ติดตามสถานะการณ์

... "ผลตอบแทนพันธบัตร สัญญาณเตือนที่แม่นยำของการตกต่ำทางเศรษฐกิจ"
... "เส้นกราฟผลตอบแทนพันธบัตร" หรือ Yield Bond Curve ที่ตอนนี้กำลังเข้าสู่การดิ่งเฉียงลง หรือ Inversion, Inverted นั้น เป็นสัญญาณที่สำคัญมากของนักลงทุน ที่ผ่านมาในปี 2005 2006 2007 นั้นเคยเกิดสัญญาณแบบนี้มาเป็นช่วงๆแล้ว ก่อนการเกิดวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ ในปี 2008 และตอนนี้มันเริ่มเกิดในปลายปี 2018 ที่ผ่านมาแล้ว
... โดยนักลงทุนจะกลัวความเสี่ยงใน “ตลาดหุ้น” จึงมีการถอนการลงทุนออกมากมายในตอนที่กำลังได้ประโยชน์สูงสุด และคาดว่าในเดือนกันยายน 2019 จะยังคงมีการซื้อขายลดลงคงเดิมหรือมากกว่า ทำให้นักลงทุนถอนเงินมาลงทุนที่ “ตลาดพันธบัตร” ที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าแทน แม้ว่าจะได้ผลตอบแทนน้อยกว่า
... การลงทุนในตลาดหุ้นนั้นได้ผลเยอะมาก แต่เสี่ยงกว่า แม้ว่านักลงทุนจะมีสถานะเป็น "เจ้าของร่วมขององค์กร" หรือ "ผู้ถือหุ้น" แต่การซื้อพันธบัตรที่เป็นแค่ "ผู้ให้กู้" หรือ "เจ้าหนี้ขององค์กร" นั้นมีความเสี่ยงน้อยกว่า แม้ว่าจะไม่ได้เป็นเจ้าของร่วมก็ตาม
... ตามปรกติ ยามที่ "สุขภาพของเศรษฐกิจ" ดีนั้น ผลตอบแทนดอกเบี้ยของพันธบัตรระยะสั้นเช่น 2 ปี จะน้อยกว่า พันธบัตรที่ระยะยาว เช่น 20 ปี เป็นการดึงดูดให้คนที่ทิ้งเงินให้กู้นานๆ ควรต้องได้ผลตอบแทนมากกว่า โดยกราฟจะพุ่งเฉียงขึ้นจากมุมซ้ายไปขวาบน แต่เมื่อไหร่ที่ผลตอบแทนของดอกเบี้ยของระยะ 2 ปี เท่ากับ 20 ปี นั้นแปลว่ามีบางอย่างผิดปรกติแล้ว
... แต่การที่ "เส้นกราฟผลตอบแทนพันธบัตร" พุ่งเฉียงลงจากซ้ายลงมาขวานั้น เป็นการกลับด้านเป็นการบอกว่า "สุขภาพของเศรษฐกิจ" ขงโลกกำลังย่ำแย่ตกต่ำ ถดถอย โดยนอกจากในปี 2008 แล้ว ยังเคยเกิดในปีวิกฤติ 1930 ด้วยเช่นกัน
... นักเศรษฐศาสตร์จึงให้ความสำคัญมากกับเรื่องนี้ เพราะเมื่อเกิดขึ้น ในอีกหลายเดือนต่อมา มันจะเกิดวิกฤติเศรษฐกิจขึ้นได้ ผลตอบแทนจากกราฟเส้นโค้งได้ทำนายถูกต้อง ในการส่งสัญญาณการถดถอยในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา แต่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำสามารถชะลอการเกิดได้นานถึง 34 เดือนหลังจากเส้นกราฟนั้นตามรายงานของเครดิตสวิส แต่เศรษฐกิจจะถดถอยหนักในช่วง 22 เดือนแรกหลังการเกิดเส้นกราฟเฉียงลง
... นักลงทุนแห่ซื้อพันธบัตรระยะยาวเมื่อพวกเขาเห็นว่าเศรษฐกิจกำลังตกต่ำในอนาคตอันใกล้ ความต้องการที่เพิ่มขึ้นนี้ทำให้ราคาพันธบัตรระยะยาวสูงขึ้นและทำให้อัตราผลตอบแทนลดลงตามไปด้วย ยิ่งราคาเริ่มต้นของพันธบัตรสูงขึ้นเท่าใดกำไรก็จะน้อยลงเมื่อถึงกำหนด หรือที่เรียกว่า "เส้นกราฟผลตอบแทนพันธบัตร"
... ถ้ากราฟไม่ผิดพลาดเหมือนในอดีต จะเกิดวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ในราวปี 2020 หรือ 2021 นี้ โดยช่วงนี้จะเสื่อมถอยลงเรื่อยๆ ภาคการผลิต การขนส่ง การค้าขาย การสร้างงาน จะน้อยลง จะเกิดการว่างงานมากขึ้น เด็กจบใหม่จะหางานทำยากขึ้น ร้านขายของจะมีคนซื้อน้อยลง ราคาบ้านคอนโดจะตกลงมาตามความจริง ราคาทองคำจะสูงขึ้น ราคาน้ำมันจะต้องถูกลง เงินเดือนน้อยลง เกิดอาชญากรรมมากขึ้น มีการค้าเถื่อน ผิดกฎหมายมากขึ้น เช่น ค้ายาเสพติด พนันฟุตบอลเถื่อน หรือตามออนไลน์ ขายบริการทางเพศในหมู่เยาวชนมากขึ้น เกิดการคอร์รัปชั่นในทั้งเอกชน รัฐบาลมากขึ้น จะเกิดการประท้วง หรือเอาเป็นข้ออ้างในการโค่นล้มรัฐบาลมากขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
... จะเกิดผู้นำ หรือ นักการเมืองกำมะลอ ที่อ้างว่าตัวเองเป็นผู้วิเศษจะมาแก้ไขปัญหามากมาย อย่างเช่น ฮิตเลอร์ ในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือนักการเมืองขี้ฉ้อในอดีตของหลายประเทศ ที่อ้างว่าทำเพื่อคนจน ที่สร้างวิกฤติให้เป็นโอกาสสำหรับตน เพื่อเป็นใหญ่ในประเทศนั้นๆ ในการกอบโกยเงินทองเพื่อครอบครัวเพื่อนพ้อง มากขึ้นต่อไป
.
... Historically, inversions of the yield curve have preceded many of the U.S. recessions. Due to this historical correlation, the yield curve is often seen as an accurate forecast of the turning points of the business cycle. A recent example is when the U.S. Treasury yield curve inverted in late 2005, 2006, and again in 2007 before U.S. equity markets collapsed. The curve also inverted in late 2018. An inverse yield curve predicts lower interest rates in the future as longer-term bonds are demanded, sending the yields down.
... Investors flock to long-term bonds when they see the economy falling in the near future. This increased demand drives long-term bond prices higher and pushes yields lower accordingly. The higher the initial price of the bond, the less profit one makes when it reaches maturity.
... Inversely, the lack of demand for short-term bonds - caused by investors fearing a coming economic downturn - drives prices lower. Lower prices bring higher yields.

