและฝึกปฏิบัติตามแนวทางของท่าน พระอาจารย์เปลี่ยนได้รับการยอมรับในหมู่นักปฏิบัติว่าเป็นพระป่ากรรมฐานผู้เคร่งครัดในธรรมวินัย มีความเพียรอันยิ่งในการปฏิบัติ เป็นพระสุปฏิปันโนและเป็นพระแท้ที่เปี่ยมด้วยความเมตตา ท่านเขียนหนังสือหลายเล่มเพื่อถ่ายทอดธรรมะต่อสาธุชนแบบไม่มีค่าใช้จ่าย ธรรมบรรยายของท่านนั้นล้วนเป็นสิ่งที่ถูกต้องตรงจริตของผู้ฟังและสามารถนำไปใช้ในการพัฒนาการปฏิบัติของตนเองได้เป็นอย่างดี การสอนของพระอาจารย์เปลี่ยนที่สำคัญนั้นมุ่งเน้นการปฏิบัติที่นำไปสู่นิพพาน ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของการปฏิบัติในพระพุทธศาสนา พระอาจารย์เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป ได้ละสังขารอย่างสงบ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 เวลา 15.03 น. ส่วนวัตถุมงคลนั้นท่านไม่มุ่งเน้น เพียงแต่มีลูกศิษย์สร้างถวายท่านก็อธิฐานแผ่เมตตาจิตให้ ในภาพที่เห็นคือพระกลีบบัว รุ่นแรก สร้างตอนท่านอายุครบ 5 รอบ 60 ปี เมื่อปี2536 ด้านหลังมีเส้นเกศาของท่าน มีผู้แสวงหาวัตถุมงคลของท่านอย่างเงียบๆ หรือภาษาเซียนพระเรียกว่า “ซุ้มเก็บเงียบ” เพราะประจักษ์ในประสบการณ์และต่อไปจะหายาก จนมีบางคนกล่าวว่า “พระของหลวงพ่อต่อไปราคาจะเท่ากับกฏิหลังหนึ่ง”
    พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป
    วัดอรัญญวิเวก (บ้านปง)
    ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
    ...
    พวกเราท่านทั้งหลายตั้งแต่เราเกิดมาตั้งแต่เล็ก
    มาจนใหญ่จนโต จนเฒ่าจนแก่มาเช่นนี้
    จิตใจของพวกเรานั้นไม่ได้ฝึกฝนอบรม
    ไม่ได้ควบคุมดูแล ไม่ได้ประคับประคอง
    ไม่รักษา ไม่ได้เจริญเมตตาภาวนา ฝึกฝนอบรมเขา
    เขาก็ย่อมคิดไปนานาต่างๆ ให้พวกเราท่านทั้งหลาย
    มีความวุ่นวายเกิดขึ้นในการที่เขาคิด
    แล้วก็พอจะพินิจพิจารณาได้นู่นแหล่ะว่า
    บางทีนั้นจิตมันคิดดี คิดแล้วมีความสุขความสบาย
    บางทีมันคิดไม่ดี มันคิดแค่ทำให้มีความเศร้าหมองความทุกข์
    มันก็คิด นี่เป็นเรื่องของจิต
    เหตุฉะนั้นการฝึกฝนอบรมจิตใจจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ
    แม้เขาจะมาอยู่กับรูปร่างกายพวกเราก็ตาม
    เขามาอาศัยอยู่แต่เขามีอำนาจ มีการควบคุมร่างกาย
    ให้เป็นไปตามอำนาจของเขาที่มันยังใช้งานได้อยู่
    เรียกว่า เขาควบคุมดูแล มันเป็นเช่นนี้แหละ
    เมื่อจิตใจของพวกเรา เมื่อมันเกิดคิดไม่ดีขึ้นมา
    ยังโกรธยังเกลียด ยังเคียดยังแค้น ยังผูกพยาบาท
    อาฆาตจองเวรกัน ยังคิดถกเถียงทุบตีกัน คิดฆ่ากัน
    เบียดเบียนกันเกิดขึ้นก็เพราะเรื่องอย่างนี้เอง
    ที่เราจะฝึกฝนอบรมจิตใจของเรามันคิดไม่ดีเป็นไปอย่าง

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระผงกลีบบัวผสมเกษา
    ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250731_204505.jpg IMG_20250731_204531.jpg
     
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,466
    ค่าพลัง:
    +21,422
    FB_IMG_1753971385564.jpg
    ในบรรดาศิษย์หลวงพ่อเดิม
    ที่มีชื่อเสียง เขาว่า
    ลพ.กัน เขาแก้ว คือศิษย์เอก
    ลพ.กวย วัดโฆสิตาราม คือศิษย์ที่มีชื่อเสียงที่สุด
    แต่ ลพ.น้อย คือศิษย์
    ผู้ครองวัดต่อจากหลวงพ่อเดิม
    หลวงพ่อน้อย เตชปุญฺโญ (พระครูนิพนธ์ธรรมคุต)
    ท่านเกิดเมื่อวันพฤหัสบดี แรม ๗ ค่ำ เดือน ๖ ปีวอก ตรงกับวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๔๕๑ ที่บ้านหนองโพ หมู่ที่ ๑ ตำบลหนองโพ อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ โยมบิดา นายแป้น ชูจันทร์ โยมมารดา นางเงิน ชูจันทร์ มีพี่น้องร่วมบิดามารดารวม ๖ คนคือ
    ๑. นางริม จันทร์เจริญ (ถึงแก่กรรม)
    ๒. นางรวย ชวดนุช (ถึงแก่กรรม)
    ๓. จ.ส.ต.ทอง ชูจันทร์ (ถึงแก่กรรม)
    ๔. พระครูนิพนธ์ธรรมคุต (มรณภาพ)
    ๕. นายมี ชูจันทร์
    ๖. นายมอม ชูจันทร์
    เมื่อเติบโตมีอายุสมควรแล้ว ได้รับการศึกษาสมัยใหม่ ตามแบบที่หลวงพ่อเดิมได้จัดขึ้น สมัยนั้นมีเพียงชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ เมื่อเรียนจบแล้วออกไปช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพมีการทำนาเป็นพื้นการทำไร่มีเล็กน้อย เช่นการทำไร่แตง ไร่ผัก เป็นอาชีพเสริม พออายุครบ ๒๐ ปี บิดามารดาก็จัดการอุปสมบท ที่วัดหนองโพ เมื่อวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๔๗๑ มีพระครูนิวาสธรรมขันธ์ (หลวงพ่อเดิม) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์รุ่ง (หลวงพ่อรุ่ง) วัดหนองสีนวล เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระสมุช์ชุ่ม ขนฺธสโร วัดหนองโพ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เพราะท่านเกิดต้นปีจึงอุปสมบทก่อนกำหนดการเกณฑ์ทหาร
    เมื่ออุปสมบทแล้วก็จำพรรษาอยู่ที่วัดหนองโพ เรียนและสอบได้นักธรรมชั้นโท ประมาณพรรษาที่ ๔ หรือ ๕ ได้ไปจำพรรษาที่วัดหัวหวาย ๑ พรรษา เพื่อไปฝึกเรียนทำพระปรอทจากหลวงพ่อวา ต่อจากนั้น ก็มาอยู่จำพรรษาเป็นประจำ วัดหนองโพ โดยตลอดหลวงพ่อน้อยเป็นคนละเอียดถี่ถ้วน เขียนหนังสือขอมได้สวยงามเรียบร้อย หลวงพ่อเดิมจึงเรียกใช้ใกล้ชิด หลวงพ่อเดิมมอบให้เป็นผู้ลงอักขระพระเครื่อง ตะกรุดและยันต์ต่าง ๆ ตลอดมา กับทั้งทำหน้าที่เลขานุการหลวงพ่อเดิมในตำแหน่ง (เจ้าคณะแขวง) เจ้าคณะอำเภอพยุหะคีรี จึงต้องเข้าประชุมแทนหลวงพ่อเดิม ท่ามีกิจธุระต้องไปก่อสร้างตามวัดต่าง ๆ กลับมาจำพรรษาที่วัดหนองโพบ้างไม่กลับบ้าง ถ้าการก่อสร้างที่วัดใดใกล้จะเสร็จ ท่านก็จำพรรษาอยู่ที่นั่น และทำงานก่อสร้างให้เสร็จแล้วจึงกลับ หลวงพ่อน้อยจึงทำหน้าที่แทนตลอดมาจนหลวงพ่อเดิมพ้นจากตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอ

