ส.ค.ส."ภาพในหลวง"ยังเป็นที่นิยม..คาดปีฉลูนี้คนกรุงจับจ่ายบัตรอวยพรปีใหม่ 330-400 ล้านบาท

ในห้อง 'ข่าวในพระราชสำนัก' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 28 ธันวาคม 2008.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,492
    ส.ค.ส."ภาพในหลวง" ยังเป็นที่นิยม คาดปีฉลูนี้คนกรุงจับจ่ายบัตรอวยพรปีใหม่ 330-400 ล้านบาท


    [​IMG]


    ภาพบัตรอวยพรปีใหม่ "ภาพพระบรมฉายาลักษณ์" ยังเป็นที่นิยมที่สุด เพราะทำให้คนส่ง-คนรับมีความสุข มีกำลังใจดี เป็นมงคลชีวิต ตามภาพวิวทิวทัศน์ -ดอกไม้-สถานที่ท่องเที่ยว และภาพการ์ตูน-กราฟฟิค ช่วยรู้สึกสบายใจ ผ่อนคลาย และขบขัน เป็นที่นิยมถัดมา ด้วย

    <STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>ประเพณีนิยมอย่างหนึ่งของคนไทยที่ได้รับการสืบสานต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันเพื่อต้อนรับเทศกาลปีใหม่ในแต่ละปีก็คือ การมอบของขวัญ และ บัตรอวยพร ให้แก่กันและกัน อันแสดงให้เห็นถึงน้ำใจไมตรี และความเอื้ออาทรระหว่างผู้ให้กับผู้รับ โดยเฉพาะการส่งบัตรอวยพรปีใหม่ที่เป็นการส่งความสุขไปสู่คนที่รักและเคารพ อาทิ ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง ผู้บังคับบัญชา เพื่อแสดงความคารวะ และความระลึกถึงต่อกัน จนกลายเป็นประเพณีที่ดีงามอย่างหนึ่งของไทย




    [​IMG]


    แม้ว่าการส่งบัตรอวยพรปีใหม่ดังกล่าวจะเป็นธรรมเนียมประเพณีที่ไทยเราได้รับแบบอย่างมาจากต่างชาติก็ตาม ยิ่งในภาวะเศรษฐกิจซบเซา และปัญหาการปรับลดคนงานที่รุมเร้าเช่นปัจจุบัน การส่งบัตรอวยพรปีใหม่เพื่อให้กำลังใจกันจึงน่าจะเป็นแรงใจที่ดีต่อผู้รับมากขึ้นกว่าภาวะปกติ


    จากผลการสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทย เกี่ยวกับพฤติกรรมการส่งข้อความอวยพรต้อนรับปีใหม่ของคนกรุงเทพฯ ในระหว่างวันที่ 24 พฤศจิกายน-12 ธันวาคม 2551 ด้วยจำนวนกลุ่มตัวอย่าง 520 รายงอายุ 15-65 ปี พบว่าคนกรุงเทพฯส่วนใหญ่เกินกว่าร้อยละ 70 ยังคงนิยมส่งข้อความอวยพรปีใหม่ผ่านสื่อต่างๆทั้งบัตรอวยพร โทรศัพท์มือถือ และอินเตอร์เน็ต โดยบัตรอวยพรยังคงเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมเพื่อมอบให้แก่กันมากที่สุดในปีนี้ อย่างไรก็ตาม พบว่าในปีนี้กลุ่มคนกรุงเทพฯ ที่ซื้อบัตรอวยพรปีใหม่ส่วนใหญ่ตั้งงบประมาณเพื่อซื้อบัตรอวยพรในระดับที่ใกล้เคียงกับปีก่อนคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 47.3 อันเป็นผลมาจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ซบเซา ทำให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่ระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มมากขึ้น



    [​IMG]


    โดยคนกรุงเทพฯส่วนใหญ่เลือกซื้อบัตรอวยพรที่มีราคาไม่แตกต่างจากปีก่อนมากนัก จึงคาดว่าเม็ดเงินหมุนเวียนสำหรับการจับจ่ายซื้อบัตรอวยพรปีใหม่ในปี 2551 เพื่อต้อนรับปี 2552 ของคนกรุงเทพฯน่าจะมีมูลค่าประมาณ 330-400 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 5-8 ซึ่งนับเป็นอัตราการเติบโตที่ค่อนข้างใกล้เคียงกับปีก่อน
    สำหรับประเด็นในด้านพฤติกรรมการส่งข้อความอวยพรต้อนรับปีใหม่ของคนกรุงเทพฯ จากผลการสำรวจในครั้งนี้ที่น่าสนใจ