https://markets.businessinsider.com...16#what-does-an-inversion-in-the-curve-mean-2
https://www.investopedia.com/terms/i/invertedyieldcurve.asp

 

#ตามที่คาดการณ์เอาไว้ #มวลน้ำที่ไหลมาจาก ขอนแก่น-กาฬสินธุ์-ร้อยเอ็ด ผ่านอำเภอเมืองยโสธร #ด้วยความเร็วแรงตอนนี้เข้าพื้นที่ #อำเภอมหาชนะชัย #อำเภอค้อวัง แล้ว หลายหมู่บ้านได้รับความเสียหายอย่างหนัก เก็บข้าวของไม่ทัน อาทิ
บ้านเหมือดขาว บัวขาว,บ้านม่วง ต.ม่วง/บ้านหว้าน ต โนนทราย บ้านบึงแก จ.ยโสธร
8/9/19

 

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจเกิดขึ้น คือ การประชุม Eastern Economic Forum (EEF) ที่เมือง Vladivostok โดยมีรัสเซียเป็นเจ้าภาพและแม่งานคนสำคัญ มีผู้นำหลากหลายประเทศในเอเชียเข้าร่วม ทั้งอินเดีย เกาหลีเหนือ ญี่ปุ่น มองโกเลีย อินโดนีเซีย ฯลฯ
เพื่อหารือกันในประเด็นเรื่องการค้าการลงทุนในพื้นที่แถบตะวันออกของรัสเซีย ที่เรียกว่า ดินแดน Russian Far East อันเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติทั้งน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ทองคำ เพชร ฯลฯ ซึ่งจะเปิดโอกาสให้นักลงทุน และนักธุรกิจต่างชาติสามารถเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ร่วมกันได้ผ่านกรอบความร่วมมือแบบพหุภาคีในระดับภูมิภาค
ไฮไลท์ที่สำคัญในงานก็คือ Vladimir Putin กับ Narendra Modi ที่ได้เซ็นลงนามข้อตกลงการเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ร่วมกัน จนนายก Modi ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า “ความสัมพันธ์อินเดีย-รัสเซียกำลังอยู่ในช่วงที่เคมีตรงกันเป็นพิเศษมากขึ้น ในทุกๆครั้งที่ได้พบกับ Putin”
โดยรัสเซียและอินเดียมีแผนที่จะเข้าไปร่วมกันลงทุนในแถบอาร์คติกและดินแดนทางฝั่งตะวันออกของรัสเซียในอนาคต ภายหลังจากความสัมพันธ์และความร่วมมือทางเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศก้าวมาอยู่ในระดับ 11,000,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2018 (ทั้งด้านการค้าอาวุธและด้านพลังงาน)
อนึ่ง อย่างที่ผมได้โพสต์ไว้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา อินเดียและรัสเซียมีสายสัมพันธ์ที่ดีร่วมกันมาตั้งแต่สมัยสงครามเย็น และยังคงแข็งแรงแนบแน่นมาจนถึงทุกวันนี้ แม้จะเป็นในช่วงที่สหรัฐฯกำลังพยายามเข้าหาอินเดียมากขึ้นในช่วงเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 ก็ตาม แต่ดีลทางการค้า เศรษฐกิจ
และการอาวุธก็แทบไม่ได้ลดหลั่นลงไปเลย แถมในปี 2023 ยังมีกำหนดส่งมอบอาวุธสงครามให้กันอีกล็อตหนึ่งใหญ่ๆอีกด้วย (และยังไม่นับถึงเรื่องข้อตกลงการผลิตอาวุธ AK-203 ร่วมกันในรัฐอุตรประเทศของอินเดียอีก)
เรียกได้ว่าความสัมพันธ์ของรัสเซีย-อินเดียกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น และมั่นคงอย่างมาก ในสถานการณ์โลกที่รุมล้อมอินเดียในปัจจุบัน ทั้งประเด็นสงครามการค้า ทั้งประเด็นโครงการโลจิสติก Belt and Road Initiative ของจีน ไหนจะประเด็นการเตรียมตัวถอนทหารของสหรัฐอเมริกาออกจากพื้นที่อัฟกานิสถานในยุคของ Donald Trump
