นี่ ๆ เหล่านักปฏิบัติ จ๋าาา ช่วยวิสัชนา ตอบ นู๋บี ทีซิ ว่า ขรัวตาจะตีไหมค้าาาาาาาา ?

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย 5th-Lotus, 20 ตุลาคม 2009.

  1. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ผู้ประท้วงหลายพันชุมนุมในออสโลหลัง'โอบามา'รับรางวัลโนเบล

    โอบามา -- ซึ่งกล่าวสุนทรพจน์ในการรับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพเมื่อวันพฤหัสบดี(10) ว่าบางครั้งสงครามคือสิ่งจำเป็น โดยสงครามจะต้องนำมาซึ่งสันติภาพเท่านั้น -- ได้โบกมือให้กับผู้ชุมนุมจากระเบียงของโรงแรมนานหลายนาที ขนาบข้างด้วยภรรยาของเขา

    ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่ง ผู้ประท้วงราว 3,000 คน ได้เข้าร่วมชุมนุมที่จัดโดย Norwegian Peace Initiative เรียกร้องให้ยุติสงครามในอัฟกานิสถาน ควบคุมการค้าอาวุธ ระงับอาวุธนิวเคลียร์และล้มเลิกการตั้งถิ่นฐานของอิสราเอล

    "เรามาที่นี่เพื่อผลักดันโอบามา ให้เขาลงมือปฏิบัติด้วยจิตวิญญาณแห่งรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ผลักดันให้เขาใช้มาตรการที่เป็นรูปเป็นร่างเพื่อหยุดสงครามในอัฟกานิสถาน" หนึ่งในฝ่ายจัดการชุมนุมบอกกับเอเอฟพี

    "เราปฏิเสธแนวคิดของรัฐบาลต่างๆและคณะกรรมการรางวัลโนเบล ที่มอบรางวัลแก่ใครบางคนซึ่งแท้จริงแล้วกำลังขยายความรุนแรงในตะวันออกกลาง" ซินดี ซีแฮน นักเคลื่อนไหวสันติภาพชาวสหรัฐฯ ซึ่งได้รับเชิญจาก Norwegian Peace Initiative ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งของนอร์เวย์ ก่อนหน้านี้ในวันพฤหัสบดี(10)

    "สุนทรพจน์ กำลังบอกกับเราว่าแนวทางเดียวแห่งสันติภาพคือผ่านสงคราม และเราขอปฏิเสธสิ่งนี้" เธอกล่าวอ้างถึงสุนทรพจน์ของโอบามาและ ธอร์บเชิน แจกแลนด์ ประธานกรรมการตัดสินรางวัลโนเบล ณ ซิตีฮลล์ ในกรุงออสโล
    Around the World - Manager Online
     
  2. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    แตกตื่น!UFOเหนือน่านฟ้านอร์เวย์-ที่แท้รัสเซียทดสอบขีปนาวุธ


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD><TD><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>แสงประหลาดที่ปรากฏอยู่บนท้องฟ้าเหนือเมืองทรอมโซ ของนอร์เวย์</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    เอเอฟพี - กระทรวงกลาโหมรัสเซียเมื่อวันพฤหัสบดี(10) คลี่คลายข้อสงสัยต่อแสงลึกลับที่ปรากฏอยู่เหนือน่านฟ้าของนอร์เวย์ ซึ่งจุดชนวนล่ำลืออันน่าตื่นเต้นว่าอาจเป็นยูเอฟโอ ระบุแท้ที่จริงแล้วเป็นความล้มเหลวในการทดลองขีปนาวุธรุ่นใหม่สามารถติดหัวรบนิวเคลียร์ได้ของมอสโก

    Around the World - Manager Online
     
  3. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>มังกรโบราณ... โกวเล้ง</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>9 ธันวาคม 2552 23:03 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=389 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=389>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>
    “ผู้ที่มีชีวิตอยู่ในบู๊ลิ้ม...แม้เฉกเช่นใบไม้ร่วงในสายลม จอกแหนบนสายน้ำ ร่อนเร่ไปโยไร้หลักแหล่ง แต่พวกมันมีความผูกพันทางสายเลือด มีคุณธรรม ประจำใจ”

    “คนผู้หนึ่ง..หากคิดมีชีวิตสืบต่อ ต้องสะกดกลั้นกล้ำกลืน ความเงียบเหงา เปล่าเปลี่ยว โดดเดี่ยวเดียวดาย เหยียดหยาม ดูแคลน เจ็บปวดรวดร้าว ขอเพียงแสวงหาความสุขสำราญ จากการส ะกดอดกลั้น จึงเป็นความสุขแท้จริง”


    มังกรเดียวดาย มังกรโบราณ พญามังกรแห่งยุทธจักร กระบี่มือหนึ่ง...หลากหลายสมญาที่ผู้คนมอบให้เขาด้วยความเคารพในฝีไม้ลายมือ ด้วยความนับถือในชั้นเชิงอันยากจะหาใครทัดเทียม

    แม้มิใช่จอมยุทธ์ผู้ครอบครองกระบี่ไว้คอยประหัตประหารผู้ใด แต่กระบี่ในมือ ในหัวใจ ที่เขาถ่ายทอดผ่านปลายปากกาให้ปรากฏเป็นผลงานนวนิยายกำลังภายในหลายต่อหลายเล่มนั้น คือสิ่งที่ทำให้เพื่อนพ้องแม้ในแวดวงนักเขียนด้วยกัน หรือแม้กระทั่งนักอ่านรุ่นหลัง ยังพร้อมจะเรียกขานเขาอย่างเต็มปากว่าคือจอมยุทธ์ผู้ครอบครอง 'กระบี่ถ้อยคำ' อันคมกริบ เป็นนักเขียนที่ยิ่งใหญ่และแผ่ขยายความน่าเกรงขามไม่ต่างจากพญามังกร

    เขาคือ...โกวเล้ง ผู้ให้กำเนิด ลี้ชิมฮัว...เซี่ยวลี้ปวยตอในตำนาน และเรื่องราวของเหล่าชาวยุทธ์อีกมากต่อมาก ที่ล้วนยังคงอยู่ในความทรงจำของนักอ่าน แม้กาลเวลาล่วงเลย นวนิยายกำลังภายในของโกวเล้งก็ยังคงถูกหยิบมาเปิดอ่านและเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนทุกยุคสมัย

    หากใครบางคนเอ่ยถามว่า เพราะเหตุใด นิยายกำลังภายในของโกวเล้งจึงยังต้องใจนักอ่านแม้ในยุคนี้ พ.ศ. นี้ คำตอบอาจเป็นเพราะ...โกวเล้ง ถ่ายทอดเลือดเนื้อและชีวิต ฝากฝังไว้ในผลงานทั้งหลายเหล่านั้นได้อย่างลึกซึ้งถึงก้นบึ้งของหัวใจ
    ดังถ้อยความที่ตัวโกวเล้งเอง เคยบันทึกไว้ เกี่ยวกับแนวทางการเขียนและอุปนิสัยตัวเอกในนวนิยายของตน

    “ไม่ว่าเขียนนวนิยายประเภทไหน ควรเขียนให้มีเลือดมีเนื้อ แต่มิใช่เลือดที่ถูกกระบี่ทิ่มแทงใส่ มิใช่เนื้อที่ถูกคมดาบเฉือนออกมา ยิ่งมิใช่เลือดเนื้อที่เลือดเนื้อปลิวกระจาย หรือว่า เลือดเนื้อเลอะเลือน เลือดเนื้อที่ข้าพเจ้าหมายถึง เป็นคนที่มีเลือดเนื้อ เลือดที่ข้าพเจ้าหมายถึง เป็นเลือดที่ร้อนระอุ มาตรว่าต้องหลั่งออกมา ก็ต้องหลั่งอย่างมีคุณค่า”