    คนกรุงเทพฯส่วนใหญ่ยังคงให้ความสนใจต่อการส่งข้อความอวยพรปีใหม่ผ่านสื่อต่างๆ เมื่อสำรวจความคิดเห็นถึงความสนใจต่อการส่งข้อความอำนวยอวยพรปีใหม่ต้อนรับปี 2552 พบว่า กลุ่มตัวอย่างที่สนใจมีเกินกว่าร้อยละ 70 และเมื่อเทียบกับความสนใจของกรุงเทพฯในปีที่แล้วก็มีการปรับเพิ่มขึ้นพอสมควร สะท้อนให้เห็นว่าคนกรุงเทพฯมีความสนใจส่งความสุขผ่านข้อความต่างๆให้แก่กันและกันระดับหนึ่ง โดยคาดว่าส่วนหนึ่งน่าจะเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ค่อนข้างซบเซาในปัจจุบัน และกระแสการปรับลดคนงานของกิจการต่างๆ ทำให้ผู้คนต่างต้องการส่งกำลังใจถึงกันและกันมากขึ้นในปีนี้



    [​IMG]


    บัตรอวยพรยังคงได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลายในการส่งความสุขถึงกัน แม้ว่าปัจจุบันการส่งผ่านความสุขในช่วงเทศกาลวันปีใหม่นั้นมีด้วยกันหลากหลายช่องทางให้เลือกสรร ไม่ว่าจะเป็นบัตรอวยพรปีใหม่ หรือ ส.ค.ส.ซึ่งเป็นช่องทางเดิมๆที่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติมาอย่างยาวนาน การส่งผ่านทางโทรศัพท์มือถือที่ก้าวขึ้นมามีบทบาทมากขึ้นในยุคดิจิตอล ทั้งในลักษณะของการส่งข้อความตัวอักษร หรือ SMS (Short Message Service) และการส่งข้อความภาพหรือมัลติมีเดีย หรือ MMS(Multimedia Message Service) ที่มีภาพประกอบด้วย รวมถึงการส่งข้อความอำนวยพรผ่านทางอินเตอร์เน็ตอย่างจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Mail : E-Mail) หรือบัตรอวยพรอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Card : E-Card) จนคนกรุงเทพฯจำนวนไม่น้อยเลือกที่จะส่งให้แก่บุคคลต่างๆหลากหลายวิธีควบคู่กันไป แต่จากผลการสำรวจในครั้งนี้ก็ตอกย้ำได้ระดับหนึ่งว่าบัตรอวยพรปีใหม่ยังคงเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในสัดส่วนร้อยละ 89.6 อีกทั้งยังเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าด้วย


    ปัจจุบันบัตรอวยพรมีความหลากหลายของรูปแบบให้เลือก ส่งผลให้การส่งมอบความสุขผ่านตัวหนังสือทั้งในลักษณะที่เขียนด้วยตนเอง และจากข้อความดีๆที่เป็นสิริมงคลต่อผู้รับทั้งภาคภาษาไทย และภาคภาษาอังกฤษที่พิมพ์ไว้แล้วในบัตรอวยพรปีใหม่ที่วางจำหน่าย นอกจากจะเป็นการให้กำลังใจให้แก่กันและกันแล้ว ยังเป็นดั่งงานศิลปะที่มีคุณค่าจากผู้ให้สู่ผู้รับด้วย