ที่ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยภายนอกที่คุกคามผลประโยชน์และความมั่นคงของอินเดียทั้งสิ้น อินเดียจึงยังคงไม่สามารถปล่อยมือออกจากการเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์จากรัสเซียตามเกมของอเมริกาได้
การเข้าหากระชับสัมพันธ์กับ Putin ด้วยการลงนามข้อตกลงด้านเศรษฐกิจ-ความมั่นคงในการเยือนรัสเซียของ Modi ในเดือนนี้เป็นสัญญาณที่ชัดเจนซึ่งบ่งบอกถึงนัยยะทางภูมิรัฐศาสตร์และแบบแผนทางยุทธศาสตร์ได้ค่อนข้างหลายประการ
ประการแรกสุดเลยคือ อินเดียกำลังพยายามลดการพึ่งพาอิทธิพลทางพลังงานจากประเทศมุสลิมในแถบตะวันออกกลางที่ขาดเสถียรภาพทางความมั่นคง และเสี่ยงต่อภัยก่อการร้าย โดยการมุ่งไปสู่เป้าหมายการลงทุนใหม่ ก็คือ การลงทุนทางพลังงานร่วมกับบริษัทรัสเซียในแถบทะเลสาบไบข่าน ที่อยู่ทางตะวันออกของรัสเซีย (แถบๆ Irkutsk และ Ulan-Ude)
ซึ่งเป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยทรัพยากรทางพลังงานแหล่งสำคัญของโลก (รัฐบาลจีนเองก็เล็งผลประโยชน์ของดินแดนในส่วนนี้ แต่รัสเซียเองก็มีความกังวลที่จีนมีอิทธิพลในแถบเอเชียตะวันออกมากเกินไป รัสเซียจึงค่อนข้างอยากให้อินเดียเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อช่วยคานกับจีน)
** ในปีล่าสุด (2018) สถิติการส่งออกน้ำมันจากรัสเซียไปยังอินเดียมีถึง 3.3 ล้านตัน และ 4.5 ล้านตันในส่วนของพลังงานถ่านหิน
ประการที่ 2 ก็คือ อินเดียต้องการลดอิทธิพลของจีนภายในภูมิภาคเอเชียใต้ แต่อินเดียเองก็ไม่ต้องการที่จะร่วมหัวจมท้ายไปกับโครงการยุทธศาสตร์ที่นำโดย Donald Trump อย่าง Free and Open Indo-Pacific Strategy ที่ยังไม่ค่อยเป็นรูปธรรมสักเท่าไร
บวกกับท่าทีที่ไม่แน่นอนของ Donald Trump ที่ประกาศเล่นงานอินเดียทางเศรษฐกิจ ทำให้อินเดีย โดยเฉพาะ Modi ไม่ค่อยไว้วางใจ Trump จึงต้องพยายามเล่นเกมชิงพื้นที่ภายในเอเชียใต้นี้ด้วยตัวเอง อินเดียจึงเลือกที่จะเข้าหารัสเซีย เพื่อดึงเอารัสเซียเข้ามามีบทบาทในกระดานหมากรุกของเอเชียใต้แล้วคานกับจีน
ในที่นี้ แม้สิ่งที่อินเดียทำ กับสิ่งที่ Trump พยายามจะทำ จะมีจุดหมายคล้ายกัน แต่ผลลัพธ์ทางยุทธศาสตร์ที่จะเกิดขึ้นในมุมของชนชั้นสูงของอินเดียต่างกันโดยสิ้นเชิง เพราะในระยะสั้นอเมริกาอาจจะดูเป็นหุ้นส่วนทางความมั่นคงที่แข็งแกร่งกว่ารัสเซีย แต่ในระยะยาวแล้วไม่เป็นผลดีกับอินเดียโดยตรง
เพราะอินเดียกับอเมริกามีที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่ห่างไกลจากกันมาก และกองทหารที่อเมริกาวางกำลังไว้ในแถบประเทศอิสลามใกล้ๆตะวันออกกลางก็ไม่เพียงพอที่จะให้การสนับสนุนแก่อินเดียในด้านความมั่นคง อินเดียจึงมองว่ารัสเซียเป็นทางเลือกที่สมเหตุสมผลมากกว่า
ประการถัดมา คือ อินเดียต้องการเพิ่มเส้นทางเดินเรือใหม่ร่วมกับรัสเซีย คือ เส้น Chennai – Vladivostok ที่มีระยะทางเกือบ 6,000 ไมล์ทะเล (10,000 กิโลเมตร) ใช้เวลาเดินทาง 10-12 วัน เพื่อที่จะใช้เส้นทางเดินเรือเส้นนี้เป็นเครื่องมือเสริมในการเชื่อมความสัมพันธ์ทางด้านท้องถิ่นของอินเดียเข้ากับรัสเซีย
