ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,251
    ค่าพลัง:
    +97,152
    สงครามภาษีสหรัฐล้อมไทย 1.ภาษีต่างตอบแทน 36% 2.ภาษีขั้นพื้นฐาน 10% 3.ภาษี 25% ไทยส่งเหล็ก-รถยนต์ 4.ขู่เก็บภาษีอีก 10% ประเทศในกลุ่มบริคส์(BRICKS) สหรัฐย้ำถ้าไทยขึ้นภาษีตอบโต้ สหรัฐขึ้นภาษีสูงอีก BTimes
    https://www.facebook.com/share/p/1Er3TeFXvL/
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,251
    ค่าพลัง:
    +97,152
    การกลับมาของนโยบายกีดกันทางการค้าของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่าง 'โดนัลด์ ทรัมป์' ด้วยมาตรการ Reciprocal Tariff อัตรา 36% ไม่เพียงเขย่าภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจโลกเท่านั้น
    .
    แต่ยังสร้างแรงกระเพื่อมทันทีสู่เศรษฐกิจไทยที่พึ่งพิงการส่งออกไปยังสหรัฐฯ มากถึง 1 ใน 5 ของมูลค่าส่งออกทั้งหมด และถือเป็นจุดเริ่มต้นของภาวะ 'ดีมานด์ช็อก' ที่กำลังลามสู่ภาคธุรกิจ ภาคการผลิต และกำลังซื้อของผู้บริโภค
    .
    ผลสำรวจ UOB Business Outlook Study 2025 สะท้อนความเชื่อมั่นภาคธุรกิจไทยที่ถดถอยลงต่อเนื่อง และความกังวลที่เพิ่มขึ้นต่อความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจจากทั้งภายในและภายนอกประเทศ
    .
    อย่างไรก็ดี ท่ามกลางความท้าทาย ธุรกิจไทยยังคงแสดงศักยภาพในการปรับตัว ผ่าน 3 แนวทางหลัก ได้แก่ การขยายตลาดสู่ภูมิภาค การนำเทคโนโลยีมาใช้ และการเร่งมาตรการ ESG เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
    .
    [ สหรัฐฯ เล่นแรง ประกาศขึ้นภาษีไทย 36% ]
    .
    วันนี้ 8 ก.ค. 2568 ประเทศไทยได้รับเอกสารแจ้ง 'ภาษีตอบโต้ทางการค้า' จากสหรัฐฯ ด้วยอัตรา Reciprocal Tariff 36% ซึ่งกระทบสินค้าไทยหลากหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็นอาหารแปรรูป อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนยานยนต์ และอุปกรณ์การแพทย์
    .
    ผลกระทบแบ่งออกเป็น 3 ระลอก ได้แก่:
    .
    1. ภาคส่งออกโดยตรง ผู้ประกอบการไทยที่ส่งออกไปสหรัฐฯ ต้องเผชิญกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นทันที ความต้องการลดลง สต๊อกสินค้าค้างมากขึ้น และต้องลดรอบการผลิต หรือลดโอทีพนักงาน ซึ่งส่งผลต่อกำลังซื้อของคนในประเทศ
    .
    2. ผู้ผลิตในห่วงโซ่อุปทาน Suppliers ที่ผลิตชิ้นส่วนหรือวัตถุดิบให้กับผู้ส่งออกก็ได้รับผลกระทบตามมา โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลาง-ขนาดเล็ก ที่ขาดความยืดหยุ่นทางการเงิน
    .
    3. การแข่งขันจากจีน เมื่อสหรัฐฯ กีดกันจีนและไทยพร้อมกัน สินค้าจีนจำนวนมากทะลักเข้าสู่ภูมิภาคอาเซียนในราคาถูกลง เพิ่มการแข่งขันในตลาดที่ 3 เช่น มาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซีย หรือแม้แต่ภายในประเทศเอง
    .
    [ ความเชื่อมั่นถดถอย ธุรกิจต้องเอาตัวรอด ]
    .
    จากผลสำรวจของ UOB พบว่า
    .
    • ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจไทยลดลงเหลือเพียง 52% ในปี 2568 จาก 62% ในปี 2566
    .
    • กลุ่มที่กังวลมากที่สุดคือ SMEs
    .