    ส่วนใหญ่ซื้อบัตรอวยพรปีใหม่เกินกว่า 5 ใบต่อคน แต่ในระดับราคาไม่เกิน 30 บาท เป็นที่น่าสังเกตว่าในปีนี้คนกรุงเทพฯส่วนใหญ่ประมาณร้อยละ 52 ของกลุ่มที่ซื้อบัตรอวยพรตัดสินใจที่จะซื้อบัตรอวยพรเกินกว่า 5 ใบต่อคน ซึ่งนับเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่กลุ่มที่ซื้อบัตรอวยพรปีใหม่เกิน 5 ใบต่อคนนั้นมีสัดส่วนร้อยละ 48.1 ของกลุ่มตัวอย่าง โดยระดับราคาที่นิยมซื้อส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง 20-30 บาท อันเป็นระดับราคาเดียวกันกับที่เคยซื้อบัตรอวยพรปีใหม่ในปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม หากกลุ่มตัวอย่างตั้งใจจะซื้อบัตรอวยพรปีใหม่ประมาณ 15 ใบ ก็จะพยายามเลือกซื้อบัตรอวยพรปีใหม่ในระดับราคา 11-15 บาทต่อใบ และหากต้องการซื้อบัตรอวยพรปีใหม่เกิน 30 ใบ ก็มักจะเลือกซื้อบัตรอวยพรปีใหม่ในระดับราคาไม่เกิน 10 บาทต่อใบ


    ทั้งนี้ก็เพื่อบริหารงบประมาณไม่ให้แตกต่างจากปีก่อนมากนัก อันเป็นผลมาจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ซบเซา อีกทั้งเมื่อสอบถามถึงสถานภาพในการทำงานของกลุ่มตัวอย่างก็พบว่าแม้ส่วนใหญ่จะยังคงมีงานทำ แต่ก็มีความกังวลไม่น้อยว่ากิจการอาจจะมีการปรับลดคนงาน และปรับลดเงินเดือน คิดเป็นสัดส่วนรวมกันถึงร้อยละ 77.1 ของกลุ่มตัวอย่างที่มีงานทำในขณะนี้ ทำให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่ต้องระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มมากขึ้น


    เพื่อนคือกลุ่มที่มีการส่งบัตรอวยพรปีใหม่ไปให้มากที่สุด เป็นที่น่าสังเกตว่า ผู้ที่สนใจจะส่งบัตรอวยพรปีใหม่ในครั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่เคยส่งบัตรอวยพรปีใหม่ในปีที่ผ่านมาแล้ว โดยกลุ่มที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในเทศกาลปีใหม่ที่ใกล้จะถึงนี้เป็นกลุ่มเพื่อนฝูงทั้งที่อยู่แดนไกลและใกล้ คิดเป็นสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 63.3 ของกลุ่มตัวอย่างที่สนใจส่งบัตรอวยพรปีใหม่ในครั้งนี้ ทั้งนี้เพื่อเป็นกำลังใจให้แก่กันและกัน


    โดยกลุ่มที่ส่งให้แก่เพื่อนฝูงนั้นส่วนใหญ่จะอยู่ในวัยเรียนและวัยทำงาน รองลงมาเป็นการส่งบัตรอวยพรปีใหม่ให้แก่ญาติผู้ใหญ่ เพื่อแสดงความเคารพและระลึกถึง ตามมาด้วยกลุ่มพี่น้องในครอบครัวและพ่อแม่ ที่อาจจะมีการแยกย้ายกันไปด้วยหน้าที่การงานหรือการเรียน ทำให้ต้องห่างไกลกัน และ/หรือไม่สามารถมาพบปะสังสรรค์กันได้ในวันฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่กับบุคคลในครอบครัว


    คนกรุงฯนิยมซื้อมากกว่าทำบัตรอวยพรปีใหม่ด้วยตนเอง เป็นที่น่าสังเกตว่า บัตรอวยพรที่คนกรุงเทพฯใช้ในการส่งข้อความอวยพรปีใหม่ในปีนี้ส่วนใหญ่มาจากการซื้อบัตรอวยพรปีใหม่คิดเป็นสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 72.6 นอกนั้นเป็นการประดิษฐ์บัตรอวยพรปีใหม่ด้วยตนเอง(สัดส่วนร้อยละ 14.7) โดยอาศัยวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ หรือการวาดรูป และความคิดสร้างสรรค์ส่วนบุคคล หรืออาศัยเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้าช่วยด้วยการใช้กล้องดิจิตอลถ่ายภาพวิว คน สัตว์หรือสิ่งของในมุมมองที่แปลกตา ก่อนจะนำไปตกแต่งผ่านโปรแกรมตกแต่งภาพในคอมพิวเตอร์แล้วจึงพิมพ์เอง หรือนำไปอัดตามร้านถ่ายรูป ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักเรียนนักศึกษา และกลุ่มที่มีอายุไม่เกิน 25 ปีที่มีความคุ้นเคยกับการทำงานด้วยคอมพิวเตอร์และการค้นหารูปภาพทางอินเตอร์เน็ต ทั้งนี้ก็เพื่อส่งมอบบัตรอวยพรที่แตกต่างไม่เหมือนใครให้แก่ผู้รับอันเป็นที่รักและเคารพ ซึ่งก็ใกล้เคียงกับสัดส่วนของผู้ที่เลือกเขียนส่งข้อความอวยพรปีใหม่จากบัตรอวยพรเล็กๆที่ติดมากับของขวัญที่ซื้อมาจากห้างร้านต่างๆ(สัดส่วนร้อยละ 12.3)