    เมื่ออุปสมบทแล้วหลวงพ่อน้อยหัดเทศน์มหาชาติเพราะในสมัยนั้นกำลังนิยมเทศน์มหาชาติกันอยู่ ท่านเทศน์ได้ทุกกัณฑ์แต่ที่ท่านเทศน์จนคล่องจริง ๆ นั้นคือกัณฑ์กุมารเทศน์ได้คล่อง ท่านเคยเล่าให้ฟังว่าเขานิมนต์ไปเทศน์ติด ๆกัน วัดไม่ห่างกันมากนัก มีโยมคนหนึ่งแกตามไปฟังทุกครั้ง ท่านก็แปลกใจว่า โยมคนนี้ เทศน์วัดนั้นก็ไปฟัง เทศน์วัดนี้ก็มาฟัง เทศน์อยู่สามครั้งด้วยกัน ก็บอกกับโยมที่ไปกับหลวงพ่อว่าแกตามไปฟังนั้นเพื่อจะติว่าเทศน์วัดนั้นกับวัดนี้ จะผิดกันบ้างไหม แกฟังมาสามครั้งแล้ว หาที่ติไม่ได้ พระแก่นี้ใช้ได้แล้ว หลวงพ่อว่ากัณฑ์กุมารนี้เทศน์ให้ดีแล้วกำหนดเวลาประมาณสามชั่วโมงจึงจะจบ หลวงพ่อเป็นนักเทศน์อยู่หลายปี จนพระสมุห์ชุ่ม ขนฺธสโร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหนองโพมรณภาพแล้ว หลวงพ่อเดิมก็มีอายุมากขึ้นและท่านลาออกจากเจ้าอาวาส หลวงพ่อน้อยจึงรับตำแหน่ง เจ้าอาวาสวัดหนองโพ และเป็นเจ้าคณะตำบลหนองโพ เมื่อวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๔๙๑ จึงเลิกเทศน์เพราะมีหน้าที่การงานรัดตัวหาเวลาไม่ค่อยได้ และได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์เมื่อปี ๒๔๙๔ แล้วได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูนิพนธ์ธรรมคุต พระครูสัญญาบัตรชั้นตรี เมื่อปี ๒๕๐๐ ต่อมาเลื่อนเป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท ในปี ๑๕๑๒ และเลื่อนเป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นเอก เมื่อปี ๒๕๒๑
    เมื่อหลวงพ่อเดิมมรณภาพไปแล้ว กุฏิก็เก่าชำรุดทรุดโทรมมากแล้วหลวงพ่อน้อยต้องไปหาไม้มาทำกุฏิต้องไปค้างคืนรอนแรมในป่าเวลาหน้าแล้งเมื่อชาวบ้านเสร็จจากนา ยกครัวกลับมาบ้าน ก็ชวนโยมไปหาไม้ เข้าดงด่านตาพัน พุเม่น หนองรั้ว ตัดฟันไม้แล้วขอแรงเกวียนชาวบ้านไปเข็นมาบ้าง ท่อนใหญ่ ๆ ก็จ้างรถยนต์บรรทุกมาบ้าง นำมาเลื่อยที่วัดหนองโพจ้างพวกเลื่อยไม้ที่มาจากจังหวัดแพร่ให้เลื่อยโดยมากเลื่อยกันเองบ้าง เอามาทำกุฏิเสนาสนะให้เข้าระเบียบต่อมา
    มูลเหตุในการสร้างวัตถุมงคลของหลวงพ่อน้อยนั้นเกิดขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๕๐๕ ท่านไปธุระที่ตำบลตาคลีหรือที่ไหนที่จะต้องขึ้นรถไฟ เมื่อเดินผ่านตลาดหน้าสถานีหนองโพ นางบุญยืน ไทยจงรักษ์ ก็บอกลูกชายอายุ ๔-๕ ขวบ ว่าหนู หลวงตามาแล้วไปธุระหลวงตาซิลูกเด็กก็เข้ามาไหว้หลวงพ่อ แล้วขอพระ ว่าหลวงตาขอพระให้ผมบ้าง ท่านก็ตอบว่า กูไม่มีว่ะ ไอ้หนู เมื่อเขาให้ไปไหว้หลวงพ่อครั้งใดก็ขอพระทุกทีหลายครั้งเข้า เด็กก็ว่าให้ว่าหลวงตานี่บวชมาตั้งหลายปีแล้วจะทำพระไว้แจกลูกหลานมั่งก็ไม่ได้ นางบุญยืน จึงว่าแก่ลูกชายว่า แกไปว่าหลวงตาอย่างนั้นได้หรือแล้วจะทำโทษเด็กหลวงพ่อก็ห้ามว่าแกอย่าไปว่าเด็กเลยเพราะมันพูดถูกแล้ว แต่นั้นมาหลวงพ่อจึงได้เริ่มสร้างเหรียญสองหน้าขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๔ และเมื่อมีความจำเป็นต้องใช้เงินมากในคราวสร้างศาลาการเปรียญจึงจัดทำขึ้นมาครบทุกอย่าง ในปี พ.ศ. ๒๕๑๖
    โดยปกติ หลวงพ่อน้อยเป็นผู้มีสุขภาพดีแข็งแรงท่านไม่ค่อยเจ็บไข้ได้ป่วยอันใด แต่เมื่อมีอายุมากขึ้นความต้านทานไม่พอจึงเจ็บป่วยบ้าง ก่อนที่ท่านจะป่วยมากนั้นท่านได้ถอนฟันออกทั้งหมดเพื่อใส่ฟันใหม่ระยะที่ถอนฟันกว่าจะหมดกับการใส่ฟันใหม่นั้นเป็นเวลากว่า ๒ เดือน ท่านฉันอาหารไม่ค่อยได้ตามปกติเมื่อใส่ฟันแล้วสุขภาพก็ไม่คืน กำลังของท่านก็ทรุดโทรมลงไปตามลำดับ ท่านได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลราชวิถีในความดูแลของนายแพทย์ สุนทร อันตรเสน ที่ต้องพักอยู่หลายวัน ๓ ครั้ง ครั้งแรกเข้ารักษาโรคปอดครั้งที่ ๒ เข้ารักษาโรคหัวใจ ครั้งสุดท้ายโรคทางเดินอาหารเพราะฉันอาหารไม่ได้เลย กลืนไม่ลงคอพอฉันน้ำกับนมกล่องได้บ้าง แต่ไม่มากนัก เข้าโรงพยาบาลราชวิถีอีกเมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม เวลา ๐๕.๐๐ น. ถึงโรงพยาบาลแล้วหมอแทงน้ำเกลือไม่เข้าจึงผ่าตัดเส้นเลือดที่แขนซ้ายเอาหลอดยางสอดเข้าในเส้นเลือดให้น้ำเกลือและอาหารทางนั้น เมื่ออยู่โรงพยาบาลหลายวันเข้าแม้แต่ฉันก็ไม่ลงคอ หมอจึงผ่าตัดให้เมื่อวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๓๓ แต่มีโรคแทรก ท่านจึงถึงแก่มรณภาพ เมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๓๓ เวลา ๒๓.๒๐ น. ที่โรงพยาบาลราชวิถี สิริรวมอายุได้ ๘๒ ปี ๕ เดือน ๒๔ วัน รวม ๖๓ พรรษา
    Cr.ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ จากเพจ ศิษย์วัดหนองโพหลวงพ่อเดิม ไว้ณ ที่นี้ด้วยครับ
    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมือที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญ๘๐ปีหลวงพ่อน้อยวัดหนองโพวัดหนองโพ บล็อกวงเดือนนิยม
    ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20250731_205846.jpg IMG_20250731_205908.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 สิงหาคม 2025 at 08:02
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,466
    ค่าพลัง:
    +21,422
    FB_IMG_1753973585027.jpg FB_IMG_1753973556419.jpg
    หลวงพ่อสร้อย วัดเขาแก้ว สระบุรี
    ซึ่งแม้แต่ท่านเจ้าคุณพระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) ก็ยังเคยกล่าวถึงคุณวิเศษในตัวหลวงพ่อสร้อย ให้ศิษยาสานุศิษย์ได้รับฟังอยู่เสมอๆ
    หลวงพ่อสร้อย พระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ
    เล่าโดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน(วีระ ถาวโร)(หลวงพ่อฤษีลิงดำ)
    วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
    เคยพบพระองค์หนึ่งในสมัยปัจจุบันนี้ คือ พ.ศ. ๒๕๐๔ - ๒๕๐๕ ต่อกัน พระรูปนั้นมีชื่อว่า "พระสร้อย" ท่านบอกว่า ท่านเป็นชาวจังหวัดสระบุรี ไม่เคยเรียนหนังสือมาก่อนเลย แม้หนังสือไทยนี้ ปกติท่านก็อ่านไม่ออก ท่านว่าเมื่อท่านอายุได้ ๗ ปี มีพระในถ้ำเขตสระบุรีท่านหนึ่ง ไปเยี่ยมโยมท่านที่บ้าน เมื่อพระรูปนั้นจะกลับถ้ำ ได้ออกปากชวนท่านไปอยู่ด้วย ท่านก็ขออนุญาตโยมหญิง - ชายจะไปอยู่กับพระรูปนั้น โยมทั้งสองก็อนุญาตด้วยความเต็มใจ
    ท่านเล่าให้ฟังว่า เมื่อไปอยู่กับพระรูปนั้นก็ไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือ เพราะในถ้ำนั้นมีพระอยู่ ๒ - ๓ รูป ท่านบิณฑบาตกลับมาแล้ว ท่านฉันจังหันเสร็จต่างก็บูชาพระแล้วนั่งภาวนากันตลอดวันตลอดคืน ไม่ใคร่มีเวลาพูดคุยกัน ท่านก็สอนให้ท่านอาจารย์สร้อยภาวนาด้วย ทำอยู่อย่างนั้นจนครบบวช พระที่ท่านพาไปก็พาออกมาบวชที่บ้าน บวชแล้วก็พากลับมาอยู่ถ้ำ นั่งภาวนาตามเดิม
    ต่อมาเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๓ - ๒๕๐๔ ท่านป่วย ได้เดินธุดงค์มาปักกลดอยู่ที่บางกะปิ พระนคร ใครจะนิมนต์ท่านเข้าไปในชายคาบ้านท่านไม่ยอมเข้า ต่อมาพลเรือตรีสนิท เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือไปพบเข้ามีความเลื่อมใส นิมนต์ให้มารักษาตัวที่กรมแพทย์ทหารเรือ ให้พักอยู่ที่ตึก ๑ เป็นตึกคนไข้พิเศษ
    อาจารย์สร้อยนี่เป็นพระพิเศษ ปฏิปทาของท่านอาจารย์สร้อยที่มาอยู่ที่กรมแพทย์ทหารเรือก็คือ ตอนเช้าท่านจะต้องออกบิณฑบาตทุกวัน ท่านมีบาตรของท่านมาลูกหนึ่ง ไปยืนเอาบาตรแขวนไว้ที่ต้นมะฮ็อกกานี ข้างภายในประตูเข้ากรมแพทย์ทหารเรือ เวลาเข้าไปไอ้ต้นนี้มันจะอยู่ซ้ายมือ ชิดประตู ต้นใหญ่มาก ยืนหลับตาประเดี๋ยวก็เอาบาตรมา ตามปกตินายทหารประจำตึกเขาจะเก็บบาตรไว้แล้วเขาจะเช็ดจะขัดจะถูเป็นอย่างดี พอเช้าท่านจะมาเอา เขาตรวจดูว่าไม่มีอะไรเขาก็ส่งมาให้ เวลาท่านเอาบาตรไปแขวนท่านก็ยืนหลับตา คนเขาผ่านไปผ่านมา มันไม่ใช่ป่านี่ คนเดินกันไขว่เทียว ตอนเช้า ทุกคนก็เห็นว่าท่านยืนหลับตาเฉยๆ บาตรก็แขวนที่กิ่งมะฮ็อกกานี สักประเดี๋ยวหนึ่งท่านก็กลับ สะพายบาตรกลับไปส่งให้นายทหารหัวหน้าตึก ก็ปรากฏว่ามีข้างประมาณ 2 - 3 ทัพพี แล้วมีดอกไม้แปลกๆ 1 ดอกทุกวัน ดอกใหญ่เกือบจะเต็มบาตร แต่ไม่รู้ว่าดอกอะไรไม่มีใครรู้จัก แบบนั้นทุกวัน
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระสมเด็จเนื้อดินเผาหลวงพ่อสร้อยวัดเขาแก้ว
    ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250731_204156.jpg IMG_20250731_204217.jpg
     