    • อุปสรรคหลัก ได้แก่ เงินเฟ้อ ต้นทุนพุ่ง ความไม่แน่นอนด้านภาษี และอัตราแลกเปลี่ยน
    .
    แนวทาง 'เอาตัวรอด' ที่สำคัญในระยะสั้น ได้แก่
    .
    • วิเคราะห์ตลาดเดิมว่า 'ราคาสินค้าของเรายังแข่งขันได้หรือไม่'
    .
    • ลดต้นทุนที่ไม่จำเป็น โดยเฉพาะในกระบวนการผลิตและซัพพลายเชน
    .
    • หาพันธมิตรใหม่ เช่น Distributor ท้องถิ่น เพื่อขยายช่องทางจำหน่ายในภูมิภาค
    .
    • ร่วมโครงการสนับสนุนจากธนาคาร เช่น knowledge sharing, cost advisory, export tools
    .
    [ ดิจิทัล & ESG ตัวช่วยใหม่ในภาวะวิกฤต ]
    .
    หนึ่งในเครื่องมือสำคัญของการปรับตัวคือ 'เทคโนโลยีดิจิทัล' และ 'ESG' โดยจากผลสำรวจ พบว่า
    .
    • 68% ของธุรกิจไทย วางแผนเร่ง Digital Transformation
    .
    • 60% ให้ความสำคัญกับ ESG มากขึ้นภายหลังมาตรการภาษีของสหรัฐฯ
    .
    • แต่มีเพียง 53% เท่านั้นที่ลงมือทำจริง โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจขนาดกลาง
    .
    อุปสรรคยังคงอยู่ เช่น ความเสี่ยงด้านไซเบอร์ ต้นทุนเทคโนโลยี หรือพฤติกรรมลูกค้าที่ยังไม่พร้อมจ่ายแพงขึ้นสำหรับสินค้ายั่งยืน แต่ก็เป็นโอกาสหากธุรกิจสามารถแสดงให้เห็นถึงความคุ้มค่าในระยะยาว
    .
    [ โอกาสใหม่ 'ภูมิภาคนิยม' มาแทนโลกาภิวัตน์ ]
    .
    เมื่อโลกเริ่มถอยห่างจากโลกาภิวัตน์ ประเทศไทยและธุรกิจไทยสามารถหันไปหาโอกาสในระดับภูมิภาคที่มีแนวโน้มเติบโตเร็วขึ้น ข้อมูลสำคัญ พบว่า
    .
    • 90% ของธุรกิจไทย ตั้งเป้าขยายตลาดต่างประเทศ
    .
    • 60% ของแผนขยายตลาดเน้น อาเซียนเป็นหลัก
    .
    • ประเทศเป้าหมาย ได้แก่ มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม รองลงมาคือจีนและญี่ปุ่น
    .
    • สิ่งที่ต้องการ: การเข้าถึงแหล่งเงินทุน ข้อมูลเชิงลึก และพันธมิตรท้องถิ่น
    .
    [ กลยุทธ์การเอาตัวรอดสำหรับธุรกิจไทย ]
    .
    1. ทำความเข้าใจตลาดใหม่ในระดับภูมิภาค ผ่านการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคและช่องทางการขายแบบดิจิทัล
    .
    2. ใช้โอกาสจาก Megatrends เช่น สังคมผู้สูงอายุ กลุ่มนี้ต้องการสินค้าหรือบริการเฉพาะ เช่น ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ อาหารทางการแพทย์
    .
    3. สร้างความแตกต่างผ่าน ESG การทำให้แบรนด์มีจุดยืนด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมจะเป็นแต้มต่อในตลาดใหม่
    .
    4. ลงทุนในคน ปัญหาหลักที่ยังมีอยู่คือแรงงาน โดยเฉพาะแรงงานที่มีทักษะ ดังนั้นการอบรมและรักษาพนักงานกลุ่มนี้คือกุญแจสำคัญ
    .
    [ ไม่ใช่แค่อยู่รอด แต่ต้อง 'ปรับให้ไว และรุกให้ทัน' ]
    .
    'ภาษีทรัมป์' ไม่ใช่เพียงแค่มาตรการภาษี แต่มันคือการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างเศรษฐกิจโลกใหม่ ที่บีบบังคับให้ทุกประเทศและทุกธุรกิจต้องตื่นตัวและปรับตัว ไม่ใช่แค่ 'เอาตัวรอด' แต่ต้องเปลี่ยนเกมให้เป็น 'โอกาส'
    .