อินเดียไม่ได้ต้องการแสดงให้เห็นแค่ความสัมพันธ์ระดับรัฐบาลกลางของสองประเทศเท่านั้นที่แน่นแฟ้น แต่อินเดียต้องการชี้ให้เห็นว่าอินเดียกับรัสเซียจะขยายความร่วมมือ และความสัมพันธ์ที่ดีไปสู่ระดับท้องถิ่นด้วย (อนึ่ง ในแถบทางตอนใต้ของอินเดียไม่ไกลไปจาก Chennai เป็นเขตที่รัสเซียได้เข้าไปมีอิทธิพลทางพลังงานในอินเดียผ่านทางการเข้าไปสร้างเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ให้)
อีกประการหนึ่งที่สำคัญมากเลย คือ เรื่องของความมั่นคง และการแลกเปลี่ยนอิทธิพลกันในระดับระหว่างภูมิภาค รัสเซียในปัจจุบันมีความรู้สึกคลางแคลงและไม่ปลอดภัยอย่างมากที่จีนกำลังมุ่งหน้าขยายอิทธิพลออกจากเขตเอเชียตะวันออกไปสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แอฟริกา ยุโรป และโดยเฉพาะกับเขตอาร์คติกที่เป็นแถบหลังบ้านของรัสเซีย
หากจีนสามารถขยายอิทธิพลเข้ามาล่วงล้ำในน่านน้ำแถบอาร์คติกได้สำเร็จในอนาคต จะเท่ากับเป็นการลบเหลี่ยมของรัสเซียในทางภูมิรัฐศาสตร์โดยตรง รัสเซียจึงต้องการให้อินเดียเข้ามาเป็นผู้เล่นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือเพิ่มเติม จากเดิมที่มีเพียงรัสเซีย ญี่ปุ่น จีน เกาหลี และสหรัฐอเมริกา
ในขณะเดียวกันอินเดียเองก็รู้สึกแบบเดียวกับรัสเซีย คือ จีนกำลังเข้ามามีบทบาทภายในภูมิภาคเอเชียใต้มากจนเกินไป โดยเฉพาะในแถบมหาสมุทรอินเดีย ที่จีนเข้ามาแผ่อิทธิพลทางเศรษฐกิจและการทหารแล้วทั้งในศรีลังกา ปากีสถาน บังกลาเทศ และพม่า แต่แค่โครงการ Indo-Pacific ของอเมริกานั้นยังไม่เพียงพอ เพราะยังเป็นกรอบความร่วมมือที่มีขนาดใหญ่ และ กำกวมเกินไป จนถูกมองว่าจับต้องไม่ได้
อินเดียจึงต้องพยายามใช้ปัจจัยเสริมเป็นผู้เล่นตัวอื่น คือ รัสเซีย ให้เข้ามามีอิทธิพลในภูมิภาคและน่านน้ำแถบอินเดีย เพื่อเป็นการดึงเอาอิทธิพลของรัสเซียมาคานกับจีนในน่านน้ำของอินเดียเอง แบบเดียวกับที่รัสเซียต้องการอินเดียมาคานอิทธิพลกับจีนในน่านน้ำทางตะวันออกของรัสเซีย
การบรรลุข้อตกลง และการกระชับความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นเพิ่มขึ้นในครั้งนี้ของอินเดีย-รัสเซีย กำลังเป็นกระแสอย่างมากในหมู่ผู้สังเกตการณ์ทางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ที่มองว่า อินเดีย กับรัสเซียกำลังพยายามร่วมกันสร้างระเบียบภูมิภาค (ของเอเชีย) ชุดใหม่ เป็น “กลุ่มอำนาจขั้วที่ 3” (Third Order) จากเดิมที่มีเพียง 2 ขั้วอำนาจ คือ ขั้วอำนาจที่อเมริกาเป็นผู้นำ และอีกขั้วหนึ่งคือ ขั้วที่จีนเป็นผู้นำ
แต่อันนี้อินเดียกับรัสเซียพยายามร่วมมือกันเพื่อลดความไม่แน่นอน และอุปสรรคของการคาดการณ์ไม่ได้ในสถานการณ์แถบนี้ลง ด้วยการตั้งขั้วใหม่ขึ้นมา ในภาษาอังกฤษเรียกว่า Indo-Russia Order ที่ล้อมาจากยุทธศาสตร์ Indo-Pacific แต่เหล่านักสังเกตการณ์นั้นมองว่าอินเดียไม่ได้ตั้งใจเล่นตามเกมของอเมริกา แล้วมีแนวโน้มเดินไปทางรัสเซียมากกว่า
ทำให้พวกเขามองว่า การจับกลุ่มกันของ 2 ประเทศนี้ค่อนข้างเป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจ และน่าติดตาม ทั้งนี้ทั้งนั้นขั้วอำนาจนี้จะพัฒนาไปในทิศทางไหนต้องรอดูกันอย่างละเอียดอีกครั้งหลังจากผ่านสมัยของ Vladimir Putin และ Donald Trump ไปแล้ว เพราะอาจมีปัจจัยและเงื่อนไขใหม่ๆเข้ามาเพิ่ม
Cr:TheStrategist