    หรือแม้เมื่อเขียนถึงจอมยุทธ์ที่ตนเองสร้างขึ้น โกวเล้ง ก็ยังบอกเล่าได้อย่างเปี่ยมชีวิตชีวายิ่ง

    ทิตง...ธวัชล้ำฟ้า ผู้เงียบขรึม มิพูดจา กล้ำกลืนฝืนอัปยศ ต่อให้ถูกผู้อื่นปรักปรำให้ร้ายก็ปราศจากคำตัดพ้อตำหนิ ขณะที่เขาเสียสละเพื่อผู้อื่น คนผู้นั้นหาล่วงรู้ไม่ น้ำตาของบุคคลประเภทนี้จะไหลหลั่งลงท้อง บุคคลประเภทนี้ ต่อให้ถูกต่อยฟันหักหลุดร่วง ก็จะกลืนลงท้องไปพร้อมกับโลหิต

    ก๊วยไต้โล่ว...วีรบุรุษสำราญ เป็นบุคคลที่กระโดดโลดเต้น หัวร่อดังๆ ร้องไห้ดังๆ เมื่อเขาคิดร่ำไห้ ก็ร่ำไห้ดังๆ เวลาคิดหัวร่อก็หัวร่อดังๆ ขณะที่สหายกระทำผิดต่อเขา เขาจะชี้หน้าคนผู้นั้น ร่ำร้องด่าทอ แต่หนึ่งนาทีต่อมา เขาก็จำนำกางเกงเลี้ยงสุราคนผู้นั้น เขาชมชอบคุยโอ่โอ้อวด ชมชอบเสพสุขกับชีวิต ชมชอบใช้จ่ายเงินทอง เขาไม่เคยคิดใคร่ตาย แต่หากให้เขาทรยศสหาย เขายินยอมตัดศรีษะตัวเองออกมา ไม่ยอมรับปากเด็ดขาด

    ลี้ชิมฮัว...เซี่ยวลี้ปวยตอ มีดบินไม่พลาดเป้า...เขามิใช่คนที่มีสุขภาพแข็งแรงในบรรดาตัวเอกของนิยายกำลังภายในทั้งหมด เขาอาจเป็นคนอ่อนแอที่สุด แต่ว่าสภาพจิตใจของเขากลับแข็งแกร่ง เขามีจิตปณิธานอันเด็ดเดี่ยว ประดุจเหล็ก ความสามารถในการคุมตัวเองก็น้อยคนที่เปรียบเทียบได้

    “เขาปลีกตัวเองจากโลก หนีจากชื่อเสียง ไม่ว่ากระทำเรื่องราวใด ล้วนไม่ต้องการให้ผู้อื่นล่วงรู้ แต่ขณะที่เขามีชีวิตอยู่ ได้กลายเป็นบุคคลในตำนานไปแล้ว

    “ผู้คนที่พบหน้าเขา มีไม่มากนัก แต่คนที่ไม่เคยได้ยินชื่อของเขากลับมีน้อยนัก โดยเฉพาะมีดของเขา...เป็นมีดบินลี้น้อย... มีดของเขาไม่เคยใช้ออกโดยพร่ำเพรื่อ แต่ขอเพียงใช้ออก ไม่เคยพลาดเป้ามาก่อน

    “ที่แล้วมา ข้าพเจ้าน้อยครั้งจะเขียนวิทยายุทธ์ที่เลิศพิศดาร มีดบินของลี้น้อยกลับเป็นความเลิศพิศดารอย่างแท้จริง”

    เหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างเล็กน้อยที่หยิบยกมา และไม่เพียงทัศนะที่โกวเล้งมีต่อผลงานของตัวเอง หากเนื้อหาที่ถูกรวบรวมไว้ใน 'บุญคุณความแค้น มังกรโบราณ โกวเล้ง' เล่มนี้ ยังมากด้วยวาทะอันเฉียบคมจากนิยายกำลังภายในหลายต่อหลายเล่มของโกวเล้ง รวมถึงเรื่องราวชีวิตของเขาเอง ที่เปี่ยมด้วยเลือดเนื้อและลมหายใจ

    หนังสือเล่มนี้ จึงไม่เพียงแค่รวบรวมวาทะ วลี และเรื่องราวของจอมยุทธ์ในนิยายกำลังภายใน หากยังเปี่ยมด้วยเรื่องเล่าที่สะท้อนให้เห็นถึงภาพความสุขอันแสนอิ่มเอม ความร้าวรันทดสุดแสน และความโดดเดี่ยวปนเหงาเศร้าของมังกรโบราณ นามโกวเล้ง ที่แม้หัวใจของเขาจะปวดร้าวด้วยเรื่องราวชีวิตส่วนตัวสักเพียงใดก็ตาม หากทว่า ในลานประลองของเหล่านักเขียนนิยายแห่งบู๊ลิ้ม
    โกวเล้ง คือมังกรอหังการ์ที่น่าจดจำและควรค่าแก่การคารวะตลอดกาล
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    Metro Life - Manager Online
     
  4. 5th-Lotus

    5th-Lotus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    354
    ค่าพลัง:
    +306
    ตายกี่ชาติ ก็ขาดเธอ บ่ ได้ ภาค 3

    ตอน

    ที่รักขาาาาาาา ฉันจะกัดก้อนเกลือเพื่อเธอออออ

    [​IMG]


    บทประพันธ์โดย : คุณป้ามหาภัย เหอ ๆ

    หลังจากพระเอก ก๊ะ นางเอก แต่งงาน
    และอยู่กันอย่างมีฟามสุกหวานชื่น ได้ไม่นาน
    ก็ปรากฏว่า มีบิลทวงหนี้จากโรงบาลยันฮี
    (มาเก็บค่าผ่าตัดแปลงเพศ ของนางเอก)

    โอ้อนิจจา เนื่องจาก นางเอกเปียแชร์ไม่ได้
    และ ขนเงินที่มีไปจ่ายเป็นค่าสินสอด(ค่าตัวพระเอก )ให้ ป้านู๋บี หมดแร้ว
    เธอจึงไม่มีกะตังค์ไปเคลียร์หนี้สิน กะทางโรงบาล
    เธอเครียดมากจนกินไม่ได้นอนไม่หลับและล้มป่วยลง

    พระเอกรู้เข้า ก็สงสารเป็นอย่างมาก
    เรยบากหน้าเข้าไปขอกู้เงินก๊ะป้านู๋บี
    คุณป้าใจดี มีหรือจะปฏิเสธคำขอร้องของหลานชายคนโปรด
    รีบให้หลานรักยื้มเงินไปใช้หนี้ โดยพลัน

    พร้อมคิดดอกเบี้ยในราคากันเอง ( ร้อยละ ยี่สิบ ต่อ เดือน )
    นอกจากนั้นยังแสดงน้ำใจอันประเสริฐ
    ด้วยการ เปิดตู้เซฟ งัดเอา เกลือไอโอดีน เก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าถุง
    มาเป็นของรับไหว้ หลานสะใภ้

    ทว่า เงินที่ยื้มมาจากป้านู๋บี ก็ยัง ไม่เพียงพอที่จะเอาไปใช้หนี้โรงบาลยันฮี
    พระเอกที่แสนดีเรยจัดแจงขายบ้านขายที่ขายรถ ฯลฯ
    เพื่อเอาเงินไปใช้หนี้ โรงบาลยันฮีจนสิ้นเนื้อประดาตัว