    ธุรกิจไทยมีศักยภาพมากพอจะเปลี่ยนวิกฤตนี้ให้กลายเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ ผ่านการขยายตลาดในอาเซียน การใช้เทคโนโลยี และการเร่งความยั่งยืน เพื่อวางรากฐานสู่อนาคตอย่างมั่นคงยิ่งกว่าเดิม...
    .
    #TODAYBizview
    #MakeTomorrowTODAY

    https://www.facebook.com/share/p/1CBvPZ7m3s/
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,251
    ค่าพลัง:
    +97,152
    ‘จีน’ ขู่ตอบโต้ประเทศที่ร่วมมือกับสหรัฐฯ กีดกันจีนออกจากห่วงโซ่อุปทาน
    .
    วันนี้ (8 ก.ค.) หนังสือพิมพ์พีเพิลส์เดลี่ (People’s Daily) ซึ่งเป็นสื่อของรัฐบาลจีน เผยแพร่บทความเตือนสหรัฐฯ ว่าอย่ารื้อฟื้นมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในเดือน ส.ค. เพราะอาจจุดชนวนสงครามการค้ารอบใหม่
    .
    บทความดังกล่าวยังส่งสัญญาณไปยังประเทศอื่นๆ ด้วยว่า หากมีการทำข้อตกลงกับสหรัฐฯ โดยแลกการลดภาษีกับการตัดจีนออกจากห่วงโซ่อุปทานระดับภูมิภาค จีนจะตอบโต้อย่างเด็ดขาด
    .
    พีเพิลส์เดลี่ระบุว่า มาตรการภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็น “การข่มเหงรังแก” และย้ำว่า “ประสบการณ์ที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่า การยึดมั่นในจุดยืนที่มีหลักการเท่านั้น จึงจะสามารถปกป้องสิทธิและผลประโยชน์อันชอบธรรมของประเทศได้อย่างแท้จริง”
    .
    บทความลงนามโดย “จง เซิง” หรือ “เสียงของจีน” (Voice of China) ซึ่งมักใช้แสดงจุดยืนด้านนโยบายต่างประเทศของรัฐบาลจีน โดยเน้นว่าการเจรจาและความร่วมมือคือหนทางที่ถูกต้อง และจีนพร้อมตอบโต้หากสหรัฐฯ เดินหน้าตาม “เส้นตายสุดท้าย” ที่วางไว้
    .
    ในบทความยังพาดพิงถึงกรณี เวียดนาม ซึ่งเพิ่งบรรลุข้อตกลงลดภาษีนำเข้าสินค้ากับสหรัฐฯ จาก 46% เหลือ 20% โดยมีเงื่อนไขว่าสินค้าที่ขนส่งผ่านเวียดนามไปยังสหรัฐฯ ซึ่งส่วนใหญ่เป็น 'สินค้าจากจีน' จะถูกเรียกเก็บภาษีในอัตรา 40%
    .
    “จีนขอคัดค้านอย่างหนักแน่น ต่อการที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำข้อตกลงโดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของจีน เพียงเพื่อต้องการแลกกับการลดภาษี หากสถานการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้น จีนจะไม่ยอมรับ และจะตอบโต้อย่างเด็ดขาดเพื่อปกป้องผลประโยชน์อันชอบธรรมของประเทศ” พีเพิลส์เดลี่ระบุ
    .
    ท่าทีล่าสุดนี้มีขึ้น ในขณะที่จีนกำลังเร่งเจรจากับสหรัฐฯ โดยมีเส้นตายถึงวันที่ 12 ส.ค. เพื่อหลีกเลี่ยงการกลับมาใช้มาตรการภาษีในอัตราสูงกว่า 100% ที่เคยถูกกำหนดไว้ก่อนหน้านี้
    .
    สำนักข่าว TODAY
    สำนักข่าวออนไลน์ เปิดความรู้ ดูทูเดย์
    .
    #สำนักข่าวทูเดย์
    #MakeTomorrowTODAY

    https://www.facebook.com/share/p/1CgEfA4Pqh/
     

แชร์หน้านี้

Loading...