    คาดเม็ดเงินหมุนเวียนมีมูลค่าประมาณ 330-400 ล้านบาท เมื่อพิจารณาถึงงบประมาณที่ตั้งไว้ก็พบว่า คนกรุงเทพฯส่วนใหญ่ตั้งงบประมาณในการซื้อบัตรอวยพรปีใหม่ปีนี้ใกล้เคียงกับปีก่อนคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 47.3 ของกลุ่มตัวอย่างที่ซื้อบัตรอวยพรปีใหม่ ขณะที่กลุ่มซึ่งมีงบประมาณเพิ่มขึ้นนั้นมีสัดส่วนร้อยละ 36.8 จากปัจจัยหลักที่ราคาบัตรอวยพรโดยเฉลี่ยมีราคาที่แพงขึ้นเมื่อเทียบจากปีก่อน ซึ่งเป็นราคาบัตรอวยพรที่ปรับเพิ่มขึ้นตามต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ประกอบกับเป็นกลุ่มที่ไม่เคยซื้อบัตรอวยพรปีใหม่เมื่อปีที่ผ่านมา ส่วนกลุ่มที่มีการตั้งงบประมาณในการซื้อบัตรอวยพรปีใหม่ลดลงนั้นคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 15.9 ของกลุ่มตัวอย่างที่ซื้อบัตรอวยพรปีใหม่ ซึ่งกลุ่มที่มีงบประมาณลดลงนี้เลือกที่จะซื้อสินค้าบัตรอวยพรที่มีราคาถูกลง และลดจำนวนผู้ที่จะส่งมอบบัตรอวยพรปีใหม่


    บางส่วนยังหันไปใช้บริการส่งข้อความอำนวยพรผ่านทางอินเทอร์เน็ตอย่างจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Mail : E-Mail)หรือบัตรอวยพรอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Card : E-Card)แทน จึงมีความเป็นไปได้ว่าเม็ดเงินหมุนเวียนสำหรับการจับจ่ายซื้อบัตรอวยพรปีใหม่ของคนกรุงเทพฯในปี 2551 น่าจะมีมูลค่าประมาณ 330-400 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตประมาณร้อยละ 5-8


    รูปแบบบัตรอวยพรมีอิทธิพลสูงต่อการตัดสินใจซื้อ ในปีนี้คนกรุงเทพฯส่วนใหญ่คำนึงถึงรูปแบบและรูปภาพของสินค้าเป็นปัจจัยแรกในการพิจารณาก่อนการตัดสินใจซื้อบัตรอวยพรปีใหม่ หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 48.6 ของกลุ่มตัวอย่างที่จะซื้อบัตรอวยพรปีใหม่ แล้วจึงตามมาด้วยราคา สีสัน และคำอวยพรที่พิมพ์ในบัตรอวยพร


    รูปภาพบัตรอวยพรปีใหม่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปีนี้คือภาพพระบรมฉายาลักษณ์ เช่นเดียวกับปีก่อน หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 39.2 ของกลุ่มตัวอย่างที่ซื้อบัตรอวยพร ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นผลมาจากการที่ตลอดทั้งปีที่ผ่านมาเมืองไทยได้เผชิญกับหลากหลายปัจจัยลบ ที่ส่งผลกระทบต่อทั้งกำลังซื้อและกำลังใจในการดำเนินชีวิตพอสมควร ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ต่างพยายามเลือกสรรรูปภาพที่คาดว่าน่าจะก่อให้เกิดความสุขและกำลังใจที่ดี อีกทั้งยังเป็นมงคลชีวิตแก่ผู้รับด้วย