    พระเอกเรยตัดสินใจอุ้มนางเอก
    ไปขออาศัยในสมาคมฯกะป้านู๋บี
    ทว่า ป้านู๋บี กัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเดิม
    ( เด๋ว ไอ้หลานเวง มันจะล่อลวงเด็ก ๆ ในฮาเร็ม ของตูไปปู้ยี้ปู้ยำอี๊ก )
    ก็เรยต้องทำใจดำ ไล่ พระเอกกะนางเอก
    ให้ไปอยู่ที่ กระท่อมน้อยปลายนา
    ( ห้ามเหยียบย่างเข้ามาในฮาเร็มเด็ดขาดดดดดด )

    แม้จะอยู่กันอย่างลำบาก ต้องเก็บผักเก็บหญ้ามาต้มกิน
    พระเอกก๊ะนางเอก ก็ยัง กระจุ๋งกระจิ๋งรักกันอย่างหวานชื่น
    ตามประสาข้าวใหม่ปลามัน น้ำต้มผักก็เรยยังหวานเจี๊ยบบบบ

    ครั้น ต่อมาพระเอกดันทะลึ่งอยากมีเจ้าตัวเล็ก ๆ
    เรยไปงอแงขอก๊ะนางเอก
    นางเอกฟังแร้วกุ้มอกกุ้มใจอย่างแรง
    เพราะ มดลูกเธออยู่ข้างหลังไม่ได้อยู่ข้างหน้า
    ถึงจะแปลงเพศแนบเนียนยังไง
    ก็ ตกลูกเป็นครอกให้พระเอกไม่ได้อยู่ดี เฮ้อออออ

    พระเอกเสียอกเสียใจเป็นอันมาก
    เรยประชดนางเอกด้วยการสูบบุหรี่วันละ สิบซอง
    จนเป็นมะเร็งปอดอาการปางตาย นอนพะงาบ ๆ

    นางเอกทนเห็นภาพพระเอกทำร้ายตัวเองแบบนี้ไม่ไหว
    เรยตัดสินใจ อนุญาตให้พระเอกมีเมีย ได้ อีก สามคน ( ตาม โควต้าทางศาสนาเป๊ะ )
    เพื่อจะได้มีลูกสมใจแต่มีเงื่อนไขว่า
    ชีจะต้องเป็นทอม นะ ต้องไม่ใช่ผู้หญิงแท้ ๆ
    เพราะนางเอกทนเห็นพระเอกตกเป็นของหญิงอื่นมิได้
    ( แต่ถ้านอนกะทอม ไม่เป็นไร นางเอกไม่ถือ 555 )

    พระเอกจึงตัดสินใจจะไปรีเทิร์น กะน้องทอมกิ๊กเก่า
    แต่น้องเค้าก็ยื่นคำขาด
    พี่ขาาาาาาาาาาาา ถ้าจะให้นู๋ทำลูกให้
    พี่ก็เอาตังค์มาให้นู๋ก่อนดิ๊
    แร้วนู๋จะยอมทิ้งน้องดี้ ไปอยู่ก๊ะพี่
    ที่กระท่อมน้อยปลายนาาาา

    พระเอกฟังแร้วก็กุ้มใจเป็นอย่างยิ่ง
    ทำไงดีหว่า เงินที่มีก็ขนเอาไปใช้หนี้ โรงบาลยันฮีหมดแย้ววว
    ทุกวันนี้ก็ อยู่อย่างเศรษฐกิจพอเพียง ตกปลาหาหอยมากินไปวัน ๆ
    ครั้นจะไปยื้มตังค์ป้านู๋บี อีกครั้ง ก็คงโดนคุณป้าแกด่ากระเจิง
    เพราะ ไอ้หนี้เก่า ก็ยังชักดาบอยู่เยยชะเอิงเอย

    ยิ่งคิด ก็ยิ่งเครียด ยิ่งเครียด ก็ยิ่งกิน เหล้า
    ยิ่งคิด ก็ยิ่งเครียด ยิ่งเครียด ก็ยิ่งกิน เหล้า
    สุดท้าย พระเอกเรยได้โรคตับแข็งมาเพิ่มอีกหนึ่งโรค

    เมื่อนางเอกทราบเข้า ก็เศร้าใจยิ่งนัก
    เรยตัดสินใจ จะฆ่าตัวตาย เอาเงินประกัน
    เพื่อไปสู่ขอน้องทอมให้พระเอก จะได้มีลูกสมใจซะที

    แต่นางเอกก็ไม่มีกะตังค์ไปซื้อยาเบื่อมากิน
    เรยต้องไปค้นในกำปั่น เอาของรับไหว้
    ( เกลือไอโอดีน เก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าถุง )มานั่งกินแทนยาเบื่อ
    ก่อนตาย นางเอก ก็เขียน จม.น้อย สั่งลาถึงพระเอก มีใจความว่า

    "ที่รักขาาาาาาา ฉันจะกัดก้อนเกลือเพื่อเธอออออออ ........."

    แต่เขียนข้อฟามยังมิทันจบ นางเอกก็สิ้นใจตาย
    เพราะกินเค็มมากไปฟามดันเลยกำเริบบบบบ



    [​IMG]



    ส่วนพระเอกก็ได้เงินประกัน เอาไปใช้สบายใจเฉิบ
    อาการสำออย เอ๊ย กระเสาะกระแสะ
    จากโรคร้ายทั้งหลายแหล่ ก็หายเป็นปลิดทิ้ง
    เขาขนของออกจากกระท่อมน้อยปลายนา
    ไปเช่าคอนโด ชวนน้องทอมมาอยู่ด้วยกันอย่างชื่นมื่น

    แต่ทว่า กุ๊กกิ๊ก ดุ๊กดิ๊ก
    งุงิ แง้ว ๆ หง่าว ๆ แง๊บ ๆ ได้ไม่ทันก้นหม้อข้าวดำ
    น้องดี้ ก็ตามมาราวี พร้อมปฏิบัติการทวงหนี้รัก

    " เอาปั๋วตูคืน มาาาาาาาาา"

    พระเอกจึงต้องทนหวานอมขมกลืนด้วยฟามชอกช้ำ
    ครั้นจะยกน้องทอม ให้ยายดี้ขี้วีน รึก็ยังเสียดายอยู่
    ( ตูยังถอนทุนคืนไม่คุ้มเรยว้อย เสียดายยย แง่บ ๆ)

    วันหนึ่งน้องดี้ แอบลอบมาพบกับ น้องทอม
    พร้อมยื่นคำขาด พี่ทอมขาาาาาาาา
    พี่จะเลือกขาวสวยหมวยอึ๋มอย่างนู๋
    หรือ เลือกไอ้ดำตับเป็ดนั่น บอกมาน๊า บอกมาน๊า
    น้องทอม จึงจำเป็นต้องเลือกตีจากพระเอกไป

    แต่ทว่า ก่อนจะไป เธอตัดสินใจว่า
    ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แร้ว ก่อนหอบผ้าหอบผ่อนหนีไป
    ขอปอกลอกพระเอกให้ฉ่ำปอดเป็นครั้งสุดท้าย
    เพื่อหาทุนรอน ไปสร้างรังรักดีฝ่า แฮะ

    ตานี้ น้องทอมเกิดระลึกฟามหลังได้ ว่า
    ก่อนหน้าเนี๊ยะไม่นาน
    พี่พระเอก เคยทำประกันชีวิตให้เธอมูลค่ามหาศาล
    ดังนั้น แผนการฆ่าปั๋วฉกเงินประกัน จึงอุบัติขึ้น