 

John Traczyk

PLUMAS COUNTY แคลิฟอร์เนีย (KOLO) - ไฟไหม้วอล์คเกอร์ในป่าสงวนแห่งชาติพลูมัสเพิ่มขึ้นจาก 24,040 เอเคอร์ในวันเสาร์ เป็น 38,049 เอเคอร์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา กรมป่าไม้สหรัฐฯรายงาน นั่นคือ 59.5 ตารางไมล์ ไฟลุกไหม้อยู่ 5 เปอร์เซ็นต์ มีการบังคับ อพยพในพื้นที่

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

ไฟไหม้ป่าหลายแห่งยังส่งผลต่ออินโดนีเซีย ไฟป่าเหล่านี้อยู่ในทางใต้ของสุมาตรา

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

พวยน้ำที่ท่าเรือของบาร์เซโลนา ประเทศสเปน #8 กันยายน

https://www.facebook.com/rodolfomar...Dx9lRRGcgVBh4Ag5uwMpF9_0Tp50XXS_5APD8&fref=nf

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

นี่ไม่ใช่หิมะ เป็นพายุลูกเห็บในgranada ประเทศสเปน

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

ความเสียหายเพิ่มเติมจากไต้ฝุ่น ฟ้าใส (faxai) ในญี่ปุ่น

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

ไต้ฝุ่น ฟ้าใส (faxai) กลายเป็นไต้ฝุ่นที่ทรงพลังมาก ฟ้าใสเข้าใกล้ kanto คืนนี้ พายุอัดลมด้วยความเร็วสูงสุด 60 m / s (216 km / h) ในพื้นที่ kanto และสถานการณ์นั้นอันตรายมาก

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

น้ำท่วมในโมร็อกโก #8 ก.ย.