  4. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,466
    ค่าพลัง:
    +21,422
    FB_IMG_1753974135371.jpg FB_IMG_1753974138853.jpg
    พระปิดตามหาลาภกนกข้าง เมตตาศิษย์ฝังแร่ ปี๒๕๓๗ วัตถุมงคลยุคต้น หลวงพ่อสิน วัดละหารใหญ่ จ.ระยอง หลวงพ่อสินท่านเป็นหนึ่งในลูกศิษย์ของหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ รวมทั้งยังเป็นศิษย์ของหลวงปู่เพ่ง วัดละหารใหญ่ และหลวงพ่อลัด วัดหนองกระบอก วัตถุมงคลของท่านทำตามครูบาอาจารย์ เน้นมวลสาร และปลุกเสกตามหลักที่ท่านได้รับถ่ายทอดมา
    "พระครูสุภัททาจารคุณ" หรือที่ชาวบ้านมักเรียกขานว่า "หลวงพ่อสิน ภัททาจาโร" ด้วยเป็นนามที่คุ้นเคยต่อการเรียกขานของบรรดาคณะศิษยานุศิษย์ รวมทั้งผู้ใกล้ชิดที่เลื่อมใสศรัทธาต่อท่าน
    หลวงพ่อสิน เป็นพระสงฆ์ที่เคร่งครัด มีจิตที่เปี่ยมด้วยความเมตตาและคุณธรรม เป็นที่พึ่งของชาวบ้านและสาธุชนโดยทั่วไป
    ชื่อเสียงของท่าน เป็นที่รับรู้กันทั่วเมืองระยองถึงความขลังความศักดิ์สิทธิ์ของวัตถุมงคล ที่สามารถพลิกผันสถานการณ์อันเลวร้าย ให้กลับกลายเป็นดีได้อย่างน่าอัศจรรย์
    หลวงพ่อสิน เป็นพระเกจิชื่อดังแห่งภาคตะวันออก เป็นศิษย์สืบสายธรรมของหลวงปู่เพ่ง สาสโน อดีตเจ้าอาวาสวัดละหารใหญ่ และหลวงพ่อรัตน์ วัดหนองกระบอก
    ปัจจุบัน หลวงพ่อสิน ภัททาจาโร สิริอายุ 82 ปี พรรษา 59 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดละหารใหญ่ ต.หนองบัว อ.บ้านค่าย จ.ระยอง
    อัตโนประวัติ มีนามเดิมว่า สิน สุขมาก เกิดวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2471 ปีมะโรง ณ ต.หนองบัว อ.บ้านค่าย จ.ระยอง โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายเซี้ย และนางจัน สุขมาก ครอบครัวประกอบอาชีพทำนา
    ชีวิตในวัยเด็ก เป็นคนที่เรียบง่าย อ่อนน้อมถ่อมตน นิสัยชอบเข้าวัดฟังธรรม ผิดกับเด็กอื่นวัยเดียวกัน ที่วันๆ เอาแต่วิ่งเล่นสนุกสนาน
    กระทั่งอายุย่าง 20 ปี ได้เข้าเกณฑ์ทหารเป็นระยะเวลา 2 ปี ก่อนปลดประจำการ
    ครั้นเมื่ออายุ 24 ปี ท่านได้เข้าพิธีบรรพชาอุปสมบท เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2494 เวลา 15.30 น. ณ อุโบสถวัดละหารไร่ ต.หนองละลอก อ.บ้านค่าย จ.ระยอง โดยมีพระครู วิจิตรธรรมานุวัต (หลวงพ่อรัตน์) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอธิการเพ่ง สาสโน เป็นพระ กรรมวาจาจารย์ และพระครูเกลี้ยง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ สังกัดมหานิกาย ได้รับฉายา ภัททาจาโร
    วัดละหารใหญ่ มีพื้นที่ตั้งวัดอยู่ใกล้กับวัดละหารไร่ ดังนั้นจึงมีโอกาสได้ไปกราบนมัสการและรับใช้หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ เจ้าตำรับพระขุนแผนพรายกุมาร อยู่เสมอในสมัยที่หลวงปู่ทิมยังมีชีวิตอยู่ พร้อมทั้งได้ร่ำเรียนวิทยาคมไปด้วย
    อีกทั้งท่านยังได้ร่ำเรียนวิทยาคมโดยตรงจากหลวงปู่เพ่ง อดีตเจ้าอาวาสวัดละหารใหญ่และหลวงพ่อรัตน์ วัดหนองกระบอก ผู้สืบทอดพุทธาคมจากหลวงพ่ออ่ำ วัดหนองกระบอก เจ้าตำรับแพะเมตตาอันลือลั่นแห่งเมืองระยอง
    หลวงพ่อสิน เป็นพระที่ใฝ่รู้ศึกษาค้นคว้าทางพระเวทวิทยาคมด้านต่างๆ ท่านได้ศึกษาอยู่กับหลวงปู่เพ่ง ศึกษาวิทยาคมพื้นฐาน ศึกษาวิชาสร้างแพะมหาเสน่ห์และโชคลาภ และศึกษาวิชาสร้างหนุมาน, ขุนแผน, ชูชก ฯลฯ
    ในครั้งนี้ท่านได้พบกับสหธรรมิกคนสำคัญท่านหนึ่ง คือ หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ จ.ระยอง ในฐานะเป็นศิษย์หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ เหมือนกัน
    หลวงพ่อสิน ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อปี พ.ศ.2542 และต่อมาได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ พระครูสุภัททาจารคุณ
    หลวงพ่อสิน เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชีวิตความเป็นอยู่อย่างสมถะ เรียบง่าย ไม่ยึดติดใน ลาภยศสรรเสริญใดๆ ท่านมักจะพร่ำสอนญาติโยมที่เข้ามากราบไหว้เสมอๆ ว่า
    "คน เราจะมีความสุขสงบในสังคมได้ ต้องถือศีล 5 เพราะทำให้สังคมสงบสุข ปิดกั้นภัยเวรต่างๆ ได้ แต่ที่พวกเรารู้สึกว่าทำได้ยากหรือขัดกับชีวิตประจำวัน เป็นเพราะตาใจของเรามันบอกแสงหรือเจ้ากรรมนายเวรมาบังจิตบังใจเรา"
    การสร้างวัตถุมงคลของหลวงพ่อชาญ ไม่ได้จัดสร้างบ่อยนัก นานครั้งในวาระพิเศษ จึงจะมีการจัดสร้างสักครั้งหนึ่ง ท่านจะเน้นคำสอนให้ลูกศิษย์นำไปปฏิบัติมากกว่า แต่จะอนุญาตให้ศิษย์ใกล้ชิดสร้างขึ้นเป็นพิเศษ ทำให้วัตถุมงคลของท่านมีจำนวนไม่มากนัก แต่ปรากฏว่าได้รับความนิยมไม่แพ้กัน
    เช่น เหรียญรูปเหมือนรุ่นแรก หนุมานเนื้อโลหะ รุ่นแรก พิมพ์นั่งยองแบบหลวงปู่ทิม พระขุนแผนรุ่นแรก ปี"49 พิมพ์ใหญ่และพิมพ์เล็ก และอื่นๆ เป็นต้น
    หลวงพ่อสิน เป็นพระสุปฏิปันโน เป็นพระแท้ ที่น่าเลื่อมใสศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง ชื่อเสียงของหลวงพ่อสินโด่งดังมานาน เป็นที่กล่าวขานในหมู่ศิษย์ชาวระยอง และภาคตะวันออกเป็นยิ่งนัก ถึงความขลังความศักดิ์สิทธิ์ และจริยาวัตรของหลวงพ่อ ทำให้ท่านได้รับกิจนิมนต์ไปนั่งปรกปลุกเสกวัตถุมงคลในพื้นที่ภาคตะวันออกและ พิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลสำคัญทั่วประเทศ
    สำหรับวิทยาคมของท่านที่มีประสบการณ์โดดเด่นที่สุด ได้แก่ วิชาสร้างหนุมานทหารเอกของพระราม วิชาแคล้วคลาด คงกระพัน เมตตามหานิยม เป็นต้น
    หลวงพ่อสิน ปรารภว่า "วัตถุมงคลจะมีความเข้มขลังหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความเชื่อของแต่ละบุคคล ใครที่เชื่อหรือศรัทธาในวัตถุมงคลก็จะบังเกิดความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง ทำให้บังเกิดความเชื่อมั่น สามารถประสบความสำเร็จได้ง่ายกว่าคนที่ไม่มีวัตถุมงคลยึดเหนี่ยว ด้วยทำให้มีกำลังใจในการทำสิ่งต่างๆ"
    "แต่วัตถุมงคลก็มีข้อเสีย คือ คนดีหรือคนชั่วก็สามารถนำไปใช้ได้เหมือนกัน อาจมีการนำไปใช้ในทางที่ผิด ถ้านำติดตัวไปสร้างความเดือดร้อนหรือรังแกผู้อื่น ก็จะเกิดความเสียหายต่อสังคมได้"
    "คนที่มีวัตถุมงคลแต่ไม่หมั่นบูชา ก็ไม่เกิดผลใดๆ แม้จะแขวนพระมากมาย แต่ก็มีสิทธิ์ประสบหายนะได้ ถ้านำพระไปใช้ในทางที่ผิด ไปเบียดเบียนผู้อื่น แบบนี้พระท่านก็ไม่อยากคุ้มครอง"
    เมื่อหลวงพ่อสินเข้าสู่วัยชราแล้ว เป็นเจ้าอาวาสวัดอยู่ที่วัดละหารใหญ่ จนถึงปัจจุบัน
    กว่ากึ่งศตวรรษแห่งการครองสมณเพศ หลวงพ่อท่านได้สั่งสมประสบการณ์ รู้หนาวรู้ร้อน ผ่านกาลฝนมามาก มีประสบการณ์ทุกอย่าง
    เกียรติคุณของหลวงพ่อสิน เป็นที่รู้จักศรัทธาเลื่อมใส เป็นพระที่เปี่ยมด้วยเมตตาธรรม ความชราไม่เป็นปัญหากับหลวงพ่อสิน ด้วยความเมตตาที่เปี่ยมล้น หากมีใบฎีกานิมนต์มาท่านไม่เคยปฏิเสธ
    บางครั้งลูกศิษย์ของท่านเองต้องขอร้อง เพราะเป็นห่วงเรื่องสุขภาพ
    แต่เชื่อมั่นได้เลยว่าวัตถุมงคลที่หลวงพ่อสินอธิษฐานจิตแล้วมีอิทธิคุณสูง ส่ง แคล้ว คลาดคงกระพันชาตรี มีโชคลาภและมากด้วยประสบการณ์ บางเรื่องไม่อาจเปิดเผยได้เพราะเกี่ยวข้องกับบุคคลสำคัญ รู้กันดีในหมู่คณะศิษย์
    ณ วันนี้ หลวงพ่อสิน มีวัยกว่า 82 ปี แต่สุขภาพร่างกายของท่านยังคล่องแคล่วแข็งแรง
    เกียรติคุณบารมี รวมทั้งพุทธาคมอันศักดิ์สิทธิ์พลังจิตของท่าน ทำให้ท่านได้รับการยกย่องว่าท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีบารมีทางกระแสจิต แก่กล้า ระดับแนวหน้าของจังหวัดระยองอีกรูปหนึ่ง

