เรื่องเด่น เตือนแรง!น้ำเต็มเขื่อนหากแผ่นดินไหวผนังแตกน้ำท่วมถึงกทม.

เตือนแรง!น้ำเต็มเขื่อนหากแผ่นดินไหวผนังแตกน้ำท่วมถึงกทม.

"สมิทธ"เตือนแรง!น้ำเต็มเขื่อนเขาแหลม-เขื่อนศรีนครินทร์ อยู่ใกล้รอยเลื่อนสะแกง หากเกิดแผ่นดินไหว กระทบผนังเขื่อนแตกได้ ท่วมถึงกรุงเทพ ชี้องค์กรต่างประเทศ เตือนทั่วโลกรับมือน้ำมากผิดปกติ-แผ่นดินไหว พุธที่ 1 สิงหาคม 2561 เวลา 17.33 น.



เมื่อวันที่ 1 ส.ค. นายสมิทธ ธรรมสโรช อดีตประธานศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ เปิดเผยว่า ขอเตือนกรมชลประทาน ให้เร่งระบายน้ำจากเขื่อนมีน้ำเกินระดับกักเก็บ80% เพราะปีนี้ฝนมากผิดปกติทั่วโลก รวมทั้งสถานการณ์แม่น้ำโขงสูงขึ้นด้วยเพราะมีฝนตกมากในลุ่มน้ำโขง ทำให้ฝนตกในภาคอีสาน ระบายน้ำได้ลำบากยิ่งขึ้น ทั้งนี้องค์การต่างประเทศ ได้เตือนมาว่าให้วางมาตรการรับมือการเปลี่ยนแปลงผันแปรทุกทวีป ทั้งมีฝนมากเกิดแผ่นดินไหว จากการเคลื่อนตัวบรรยายกาศรอบโลกเปลี่ยนแปลงอาจเกิดจากการโคจรดวงดาวต่างๆเข้ามาใกล้โลกมากขึ้นทำให้ ฤดูต่างๆผิดแปลกไป รวมทั้งพายุ อาจเข้ามาต่อเนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ กับทะเลจีนใต้ ถ้ามีมาทั้งสองทิศทางนี้ กรุงเทพฯเกิดน้ำท่วมคล้ายปี2554

"ผมห่วงเขื่อนวชิราลงกรณ (เขาแหลม)เขื่อนศรีนครินทร์ มากที่สุด เพราะตั้งอยู่ใกล้รอยเลื่อนสะแกงด้วย รวมทั้งกำลังมีมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ กำลังมาจากมหาสมุทรอินเดีย ผ่านเทือกขาตะนาวศรี มีฝนชุกทำให้มีปริมาณน้ำสะสมในภาคกลางมาก ซึ่งเราไม่สามารถระบายสู่ทะเลได้ อาจทำให้แม่น้ำล้นตลิ่งเทียบเท่ากับปี2554 ดังนั้นอย่าได้ประมาท อย่าคิดว่าน้ำไม่พอใช้" นายสมิทธ กล่าว.

นายสมิทธ กล่าวอีกว่า เขื่อนวชิรากรณ เขื่อนศรีนครินทร น่ากลัว การไฟฟ้าฝ่ายผลิต ต้องเตรียมให้พร้อม หากมีแผ่นดินไหวในพม่าตอนใต้ จะกระทบผนังเขื่อน น้ำในเขื่อนเวลากระฉอกช่วงเกิดแผ่นดินไหว เหมือนขยับอ่างน้ำขึ้นลง มีคลื่นมากระทบขอบอ่าง ตัวคลื่นกระทบสันเขื่อน ทำให้เขื่อนแตกร้าวได้ จากที่ผนังเขื่อนเคยได้รับผลกระทบมาแล้วในอดีตมีแผ่นดินไหวที่กรุงย่างกุ้ง ซึ่งนักธรณีวิทยา เคยพยากรณ์ว่า หากมีแผ่นดินไหวตอนใต้พม่าอีก จะกระทบสองเขื่อน ทำให้ท่วมมาถึงกรุงเทพ



ด้านนายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สนทช.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) ว่า สนทช.ได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุม เพื่อติดตาม กำกับ การบริหารจัดการน้ำในพื้นที่เสี่ยง โดยได้มีการทบทวนมาตรการรักษาความปลอดภัย และการแก้ไขปัญหา ซึ่งพบว่าพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสาน ที่ได้รับผลกระทบจากพายุดีเปรสชั่น และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ เมื่อวันที่ 12-30 ก.ค. ที่ผ่านมา ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงในปัจจุบันสูงขึ้น โดยมีการคาดการณ์ว่าในวันที่ 3 ส.ค.นี้ ระดับน้ำที่ จ.นครพนม จะสูงกว่าตลิ่งขึ้น 0.7 เมตรระดับน้ำที่ จ.มุกดาหาร จะสูงกว่าตลิ่งที่ 0.65 เมตร และระดับน้ำที่ จ.อุบลราชธานี จะสูงกว่าตลิ่ง 0.36 เมตร

นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า บริเวณริมน้ำแม่โขง เราทำอะไรมากไม่ได้ นอกจากจะแจ้งเตือนให้ประชาชนเตรียมยกสิ่งของขึ้นที่สูง โดยปริมาณฝนตกที่ผ่านมาถือว่ามีเป็นจำนวนมาก และน้ำที่ไหลมากว่า 40 เปอร์เซ็นต์จาก สปป.ลาว ซึ่งเรากังวลว่าเขาจะปล่อยน้ำ แต่ในกรณีเขื่อนแตกที่ สปป.ลาวนั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์น้ำในประเทศไทย ทั้งนี้ ปัจจุบันพบว่ามีอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง ที่มีปริมาณน้ำเกินความจุ 100 เปอร์เซ็นต์ จำนวน 50 อ่าง และมีอ่างน้ำขนาดใหญ่จำนวน 5 แห่ง ที่จุน้ำมากถึง 80-90 เปอร์เซ็นต์ของความจุ ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันผลกระทบที่จะเกิดจากปริมาณฝนเพิ่มขึ้นในเดือน ส.ค.-ต.ค.นี้ สทนช. จึงสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางแผนระบายน้ำ ตามเกณฑ์ควบคุมที่มีการกำหนด พร้อมทั้งวางมาตรการลดความเสี่ยงในการเกิดอุทกภัย เนื่องจากการระบายน้ำ พร้อมทั้งเน้นย้ำทุกหน่วยงานจะต้องรายงานสถานการณ์น้ำประจำวันมายัง สนทช. ด้วย รวมถึงเน้นย้ำให้กรมชลประทาน และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กำหนดแผนปฏิบัติการ และซักซ้อมแผนระบายน้ำ ส่วนในพื้นที่เสี่ยงที่ได้รับผลกระทบนั้น ถ้าระดับน้ำในเขื่อนสูงจนอาจเกิดภัยพิบัติ ขอให้แจ้งผวจ.นั้นๆ และกรมบรรเทาสาธารณภัย เพื่อประกาศและแจ้งเตือนแผนรับมือกับประชาชนในพื้นที่ต่อไป.



ขอบคุณที่มา
https://www.dailynews.co.th/politics/658254