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

น้ำท่วมในแอลจีเรีย #8 ก. ย.

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

ทอร์นาโดในJazan ซาอุดิอาระเบีย #8 กันยายน

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

รัฐบาลของบาฮามาสไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับน้ำมันนี้หกบนเกาะ

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

หิมะตกมากมายใน Livigno อิตาลี #8 กันยายน

 

ย่าเด็ก 3 ขวบเล่านาทีชีวิต ลมฝนซัดกำแพงบ้านล้มทับหลานตับแตก-ม้ามฉีก หมอสุดยื้อ
วันนี้ 16:00
จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ภาพเด็กชายวัย 3 ขวบ พร้อมข้อความระบุว่า ด.ช.เอส ถูกกำแพงล้มทับที่บ้าน ในซอยหนองเกตุใหญ่ ซอย 4 อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เสียชีวิตที่ รพ.ชลบุรี หมอแจ้งว่าน้องมีเลือดออกในช่องท้องมาก ม้ามแตก ปอดฉีก ช่วงเกิดเหตุมีพายุมา ฝนตกหนัก ลมแรง ทำให้กำแพงพังลงมาทับกลางลำตัวน้องพอดี
ล่าสุด วันที่ 9 ก.ย. 62 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางลงพื้นที่บ้านจุดเกิดเหตุ พบว่ากำแพงอิฐบล็อก ความสูงประมาณ 1 เมตร ล้มลงมากองอยู่ที่พื้น โดยมีรถเด็กเล่น และเครื่องเซ่นไหว้วางอยู่ด้านบน
นางน้ำทิพย์ เพิ่มเขตการณ์ ย่าของเด็ก
นางน้ำทิพย์ เพิ่มเขตการณ์ อายุ 59 ปี ย่าของเด็ก ระบุว่า ก่อนหน้านี้ครอบครัวของน้องเอสอาศัยอยู่ที่กรุงเทพฯ จน 15 วันก่อนเกิดเหตุ ได้ย้ายกลับมาอยู่บ้าน และเมื่อวันที่ 3 ก.ย. ที่ผ่านมา น้องเอสออกมาเล่นกับพี่ชายบริเวณใกล้กับกำแพง ก่อนที่ฝนจะเริ่มลงมาและลมค่อนข้างแรง พี่ชายจึงชวนน้องขึ้นบ้าน โดยกำลังหันหลังเดินไป แต่ได้ยินเสียงดังโครม เมื่อหันมามองพบว่าน้องถูกกำแพงทับที่ลำตัวลักษณะนอนหงาย พี่ชายจึงเรียกพ่อและนำน้องเอสส่งโรงพยาบาล โดยแพทย์ไม่สามารถยื้อชีวิตน้องเอสไว้ได้ เนื่องจากตับแตก และม้ามฉีก เสียชีวิตที่โรงพยาบาลชลบุรี
ด.ช.เอส 3 ขวบ
ทั้งนี้ กำแพงที่เกิดเหตุ เป็นกำแพงที่ลูกชายอีกคนก่อเอาไว้ ตั้งใจทำเป็นห้องน้ำ โดยใช้วิธีการทำแบบง่าย ๆ ไม่ได้มีเหล็กเส้นยึด ในตอนแรกตั้งใจว่าจะทุบทิ้ง แต่ไม่มีเวลา จนมาเกิดเหตุ ซึ่งตนก็รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยคิดว่าต้องระมัดระวังมากขึ้นในการดูแลหลาน ๆ เพราะน้องเอสยังมีพี่ชายและพี่สาววัยไล่เลี่ยกันอีก 3 คน

 