    ที่มา หนังสือพิมพ์ข่าวสด http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERTJNRE13TURVMU13PT0=
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    ให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250731_204253.jpg IMG_20250731_204317.jpg
     
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,466
    ค่าพลัง:
    +21,422
    1753977365119.jpg

    บทความพิเศษ พระสมห์อำพล วัดปราสาทบุญญาวาสตำนานผู้สร้างวัดปราสาทฯจากกองเถ้าถ่านประวัติพระสมุห์อำพลพระสมุห์อำพล ฉายา พลวฒทโน เจ้าอาวาวาสรูปที่7วัดปราสาทบุญญาวาส จ.กรุงเทพฯเกิดเมื่อวันที่ 13กุมภาพันธ์ พศ.2465 ซึ่งตรงกับวันจันทร์แรม 2 ค่ำ เดือน3 ปีระกา เดิมชื่อ อำพล ตระกูล วริทธิ์รานนท์ โยมบิดาเป็นตำรวจชื่อ ขุนตะเวนวิถี อยู่ระแวกเขตบางพลัดและมีพี่ชายเป็นนายตำรวจยศ พ.ต.ต.ไพรัช วริทธิ์รานนท์ยุคสมัยเดียวกับ พ.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ภูมิลำเนาเดิมอยู่บ้านลาดชะโด จ.พระนครศรีอยุธยาในวัยหนุ่มท่านมาเรียนหนังสือที่ วัเบญจมบพิตร
    กรุงเทพฯอุปนิสัยท่านสมัยเป็นฆารวาสเป็นคนใจนักเลง ชอบกัดปลา ตีไก่ และชอบร้องเพลงท่านมีบ้านพักใกล้วัดปราสาทบุญญาวาสท่านอธิการเซ่งท่านเจ้าอาวาสวัดปราสาทในขณะนั้นพบเข้าท่านจึงให้บวชที่วัดปราสาทบญญาวาส โดยมีพระเดชพระคุณ พระพุทธิวงศาจารย์ (ปลด พรหฺมสโร)วัดเบญจมบพิตร เป็นพระอุปัฌาย์พระอธิการเซ่ง เป็นพระกรรมวาจาจารย์พระมหาอ่อน เป็นพระอนุสาวนาจารย์เมื่อท่านได้บวชเป็นพระแล้วพระสมุห์อำพลท่านได้เล่าเรียนวิชาต่างๆจากพระเกจิรูปแรกคือ พระครูนทวุฒาจาจาร
    ย์หรือหลวงปู่ช่วง จันทโชโต แห่งวัดบางแพรกใต้ จ.นนทบุรีซึ่งหลวงปู่ช่วงท่านเก่งทางเมตตา แคล้วคลาดซึ่งพระสมุห์อำพล ได้รับการศึกษาไสยเวทย์ต่างๆมาอย่างครบถ้วนและปรนิบัติรับใช้จนหลวงปู่ช่วงมรณภาพลงเมื่อวันที่ 1ธันวาคม พศ.2499หลังจากนั้นก็มาศึกษาวิชาจากพระเกจิรูปที่2 คือ
    พระเทพวิสุทธิเมธี (หลวงปู่เจีย เขมิโก)
    วัดพระเชตุพนฯ(วัดโพธิ์ ท่าเตียน)
    ได้รับถ่ายทอดวิชาทางเมตตามหานิยมและแคล้วคลาดเพิ่มเติมจนหมดสิ้นวิชาของท่าน
    พระเกจิรูปที่ 3 พระใบฎีกาเทียม (หลวงปู่เทียม สิริปัญโญ)วัดกษัตราธิราชจ.พระนครศรีอยุธยา ท่านได้ศึกษา
    วิชาทางด้านมหาระงับ มหานิยม คงกะพันชาตรี
    พระเกจิรูปที่ 4 พระอาจารย์แทน (หลวงพ่อแทน ธมมโชติ)วัดธรรมเสน จ.ราชบุรี ร่ำเรียนวิชา ด้านคงกะพัน มหาอุต
    มหาเมตตาและแคล้วคลาด
    พระเกจิรปที่ 5 พระครูภูมิวุฒาจารย์ (หลวงปู่สอนพุภะละมะ)วัดศรีสว่างเส็งสาง จังหวัดนครราชสีมา ได้ศึกษารำ
    เรียนวิชาด้านคงกะพันชาตรี มหาอุต มหารูด แคล้วคลาดและเมตตามหานิยม
    พระเกจิรูปที่ 6 พระครูสันทัดธรรมคุณ
    (หลวงพ่อออด ธมฺทินโน) วัดบ้านช้าง
    จ.พระนครศรีอยุธยาได้ศึกษาร่ำเรียนวิชา มหาอุต คงกะพันชาตรี
    พระเกจิรูปที่ 6 พระครูสันทัดธรรมคุณ
    (หลวงพ่อออด ธมฺทินโน) วัดบ้านช้าง
    จ.พระนครศรีอยุธยา
    ได้ศึกษาร่ำเรียนวิชา มหาอุต คงกะพันชาตรีมหาอำนาจนะจังงัง กันศาสตราวุธทุกชนิดพระเกจิรูปที่ 7 สมเด็จพระสังฆราช(อยู่) ญาโณทัยวัดสระเกศ กรุงเทพฯ ได้ศึกษาร่ำเรียนวิชาโหราศาสตร์
    พระสมุห์อำพลท่านได้ออกจากตำแหน่งเจ้าอธิการ(เจ้าอาวาส)วัดปราสาทบุญญาวาสตั้งแต่ปี พศ.2512ระยะเวลาที่ท่านครองวัดตั้งแต่ปีพศ.2493พศ.2512
    ข้อสันนิษฐานจากข้อมูลจากคำบอกเล่า
    ยังต้องตามหาหลักฐานสำคัญอีกหลายอย่างจึงใช้
    อ้างอิง
    ได้เพียงบางส่วนเท่านั้น
    จากการสอบถามข้อมูลจากพื้นที่วัดอัมพวาทำให้
    ทราบว่าท่านได้มาอาศัยเป็นพระลูกวัดอยู่ที่วัดอัมพวาในช่วงเวลาหนึ่งก่อนที่จะหายไปจากวัดโดยไม่ทราบว่าท่านไปพำนักที่ใด และการที่ท่านมาพักที่วัดอัมพวาเป็นเพราะท่านเป็นหนึ่งในครูบาอาจารย์ทางไสยเวทย์ของท่านพระครูระเบียบ
    มีบางข้อมูลก็บอกว่าท่านมรณภาพที่วัดอัมพวาแต่ก็ยังตามหาหลักฐานอ้างอิงไม่ได้จึงไม่ขอสรบในส่วนนี้หลักฐานที่ยืนยันช่วงเวลาที่ท่านมรณภาพจากภาพถ่ายจากการสอบถามข้อมูลจากพื้นที่วัดอัมพวาทำให้ทราบว่าท่านได้มาอาศัยเป็นพระลูกวัดอยู่ที่วัดอัมพวาในช่วงเวลาหนึ่งก่อนที่จะหายไปจากวัดโดยไม่ทราบว่าท่านไปพำนักที่ใด และการที่ท่านมาพักที่วัดอัมพวาเป็นเพราะท่าน
    เป็นหนึ่งในครูบาอาจารย์ทางไสยเวทย์ของท่านพระครูระเบียบมีบางข้อมูลก็บอกว่าท่านมรณภาพที่วัดอัมพวาแต่ก็ยังตามหาหลักฐานอ้างอิงไม่ได้จึงไม่ขอสารบบในส่วนนี้หลักฐานที่ยืนยันช่วงเวลาที่ท่านมรณภาพจากภาพถ่ายรูปเหมือนของท่านที่ประดิษฐานที่วัดปราสาทบุญญาวาส
    ระบุวันที่ท่านมรณภาพ
    วันที่16พฤศจิกายนพศ.2519
    สิริรวมอายุ 54 ปี พรรษา 34
    เครดิตข้อมูลและภาพถ่าย
    ยูทูป ประวัติพระสมห์อำพล ช่องDawatprasat
    เพจวัดปราสาทบุญญาวาส
    เว็ปข้อมูลบางส่วนจาก สถาบันรับรองพระ(AC))
    เว็ปข้อมูลคลังทรัพยากรศึกษา