    น้องทอม ก๊ะ น้องดี้ จึงตัดสินใจ
    ไปหาผู้เชี่ยวชาญด้านคัมภีร์เบญจพิษ (ป้านู๋บี เองฮ่ะ)
    เพื่อขอคำแนะนำเรื่องวิธีปรุงยาเพื่อฆาตกรรมปั๋วนอกหัวใจ

    ตอนแรกป้านู๋บีก็หนักใจ ไม่อยากช่วยเรยว่ะ
    เพราะไง ไอ้แสบมันก็หลานชายคนโปรดของป้านิ
    แต่ น้อง ๆ นู๋ ๆ เค้าก็มาร้องห่มร้องไห้
    จนป้าบีเริ่มเห็นใจตะหงิด ๆ
    ในฟามรักแท้ที่มีแต่อุปสรรคของสาวทั้งสอง

    แถม น้อง ๆ เค้าก็ รู้ใจป้าบี ซะเหลือเกิน
    เสนอว่า ถ้านู๋ได้เงินประกันมานะค๊ะ คุณป้า
    เด๋วนู๋จาแบ่งให้คุณป้าขาาาา ห้าสิบเปอร์เซนต์ นะค้าาา

    กอปร กับ ช่วงนี้ป้าบี กะลังช็อต
    ไม่มีกะตังค์จ่ายค่าขนมให้เด็ก ๆ ในฮาเร็ม ด้วยอ่า
    ป้าบีเรยจำต้องยอมร่วมมือกะน้อง ๆ เค้าด้วยฟามเต็มใจ
    แต่ก็แอบขอโทษหลานชายนอกไส้ ในใจ ว่า

    ซอรี่ นะจ๊ะหลานแสบของป้า
    ไงป้าก็ต้องเห็นแก่เด็ก ๆ ตาดำ ๆ ในฮาเร็มของป้า ก่อนว่ะ
    เพราะพวกเขาคือ อนาคตของชาติในวันข้างหน้า
    ( เอ็งแก่แร้วนะ ไงก็ยอมตาย ๆ เพื่อปากท้องของป้ากับน้อง ๆ เขาเหอะเน๊าะ )

    ในที่สุดป้าบีก็ใช้ฟามสามารถของ เกลียดนิยมอันดับ 1 (ที่ร่ำเรียนมาจากตักศิลา)
    ปรุงยาพิษชนิดพิเศษ ไร้กลิ้น ไร้สี แต่หยดเดียวเดี้ยงงงงงงง
    จากนั้นก็แอบลำเลียงส่งมอบให้ น้อง ๆ เค้า เอาไปใช้
    ลอบใส่ในห ญ้าอ่อน ให้พระเอกโด๊ปเป็นออร์เดิร์ฟคู่กับหอยนางรม

    ครั้นเมื่อพระเอกนอนจมกองเลือดตายแร้ว
    แพทย์ก็วินิจฉัยว่า พระเอกถูกหญ้าอ่อนตำคอ
    ตายเพราะเสียเลือดมากเกินไป + ทนพิษบาดแผลไม่ไหว
    พวกคุณสามารถเอาใบรับรองนี้ ไปเคลมประกันได้นะจ๊ะ

    หลังจากป้านู๋บีแบ่งเงินประกัน กะน้อง ๆ เค้าแร้ว
    น้องทอมก็ได้ครองรักคู่กับน้องดี้ แล้วไปฮันนีมูนที่ยุโรป อย่างมีฟามสุก
    ป้านู๋บี เองก็ซื้อทัวร์พาเด็ก ๆ ในฮาเร็ม
    ไปทัศนศึกษาที่ ดิสนี่แลนด์ และ ลาสเวกัส อย่างมีฟามสุก( เช่นกัน)

    ส่วน ศพพระเอกผู้อาภัพ นั้น
    ป้านู๋บีก็ยังมีนิสัยปรานีมีน้ำใจตามเคย
    เลยโทรสั่งให้ ปอเต๊กตึ๊ง เป็นธุระจัดการ
    เอาศพพระเอกมาฝังคู่กับนางเอก ที่กระท่อมน้อยปลายนา
    โปรยเม็ดเกลือ เก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าถุง
    รอบ ๆ หลุมศพ ไว้เป็นที่ระลึก
    พร้อมกับ สลัก ป้ายหน้าหลุมศพ
    เพื่อ เป็นอนุสรณ์ แห่งฟามร้ากของคนทั้งคู่ว่า

    แด่ฟามรักของการ์เฟร์ผู้ชั่วร้ายกับมุสลิมสาวใจดี
    และตำนานรักกัดก้อนเกลือที่แสนจะซาบซึ้งงงงงง
    ป้าขอดูอาร์ให้คนทั้งสองได้ไปครองรัก
    แบบอยู่ง่ายๆชิลๆ มีอะไรก็เห็นใจกัน ไว้ใจกันได้
    เป็นครอบครัวเดียวกัน ต่อ ใน อุ้งหัตถ์ของ อัลเลาะห์
    ณ สรวงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ อันด้วยเถิดหนา อาเมน....

    [​IMG]

    -------------- แฮ่ป ---ปี้ --- เอน --- ดิ้ง-----------------------
    --------------- ( จิง ๆ นะจ๊ะ ^ 0 ^ )-------------------------

    ปัจฉิมบท

    ยี่สิบปีผ่านไป...
    ขณะที่ป้านู๋บี( สาวสวยสองพันปีประจำฮาเร็ม )เปลี่ยนบรรยากาศ
    พากิ๊กคู่บุญไป เดินเล่นกินลมชมวิว ที่ กระท่อมน้อยปลายนา
    ป้าแกก็สะดุดตากับบางสิ่งที่เป็นประกายเจิดจ้าระยิบระยับท่ามแสงอรุณ
    รอบๆ หลุมฝังศพของหลานชายนอกไส้และหลานสะใภ้

    และเมื่อเข้าไปใกล้ ๆ ป้านู๋บีกะกิ๊ก ก็ ตกตะลึง
    เม็ดเกลือเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าถุง ที่ป้าเคยเอามาโปรยไว้
    ได้กลายเป็นเพชรแท้เลอค่า ไปหมดแล้ววววววว
    พวกเขาจึงหอบเพชรเหล่านี้ ไปประมูลขาย
    เพื่อหาเงินสมทบทุนเป็นค่าอาหาร ( กลางคืน ) ให้เด็ก ๆ ในฮาเร็ม


    [​IMG]



    " ป้าบีฮับ ทำไมเกลือเมื่อ ยี่สิบปีก่อน
    ถึงกลายเป็น โคตรเพชร ไปได้ล่ะฮับ ? "

    กิ๊กคู่บุญ ฉอเลาะออดอ้อนถามป้านู๋บี
    ในระหว่างดินเนอร์รับประทานส้มตำปลาร้าใต้แสงจันทร์

    ป้านู๋บียิ้มให้เด็กในฮาเร็ม อย่างอ่อนโยน
    แล้วหันมาพูดเปรย ๆ บอกกิ๊กของเธอ ว่า

    " อาจเป็นเพราะ ฟามรักอันบริสุทธิ์ ของ หนุ่มสาวคู่นั้น
    มันมีอานุภาพแรงกล้ามากเหลือเกินกระมัง
    มันจึงเปลี่ยน เกลือแกง ที่ไร้ค่า ให้เป็น เพชรแท้บริสุทธ์ ได้
    เหมือนฟามรักของป้ากะเธอไงล่ะทูนหัว

    มามะ มานอนหนุนตักป้าสิจ๊ะ คนดี
    แล้วเดี๋ยวป้าจะเล่าตำนานรักกัดก้อนเกลือกิน ของ
    การ์เฟร์ผู้ชั่วร้ายกับมุสลิมสาวใจดี ให้ฟัง ... "


    ป้านู๋บีลูบผมนุ่มสลวย ของเด็กหนุ่มบนตักอย่างเอ็นดู
    เธอเหม่อมอง ดวงดาราที่พร่างพราวในท้องนภา
    แล้ว เริ่มต้น เล่าขาน ตำนานรักกัดก้อนเกลือ นั้น ด้วยน้ำเสียงแจ่มใส

    " กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว....
    มี การ์เฟร์หนุ่มผู้ชั่วร้าย คนหนึ่ง ได้โคจรมาเจอกับ มุสลิมสาวใจดี
    และแล้วอุบัติรักข้ามหมอนข้างก็เกิดขึ้น................................"



