เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๘

​

 

วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑๓ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ ด้วยความที่ไข้จับ ฉันยาแล้วนอนไปแต่หัวค่ำ เมื่อตื่นขึ้นมาเพิ่งจะเห็นว่า ในกลุ่มไลน์นั้นมีข้อมูลกระหน่ำมาเป็นร้อย ๆ เลย เนื่องเพราะว่าบัญชีการพระราชทานตั้ง และพระราชทานเลื่อนพระครูสัญญาบัตรของปี ๒๕๖๗ ซึ่งตกค้างมาจนป่านนี้เพิ่งจะออก..!

กระผม/อาตมภาพเลื่อนขึ้นเป็นพระครูเทียบเจ้าคณะอำเภอชั้นพิเศษ ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ปัจจุบันนี้ถ้าหากว่าในระดับพระครูด้วยกัน ก็มีเพียง ๓ ตำแหน่งเท่านั้นที่นั่งเหนือกว่ากระผม/อาตมภาพ ก็คือ ๑. เจ้าอาวาสพระอารามหลวงชั้นพิเศษ ๒. พระครูรองเจ้าคณะจังหวัด ๓. พระครูเจ้าคณะจังหวัด บรรดามหาเปรียญประโยคสูงที่เคยนั่งหน้าอย่างเช่นว่าประโยค ๙ ตอนนี้ก็ต้องถอยลงไปนั่งห่างหลายลำดับเลยทีเดียว

ส่วนพระสังฆาธิการของอำเภอทองผาภูมิ ซึ่งมีสิทธิ์เลื่อนได้ ๒ รูป ตั้งได้ ๒ รูป นั้น ผู้ที่ได้รับเลื่อนก็คือ หลวงพ่อสังวรณ์ (พระครูปิยสีลสังวรการ) เจ้าอาวาสวัดวังหิน เจ้าคณะตำบลลิ่นถิ่นเขต ๒ เลื่อนจากเจ้าคณะตำบลชั้นตรี ขึ้นมาเป็นเจ้าคณะตำบลชั้นโท

ท่านอาจารย์วิชัย ปภสฺสโร เจ้าอาวาสวัดสะพานลาวประชาสรรค์ ได้รับพระราชทานตั้งเป็นพระครูสัญญาบัตรที่ พระครูประภัสสรกาญจนคุณ

ท่านอาจารย์ธารธรรม วิสุทฺโธ เจ้าอาวาสวัดปากลำปิล็อก ได้รับพระราชทานตั้งเป็น พระครูวิสุทธิ์กาญจนธรรม

ตรงนี้ทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ฝีมือในการทำประวัติของหลวงพ่อพระครูวรกาญจนโชติ เจ้าคณะอำเภอทองผาภูมินั้น อยู่ในระดับที่สุดยอดมาก ก็คือผ่าน "ฉลุย" อย่างชนิดที่ไม่มีอุปสรรคอะไรเลย แต่เหตุที่ติดอยู่ก็เพราะว่า มีการสอบสวนทวนความเพื่อความบริสุทธิ์ผุดผ่องของผู้ที่รับพระราชทานเลื่อน หรือว่าพระราชทานตั้งพระครูสัญญาบัตร

ถ้าหากว่าผู้ใดประวัติมีความติดขัดตรงไหน ก็ต้องจัดการให้เรียบร้อยเสียก่อน แล้วต้องเรียบร้อยทั้งบัญชีถึงจะออกมาพร้อมกัน ทำให้เกิดความล่าช้า แต่ว่าแน่นอนกว่า เพราะว่าเท่ากับ "ฟอกขาว" ให้กับเจ้าของประวัติ อย่างชนิดสะอาดหมดจดเลยทีเดียว..!