    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญรุ่นแรกพระครูสมุห์อำพล ออกวัดอัมพวาปี ๒๕๑๕ เป็นเหรียญรุ่นแรกรุ่นเดียว ของท่าน

    ให้บูชา
    350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20250731_204359.jpg IMG_20250731_204430.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 สิงหาคม 2025 at 08:13
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,466
    ค่าพลัง:
    +21,422
    FB_IMG_1753982191500.jpg

    ประวัติพ่อท่านนวล ปริสุทโธ วัดไสหร้า
    (วัดประดิษฐาราม) “พระครูวิสุทธิบุญดิตถ์”
    หรือที่ชาวบ้านเรียกท่านว่า “พ่อท่านนวล”
    ท่านเกิดเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2465
    เกิดในตระกูล เจริญรูป ณ.อำเภอทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช #ชีวิตในวัยเด็กของท่านเป็นคนขี้อาย_มีความประพฤติเรียบร้อย ท่านเป็นคนรักเพื่อฝูง เป็นเด็กดีและเป็นที่รักของเพื่อนๆ และครอบครัว จนกระทั่งเมื่อถึงอายุเกณฑ์เข้าโรงเรียน ตอนนั้นท่านมีอายุ 7.ขวบ ท่านได้เข้าเรียนที่โรงเรียนวัดมะเฟือง ต.นากกะชะ อ.ฉวาง จ.นครศรี ธรรมราช จนจบชั้นประถมปีที่ 6 #ต่อมาเมื่อท่านมีอายุครบ
    20 ปี บริบูรณ์ ท่านได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2485 ณ พัทธสีมาวัดภูเขาหลัก ต.ทุ่งสัง อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช
    มีพระครูถาวรบุญรัตน์ วัดท่ายาง อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช #เป็นพระอุปัชฌาย์ พระปลัดชื่น อินทสุวัณโณ เป็นพระกรรมวาจาจารย์
    ผู้สำรวมในสติ และกาย วาจา ใจ “ท่านเป็นพระที่ ‘ปฏิบัติ’ อยู่ตลอด ท่านจะเจริญสติปัฏฐาน 4 อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการเดิน หรือทำกิจวัตรต่างๆ ศีลาจารวัตรของท่าน คือท่านจะเดินอย่างเรียบร้อย นั่งอย่างเรียบร้อย #แม้ในวัย90 แม้แต่การครองจีวร จีวรของท่านที่ไม่เคยแปดเปื้อนเลย เวลาผมซักจีวรให้ท่านนี้ สังเกตว่ากลิ่นจีวรท่านจะหอมอยู่ตลอด หอมเหมือนยาต้ม เป็นกลิ่นสมุนไพร ท่านเป็นพระที่เรียบร้อยมาก ในกุฏิท่าน ที่นอนท่านนี่…ถ้าใครหยิบอะไรไปเช็ดทำความสะอาด ก็จะต้องตั้งไว้ที่เดิม
    ไม่มีสะเปะสะปะ ของอะไรเคยวางตรงไหน จะต้องอยู่ที่เดิม ท่านจะเรียบร้อยมาก”
    (เล่าโดยหลวงบ่าว-คุณเฉลิมพร กามุณี) “พ่อท่านนวล … ช่วยด้วย!” มีผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ “นา” เป็นคนแถวคลองเพรียง มาเล่าให้ฟัง บอกว่าวันหนึ่งไปกรีดยาง สวมสร้อยคอทองคำหนักประมาณ 5 บาท แล้วก็มีโจรเข้ามาด้านหลัง เอาปืนจี้ ปืนทิ่มจ่ออยู่ที่หัวเลย ผู้หญิงคนนั้นเล่าว่า ไม่รู้จะทำยังไงดี ก็นึกถึง แต่สร้อยที่แขวนเหรียญหลวงพ่อไว้ ก็เลยคว้าเหรียญหลวงพ่อมาอมไว้ แล้วก็พูดขึ้นว่า ‘พ่อท่านช่วยด้วย’ พอพูดเท่านั้น โจรที่เอาปืนจี้อยู่ที่ท้ายทอยด้านหลังก็ลั่นไกยิงเลย เธอบอกว่าหูอื้อแล้วก็สลบไปเลย มารู้สึกตัวคือมีคนพาเข้าโรงพยาบาล แต่ปรากฏว่ามีแค่รอยถลอกที่ศีรษะ แต่ไม่เข้าไม่มีกระสุนฝังในเลย หาลูกปืนก็ไม่เจอ รู้แต่ว่าสลบไปเลยแล้วก็หูอื้ออยู่ 2 วัน พอออกจากโรงพยาบาลจึงมากราบหลวงพ่อแล้วก็เล่าเรื่องให้ท่านฟัง ส่วนเหรียญหลวงพ่อที่อมไว้ในปากก็หายไป…หาไม่เจอเลยเหมือนกัน” “มีผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งอยู่จังหวัดกระบี่ก็โดนยิงมาเหมือนกัน ผู้ใหญ่คนนี้ถูกเอ็ม 16 ยิง แต่ไม่เข้า มีแต่รอยช้ำๆ ที่หน้าอก เขาก็ไม่ได้เล่าว่าทำไมถึงโดนยิง รู้แต่ว่าตอนเช้าเขามาหาหลวงพ่อ บอกว่าถูกยิง แต่ไม่เข้ามี แต่ปวด ๆ แล้วก็มีรอยตรงหน้าอก ซึ่งตอนที่ถูกยิงนั้นเขาก็แขวนเหรียญของพ่อท่าน ก็เลยมาเล่าให้ท่านฟัง”พ่อนวล_ปริสุทโธ_คุ้มครอง

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    รุ่นเมตตามหาลาภ พ่อท่านนวล ประธานจุดเทียนชัย จัดสร้างสร้างเป็นกรณีพิเศษ ปี 2549 ให้กับ วัดขนาน อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีฯ เนื้อว่านพิเศษ หน้าเคลือบลงยา ตัวองค์พ่อท่านนวลปิดทอง หลังโรยผงตะไบ สวยงามมาก รุ่นพิเศษ งานฉลองสมณศักดิ์ พระครูวิศาลชัยธรรม เจ้าคณะตำบลทุ่งใหญ่ หายากมากให้เฉพาะกรรมการ ขนาด 5ซม. เจตนาจัดสร้างดีควรมีไว้เก็บบูชา และพระผงรูปเหมือนฝังตัวนะพิธีเดียวกันบูชายกชุด ๒ องค์

    ให้บูชายกชุด 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250731_210132.jpg IMG_20250731_210204.jpg IMG_20250731_210227.jpg IMG_20250731_210251.jpg FB_IMG_1753982203398.jpg
     
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,466
    ค่าพลัง:
    +21,422
    FB_IMG_1753983619335.jpg