    ตามมาด้วยภาพวิวทิวทัศน์ ภาพดอกไม้ ภาพสถานที่ท่องเที่ยว และภาพการ์ตูน/กราฟฟิค ที่มีแนวโน้มว่ารูปภาพที่ก่อให้เกิดความรู้สึกสบายใจ ผ่อนคลาย หรือขบขันน่าจะได้รับความนิยมไม่น้อยในปีนี้



    ขณะเดียวกันการสำรวจในครั้งนี้ยังพบด้วยว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ไม่เน้นความแปลกใหม่ หรือบัตรอวยพรที่มีความพิเศษแตกต่างมากนัก แต่เลือกที่จะซื้อบัตรอวยพรแบบทั่วไปถึงร้อยละ 73.0 ของกลุ่มที่ซื้อบัตรอวยพร รองลงมาเป็นบัตรอวยพรปีใหม่ที่ทำมาจากกระดาษสา (สัดส่วนร้อยละ 11.6) นอกนั้นเป็นการซื้อบัตรอวยพรแบบป๊อบอัพ แบบมีดนตรีประกอบ และแบบที่เป็นปฏิทิน เป็นต้น



    ขอให้สุขภาพแข็งแรง อายุมั่นขวัญยืน คือคำอวยพรที่ต้องการส่งมอบให้มากที่สุด เป็นที่น่าสังเกตว่า คนกรุงเทพฯนิยมเลือกซื้อบัตรอวยพรปีใหม่ที่มีข้อความอวยพรพิมพ์ไว้เรียบร้อยแล้วคิดเป็นสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 84.4 ซึ่งมีทั้งข้อความที่เป็นร้อยแก้ว หรือร้อยกรองไม่ว่าจะเป็นโคลงสี่สุภาพ กลอนแปด จนกระทั่งฉันท์ ทั้งที่เป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ และคำอวยพรที่เกี่ยวกับสุขภาพเป็นคำอวยพรปีใหม่ที่คนกรุงเทพฯส่วนใหญ่เลือกมากที่สุด คิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 59.1 โดยมักจะเขียนหรือเลือกบัตรอวยพรที่พิมพ์คำอำนวยพรให้บุคคลที่รักและเคารพ หรือระลึกถึงมีสุขภาพกายและใจที่แข็งแรงแข็งแกร่งตลอดปี มีพลังในการเผชิญกับอุปสรรคต่างๆที่เข้ามาในปีฉลู และมีอายุมั่นขวัญยืน ตามมาด้วยขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนเคารพบูชาให้ความคุ้มครอง ขอให้ครอบครัวของผู้รับมีความอยู่เย็นเป็นสุข มีความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน/การเรียน(ได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งหรือการปรับขึ้นเงินเดือน / การได้เรียนจบดั่งที่หวังหรือการเรียนได้เกรดดีๆ) และที่ขาดไม่ได้ก็คือการมีโชคลาภ และการอำนวยพรให้มีฐานะทางการเงินที่มั่นคง ซึ่งล้วนเป็นข้อความอันเป็นศิริมงคลที่ผู้ให้หวังมอบให้แก่ผู้รับด้วยความจริงใจ


    ความหลากหลายของสินค้าจูงใจผู้ซื้อได้มากที่สุด จากการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคในการซื้อบัตรอวยพรปีใหม่ในครั้งนี้ พบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ต่างซื้อบัตรอวยพรปีใหม่ตามร้านค้าต่างๆมากกว่าการทำเอง โดยปัจจัยสำคัญที่คนกรุงเทพฯใช้ในการตัดสินใจเลือกสถานที่เพื่อซื้อบัตรอวยพรปีใหม่อันดับแรกคือ ความหลากหลายของสินค้าทั้งในส่วนรูปแบบ สีสัน และราคา ตามมาด้วยทำเลที่ตั้งที่ต้องใกล้บ้านหรือที่ทำงาน เนื่องด้วยเวลาที่มีจำกัด