    เอาล่ะ อวสาน ดีก่า ขี้เกียจเขียน ต่อแระ เอาเป็นว่า
    นิยาย ไตรภาค ชุด ตายกี่ชาติก็ขาดเธอ บ่ ได้
    ก็แถ เอ๊ย ลากยาว ไปได้จนครบ สามภาคแระ
    จบจิง ๆล่ะจ้าแฟนคลับจ๋าาาาาาาา
    ได้โปรดอย่าได้มาจุดธูปเรียกให้เขียนต่อเด้อ
    หมดมุข แร้วอ่ะ เหอ ๆ ^ 0 ^

    [​IMG]

    อ้อ อันนี้
    ฟามเดิม ๆ ภาค 1 -2 คลิ๊กไปอ่านได้ที่

    ตายกี่ชาติ ก็ขาดเธอ บ่ ได้ ภาค 1 ตอน มนต์ร้ากกก อัฟกานิสถาน

    ตายกี่ชาติก็ขาดเธอ บ่ ได้ภาค 2 ตอน อุบัติรัก ข้าม หมอนข้างงงงง




     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ธันวาคม 2009
  5. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    โอ้...หนอ จบได้ถูกใจ จ๊อด มาก เหอๆ

    ขำซะพุงสะเทือน เรยนะ ท่านปี้
     
  6. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    มารำลึก ฟามหลัง อันแสนสุข
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ความจริง(อีก) 50 ประการในเกมยุคเก่า: ภาค 2</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>14 ธันวาคม 2552 10:33 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> คำเตือน:เนื้อหาในบทความไม่เหมาะกับเด็กและเยาวชนที่เกิดไม่ทัน และถ้าหากทำให้ท่านรู้สึกว่าตัวเองแก่เราจะไม่รับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น

    ความเดิมจากตอนที่แล้ว "ความจริง 50 ประการในเกมยุคเก่า"

    1.ร็อคแมนโดนหนามทีเดียวระเบิดยังกับลูกโป่ง แล้วทำไมบอสไม่เอาหนามมายิงซะเลย
    2.เมื่อลูกไม้ตายพุ่งเข้าหาโมริซากิ สิ่งแรกที่ทุกคนคิดคือ "เสาประตูช่วยด้วย"
    3.การตายในบอมเบอร์แมนกว่า 90% มาจากระเบิดของตัวเอง ศัตรูส่วนใหญ่แค่ออกมาวิ่งเล่นเฉยๆ
    4.หนังสือการ์ตูนเซนต์เซย์ย่าสามารถใช้แทนคู่มือได้ ใครแพ้ทางใครยังไงมีบอกหมด
    5.ถ้าเรียกเกมดราก้อนบอลต่อกันแบบสมัยก่อนเป็นภาคหนึ่ง-สอง-สาม-สี่ ปัจจุบันคงต้องเรียกว่า "ดราก้อนบอลห้าสิบ" บ้านผีปอปชิดซ้าย
    6.คนเล่นซิมซิตี้ต้องเคยถล่มเมืองตัวเองอย่างน้อยซักครั้งโดยไม่ทราบสาเหตุ
    7.แทบไม่เคยมีใครกด Speed เกินสามขั้นในเกมกราดิอุส แม้แต่สูตรอาวุธเต็มยังไม่กดให้เลย แล้วขั้นที่เหลือมันมีไว้ทำไม
    8.เกมโอเวอร์แปลว่าไปเล่นใหม่ตั้งแต่ฉากแรกอีกห้าชั่วโมง ไม่ใช่คอนทินิวตรงต้นฉาก กลางฉาก ท้ายฉาก หน้าบอส บอสร่างแรก บอสร่างสองเหมือนสมัยนี้
    9.เมื่อแฟนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยมาขอเล่นเกมบ้าง ผู้ชาย (สิ้นคิด) จะเปิดมาริโอไม่ก็เททริสให้ก่อนเป็นอันดับแรก
    10.แต่ถ้าเปิดมาไคมูระ เค้าอาจเป็นพวกซาดิสม์ ระวังให้ดี
    11.ทุกคนต้องเคยเข้าไปกดๆโยกๆตู้เกม ถึงจะรู้อยู่แก่ใจว่าไม่ได้หยอดเหรียญ
    12.แถมบางทีตอนเดโมขึ้นก็ทำเนียนๆเหมือนกำลังเล่นอยู่ด้วย
    13.ไม่ว่าจะเป็นเกมตู้ที่ไหนในโลกก็ต้องเจอคนชื่อ AAA ตามไปหลอกหลอนอยู่ตลอด

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=520 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=520>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> 14.ตัวเอกส่วนใหญ่ชอบพกของห่วยๆไปทำภารกิจระดับโลก ส่วนผู้ร้ายก็ต้องเตรียมอาวุธแรงๆเผื่อให้แย่งตลอดทาง มันเตี๊ยมกันรึเปล่า
    15.ไอเทมเติมพลังชอบออกมาบ่อยตอนพลังเต็มอยู่แล้ว เจอกันอีกทีก็วางตรงหน้าตอนเราตาย
    16.หรือถ้าไอเทมเติมพลังวางอยู่กลางดงกับดัก ตอนเก็บเสร็จออกมาพลังจะเหลือน้อยกว่าเดิมซะอีก
    17.ส่วนไอเทมประเภท "ระเบิดทั้งจอ" หรือ "อมตะชั่วครู่" ก็มักจะโผล่มาตอนไม่มีศัตรูซะงั้น
    18.ถ้าเจอเกมให้ตั้งชื่อตัวละครภาษาญี่ปุ่น หลายคนมักจะใส่อักษรเดียวยาวเป็นพรืด
    19.อ่านว่าอะไรไม่รู้ แต่แปลได้หมดว่าอันนี้คุย อันนี้สำรวจ อันนี้ไฟ อันนี้น้ำแข็ง
    20.คาถาเสกพิษเสกคำสาป เปลือง MP สำหรับศัตรูธรรมดาและใช้ไม่ได้ผลกับบอส มันให้มาทำไม
    21.การรัวปุ่มอะไรซักอย่างในฉากสู้ไม่ได้ช่วยให้อัดแรงขึ้น แต่ก็เผลอกดประจำ
    22.ซื้อตลับเกม RPG บางทีมีเซฟของใครก็ไม่รู้แถมมาด้วย
    23.เวลาใส่พาสเวิร์ดผิดมักจะเป็นแค่ตัวเดียว แต่มันไม่ยอมบอกว่าตัวไหนนี่สิ
    24.เกมไหนมีการพนัน เกมนั้นต้องมีคนหมดตัวแล้วโหลดใหม่
    25.ภาคต่อส่วนใหญ่จะดีกว่าหรือเทียบเท่าของเดิมเป็นอย่างน้อย ไม่ต้องลุ้นกันตัวโก่งเหมือนเดี๋ยวนี้
    26.มีเกมกีฬาที่เล่นกันตามกติกาจริงแทบจะนับได้ กลายพันธุ์เป็นไฟท์ติ้ง,อาร์พีจี,วางแผน,เปิดไพ่ให้วุ่นวายไปหมด
    27.ในความเข้าใจของเด็กสมัยนั้น คำว่าดอดจ์จากดอดจ์บอลแปลว่าอัด กติกาคือต้องตายไปข้าง จริงๆแล้วคนละเรื่องเลย
    28.ตัวละครผู้ชายจะแมนๆสมชาย ไม่มีหน้าหวานจ๋อยหลุดมาหรอก
    29.แต่เพราะกราฟิกจำกัด บางทีตัวละครผู้หญิงก็แมนๆกะเค้าด้วย