 

พรรคพวกเพื่อนฝูงซึ่งได้รับเลื่อนก็คือหลวงพ่อแป๊ะ (พระครูยติธรรมานุยุต) วัดสว่างอารมณ์ (แคแถว) เลื่อนขึ้นเป็นเจ้าคณะอำเภอชั้นพิเศษฝ่ายวิปัสสนาธุระเช่นกัน แต่ด้วยความที่ท่านเลื่อนขึ้นมาจากพระครูเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ เทียบผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวงชั้นเอก จึงทำให้ต้องนั่งถัดจากกระผม/อาตมภาพไป

สรุปว่าถ้าในอำเภอทองผาภูมินั้น ปัจจุบันนี้กระผม/อาตมภาพต้องนั่งหน้าสุด แม้กระทั่งหลวงพ่อเจ้าคณะอำเภอ ก็คือพระครูวรกาญจนโชติ ท่านก็เป็นพระครูเจ้าคณะอำเภอชั้นเอก หลวงพ่อพระครูกาญจนปัญญาวุฒิ รองเจ้าคณะอำเภอ วัดเขื่อนวชิราลงกรณ ท่านก็เป็นพระครูเทียบเจ้าคณะอำเภอชั้นเอก ซึ่งต่อให้เป็นเจ้าคณะอำเภอชั้นพิเศษ แต่ว่าไม่ใช่ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ก็ยังต้องนั่งต่อจากกระผม/อาตมภาพอยู่ดี

ตรงนี้ต้องขอชื่นชมคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิของเรา เรื่องของยศเรื่องของตำแหน่งนอกจากไม่มีการแย่งชิงกันแล้ว ยังพยายามส่งเสริมกันอีกด้วย อย่างกระผม/อาตมภาพไม่ขอพระครูสัญญาบัตร แม้จะโดนเตือนต่อเนื่องมา ๗ - ๘ ปี ท้ายที่สุด หลวงพ่อพระครูวรกาญจนโชติ ตอนนั้นท่านเป็นรองเจ้าคณะอำเภออยู่ ก็ขอให้สแกนลายเซ็นไปให้ แล้วท่านก็ช่วยทำประวัติขอให้ กระผม/อาตมภาพจึงขึ้นมาเป็น พระครูสัญญาบัตร เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ชั้นโท ที่ พระครูวิลาศกาญจนธรรม

ต่อมาเมื่อได้ปรับเลื่อนขึ้นมาเป็นรองเจ้าคณะอำเภอชั้นโทได้ไม่กี่เดือน ปรากฏว่าการขอเลื่อนครั้งนั้น กลายเป็น พระครูเทียบผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวงชั้นเอก ฝ่ายวิปัสสนาธุระ สามารถที่จะนั่งยืดได้แค่ไม่กี่วัน ท่านพระครูเจ้าคณะตำบลท่าขนุนเขต ๒ ก็คือพระครูสิริวรรณโสภิต ท่านมีเปรียญธรรม ๖ ประโยคค้ำอยู่ ได้รับแต่งตั้งขึ้นมาเป็นพระครูสัญญาบัตรเทียบเจ้าอาวาสพระอารามหลวงชั้นพิเศษ

ตามมาด้วยพระครูปลัดปรีชา จิรนาโค, ดร. เจ้าอาวาสวัดวังปะโท่ ขอพระราชทานตั้งขึ้นมา ด้วยความที่มีเปรียญธรรม ๓ ประโยค และปริญญาเอกค้ำอยู่ จึงได้รับเลื่อนเป็นพระครูเทียบผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวงชั้นพิเศษเช่นกัน จึงทำให้ภายในอำเภอทองผาภูมินั้น ถ้าหากว่ามีงานหลวงเมื่อไร ก็จะมีหลวงพ่อเจ้าคณะอำเภอ รองเจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบลท่าขนุน เขต ๒ และเจ้าอาวาสวัดวังปะโท่ นั่งเหนือกระผม/อาตมภาพทันที เพราะว่าสมณศักดิ์ของท่านสูงกว่า..!

