5ธันวาคมเสื้อเหลืองเต็มแผ่นดิน-รับเสด็จฯพระเจ้าอยู่หัว

'5ธันวาคม'เสื้อเหลืองเต็มแผ่นดิน-รับเสด็จฯพระเจ้าอยู่หัว

"5 ธันวาคม" "เสื้อเหลือง"เต็มแผ่นดิน รับเสด็จฯพระเจ้าอยู่หัว

สุชาฎา ประพันธ์วงศ์

​

เตรียมตัวกันให้พร้อมอีกวาระหนึ่ง สำหรับประชาชนคนไทยทั้งประเทศในการสวมใส่ "เสื้อเหลือง" แล้วเดินทางไปพร้อมเพรียงกันที่ท้องสนามหลวง ในวันที่ 5 ธันวาคม

ซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ รัชกาลที่ 9 เป็นวันที่ไม่ใช่โอกาสธรรมดาๆ เช่นทุกปีที่ผ่านมา

*แต่เป็นปีที่มีความสำคัญยิ่ง เพราะอยู่ใน 3 วาระมงคลด้วยกัน คือเป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษา และเป็นปีที่ทรงเจริญพระชนมายุ 79 พรรษาย่างเข้าปีครบ 80 พรรษา*

"จรินทร์ สวนแก้ว" ประธานมูลนิธิ 5 ธันวามหาราช แจ้งรายละเอียดของงานมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา "5 ธันวามหาราช" เป็นการร่วมมือร่วมใจเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของมูลนิธิ 5 ธันวาฯ และหน่วยงานภาครัฐ กรุงเทพมหานคร ไปจนถึงภาคเอกชน

งานมีตั้งแต่วันที่ 2 ถึง 6 ธันวาคม แต่ที่นับว่าเป็นไฮไลท์ของงานอย่างแท้จริงนั้น แน่นอนว่าเป็นงานวันที่ 5 ธันวาคม 2549 ซึ่งตรงกับวันอังคาร

"ในวันที่ 5 ธันวาคมนี้ ขอเชิญชวนประชาชนคนไทยทุกคนร่วมกันใส่เสื้อเหลือง แล้วเดินทางไปรวมกันที่ท้องสนามหลวงในเวลา 13.00 น. เพื่อรอถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ที่จะเสด็จพระราชดำเนินจากวังสวนจิตรลดาฯ ไปยังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง เพื่อทรงประกอบพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศล ตลอดเรื่อยไปจนถึงเวลาส่งเสด็จฯ คือเวลา 19.00 น. ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จพระราชดำเนินกลับพระราชวังสวนจิตรลดาฯ" <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#f8b8cb><TD>
เทียนชัยปลุกเสกที่จะแจกประชาชนและเหรียญเฉลิมพระเกียรติ



</TD></TR></TBODY></TABLE>

ในวันที่ 5 ธันวาคมนี้ จรินทร์เล่าถึงบรรยากาศของงานที่จะเกิดขึ้น ว่า ประชาชนจากทุกสารทิศจะไปรวมตัวกันที่ท้องสนามหลวง ตั้งแต่หน้าพระบรมมหาราชวัง เรื่อยไปตามถนนราชดำเนินเหนือ ราชดำเนินนอก เข้าสู่ราชดำเนินกลาง ไปยังถนนอู่ทองใน ถนนอู่ทองนอก ไปจนถึงหน้าพระราชวังสวนจิตลดา เพื่อรับเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ทุกคนในเสื้อเหลืองทั้งหมด เมื่อรถยนต์พระที่นั่งแล่นผ่าน ประชาชนทุกหมู่เหล่าจะนั่งลงบนพื้นถนนและก้มลงกราบถวายพระพรโดยพร้อมเพรียงกัน และส่งเสียง "ทรงพระเจริญๆๆ" ก้องกระหึ่มไปทั้งถนนราชดำเนิน

"จะเป็นการสร้างวันประวัติศาสตร์อีกวันของปวงชนชาวไทย เป็นสิ่งที่เราคิดว่าน่าจะเป็นการรวมตัวของประชาชนครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่ง หลังจากวันที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา เพราะการตั้งแถวรับและส่งเสด็จฯ นั้นเป็นระยะทางรวมแล้วราวๆ 5 กม. จึงขอเชิญชวนพสกนิกรทุกเหล่า ทุกสาขาอาชีพ ไปเฝ้ารับเสด็จฯ อย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน" จรินทร์กล่าว