    เทพเจ้าสายบู๊แห่งดินแดนลังกาสุกะชายแดนใต้
    ประวัติพ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ จังหวัดปัตตานี
    เกิด: สิงหาคม พ.ศ.2472 ณ.ตำบลหน้าถ้ำ อ.เมืองจ.ยะลา
    โยมบิดา : ชื่อนายทอง เพ็ชรภักดี
    โยมมารดา : ชื่อ นางกิ๊ม นวลศรี
    ชีวิตวัยเด็ก : หลังจากจบ ป.4 ต้องออกจากบ้านหางานทำเลี้ยงแม่และน้องๆ เพราะบิดาท่านได้ถึงแก่กรรม
    อุปสมบท : ณ พัทธสีมา วัดบุพนิมิตร(วัดนางโอ) อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี
    พระอุปัชฌาย์ : พระครูมนูญสมณการ วัดพลานุภาพ
    ศึกษาธรรม : ศึกษาพระปริยัติธรรมและนักธรรม รวมทั้งในด้านการสวดมนต์พิธีต่างๆ โดยสามารถสวดพระปาฏิโมกข์ได้ตั้งแต่ ในพรรษาที่5 นอกจากนี้ยังศึกษาสรรพวิชาจากฆราวาสที่เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ อีกหลายท่าน
    พระอาจารย์เขียว หรือ พ่อท่านเขียว ถือกำเนิดในครอบครัวชาวนาในจังหวัดยะลา เป็นบุตรคนที่ 3 จากจำนวนทั้งหมด 7 คน ดังนี้
    1. นาย เชือน เพ็ชรภักดี ( ถึงแก่กรรมแล้ว )
    2. นาย แก้ว เพ็ชรภักดี ( ถึงแก่กรรมแล้ว )
    3. พ่อท่านเขียว กิตติคุโณ ( นามเดิม เขียว เพ็ชรภักดี )
    4. นายชื่น เพ็ชรภักดี ( ถึงแก่กรรมแล้ว )
    5.นายแจ๊ก เพ็ชรภักดี ( ถึงแก่กรรมแล้ว )
    6.นายสมใจ เพ็ชรภักดี( ถึงแก่กรรมแล้ว )
    7.นาง สาว เพ็ชรภักดี
    ช่วงชีวิตในวัยเด็กพ่อท่านเขียว ท่านก็เหมือนเด็กชาวบ้านในต่างจังหวัดทั่วไป หลังจากเรียนจบ ป.4 บิดาได้ถึงแก่กรรม ท่านจึงต้องออกมาทำงานช่วยครอบครัว เพื่อเลี้ยงแม่และน้องๆ ซึ่งในเวลานั้นท่านก็สู้อดทนรับจ้างทำงานทุกอย่าง จนกระทั่งอายุได้ 20 ปี จึงตัดสินใจบวช ตามประเพณีนิยม ณ.วัดนางโอ (ปัจจุบันคือวัดบุพนิมิตร) อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี ท่านบรรพชาอุปสมบท เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ.2492 ณ.พัทธสีมา วัดนางโอ
    โดยมี พระครูมนูญสมณการ วัดพลานุภาพ เป็นพระอุปัชฌาย์
    พระอธิการแดง ธมฺมโชโต วัดนาประดู่ เป็นพระกรรมวาจาจารย์
    พระอธิการทอง จนฺทโชโต วัดภมรคติวัน เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    พระอธิการดำ ติสสโร เจ้าอาวาส วัดนางโอในขณะนั้น เป็นประธานสงฆ์ พระสงฆ์หัตถบาส เป็นพระอาจารย์ ผู้ที่ประสิทธิ์ประศาสน์ วิชาความรู้ ให้พ่อท่านเขียวมาตั้งแต่ครั้งยังเป็นฆราวาส
    หลังจากครองผ้าเหลือง พ่อท่านเขียว ได้จำพรรษาอยู่วัดนางโอ โดยท่านได้ใช้เวลาว่างทั้งหมด เล่าเรียนการสวดมนต์ต่างๆ และรวมถึงการสวดภาณยักษ์ แบบฉบับของภาคใต้ กระทั่งพรรษา 2 ท่านได้ย้ายไปจำพรรษาที่วัดสุนทรบัญชาราม อ.รามัญ จ.ยะลา ครั้งถึงพรรษาที่ 3 พ่อท่านเขียว ได้กลับมาจำพรรษาที่วัดนางโออีกครั้ง ได้ศึกษาวิชาอาคมต่างๆ กับ “ตาเลี่ยม”ฆราวาสที่เชี่ยวชาญ ด้านวิปัสสนา รวมทั้งศึกษาสรรพวิชาต่างๆจากผู้เรืองพระเวทย์วิทยาคมอีกหลายท่าน
    นอกจากนี้ พ่อท่านเขียวยังได้ศึกษาในทางธรรม ท่านปฏิบัติเคร่งครัด ศึกษาด้านปริยัติธรรมบาลีไวยากรณ์และนักธรรม รวมถึงการสวดมนต์ สาธยายธรรม ด้วยเหตุนี้เอง พ่อท่านเขียวท่านจึงสามารถ สวดปาฏิโมกข์ได้ตั้งแต่ในพรรษาที่ 5 พ่อท่านเขียว สอบได้นักธรรมโทและต่อมา ท่านได้รับตำแหน่ง รักษาการเจ้าอาวาส วัดนางโอ จนกระทั่งได้เป็นเจ้าอาวาสในลำดับต่อมา ในระหว่างนี้ท่านเองเป็นสหธรรมมิกกับ “พระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ ” ด้วยความที่วัดอยู่ใกล้กัน ท่านทั้งสองจึงได้เคยร่วมสังฆกรรม สนทนาธรรม และร่วมในพิธีกรรมต่างๆด้วยกันเสมอ
    โดยเฉพาะเมื่อคราวที่ท่านอาจารย์ทิม วัดช้างให้ สร้าง พระหลวงปู่ทวดเนื้อว่าน รุ่นปี2497 เพื่อแจกแก่ผู้ที่ร่วมสร้างพระอุโบสถ วัดช้างไห้นั้น พ่อท่านเขียว เป็นผู้หนึ่งที่คลุกเนื้อผสมว่าน และ ร่วมอยู่ในพิธีกรรมเจริญพุทธมนต์ ในระหว่างที่ท่านอาจารย์ทิม อัญเชิญดวงวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่ทวด เพื่อปลุกเสกพระเครื่องเนื้อว่านในคราวปี2497 และร่วมพิธีกรรมปลุกเสกอีกหลายวาระจนเมื่ออาจารย์ทิมท่านมรณภาพแล้ว ยังมีพิธีกรรมที่สำคัญอีก 1 วาระ คือปลุกเสกหลวงปู่ทวดเนื้อว่านปี 2524 ปัจจุบันเป็นที่เสาะหากันมาก เพราะมีประสบการณ์คุ้มภยันตราย แคล้วคลาดปลอดภัยแก่ผู้ที่นับถือ
    นอกจากนี้ ยังได้รับนิมนต์ ไปปลุกเสกวัตถุมงคลต่างๆ ในหลายพิธีตลอดมาทั้งไกลและใกล้จนถึงปัจจุบัน นับว่าพ่อท่านเขียว เป็นพระเกจิสำคัญถือเป็นเพชรอีกรูปหนึ่ง แห่งเมืองใต้ เลยทีเดียวส่วนหลักฐานสำคัญ อีกรูปที่รับรอง หลวงพ่อเขียว ว่าปลุกเสกหลวงปู่ทวดเดี่ยวเพียงลำพังรูปเดียวได้ดีคือท่านอาจารย์นอง วัดทรายขาว ท่านกล่าวไว้กับศิษย์ใกล้ชิดที่ร่วมรับรู้หลายท่าน ถือเป็นหลักฐานรับรองที่สำคัญ อีกประการหนึ่งในราวปี2500 พ่อท่านเขียวได้ตรวจสอบธรณีสงฆ์รอบวัดนางโอ พบการรุกล้ำที่วัดของชาวบ้านละแวกวัด ทำให้ชาวบ้านเหล่านั้นไม่พอใจ กระทบกระทั่งกันหลายวาระ ในที่สุดหลวงพ่อเขียว จึงตัดสินใจ ออกจากวัดไปจำพรรษา ที่วัดภมรคติวัน และที่วัดนี้ก็มีปัญหาเดียวกันกับวัดนางโอ ท่านจึงย้ายวัดไปจำพรรษาที่วัดนาประดู่อีกครั้ง
    และในระหว่างนี้ท่านอาจารย์ธีร์เจ้าอาวาสวัดห้วยเงาะ ในเวลานั้น จึงได้มานิมนต์ท่านไปอยู่ด้วยกันเสียที่วัดห้วยเงาะ เนื่องด้วยพรรษาท่านมากจะได้ดูแลและไม่ต้องพบกับภาระเหนื่อยหนักอีก พ่อท่านเขียวท่านเป็น พระสงฆ์ที่มัธยัสถ์อดออมและรักสันโดษ ท่านชอบการอ่านหมั่นศึกษาหาความรู้ในทุกๆด้านไม่ว่าจะเป็นด้านกฏหมายบ้าน เมือง การเกษตรกรรม โหราศาสตร์ สมุนไพรกลางบ้าน รวมถึงสิ่งที่เป็นประโยชน์ ในอันที่จะนำไปสงเคราะห์ผู้อื่นได้ พ่อท่านมีเมตตาสูงกับเหล่าศิษย์ และผู้ที่ไปขอให้ท่านเสกเป่าบรรเทาทุกข์ แก้ไขสิ่งที่ขัดข้องในชีวิต ท่านเมตตาเสมอเหมือนกันหมด ไม่ว่ายากดีมีจนมาจากไหนไม่ว่าจะไกลหรือใกล้ โดยไม่แบ่งแยกไม่เคยเรียกร้องสิ่งใด และท่านไม่จับ หรือรับเงินที่มาถวายเลย
    ส่วนใหญ่คนที่ไปกราบท่าน จะได้รับวัตถุมงคล จากมือพ่อท่านเขียว ส่วนใหญ่จะเป็น ปลัดขิก ผ้ายันต์รับทรัพย์ ตะกรุดนิมิตรพิสมร และหลวงพ่อทวด รุ่นต่างๆตามแต่ท่านจะเมตตา แต่ถ้าใครขอเฉพาะเจาะจงถ้าท่านมีก็จะได้ครับ คือการแจกทั้งสิ้น พระเครื่องส่วนใหญ่ไม่มีการเช่าหาแต่อย่างใดๆ แต่ก็จะมีพระเครื่องและวัตถุมงคลของ หลวงปู่เขียว ที่ทางวัดสร้าง หรือลูกศิษย์สร้างขึ้นนั้นจะให้เช่าบูชาที่กุฏิเจ้าอาวาส แต่ไม่ใช่ที่กุฏิท่าน เพราะท่านไม่ยุ่งเกี่ยวกับเงินทอง และบางท่านอาจจะยังไม่รู้ว่า พ่อท่านเขียว ท่านไม่ได้เป็นเจ้าอาวาสนะครับ เพราะท่านไม่ยึดติด พ่อท่านเขียวไม่ยอมรับตำแหน่งเจ้าอาวาส พอดีเคยคุยกับหลายท่าน มักเข้าใจว่า หลวงพ่อเขียวท่านเป็นเจ้าอาวาส วัดห้วยเงาะ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    หลวงปู่ทวดเนื้อว่านวัดห้วยเงาะปัตตานี หลังพ่อท่านเขียว อธิษฐานจิตปลุกเสก

    ให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250731_205723.jpg IMG_20250731_205657.jpg
     
  8. Karoonsur

    Karoonsur Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2018
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +239
    จองครับ
     
  9. Karoonsur

    Karoonsur Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2018
    โพสต์:
    401
    ค่าพลัง:
    +239
    จองครับ
     
  10. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,466
    ค่าพลัง:
    +21,422
    FB_IMG_1754013572383.jpg FB_IMG_1754014111793.jpg
    โกศล.... ลุงไม่เกิดอีกแล้วนะ ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย..!!!!”
    นี่ก็หมายความอย่างชัดแจ้งที่สุดว่า พระภิกษุพระยานรรัตนราชมานิต (ธมฺมวิตกฺโกภิกขุ)ท่านรู้ชัดด้วยญาณปัญญาของท่านเป็นที่แน่นอนแล้วว่า บัดนี้ การเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารแห่งท่าน ได้มาถึงยังจุดอันเป็นที่สุดแล้ว การเกิดครั้งใหม่ต่อไปมิได้มีอีกแล้ว ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของท่านแล้ว
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    แหนบเนคไทภ.ป.ร.ออกวัดวังกระโจม นครนายก แจกข้าราชการชั้นผู้ใหญ่
    ปี ๒๕๑๒ หาไม่ยาก หาได้ในโพสนี้

    ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20250731_205945.jpg IMG_20250731_210011.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 สิงหาคม 2025 at 12:20
  11. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,466
    ค่าพลัง:
    +21,422
    1754022139620.jpg 1439-3fab.jpg