ม็อบยุวชนชังชาติวางเพลิงเผาสถานีรถไฟไต้ดิน
.....ฮ่องกงเป็นเกาะ ระบบขนส่งมวลชนจึงจำเป็นต่อวิถีชีวิตชาวฮ่องกงมาก ม็อบอันธพาลยุวชนชังชาติฮ่องกง ได้รับคำสั่งจากนายให้ทำการบล็อคระบบขนส่งมวลชนของฮ่องกงทั้งหมดให้เป็นอัมพาต ทำให้คนฮ่องกง และนักท่องเที่ยวเดินไปไหนต่อไหนไม่ได้หรือแทบไม่ได้ เป้าหลักคือสนามบิน ไม่ต้องการให้มีนักท่องเที่ยว ยาเวชภัณฑ์เข้ามา
.....เป้ารองคือรถเมล์ เรือเฟอรี่โดยสาร สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน MTR เพราะแกนนำม็อบชังชาติสั่งว่า "สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินเป็นอุปสรรคของระบอบประชาธิปไตย" ดังนั้นทุกวัน และทุกคืนม็อบยุวชนชังชาติจะหมุนเวียนกันมาทำลายระบบสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินให้ย่อยยับ
.....ล่าสุดม็อบอันธพาลยุวชนชังชาติได้วางเพลิงเผาทางเข้าสถานีรถไฟฟ้าไต้ดิน Central MTR station ไปแล้วเรียบร้อย ฮ่องกงตอนนี้ตกอยู่ในสภาพบ้านป่าเมืองเถื่อนอันธพาลครองเมือง ม็อบชังชาติไล่ทุบตีรุมทำร้ายหัวหน้าสถานีรถไฟฟ้า และประชาชนเดินถนน
.....จนมีประชาชนฮ่องกงรักชาติบางคนทนความเดือนร้อนไม่ไหว ก็เอามีดปังตอมาไล่ฟันม็อบอันธพาลยุวชนชังชาติจนเลือดสาดไปก็มี ฮ่องกง จึงไม่ใช่เมืองที่มีสิทธิเสรีภาพและความปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว เพราะม็อบชังชาติได้ทำลายไปหมดจนสิ้น
@dandee
#บ้านเมืองจะแย่ถ้าแก้รัฐธรรมนูญ
https://twitter.com/consernews1

 

ไต้ฝุ่น ‘ฟ้าใส’ ถล่มโตเกียว-ยกเลิกกว่า 100 เที่ยวบิน _9 กันยายน 2562
◽ ไต้ฝุ่น “ฟ้าใส” #เคลื่อนเข้าถล่มพื้นที่กรุงโตเกียวของญี่ปุ่น ส่งผลยกเลิกกว่า 100 เที่ยวบินและไฟฟ้าดับเกือบล้านครัวเรือน คาดการเดินทางติดขัดหนักเช้าวันนี้ (9 ก.ย.)
สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า ไต้ฝุ่นฟ้าใส ซึ่งถูกยกระดับให้เป็นพายุ “ที่มีกำลังรุนแรงมาก” เคลื่อนเข้าถล่มพื้นที่แถบกรุงโตเกียวในช่วงดึกวันอาทิตย์ (8 ก.ย.) ทำให้ทางการออกคำเตือนให้ประชาชนนับแสนคนอพยพหลบไปอยู่ที่ปลอดภัย
นอกจากนั้นยังเตือนให้ประชาชนเตรียมรับมือการสัญจรที่จะต้องติดขัดอย่างหนักในช่วงเช้าวันจันทร์ (9 ก.ย.) เนื่องจากพายุลูกนี้มีฤทธิ์เดชที่อาจจะทำให้เกิดลมและฝนหนักหน่วงระดับสร้างสถิติใหม่
ทางการผู้รับผิดชอบของญี่ปุ่นได้ออกคำเตือนให้อพยพแบบไม่บังคับ ไปถึงประชาชนมากกว่า 110,000 คน ขณะที่พยากรณ์อากาศเตือนภัยว่าไต้ฝุ่นลูกนี้อาจทำให้เกิดฝนตกหนักและลมพัดรุนแรงในระดับ “สร้างสถิติใหม่”
กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นระบุว่า เมื่อเวลา 06.50 น.ตามเวลาท้องถิ่นในวันนี้ พายุไต้ฝุ่นฟ้าใสซึ่งเป็นพายุไต้ฝุ่นลูกที่ 15 ในฤดูกาลนี้ ได้เคลื่อนตัวไปทางตะวันออกเฉียงเหนือด้วยความเร็วลม 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หลังจากที่พัดขึ้นฝั่งจังหวัดชิบะในช่วง 2 ชั่วโมงก่อนหน้านี้
“โปรดใช้ความระมัดระวังอย่างเต็มที่ เพราะอาจเกิดลมกรรโชกแรงและคลื่นสูง รวมทั้งต้องระวังภัยจากดินถล่ม, น้ำท่วม, และแม่น้ำเอ่อล้นท่วมฝั่ง” สำนักงานอุตุนิยมวิทยาระบุในคำแถลง
คาดว่า ฟ้าใสซึ่งสะสมกำลังลมจนมีความรุนแรงถึงระดับ 216 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะก่อความโกลาหลให้แก่การสัญจรในกรุงโตเกียวช่วงเช้าวันจันทร์ โดยที่ทางบริษัทผู้ให้บริการรถไฟถูกบังคับให้ต้องระงับการให้บริการในเส้นทางสำคัญๆ หลายสาย อย่างน้อยที่สุดก็จนกว่าจะเลยเวลา 08.00 น.ไปแล้ว
“เราจำเป็นต้องตรวจสอบราง และเช็กให้แน่ใจว่ามีความเสียหายใดๆ เกิดขึ้นหรือไม่ เนื่องจากคาดหมายกันว่าไต้ฝุ่นลูกนี้จะพัดผ่านพื้นที่แถบนี้ในช่วงกลางคืน” โฆษกของบริษัทเดินรถไฟรายหนึ่งแจ้งกับสำนักข่าวเอเอฟพี
สถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเค รายงานว่า เที่ยวบินภายในประเทศจำนวน 124 เที่ยวบินถูกยกเลิกเมื่อเวลา 06.30 น.ตามเวลาท้องถิ่นในวันนี้ เนื่องจากอิทธพลของพายุไต้ฝุ่นฟ้าใส ขณะที่ทางหลวงเลียบชายฝั่งบางส่วน โดยเฉพาะที่เมืองคานางาวะ ทางด้านตะวันตกของเมืองหลวง ได้ถูกสั่งปิดเนื่องจากเกรงอันตรายจากพายุ
ขณะที่เว็บไซต์ของบริษัท โตเกียว อิเล็กทริก พาวเวอร์ รายงานว่า ครัวเรือนประมาณ 900,000 ครัวเรือนในกรุงโตเกียวและอีกหลายจังหวัดที่อยู่ใกล้เคียง เผชิญปัญหาไฟฟ้าดับ อันเนื่องมาจากผลกระทบของพายุไต้ฝุ่นฟ้าใส
จนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานการบาดเจ็บ เสียชีวิต หรือความเสียหายสำคัญใด ๆ
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/846571
#เตือนภัยทุกสถานการณ์