ส่วน *ประจักษ์ ตั้งคารวคุณ* ในฐานะประธานคณะกรรมการการจัดงานมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวามหาราช ได้นำกลุ่มพ่อค้า นักธุรกิจ รวมทั้งตัวแทนสถาบันการศึกษาต่างๆ เข้าร่วมงานครั้งนี้อย่างพร้อมพรั่ง

ประจักษ์บอกว่า สองฟากถนนราชดำเนินที่ประชาชนเฝ้ารับเสด็จฯ นั้น คาดว่าจะมีคนเข้าร่วมมากกว่า 1 ล้านคน ดังนั้น จึงจะมีการถ่ายทอดสดของสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ผ่านจอมอนิเตอร์กว่า 25 จุด เรียงรายตามท้องถนนราชดำเนิน เพื่อให้ผู้ที่เฝ้ารับเสด็จฯ ได้เห็นภาพตลอดเส้นทางเสด็จฯ ตั้งแต่หน้าประตูพระราชวังสวนจิตรลดาไปจนถึงพระบรมมหาราชวัง

สำหรับเรื่องความสะดวกของประชาชนในการเดินทางไปร่วมงาน *ละออ ตั้งคารวคุณ* รองประธานการจัดงาน บอกว่า มีพร้อมอย่างเต็มที่ทั้งในเรื่องของอาหารการกิน ที่มีหน่วยงานภาคเอกชนให้การสนับสนุน ทั้งมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มูลนิธิร่วมกตัญญู และจากแม่ชีธนพร วัดพิชัยญาติ รวมทั้งน้ำดื่มจากสิงห์ และ ช้าง นำมาแจกจ่ายฟรีให้กับประชาชน พร้อมรถสุขาเคลื่อนที่อย่างพอเพียง

ส่วนช่วงกลางคืนของวันที่ 5 ธันวาคม ทั่วท้องสนามหลวงและบริเวณใกล้เคียง จะสว่างไสวด้วยแสงจากลำเทียนนับล้านเล่มที่จุดถวายพระพรชัย

"ทางคณะกรรมการได้จัดเตรียมเทียนไว้ 1 ล้านเล่ม เป็นเทียนที่ผ่านการปลุกเสกแล้วจาก *สมเด็จพระมหาธีราจารย์* เจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม เพื่อที่ว่าประชาชนจะได้นำเทียนมงคลนี้กลับไปสักการะบูชาต่อที่บ้านได้อีก" ประจักษ์กล่าว

ประจักษ์บอกด้วยว่า การจุดเทียนชัยถวายพระพรนั้น จะจุดต่อพระพักตร์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขณะที่รถยนต์ที่ประทับแล่นออกมาจากพระบรมมหาราชวัง ทางประตูวิเศษไชยศรี โดยประธานจัดงาน 5 ธันวา จะนำเทียนชัยที่นายกรัฐมนตรีจุดไว้แล้วนำมาจุดต่อๆ กัน เป็นการส่งสัญญาณให้ประชาชนชาวไทยได้จุดเทียนชัยถวายพระพรพร้อมกันทั่วประเทศ ผ่านทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ

แสงเทียนที่เหล่าพสกนิกรจุดต่อๆ กันนั้น จะสว่างไสวไปทั้งแผ่นดิน พร้อมๆ กับร่วมกันเปล่งเสียง "ทรงพระเจริญ" เสียงแห่งความปลื้มปีติและจงรักภักดีต่อพระเจ้าแผ่นดินอันเป็นที่รัก

-------------------
ที่มา: มติชน
http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01pra01301149&day=2006/11/30

 

กำหนดการงาน"5 ธันวามหาราช"



วันเสาร์ที่ 2 ธันวาคม

เวลา 09.00 น. พิธีบวงสรวงพระสยามเทวาธิราชและสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า บริเวณหน้าเวทีกลาง โดย พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธาน

เวลา 10.00 น. การแสดงกลางแจ้งและการแสดงบนเวทีของสถานศึกษาต่างๆ

เวลา 15.30 น. พิธีอุปสมบท ถวายเป็นพระราชกุศล จำนวน 80 รูป โดย พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เริ่มด้วยพิธีปลงผมนาค พิธีทำขวัญนาค โดยหมอทำขวัญที่มีชื่อเสียง เช่น ไวพจน์ เพชรสุพรรณ, ขวัญจิตร ศรีประจันต์, ชินกร ไกรลาศ, ก้าน แก้วสุพรรณ ฯลฯ

เวลา 21.00 น. การแสดงการละเล่นเกี่ยวข้าว 4 ภาค และการแสดงมหรสพพื้นบ้าน



วันอาทิตย์ที่ 3 ธันวาคม

เวลา 06.30 น. "พิธีเดิน-วิ่ง เฉลิมพระเกียรติ 5 ธันวามหาราช" โดยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงเป็นประธาน ระยะทาง 3 กิโลเมตร และพิธีแห่นาคและอุปสมบทถวายเป็นพระราชกุศล ที่วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร

เวลา 15.00 น. การแสดงกลางแจ้งและการแสดงบนเวทีของสถาบันการศึกษาต่างๆ

เวลา 15.30 น. การแข่งขันชกมวยสากล "ศึกเอ็ม 150" วันทรงชัย พิชิตโลก เฉลิมพระเกียรติ

เวลา 20.00 น. ฉายภาพยนตร์กลางแปลง



วันจันทร์ที่ 4 ธันวาคม

เวลา 14.00 น. พิธีเปิดงานมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา "5 ธันวามหาราช" โดย พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชกาการทหารอากาศ ประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดงานฯ เป็นประธาน

เวลา 15.30 น. พิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพร 5 ธันวามหาราช โดยทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยคุณพลอยไพลิน เจนเซ่น และสิริกิติยา เจนเซ่น

เวลา 16.00 น. พิธีถวายพระพรชัยมงคลของศาสนาต่างๆ และการแสดงมหกรรมวงดุริยางค์ของสถานศึกษา



วันอังคารที่ 5 ธันวาคม

เวลา 06.30 น. พิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 580 รูป เวลา โดย นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธาน

เวลา 13.30 น. จะมีพิธีรักษาศีลและปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ

เวลา 15.00 น. จะมีพิธีถวายเครื่องราชสักการะ และถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ โดย พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และพิธีจุดเทียนถวายพระพรรับเสด็จพระราชดำเนิน

ปิดท้ายด้วยการจุดพลุ ดอกไม้ไฟ

เวลา 20.30 น. เริ่มการแสดงมหรสพต่างๆ

เวลา 23.49 น. พิธีดับเทียนชัยถวายพระพร



วันพุธที่ 6 ธันวาคม

เวลา 08.30 น. เริ่มเคลื่อนขบวนอัญเชิญเครื่องราชสักการะไปยังลานพระราชวังดุสิต โดยรถพ่วงของกองทัพอากาศ

เวลา 09.09 น. พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ ในฐานะประธานในพิธี กล่าวถวายเครื่องราชสักการะเฉลิมพระเกียรติ และนำร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และเพลงสดุดีมหาราชา แล้วนำเครื่องราชสักการะขึ้นทูลเกล้าฯถวาย เสร็จพิธี



--------------------------------------

ที่มา: มติชน
http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01pra02301149&day=2006/11/30

 

รวมพลังไทย "ทำดี" เพื่อ "พ่อ" ของแผ่นดิน

เป็นที่เชื่อได้ว่า ปรากฏการณ์แห่งพลังสีเหลือง อันหมายถึงการแสดงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในห้วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง 5 ธันวามหาราชเฉลิมพระเกียรติ 80 พระชนมพรรษา จะกลับมาสร้างความอัศจรรย์ให้กับทุกสายตาจากทุกมุมของประเทศไทย รวมไปถึงทุกๆ จุดในโลกใบนี้

ถือเป็นวาระอันพิเศษสำหรับปีอันเป็นมหามงคลนี้ ที่นอกจากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2549 ซึ่งชาวไทยทั้งประเทศร่วมแสดงความจงรักภักดีในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปีมาแล้ว ปวงประชาไทยทุกหมู่เหล่า ทุกกลุ่มองค์กร จะได้ร่วมใจกันสวมเสื้อเหลือง จุดเทียนชัย พร้อมกับร่วมกันทำความดีเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว "พ่อของแผ่นดิน" อย่างแท้จริง

ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงอุทิศเวลาช่วยเหลือพสกนิกรในทุกพื้นที่ของประเทศไทย ไม่ว่าจะห่างไกลหรือทุรกันดารเพียงใด พระราชกรณียกิจต่างๆ ล้วนเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของปวงชนชาวไทยทั้งสิ้น

นอกจากนี้ยังเป็นที่ประจักษ์ในพระปรีชาสามารถในด้านต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวคิดและรูปธรรมของ "ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง" เป็นแนวพระราชดำริที่พระราชทานให้กับพสกนิกรชาวไทยใช้เป็นเครื่องมือสำหรับรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งยังเป็นแนวทางที่จะพัฒนา เติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว

ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่ประเทศรุดหน้า ก้าวกระโดดไป อย่างไร้ทิศทาง หรือในช่วงวิกฤตอันมืดมิด ไร้ทางออก ถึงที่สุดแล้ว "ในหลวง" ของชาวไทยยังเป็นศูนย์รวมจิตใจ ทรงประคับประคองให้ไทยทั้งชาติก้าวข้ามผ่านเหตุการณ์ต่างๆ มาได้ครั้งแล้วครั้งเล่า

ถึงวันนี้พระเกียรติยศและพระปรีชาสามารถของพระองค์ท่าน เป็นที่ยอมรับในระดับนานาประเทศด้วยพระราชปณิธานอันแน่วแน่ในการทรงงาน และมีน้อมนำเอาแนวพระราชดำริในด้านต่างๆ ไปปฏิบัติ สานต่อ นำไปประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหา การพัฒนาทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม จนกระทั่งเกิดความร่มเย็น เกิดความสุข พร้อมกับการพัฒนาที่เหมาะสมและยั่งยืนมาโดยตลอด

ประเด็นสำคัญที่น่าจะเป็นเรื่องที่คนไทยทั้งประเทศ พึงตระหนักก็คือ ตลอด 60 ปีที่ทรงครองสิริราชสมบัติ พวกเราได้ประพฤติ ปฏิบัติ หรือดำรงตนด้วยความตั้งมั่นอยู่กับความดี ความซื่อสัตย์ รวมถึงกระทำการใดๆ ในบทบาทของลูกหลานที่ดีของแผ่นดินอย่างเต็มที่ เต็มกำลังแล้วหรือไม่

นอกจากจะใช้วาระอันเป็นมหามงคลนี้ หลอมรวมจิตใจให้เป็นหนึ่งเดียว สวมเสื้อสีเหลือง จุดเทียนชัยถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว น่าจะถึงเวลาที่คนไทยทุกหมู่เหล่าจะต้องปวารณาตัว ที่จะประพฤติปฏิบัติให้สุจริต สอดคล้องกับแนวพระราชดำริในเรื่องการรู้รักสามัคคี ร่วมแรงร่วมใจกันด้วยความสมานฉันท์ น้อมนำเอาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นเทียนชัยส่องนำทางในการดำเนินชีวิต ประพฤติดี ปฏิบัติในสิ่งที่ควร และเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติส่วนรวมให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

อย่างน้อยนี่คือโอกาสอันสำคัญสำหรับการเริ่มต้นรวมพลังไทย รวมหัวใจ "ทำดี" ถวายเพื่อ "พ่อ" ของ แผ่นดิน แม้จะเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อย เทียบกันไม่ได้เลยกับพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอด แต่นั่นก็น่าจะเป็นสิ่งที่คนไทยทุกคนสามารถที่จะภาคภูมิใจได้ว่า ทำเพื่อพ่อของแผ่นดินนั่นเอง
------------------
ที่มา:ประชาชาติธุรกิจ
http://www.matichon.co.th/prachachat/prachachat_detail.php?s_tag=02edi03041249&day=2006/12/04

 

'5ธันวาคม'เสื้อเหลืองเต็มแผ่นดิน-รับเสด็จฯพระเจ้าอยู่หัว

เช้าวันนี้ วันที่ 5 เมืองไทย แล้ว

ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญยิ่งๆ ยืนนาน..


[MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.126484/[/MUSIC]​

 

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