    "พระเครื่อง วัตถุมงคล"
    ....ความมุ่งหมายในการใช้พระคล้องคอ โดยมากพวกเรามักเข้าใจผิดกัน
    ที่พระท่านทำไว้ให้คล้องคอ ก็หมายถึงว่า
    บุคคลที่มีใจเคารพในพระพุทธเจ้า
    มีใจเคารพในพระธรรม
    มีใจเคารพในพระอริยสงฆ์
    ....แต่ทว่ามีกำลังใจในการเข้าถึงพระรัตนตรัยทั้ง ๓ ประการยังอ่อนอยู่ ฉะนั้น จึงได้ทำรูปเปรียบของพระพุทธเจ้าก็ดี รูปเปรียบเทียบของพระสงฆ์องค์ใดองค์หนึ่งก็ดี ที่เป็นที่เคารพนับถือห้อยคอไว้ ถ้าหากว่าเรานึกถึงพระท่านไม่ออก จะได้นำพระขึ้นมาดู รูปนี้เป็นรูปขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ทรงแนะนำให้เราปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตามระบอบแห่งความดีที่เรียกว่า พระธรรมวินัย..
    ....นี่คือความเป็นจริงเป็นความมุ่งหมายของผู้ทำต้องการอย่างนั้น หมายความว่า
    .....คนที่มีพระห้อยคอ ควรจะทำใจอย่างพระหรือมิฉะนั้นคนที่มีพระห้อยคอ ก็ควรที่จะทำตามพระแนะนำ ให้ปฏิบัตดี ปฏิบัติชอบ แต่พวกเราก็กลับมาพลิกแพลงเสีย เอาพระไปตีกับชาวบ้านเขา ไปยุให้พระตีกัน
    ....พระที่นำมาห้อยคอนี่ พระท่านทำขึ้นมาก็ด้วยอาศัยอำนาจของพระพุทธานุภาพนะ อำนาจของพระพุทธานุภาพนี่สามารถที่จะช่วยคนที่ยังไม่ถึงอายุขัยให้พ้นจากอันตรายได้ ที่เรียกว่า ” พระเครื่อง ” อันนี้ใช้ได้ แต่ถ้าหากจะเรียก “เครื่องรางของขลัง” อันนี้ใช้ไม่ได้ พระทุกองค์ท่านทำมาไม่ใช่ของขลังท่านทำมาด้วย วิธีที่เรียกว่า พุทธศาสตร์ ไม่ใช่ ไสยศาสตร์ พุทธศาสตร์กับไสยศาสตร์มีค่าต่างกัน..
    .....พวกของขลังนี่เป็นไสยศาสตร์ เขาทำมาเพื่อขาย สำหรับพุทธศาสตร์ เขาทำเพื่อการสงเคราะห์ เพื่อให้บุคคลที่มีพระประเภทนี้ไว้ ถ้ามีจิตใจเคารพในคุณพระรัตนตรัย ถ้าไม่ถึงอายุขัย ถ้าอันตรายของชีวิตพึงจะเกิดขึ้น ก็สามารถปลอดภัยจากอันตรายนั้นได้..”
    ______________________________
    คำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    วัดจันทาราม(ท่าซุง) จ.อุทัยธานี
    จากหนังสือประวัติหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อวัดท่าซุง) หน้า ๔๓๕ – ๔๓๗
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับศูนย์พุทธศรัทธา
    พระผงรามราชศูนย์พุทธศรัทธา (ปฎิวัติกรรมฐานตามแนวทางวัดท่าซุง)รุ่น ๑ รุ่น๒ ผสมเกศาหลวงพ่อ

    ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาท

    IMG_20250731_210346.jpg IMG_20250731_210315.jpg
     
  12. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,466
    ค่าพลัง:
    +21,422
    1356273-5c3bd.jpg

    หลวงพ่อชาวัดหนองป่าพงมาปลุกเสก
    หลวงพ่อกวยวัดโฆสิตารามมาปลุกเสก
    หลวงพ่อมุ่ยวัดดอนไร่มาปลุกเสก
    อาจารย์นำแก้วจันทร์ดอนศาลามาปลุกเสก
    พระรอดพิธีค่ายอดิศร
    จัดสร้างปี ๒๕๑๔ วัตถุประสงค์เพื่อมอบให้แก่ผู้มีจิตศรัทธา บริจาคเงินร่วมสมทบทุน สร้างโรงพยาบาลอดิศร จ.สระบุรี การดำเนินการจัดสร้างครั้งนี้ได้ทำการรวบรวมแผ่นยันต์ชนวนมวลสารโลหะจาก คณาจารย์ทั่วประเทศ ออกแบบวัตถุมงคลโดยนายช่างเกษม มงคลเจริญ ผู้ควบคุมและเป็นเจ้าพิธีในการหล่อพระกริ่งคือ พระอาจารย์ไสว สุมโน วัดราชนัดดา
    นับเป็นพิธีมหาพุทธาภิเษกอันยิ่งใหญ่มากๆ พิธีหนึ่งแห่งยุคนั้น ที่ไม่เป็นรองใคร โดยมีพิธีพุทธาภิเษกเดียวกันกับพระกริ่งตากสินเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2514 เริ่มปลุกเสก 19.30 น. ถึง 06.10 น. (ปลุกเสกข้ามคืน) โดยมี พล.อ เปรม ติณสูลานนท์ (ยศ ขณะนั้นยังเป็นพลตรี ตำแหน่งผู้บังคับการจังหวัดทหารบก สระบุรี)เป็นประธาน ฝ่ายฆราวาส ได้มีการผสมเนื้อชนวนมวลสารโลหะจากบรรดาคณาจารย์ต่างๆทั่วประเทศเพื่อสร้าง พระเทริดขนนก อีกทั้งยังได้ผสมผงมวลสารวิเศษต่างๆจากพระเกจิอาจารย์ทั่วประเทศ เพื่อสร้างพระเนื้อผงนางพญา และพระสมเด็จในคราวนี้ด้วย บรรดาครูบาอาจารย์มากันทั่วประเทศถึง 79 รูป ดังต่อไปนี้
    สมเด็จพระสังฆราช(ปุ่น) วัดพระเชตุพนฯ เป็นประธานพิธีฝ่ายสงฆ์
    หลวงปู่ชา วัดหนองป่าพง
    หลวงปู่ดูลย์ วัดบูรพาราม
    หลวงปู่สาม วัดไตรวิเวก
    หลวงปู่ฝั้น วัดป่าอุดมสมพร
    หลวงปู่สิม วัดถ้ำผาปล่อง
    หลวงปู่บาง วัดหนองพลับ
    หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี
    หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี
    หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง
    หลวงพ่อกี๋ วัดหูช้าง
    หลวงพ่อผาง วัดอุดมคงคาคีรีเขตต์
    หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม
    หลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา
    หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม
    พระอาจารย์นำ วัดดอนศาลา
    หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่
    หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลย์
    หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม
    หลวงพ่อคง วัดบ้านสวน
    หลวงพ่อหมุน วัดเขาแดง
    หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค
    หลวงพ่อโด่ วัดนามะตูม
    หลวงพ่อหอม วัดซากหมาก
    หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส
    หลวงพ่อทบ วัดชนแดน
    หลวงพ่อโอด วัดจันเสน
    หลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง
    หลวงพ่อเอีย วัดบ้านด่าน
    หลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์โก่งธนู
    หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่
    หลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ
    หลวงพ่อแจ่ม วัดวังแดงเหนือ
    หลวงพ่อฑูรย์ วัดโพธิ์นิมิตร
    หลวงพ่อทองอยู่ วัดใหม่หนองพะอง
    หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช
    ครูบาวัง วัดบ้านเด่น
    หลวงพ่อปี้ วัดลานหอย
    หลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง
    หลวงพ่อเมือง วัดท่าแหน
    หลวงพ่อผัน วัดราษฏร์เจริญ
    หลวงพ่อเชน วัดสิงห์
    หลวงพ่อ คร้าม วัดกุ่มหัก
    หลวงพ่อเกษม เขมโก
    ฯลฯ
    เรื่องเล่าพิเศษจากพิธีปลุกเสก
    เรื่องมีอยู่ว่าคนรุ่นเก่ารวมทั้งอนุศาสนาจารย์ประจำค่ายอดิศรบอกว่าเรื่องที่น่าแปลก คือ หลวงปู่เกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ อ.เมือง จ.ลำปางเมตตารับนิมนต์มา "มนต์"พระให้ด้วยครับ แต่พอสอบถามไปทางเจ้าประเวทย์ ณ ลำปาง และคณะศิษย์รับใช้ ปรากฏว่า หลวงปู่อยู่ประจำที่สุสานไม่ได้ออกไปที่ไหนเลยโดยเฉพาะวันที่ประกอบพิธีพุทธาภิเษกนั้นหลวงปู่ยังรับแขกอยู่ที่สุสานเลย คนเป็นพยานกันนับร้อย แต่ที่งานค่ายอดิศร คนก็เป็นพยานได้นับร้อยเช่นกันว่าหลวงปู่เกษมมาเรื่องจึงกลายเป็นว่า "ต่างคนต่างจริง" ไปได้อย่างน่าประหลาด..."
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250801_140110.jpg IMG_20250801_140136.jpg
     