 

หลวงพ่อพระครูวรกาญจนโชติ เจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิท่านเห็นท่าไม่ดี บอกว่า "ลูกน้องนั่งเหนือเจ้านาย ไม่ค่อยจะงาม" จึงได้ทำเรื่องขอพระราชทานเลื่อนกระผม/อาตมภาพขึ้นไป จนกระทั่งเป็นพระครูเทียบเจ้าคณะอำเภอชั้นพิเศษ ฝ่ายวิปัสสนาธุระดังที่เห็นกันอยู่ ทำให้ปัจจุบันนี้ ถ้าหากว่ามีพิธีหลวงเมื่อไร ผู้ที่นั่งหน้าสุดจึงกลายเป็นกระผม/อาตมภาพไปทันที ยกเว้นว่าไปอำเภออื่น ถ้าหากว่าเขามีพระครูเจ้าอาวาสพระอารามหลวงชั้นพิเศษ หรือว่า พระครูรองเจ้าคณะจังหวัด พระครูเจ้าคณะจังหวัด ท่านเหล่านี้ก็จะนั่งหน้ากระผม/อาตมภาพ

ในส่วนนี้ที่ทุกคนชื่นชมก็คือคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิของเรา ไม่มีการแย่งชิงเรื่องยศเรื่องตำแหน่งอะไรเลย แถมยังเกี่ยงกันเป็นเสียด้วย เนื่องเพราะว่าหลายท่านก็เป็นชาติพันธุ์ อย่างเช่นว่ามอญ หรือกะเหรี่ยง ท่านเองก็ไม่ค่อยจะสบายใจ ถ้าหากว่าได้รับการยกย่องให้เป็นใหญ่ขึ้นมา จึงพยายามที่จะหลบซ้ายเลี่ยงขวา ไม่ยอมทำประวัติขอ ไม่ยอมทำประวัติเลื่อน จนกระทั่งทำเอาหลวงพ่อพระครูวรกาญจนโชติแทบจะผมร่วงหมดศีรษะ..! เพราะว่าต้องคอยมาเคี่ยวเข็ญให้ส่งประวัติ ส่งเอกสารสิ่งต่าง ๆ มาประกอบ แล้วท่านก็มีหน้าที่ทำประวัติให้

คาดว่าคงไม่มีเจ้านายอำเภอไหนที่ต้องลำบากยากเข็ญเหมือนกับอำเภอทองผาภูมิ ที่ทำให้บรรดาลูกน้องซึ่งล้วนแล้วแต่สะดวกสบาย ใครที่สมควรได้รับพระราชทานตั้ง ท่านก็ทำให้ ใครที่สมควรได้รับพระราชทานเลื่อน ท่านก็ทำให้ แถมไม่ได้เรียกร้องผลประโยชน์ใด ๆ ซ้ำเมื่อได้รับกลับมาแล้ว ยังจัดงานฉลองให้อีกต่างหาก ดังนั้น..การที่พระสังฆาธิการอำเภออื่น จังหวัดอื่น เคยถามกระผม/อาตมภาพว่า "ทำไมทองผาภูมิมันรักกันแท้วะ ?" กระผม/อาตมภาพจึงตอบไปอย่างเต็มปากเต็มคำเลยว่า "ถ้าเราไม่แย่งยศ ไม่แย่งตำแหน่งกัน ก็รักกันได้ทุกคนแหละครับ"

อีกเรื่องหนึ่งก็คือในช่วงบ่าย กระผม/อาตมภาพต้องเป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิครั้งที่ ๓/๒๕๖๘ ซึ่งวาระสำคัญที่ถกกันระเบิดเถิดเทิงก็คือ ทางรักษาการผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรทองผาภูมิ ขอเรียกคืนการใช้พื้นที่ราชพัสดุ ซึ่งตอนนี้มีโรงเรียนอนุบาลทองผาภูมิ สถานีป้องกันโรคติดต่อที่นำโดยแมลง เทศบาลตำบลทองผาภูมิ และสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิได้ใช้งานอยู่ โดยที่บอกว่าพวกเราไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้งานอย่างถูกต้อง ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะว่ามีการทำหนังสืออนุญาตกันมาอย่างถูกต้องแล้ว

 

มาทราบความจริงภายหลังว่า ท่านผู้รักษาราชการผู้กำกับนั้น ท่านไม่ได้รับความสะดวกสบายในการเข้าบ้านพัก เนื่องเพราะว่าผู้ที่มาร้านค้าชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุนก็ดี ตลาดริมแคววัดท่าขนุนก็ตาม บางทีก็ไปจอดรถขวางทางเข้าบ้านของท่าน ก็เลยทำให้ท่าน "ฟิวส์ขาด" ถึงขนาดขอเรียกคืนพื้นที่ขึ้นมา..!