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> 30.สะพานเหล็กเปรียบเสมือนดันเจี้ยน ซื้อเกมคือศัตรูธรรมดา ซื้อเครื่องคือล่าบอส คนเก่งจริงลุยเดี่ยวได้ ถ้าไม่มั่นใจควรหาพรรคพวกไปเป็นปาร์ตี้
    31.นายพรานลาดตระเวน (สำรวจราคา) อัศวินป้องกันการโจมตี (คนขายโม้+ยัดเยียด) ผู้ใช้คาถาทำดาเมจ (ต่อราคา) และนักบวชรักษาอาการบาดเจ็บ (เงินไม่พอ)
    32.แทนที่จะสะสมสติ๊กเกอร์ขนมหลอกเด็กไปแลกเครื่องแฟมิคอม เอาเงินไปซื้อเลยง่ายกว่านะ
    33.จอยคือแพะตลอดกาล ถ้าพูดได้มันคงอยากบอกว่า "อ่อนเองแล้วอย่าโทษตรูเดะ"
    34.แลกตลับเกมด้วยจำนวน K ถ้าเอาแผ่นบลูเรย์ไปคงเหมาได้หมดสะพานเหล็ก
    35.สังเกตอันไหนก็อป ต้องดูรูปทรงเหลี่ยมมุม ตำหนิ สี น้ำหนัก คล้ายๆพระเครื่อง
    36.ต่อให้หล่นพื้น กรอบพลาสติกกระจุยกระจายก็ไม่หวั่น ขอให้เหลือแค่แผงวงจรก็เล่นได้แล้ว
    37.เกมที่ยอดขายเป็นล้านถึงเก็บไว้ก็ไม่ได้ราคาเพราะใครๆก็มีกัน เกมผลิตน้อยหายากสิถึงจะแพง
    38.หัวโปรไม่มีอัพเดตเฟิร์มแวร์ เจอเกมเล่นไม่ได้ซื้อใหม่สถานเดียว
    39.แฟมิคอมไม่เคยตกยุค มีทั้งสตรีทไฟเตอร์,ไบโอ,เทคเคน แต่ใครสร้างก็ไม่รู้
    40.วันดีคืนดีอัพเดตโมเดลใหม่หน้าตาเหมือนเพลย์หนึ่ง เพลย์สอง เพลย์สามได้ด้วย

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=600>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> 41.การจูนเครื่องเข้ากับทีวีในสมัยก่อนทำงานด้วยเทคโนโลยี "ระบบสัมผัส" (หมุนๆสาย) และ "จับแรงสั่นสะเทือน" (ทุบ)
    42.ไม่เคยมีข่าวว่าเด็กเล่นเคนชิโร่แล้วพยายามระเบิดหัวเพื่อนด้วยปลายนิ้ว หรือเล่นคอนทราแล้วพกปืนไปกราดยิงในโรงเรียน
    43.แค่ภาพสาวใส่ชุดบิกินีโผล่มาในเกม เวลาเล่นต้องหลบซ่อนประหนึ่งก่ออาชญากรรมเลยทีเดียว
    44.ถ้าจะซื้อเครื่องรุ่นใหม่ คำถามแรกๆที่ต้องเจอคือ "แล้วเครื่องเดิมล่ะ เสียแล้วเหรอ?" ตอบยากชะมัด
    45.ไม้เรียวอันเดียวป้องกันเด็กเล่นเกมได้เจ๋งกว่าระบบใส่พาสเวิร์ด Parental Lock สมัยนี้เยอะ
    46.นักวิเคราะห์ต้องเอาเครื่องมาชำแหละเพื่อประเมินว่าต้นทุนเท่าไหร่ คุณแม่ฟังราคามองหน้าคนขายก็รู้แล้วว่าควรต่อเหลือเท่าไหร่
    47.พี่น้องเล่นเกมไม่เคยทะเลาะกันเอง ก็เหมือนเล่นมาริโอไม่เคยเก็บเห็ด
    48.หลายคนเคยสอบได้ที่หนึ่งเพราะคำว่า "ถ้าทำได้จะซื้อเกมให้" แต่บางทีแค่ติดหนึ่งในห้าก็หยวนๆแล้ว
    49.เด็กน้อยหัวเกรียนที่เคยจูงมือคุณพ่อไปซื้อเกมเมื่อกว่า 20 ปีก่อน ปัจจุบันบางคนกลายเป็นคุณพ่อจูงลูกของตัวเองไปซื้อเกมเหมือนกัน

    50.นักเล่นเกมสมัยก่อนสามารถเอาเครื่องเอาเกมมาหยิบยืมแบ่งปันกันได้อย่างสนุกสนาน ไม่มีการคุยโม้โอ้อวดชวนทะเลาะ
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle width=15 background=images/bg_comment.gif>[​IMG]</TD><TD align=left background=images/bg_comment.gif><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ความคิดเห็นที่ 23</TD><TD class=body4 vAlign=baseline align=right width=100 background=images/bg_comment.gif></TD><TD vAlign=baseline align=middle width=5 background=images/bg_comment.gif></TD><TD vAlign=baseline align=middle width=25 background=images/bg_comment.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=baseline align=middle width=25 background=images/bg_comment.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=baseline align=middle width=55 background=images/bg_comment.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=baseline align=middle width=62 background=images/bg_comment.gif>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width=15>[​IMG]</TD><TD class=body vAlign=top align=left>37.เกมที่ยอดขายเป็นล้านถึงเก็บไว้ก็ไม่ได้ราคาเพราะใครๆก็มีกัน เกมผลิตน้อยหายากสิถึงจะแพง

    เกม Chetah man
    เกมกากสุดๆ เพลงเจ๋งสุดๆ แต่ก็หายากสุดๆ

    Game - Manager Online
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  7. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
  8. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    สุดเถื่อน! ชายโซมาเลียคบชู้ถูกปาหินจนตายต่อหน้าคนทั้งหมู่บ้าน
    เดลิเมล์ - ภาพเหตุการณ์ที่แสนจะโหดร้ายป่าเถื่อนในช่วงยุคมืดของโซมาเลีย ถูกเปิดเผยโดยกลุ่มติดอาวุธมุสลิมหัวรุนแรง ซึ่งบังคับให้คนในหมู่บ้านร่วมชมการประหารชีวิตชายคนหนึ่งด้วยการปาหินจนตายโทษฐานที่เขาคบชู้

    ผู้อยู่ในเหตุการณ์เสริมว่า นอกจากชาย 2 คนที่ถูกประหารชีวิต ยังมีหญิงอีกคนหนึ่ง ซึ่งสารภาพว่าคบชู้ก็ถูกลงโทษด้วยการโบย 100 ที

    Around the World - Manager Online
     
  9. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ลัคกี้16 : บทเรียนที่หนึ่ง