 

จ.อุบลราชธานี แจ้งชาวบ้านสองฝั่งแม่น้ำมูลอพยพด่วน ระดับน้ำเพิ่มสูง

 

John Traczyk

3 กันยายน 2019 เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่บันทึกไว้ทะเลน้ำแข็งของอลาสกาได้ละลายไปอย่างสมบูรณ์ นั่นหมายความว่าไม่มีน้ำแข็งทะเลใด ๆ ทั้งสิ้นภายใน 150 ไมล์จากชายฝั่งของอลาสกาตามรายงานของ National Weather Service เนื่องจากรัฐทางตอนเหนือสุดถูกปรุงด้วยความร้อนที่รุนแรงเป็นประวัติการณ์ตลอดฤดูร้อน

มังกรแดงผู้ยิ่งใหญ่กำลังจะมา

September 3, 2019. For the first time in recorded history, Alaska’s sea ice has melted completely away. That means there was no sea ice whatsoever within 150 miles of its shores, according to the National Weather Service, as the northernmost state cooked under record-breaking heat through the summer.

The great red dragon is coming.

https://truthout.org/articles/alask...ns&utm_medium=facebook&utm_campaign=mashshare

 

⭕️ระดับน้ำสถานีวัดน้ำ M7 สะพานเสรีประชาธิปไตย จ.อุบลฯ
☀️9 ก.ย 62 เวลา 15.00 น วัดได้ 10.22 เมตร
เปรียบเทียบระดับน้ำ M7 อ.เมือง จ.อุบลฯ ที่ผ่านมา
ปี พ.ศ.2521 ความสูงของระดับน้ำอยู่ที่ 12.76 เมตร❌
ปี พ.ศ.2545 ความสูงของระดับน้ำอยู่ที่ 10.77 เมตรa
ปี พ.ศ.2554 ความสูงของระดับน้ำอยู่ที่ 9.81 เมตร️‍♀️
ปี พ.ศ.2555 ความสูงของระดับน้ำอยู่ที่ 7.62 เมตร
ปี พ.ศ.2556 ความสูงของระดับน้ำอยู่ที่ 9.20 เมตร i
#วารินชำราบบ้านเฮา
#น้ำท่วมอุบล2562
#Ubonflood2019