"ในหลวง"พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายกรัฐมนตรี เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท

"ในหลวง"พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายกรัฐมนตรี เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เป็นการส่วนพระองค์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันศุกร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 เวลา 17.59 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออก ณ ห้องประชุมชั้น 14 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เป็นการส่วนพระองค์

 

นายกฯ เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เพื่อถวายรายงาน การบริหารราชการแผ่นดินประจำเดือน ที่ ร.พ.ศิริราช ทั้งนี้ ศก.ไทย ยังโต7-8 % แม้จะเผชิญปัญหาการเมือง และอุทกภัย

นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวบรรยายเรื่องเศรษฐกิจกับการเมืองไทย ต่อผู้เข้าอบรมหลักสูตรผู้บริหารฝ่ายตุลาการระดับสูงของกระทรวงยุติธรรม หรือ บยส. ที่สถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ว่า เศรษฐกิจไทยมีพื้นฐานที่เข้มแข็ง แม้จะเผชิญปัญหาการเมืองและปัญหาอุทกภัย แต่ยังประเมินว่า เศรษฐกิจจะเติบโตที่ร้อยละ 7-8 และยังคงมีความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจมาก อาทิ การผันผวนเศรษฐกิจโลก ที่มีแนวโน้มอำนาจทางเศรษฐกิจเข้าสู่ภูมิภาคเอเชียที่มีเงินไหลเข้ามามาก โดยบางส่วนมีการเข้ามาเพื่อเก็งกำไร ถือเป็นความเสี่ยง และยังมีปัญหาเรื่องค่าเงินดอลลาร์และค่าเงินหยวน ถ้าหากสหรัฐและจีน ไม่สามารถหาคำตอบได้ ประเทศไทยต้องมีการบริหารจัดการรับมือกับปัญหาดังกล่าว ขณะที่ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจของไทย ยังมาจากภัยธรรมชาติที่ต้องใช้เงินในการฟื้นฟู ไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท ยังไม่รวมถึงการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ที่รัฐบาลต้องบริหารการเงินการคลัง เพื่อประคับประคองเศรษฐกิจให้ผ่านพ้นไปได้

ส่วนปัญหาทางการเมือง ที่มาจากโครงสร้างทางเศรษฐกิจนั้น ต้องมีการปรับค่านิยมแต่ละโครงสร้างทางการเมืองในการสร้างความสมานฉันท์ ต้องดำเนินการตามกฎหมาย และกระบวนการประชาธิปไตย และไม่ใช้ความรุนแรง แต่วิกฤตการเมืองขณะนี้มองว่า มีการดึงกระบวนการยุติธรรม และสถาบันหลักมาสู่การเมือง ซึ่งทางสื่อมวลชนมีส่วนร่วมที่จะต้องเร่งแก้ไข

อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ นายกฯ มีภารกิจเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เพื่อถวายรายงานการบริหารราชการแผ่นดินที่ ร.พ.ศิริราช
​