    บทเรียนที่หนึ่งของหนังสือประเภทฮาวทูคู่มือเลี้ยงสุนัข, ฝึกหมาใครว่ายาก, เคล็ดลับฝึกเจ้าสี่ขา หรือ หมาเด็กวันนี้คือหมาผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า กระทั่ง ‘ซีซาร์ มิลาน’ ปรจารย์นักปรับพฤติกรรมน้องหมาก็ไม่ได้บอกอะไรไว้เลยว่า การจะฝึกสอนสุนัขสักตัวจากเด็กดื้อให้เป็นหมาที่นิ่งและยอมจำนนนั้นควรเริ่มจากตรงไหน


    ลัคกี้...(1) : http://mblog.manager.co.th/showshow/1-1374/
    ลัคกี้...(2) : http://mblog.manager.co.th/showshow/2-1266/
    ลัคกี้...(3) : http://mblog.manager.co.th/showshow/3-716/
    ลัคกี้...(4) : http://mblog.manager.co.th/showshow/4-482/
    ลัคกี้...(5): http://mblog.manager.co.th/showshow/5-316/
    ลัคกี้...(6) : http://mblog.manager.co.th/showshow/6-226/
    ลัคกี้...(7) : http://mblog.manager.co.th/showshow/7-320/

    ลัคกี้...(8) : http://mblog.manager.co.th/showshow/8-139/

    ลัคกี้...(9) : http://mblog.manager.co.th/showshow/9-95/
    ลัคกี้...(10): http://mblog.manager.co.th/showshow/10-242/
    ลัคกี้...(11): http://mblog.manager.co.th/showshow/11--/
    ลัคกี้...(12): http://mblog.manager.co.th/showshow/12-83/
    ลัคกี้...(13): http://mblog.manager.co.th/showshow/13-37/
    ลัคกี้...(14): http://mblog.manager.co.th/showshow/14-34/
    ลัคกี้...(15): http://mblog.manager.co.th/showshow/15-51/





    [​IMG]


    รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี แต่รัก ลัคกี้ทำไงดี?

    ในบางครั้ง…ผมลังเลเหมือนกันว่า จะจัดการกับเจ้าหมาเด็กที่แสนจะว่านอนสอนง่ายมากกกกกตัวนี้อย่างไร

    ผูก หรือ ตี ตี หรือ ผูก หรือ ต้องทั้งสองอย่าง?

    บทเรียนที่หนึ่งของหนังสือประเภทฮาวทูคู่มือเลี้ยงสุนัข, ฝึกหมาใครว่ายาก, เคล็ดลับฝึกเจ้าสี่ขา หรือ หมาเด็กวันนี้คือหมาผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า กระทั่ง ‘ซีซาร์ มิลาน’ ปรจารย์นักปรับพฤติกรรมน้องหมาก็ไม่ได้บอกอะไรไว้เลยว่า การจะฝึกสอนสุนัขสักตัวจากเด็กดื้อให้เป็นหมาที่นิ่งและยอมจำนนนั้นควรเริ่มจากตรงไหน

    55555 ความจริงเท่าที่อยู่กันมาพอสมควร ลัคกี้ไม่ใช่หมาที่แสบสนิทชนิดต้องส่ายหน้าระอาใจขนาดที่จะทำให้สมาชิกในบ้านขยาดและเข็ดต่อพฤติกรรมของมันมากมายนักหรอก ออกไปทางเป็นเด็กดี กินแล้วนอน หนังท้องตึง หนังตาโปนๆของเขาก็จะหย่อนโดยเกือบจะทันที

    ดูๆลัคกี้เวลาหลับเหมือนกับกระต่ายป่าเซื่องซึมนอนรอคอยเต่ายังไงยังงั้น ไม่น่าจะเป็นหมาที่มีเขี้ยวเล็บอะไรมากมาย...คล้ายจะใช่ แต่ก็ไม่ใช่เนื่องเพราะ เขี้ยวเล็บของเขาจะเริ่มกาง กางเต็มที่พอๆกับหูเมื่อได้นอนเต็มที่แล้วตื่นลืมตาพลันที่เขารู้สึกสดชื่นขึ้นมา เจ้าหมาเด็กก็จะเดินส่ายอาดๆไปยังสนามหญ้า หรือ ข้างบ้านบ้าง เพื่อถ่ายเบา ปลดทุกข์หนัก พอสบายตัวแล้วจะต้องหากิจกรรมทำ ไม่มุดหน้าซุกดินใช้ขาหน้าตะกุย ขุดๆๆๆๆ ก็แทะโลมหมู่มวลบุปผชาติ จากนั้นก็จะมองหาเหยื่อ...

    แข้งและขาของคน!

    จากที่เคยกัดเบาๆ หรือ อาจจะเด็ก ฟันและเขี้ยวยังไม่คมพอไม่ทราบระยะหลังๆมาลัคกี้เล่นแรงและเลยเถิดจนสมาชิกบางคนซึ่งก็คือคนเดิมที่เคยเป็นคู่กรณีของลัคกี้น้ำตาร่วงครั้งแล้วครั้งเล่า

    ผมเห็นสภาพก็ให้คิดว่า จะไม่ให้เธอร้องไห้อย่างไรไหว เพราะ บาดแผลตามแขนและขาของสมาชิกโดยเฉพาะคู่กรณีที่เคยมีเรื่องไล่กันออกจากที่นับวันจะลึกและเลือดที่ไม่ใช่แค่ไหลซิบๆแต่เริ่มเป็นธารน้ำไหล

    “ฉันไม่รักแกแล้ว แกเล่นแรง ไอ้หมาดื้อ กลับเชียงใหม่ไปเลย ฮือๆๆๆ”

    คู่กรณีของลัคกี้โวยวายลั่นรถ หลังจากทั้งคู่มีปาก-เสียงกันมาตลอดทางตั้งแต่บางนาตราดกิโลเมตรที่ 1 ยันจะถึงสุวรรณภูมิอยู่แล้ว โดยคนหนึ่งมีปากเพื่องับ กับอีกคนหนึ่งมีเสียงร้องตะโกนและร้องไห้ครวญคราง

    ผมพยายามปลอบโยน และ ชักแม่น้ำ ปิง วัง ยม น่าน และ คลองบางโฉลง ที่อยู่ใกล้บ้านให้เด็กน้อยเข้าใจในหมาน้อยที่เธอไล่ออกจากบ้านมาหนึ่งครั้ง และ ครั้งนี้ไล่ให้กลับเชียงใหม่ถิ่นเกิดไปนู้น

    “ลัคกี้มันยังเด็ก มันไม่รู้เรื่องหรอก”

    “ฮือๆๆ ไม่รู้เรื่องอะไร อะไรๆก็กัด กัด กัด หนูไม่ชอบหมาที่กัดแบบนี้ เอามันกลับไปเชียงใหม่เลย ไม่อยากเลี้ยงแล้ว”

    ...แต่ก็เหมือนยิ่งพูด คู่กรณีของลัคกี้ยิ่งแค้นหมาจอมกัดมากขึ้น ถ้อยคำต่างๆก็ยิ่งพรั่งพรูทิ่มแทงเข้าไปในใจของผม เพราะฉนั้น ผมจึงคิดว่า เจ้าหมาเด็กสมควรได้รับการสั่งสอนในพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมนี้บ้าง

    ผมเชื่อว่า หมาทุกตัวสามารถฝึกได้ ปรับพฤติกรรมที่ไม่พึงปรารถนาได้ หากมอบความรักและความเอาใจใส่ให้เขา

    โชคดีของผมและคู่กรณีที่ผมไม่ต้องเปลืองแรงอธิบายอะไรมากไปกว่าที่เคยทำ เพราะค่ำวันหลังจากที่เกิดเรื่อง บังเอิญรายการทีวีแชมป์เปี้ยนทางเคเบิลทีวีมีเรื่องการชิงชัยแข่งขันฝึกสุนัขนิสัยเสียให้เป็นสุนัขที่น่ารักและเชื่อฟังภายในเวลา 10 วัน