  13. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,466
    ค่าพลัง:
    +21,422
    แม่ชีเมี้ยน ปานจันทร์.JPG
    หลวงพ่อใหญ่ องค์โลกุตระเขตะมารัจจะ
    แม่ชีเมี้ยน ปานจันทร์ วัดถ้ำกระบอก จ.สระบุรี
    แม่ชีเมี้ยน เกิดที่บ้านหนองแก้ว ต.บางขันหมาก อ.เมือง จ.ลพบุรี บวชเป็นแม่ชีที่วัดคลองเม่าธรรมโกศล อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี ต่อมาได้ชักชวนหลานชายคือ ท่านจำรูญและท่านเจริญ ปานจันทร์ มาบวชที่วัดคลองเม่าเช่นกัน จนกระทั่งปฐมแห่งบทโศลกเริ่มขึ้นเมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๗ ท่านแม่ชีเมี้ยนได้ธุดงค์นำพระ ๖ รูป คือ พระอาจารย์จำรูญ (โสรัจกัสสปะ) พระอาจารย์เจริญ พระประสาน พระประเสริฐ พระวิชัย สามเณร ๓ รูป คือ สามเณรนิพนธ์ สามเณรชลอ สามเณรมูน แม่ชี ๒ รูป คือ แม่ชีอ่ำ แม่ชีภักดี ขึ้นไปพำนักตั้งสำนักสงฆ์ที่ถ้ำกระบอก ท่านได้สร้างบทสวดธรรมโลกุตระหลายร้อยบทอันเป็นเอกลักษณ์ ที่ไม่เหมือนสำนักสงฆ์ใดๆ อันเป็นสิ่งที่น่าทึ่งอย่างยิ่ง เพราะท่านไม่รู้หนังสือ พระสำนักสงฆ์ถ้ำกระบอกมีลักษณะที่อาจกล่าวได้ว่าเป็นครั้ง "พระพุทธกาล" คือ ฉันมื้อเดียวในบาตรที่เรียกว่า "เอกากังคัง" ไม่ขึ้นรถลงเรือ ไปไหนมาไหนต้องเดินอย่างเดียว พระถ้ำกระบอกจึงไม่ค่อยออกนอกสำนัก และถือธุดงค์เป็นวัตร คือมีการเดินธุดงค์ทุกปี ประมาณ ๓ เดือน ไม่รับเงินไม่จับปัจจัยโดยเด็ดขาด
    ลักษณะเด่นอีกอย่างที่คนสมัยนั้นเรียกพระถ้ำกระบอกก็คือ "พระกรรมกร" อันเนื่องจากคำสอนของแม่ชีเมี้ยนที่ว่า "พระพุทธกาล กินแล้วไม่นอน" และเน้นการถวายสัจจะและการปฏิบัติตามสัจจะ หรือที่เรียกว่าสัจธรรม ก่อนการกระทำใดของสงฆ์และฆราวาส จะถวายสัจจะเป็นข้อๆและมีระยะเวลา อีกทั้งไม่มีการสร้างโบสถ์ วิหาร กฐิน หรือผ้าป่า คำกล่าวของพระถ้ำกระบอกเรียกแม่ชีเมี้ยนท่านว่า องค์เขตะมารัจจะ หรือ องค์โลกุตระธรรม แม่ชีเมี้ยน ปานจันทร์ ท่านละสังขารในปี ๒๕๑๒ นับแต่บัดนั้นมาถ้ำกระบอกจึงถูกปกครองโดยพระหลานสองพี่น้อง ท่านเจริญ ปานจันทร์ และท่านจำรูญ ปานจันทร์
    หลังการลาสังขารของ "หลวงพ่อใหญ่" (แม่ชีเมี้ยน) พระโลกุตระเขตะมารัจจะ ก็เกิดภาวะที่คนทั่วไปเรียกว่า ถ้ำแตก ผลก็คือ มีการกระจัดกระจายของพระ และแม่ชี แยกตัวออกไปตั้งสำนักเองกันมากมาย เช่น อาจารย์แพง อาจารย์โกวินทะ (วัดไผ่รื่นรมย์) อาจารย์สุชาติ (สำนักอยู่ที่ชลบุรี) และอื่นๆ อีก รวม 9 สำนัก และเท่าที่ทราบ ผู้ที่เป็นเจ้าสำนักทั้งเก้า ปัจจุบัน ได้เสียชีวิตไปเกือบหมดแล้ว ที่ล่าสุดคือ ท่านโกวินทะ คงเหลือแต่ท่านวิชัย ที่จัดว่าเป็นพระยุคแรกที่ยังเหลืออยู่ สำนักตั้งอยู่ที่ ต.โคกตูม จ.ลพบุรี เพียงองค์เดียว (ข้อมูลปี 53)
    "มนุษย์เหนือโลก" คือสิ่งที่พระและศิษย์ถ้ำกระบอก เรียก แม่ชีเมี้ยน ว่า องค์โลกุตระ หรือ มนุษย์เหนือโลก มีที่มาที่ไปอย่างไร น่าศึกษายิ่ง ทำไมคนกลุ่มนี้จึงเชื่ออย่างนั้น
    สิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากการได้เข้าไปสัมผัสกับตัวท่านด้วยตัวเอง ประจักษ์พยานสำคัญ ก็คือ หลักปฏิบัติ พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ท่านได้ถ่ายทอดมาให้ บทสวดมนต์ธรรมโลกุตระหลายร้อยบท และสูตรยาสมุนไพร สิ่งเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่สัมผัสได้ เป็นเหตุเป็นผล ที่จะไม่ยอมรับก็คงจะไม่ได้ สำหรับผู้หญิง ที่ไม่เคยแม้แต่ได้เรียน หรือ เฉียดกายไปโรงเรียน ใดๆเลย มันเกินกว่าที่คนธรรมดาจะทำได้ กระทั่ง สิ่งที่พระถ้ำกระบอกเรียกว่า บทสำรวม ซึ่งเป็นพระคาถาเฉพาะบุคคล สำหรับพระแต่ละองค์ ที่เข้ามาบวช ท่านก็ให้ตามแต่เชื้อชาติของพระรูปนั้นๆ จึงมีบทสำรวมทุกชาติก็ว่าได้
    หลวงพ่อใหญ่ หรือ (แม่ชี เมี้ยน ปานจันทร์)
    ประวัติ
    แม่ชีเมี้ยน ผู้ก่อตั้งวัดถ้ำกระบอก เกิดที่บ้านหนองแก้ว ตำบลบางขันหมาก อำเมือง จังหวัดลพบุรี ได้ย้ายไปอยู่เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร ต่อมาได้เข้าบวชเป็นแม่ชี ที่วัดคลองเม่า ตำบลโคกสลุด อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี และได้ชักชวนหลานชาย คือท่านเจริญ ปานจันทร์ มาบวช และต่อมาท่านจำรูญ ปานจันทร์ ได้ตามมาบวช จนกระทั่ง ปี พุทธศักราช ๒๕๑๑ จึงได้นำพระ ๖ รูป และ สามเณร ๓ รูป ขึ้นไปพำนักที่ถ้ำกระบอก ชื่อที่ชาวบ้านนิยมเรียกแม่ชีเมี้ยน ว่า หลวงพ่อใหญ่ โดยมีนามของท่าน คือ "องค์เขตะมารัจจะ" หรือ"องค์โลกุตระธรรม" และเป็นผู้ที่สร้างบทสวด หลายร้อยบท อันเป็นเอกลักษณ์ของวัดถ้ำกระบอก ที่ไม่เหมือนสำนักสงฆ์ใดๆ อันเป็นที่น่าทึ่งอย่างยิ่ง เพราะท่านไม่รู้หนังสือ ไม่เน้นศีล แต่เน้นที่การถวายและทำสัจจะ หรือ ที่เรียกกันว่า "สัจจะธรรม" การกระทำใดๆ ของทั้งสงฆ์และฆราวาส จะกระทำโดยการถวายสัจจะ เป็นข้อๆ มีระยะเวลา อีกทั้งไม่มีการสร้าง โบสถ์ วิหารหรือ กฐิน ผ้าป่า ใดๆท่านได้เสียชีวิตเมื่อวันที่ ๑๘ มีนาคม พ.ศ.๒๕๑๓
    ผลงาน
    แม่ชีเมี้ยน ท่านได้เป็นผู้ก่อตั้งวัดถ้ำกระบอก เพื่อการรักษาผู้ติยาเสพติด ช่วยให้ผู้คนที่ติดยาเสพติดได้กลับไปใช้ชีวิตในสังคมได้อีกครั้ง โดยการใช้ธรรมะกับยาสมุนไพร
    ก่อนที่จะมรณะแม่ชีเมี้ยนได้รับการอุปสมบทจากสมเด็จพระสังฆราชเป็นพระภิกษุณี แล้วซึ่งคนที่สำนักสงฆ์สัจจะธรรม จ.ลพบุรี รู้จักท่านในนามของ"หลวงพ่อใหญ่"
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    รูปถ่ายหลวงพ่อใหญ่ มนุษย์เหนือโลก ถ้ำกระบอก
    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250801_140253.jpg IMG_20250801_140311.jpg
     
  14. นายสุดจินดา

    นายสุดจินดา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +51
    จองบูชาครับ
     
  15. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,466
    ค่าพลัง:
    +21,422
    1754049298334.jpg

    บุคคลในหมู่บ้านที่ชาวบ้านนับถือมากที่สุด คือ หลวงพ่อหลาน ปสนุพจิตโต เจ้าอาวาสวัดสันป่าพาด พะเยาว์ โดยเดิมวัดมีชื่อว่า วัดศิริดอนชัย และเปลี่ยนชื่ออีก เป็น วัดศรีดอนชัย ปัจจุบันเป็นวัดสันป่าพาด
    ครั้งหนึ่งคนในหมู่บ้านต้องการหาเงินเข้าวัด ทางวัดเลยจัดสร้างเหรียญรูปหลวงพ่อหลาน ปลุกเสกบูชาก็มีชาวบ้านนำไปบูชา เมื่อมีอุบัติเหตุคนที่แขวนเหรียญ หลวงพ่อหลานก็จะแคล้วคลาดปลอดภัย ตั้งแต่นั้นมาก็เป็นที่เลื่องลือกันไปทั่ว ซึ่งท่านได้มรณภาพเมื่อปี พ.ศ. 2536

    วัดสันป่าพาด ต.ดงเจน จ.พะเยา
    หลวงพ่อหลานท่านเป็นพระที่เคร่งในการปฏิบัติธรรมอย่างมาก ฉันอาหารมื้อเดียว แต่ไม่เกิน 9 คำ ส่วนมากท่านจะปฏิบัติธรรมอยู่บริเวณกุฏิ ไม่นิยมรับกิจนิมนต์ใดๆ พูดน้อย ซึ่งบารมีของการปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัด ทำให้มีพระสงฆ์จากวัดอื่นๆ และใกล้เคียง มาสนทนาธรรม และมากราบหลวงพ่อไม่ขาดสาย

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญรุ่น 3 หลวงพ่อหลานวัดสันป่าพาด
    มีเชือกและตะกรุดติดมาแบบนี้ด้วยครับ
    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ


    IMG_20250801_140350.jpg IMG_20250801_140414.jpg IMG_20250801_140324.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...