    แม้ว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับต้นปี แต่ด้วยค่าครองชีพด้านอื่นๆยังคงทรงตัวในระดับสูง ทำให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการประหยัดค่าใช้จ่ายให้ได้มากที่สุด ทำให้ปัจจัยด้านทำเลที่ตั้งจึงเป็นปัจจัยที่คนกรุงฯให้ความสำคัญ ยังคงเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อหาบัตรอวยพรปีใหม่ในปีนี้เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา ตามมาด้วยร้านกิ๊ฟช้อปที่มักจะมีบัตรอวยพรรูปแบบใหม่ๆมานำเสนอ รวมถึงงานแสดงสินค้าของขวัญของชำร่วยที่มักจะเริ่มต้นจัดในช่วงเดือนตุลาคมของทุกปี ด้วยความโดดเด่นของความหลากหลายของสินค้าทั้งที่เป็นสินค้านำเข้าและสินค้าที่ผลิตภายในประเทศ อีกทั้งมักจะจำหน่ายในราคาที่ถูกกว่าปกติด้วย


    เตรียมตัวซื้อบัตรอวยพรก่อนวันปีใหม่ไม่ต่ำกว่า 10 วัน สำหรับช่วงเวลาที่กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มักจะวางแผนที่จะไปเลือกซื้อบัตรอวยพรปีใหม่ตามแหล่งจำหน่ายต่างๆ ก็คือช่วงระยะเวลาก่อนวันปีใหม่ โดยเฉพาะในระหว่างวันที่ 21-31 ธันวาคม 2551 ที่มีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 54.8 และในระหว่างวันที่ 11-20 ธันวาคม 2551 ที่คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 28.4 ซึ่งการที่ผู้บริโภคเตรียมตัวซื้อบัตรอวยพรปีใหม่กันค่อนข้างเร็วนั้น ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นผลมาจากการที่ผู้ส่งต้องการให้บัตรอวยพรปีใหม่นี้ไปถึงมือผู้รับทันเวลาก่อนถึงวันสิ้นปี หากสามารถส่งถึงผู้รับปลายทางก่อนวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ได้ก็จะยิ่งดี


    นอกเหนือจากความสวยงามของภาพที่ปรากฏของบัตรอวยพรปีใหม่แต่ละใบที่มีคุณค่าและสามารถบอกเล่าเรื่องราวในอดีต อันสะท้อนถึงขนบธรรมเนียมประเพณีของสังคมไทยในแต่ละยุคสมัยได้ดีระดับหนึ่งแล้ว บัตรอวยพรปีใหม่ยังก่อให้เกิดรายได้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นจำนวนไม่น้อยในแต่ละปีด้วย


    จากผลการสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทย เกี่ยวกับพฤติกรรมการส่งข้อความอวยพรต้อนรับปีใหม่ของคนกรุงเทพฯ อายุ 15-65 ปี พบว่าคนกรุงเทพฯส่วนใหญ่ยังคงนิยมส่งมอบความสุขผ่านตัวอักษรภายใต้ข้อความที่อบอุ่นและหวังดี เพื่อเป็นกำลังใจให้แก่กันและกันทางบัตรอวยพรปีใหม่มากที่สุดในบรรดาสื่อข้อความอวยพรปีใหม่


    อย่างไรก็ตาม พบว่าในปีนี้กลุ่มคนกรุงเทพฯ ที่ซื้อบัตรอวยพรปีใหม่ส่วนใหญ่ตั้งงบประมาณเพื่อซื้อบัตรอวยพรในระดับที่ใกล้เคียงกับปีก่อนคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 47.3 อันเป็นผลมาจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ซบเซา นำไปสู่ความระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มมากขึ้น จึงคาดว่าเม็ดเงินหมุนเวียนสำหรับการจับจ่ายซื้อบัตรอวยพรปีใหม่เพื่อต้อนรับปี 2552 ของคนกรุงเทพฯน่าจะมีมูลค่าประมาณ 330-400 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 5-8 ซึ่งนับเป็นอัตราการเติบโตที่ค่อนข้างใกล้เคียงกับปีก่อน


    ----------
    [​IMG]

    http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1230414805&grpid=01&catid=08
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ธันวาคม 2008

แชร์หน้านี้

Loading...