โดยที่อ้างว่าไม่ได้ทำเรื่องขอใช้งาน ทั้ง ๆ ที่ตนเองก็เพิ่งมาไม่นาน ข้อมูลอะไรก็ไม่ได้รับอย่างรอบด้าน เอกสารหลักฐานอะไรก็ไม่มียืนยัน จึงทำให้บรรดาคณะกรรมการถกกันระเบิดเถิดเทิง จนกระผม/อาตมภาพต้องออกปากห้ามว่า "สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ให้ถือว่าเป็นเรื่องของตัวบุคคล ไม่เช่นนั้นแล้วจะเป็นการดันเอาหน่วยงานต่าง ๆ ไปเป็นคู่กรณีของสถานีตำรวจภูธรอำเภอทองผาภูมิ ซึ่งไม่น่าจะใช่"

ในเมื่อตัวบุคคลท่านแค่รักษาราชการ แล้วเดี๋ยวผู้กำกับคนใหม่ก็จะมาถึง ถึงเวลานั้นแล้ว เราค่อยมาจับเข่าคุยกันให้รู้เรื่องอีกทีหนึ่ง สำหรับท่านใดที่ท่านไม่ได้รับความสะดวกสบายแล้วใช้อำนาจของท่าน บุคคลประเภทนี้เราก็ต้อง "ยกขึ้นหิ้ง" เอาไว้ อย่าไปยุ่งกับท่านก็แล้วกัน

โดยเฉพาะสิ่งที่พวกเราทั้งหลายทำนั้น ไม่มีอะไรที่ทำเพื่อตนเองเลย เป็นการทำเพื่อชุมชนทั้งสิ้น ถ้าหากว่าชุมชนมีการทำมาหากินสะดวกสบาย เราก็จะมีอาชญากรรมน้อยลง หรือว่ามีเรื่องของการเครียดจนกระทั่งก่อเรื่องไม่ดีไม่งาม ทะเลาะเบาะแว้งกันน้อยลง ถ้าท่านเห็นว่าไม่สมควร เรียกคืนพื้นที่ไป เราก็เต็มใจที่จะคืนให้ แต่ถ้าคดีความต่าง ๆ เกิดขึ้นมากแล้ว ท่านต้องเหน็ดเหนื่อยมาแก้ไข ก็แล้วแต่ท่านจะดำเนินการไปก็แล้วกัน เมื่อกระผม/อาตมภาพห้ามทัพเอาอย่างนี้ การประชุมถึงจะได้เปลี่ยนไปในด้านที่ดี

ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่า การแก้ปัญหานั้นต้องแก้กันด้วยเหตุด้วยผล ถ้าหากว่าเป็นปัญหาอย่างที่เป็นอยู่นี้ ก็ต้องอาศัยหลักฐาน ไม่ว่าจะเป็นเอกสารหนังสืออนุญาตต่าง ๆ ก็ตาม ไม่ใช่การที่เราจะมาใส่อารมณ์เข้าหากัน ซึ่งมีแต่จะสร้างความแตกแยกเสียเปล่า ๆ ดังนั้น..ใครที่จะคิดไม่ดี พูดไม่ดี ทำไม่ดีกับเรา เราก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ ปล่อยผ่านไป ส่วนใครที่คิดดี พูดดี ทำดีกับเรา เราก็จดจำไว้ มีโอกาสเมื่อไรค่อยตอบแทนบุญคุณของท่านไปก็แล้วกัน

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๑๓ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)