    โจทย์คือผู้แข่งขันซึ่งก็คือครูฝึกหมาจะต้องฝึกสอนหมาที่ดื้อรั้น เกเร ให้ทำตามบททดสอบที่ทางรายการวางไว้ เช่น วิ่งซิกแซก กระโดดสูง ว่ายน้ำคาบลูกบอล ไปจนถึงบทเรียนขั้นสูงหมอบนิ่งๆเฝ้าบ้านแต่เพียงลำพัง

    การฝึกสอนต้องอยู่ในเวลาสั้นๆเพียง 10 วัน ใครที่สามารถทำให้สุนัขที่ไม่รู้เรื่องตัวหนึ่งให้กลายเป็นน้องหมาที่ดีได้ก็จะเป็นแชมป์เปี้ยน

    รายการสั้นๆแต่สาระและความบันเทิงที่สือออกมาจากเจ้าเพื่อนสี่ขาพันธุ์ใหญ่อย่าง ดัมเมเชี่ยน และ พวกพ้องกลายเป็นแรงกระตุ้นให้ผมรู้สึกว่า ไม่มีอะไรยากเกินกว่าจะเรียนรู้และฝึกฝนกัน

    ไม่นับว่า ผมมีเวลามากมายที่จะอยู่กับลัคกี้ไม่ใช่แค่ 9 วัน 10 วันเหมือนครูฝึกเหล่านั้น...แต่ผมทราบตัวดีว่า ผมไม่ใช่ครูฝึกที่เก่งกาจ คงไม่มีความสามารถมากมายที่จะทำให้หมาเด็กตัวหนึ่งกลายเป็นหมาแสนรู้สุดพิเศษ นอกจากจะใช้ใจ ให้ใจสำหรับมัน

    อายุของลัคกี้ผ่านมาถึงวันนี้สามเดือนเศษๆ ร่างกายแม้เติบโตแต่นิสัยใจคอความเป็นเด็กก็ยังคงเส้นคงวา มันมักอยู่ในอารมณ์ขี้เล่นบ่อยๆ แต่ด้วยการเล่นแต่ละครั้งไม่มียั้ง หนักหรือเบาดังกล่าว ประกอบกับคู่กรณีก็เด็กพอกันที่ยังแยกแยะอารมณ์ของกันและกันไม่ออกว่า อารมณ์ไหนควรเล่นหรือไม่เล่น บทเรียนแรกที่จะสั่งสอนและฝึกหมาเด็กของผมจึงเน้นแก้ที่ 'ปาก'ของลัคกี้

    ทำอย่างไรดีให้ลัคกี้ปากไม่ว่าง?

    ถ้ามันปากไม่ว่าง มันก็จะไม่ว่างไปกัดคน อิอิ ผมคิดทื่อๆแบบหนามยอกเอาหยามบ่ง

    นอกจากกล้วย และ ผลไม้ที่ใช้หลอกล่อได้บ้างแล้ว การที่เจ้าหมอนี่มีปากเป็นรูปลักษณะเป็นสี่เหลี่ยม ขากรรไกรแข็งแรงตามสไตล์ของพวกบูลด็อก หนามที่ใช่บ่งแก้ลำของมันผมคิดว่าน่าจะเป็นของเล่นหรืออุปกรณ์ที่ออกแบบมาสำหรับขบกัดที่ทนแรงกดของขากรรไกรของวายร้ายตัวน้อยนี้ได้ดี

    ตุ๊กตา ห่วงยางมีเสียงปิ๊บๆ พวกนี้ผมลองสังเกตแล้วไม่ค่อยได้ผลนัก อาจจะเป็น'คู่กัด'เหล่านี้อ่อนปวกเปียกโน๊เนะเกินกว่าจะเรียกความสนใจของเจ้าหมาจอมงับได้ชงัด ของพวกนี้สมาชิกหลายคนใช้เป็นโล่ป้องกันตัวชั่วครั้งชั่วคราว

    สิ่งที่ได้ผลกลับเป็น กระดูกเทียม เพราะ กระดูกสังเคราะห์ทำออกมาได้เหนียวมาก ชนิดที่เรียกว่า มีแรงเท่าไหร่แกใส่มาเต็มที่เลยลัคกี้

    แรกๆ กระดูกเทียมหลายอันที่โยนให้ลัคกี้แทะ ปรากฎว่า หมาเด็กเมินไม่มองอย่างเก่งก็คาบไปหามุมหลบแทะอยู่ตัวเดียวเงียบๆแล้วก็วางทิ้งไว้ เมื่อผมมาพบเห็นบางอันยังอยู่ในสภาพเดิม แต่บางอันเริ่มเปื่อย

    ผมลองจับเวลา ลัคกี้จะใช้เวลาแทะกระดูกเทียมมากกว่าของเล่นชิ้นอื่นๆ นั่นทำให้ผมคาดเดาว่า พอหลังจากได้ลิ้มรสกระดูกจากน้ำลายที่เปียกแฉะจนกระดูกเปื่อยได้ หมาเด็กก็คงเริ่มเรียนรู้ว่า อืมม์...ของชิ้นนี้ไม่เลวนัก

    หึ หึ... สำหรับผมคิดมากไปกว่าลัคกี้โดยที่มันน่าจะไม่รู้ถึงความนัยที่ผมซ่อนอยู่

    'ไม่เลวนักหรอก ยังคงไม่เลวหรอกเจ้าหมาเด็ก...กัดเข้าไป แทะเข้าไป แกคิดถูกแล้ว'



    วันแล้ววันเล่า...แล้วก็มาถึงวันหนึ่งที่ผมอยู่ตามลำพังกับเขา

    ลัคกี้ที่กินอิ่ม หนังตาโปนๆก็ค่อยๆหย่อนและหลับ เสียงกรนเบาๆเล็ดลอดออกมาจากลำคอและโพรงจมูก

    เขาทอดตัวเหยียดยาวอยู่กับเบาะที่อ่อนนุ่มอบอุ่นประจำของเขา เสียงกรนสลับกับเสียงจั๊บๆดูดเอาน้ำลายกลับเข้าลำคอคล้ายกับเด็กอ้วนคนหนึ่ง

    ผมย่องมาที่ตรงหน้าเขาแล้วย่อตัวลงนั่งยองๆ ผมมองเจ้าหมาเด็กที่นอนอยู่อย่างมีรอยยิ้มมุมปากที่ผุดอยู่ในใจอย่างลี้ลับชั่วร้ายราวกับพวกตัวโกงในละครน้ำเน่า ไม่ใช่ยิ้มแบบ 'ครูกุ๊ก' พระเอกของน้องแอนเหมือนเคย

    ตาของผมจับจ้องที่ปากของมัน สักครู่เมื่อมั่นใจว่ามันหลับสนิทแน่ มือผมเอื้อมไปเผยอปากที่ห้อยๆปิดกรามและฟันของมันเอาไว้...

    รอยยิ้มชั่วร้ายยิ่งฉีกกว้างขึ้นพร้อมกับประกายตาบ่งบอกถึงความพอใจ

    ในที่สุด...ในที่สุด แกก็เป็นอย่างที่ฉันคิด อิอิ

    ลัคกี้ที่ถูกเผยอปากอย่างไม่รู้ตัว มุมที่ปากถูกยกขึ้นไปเหมือนคนนอนหลับแล้วฉีกยิ้มแต่แทนที่จะเห็นฟันที่เคยทำร้ายคนเรียงตัวขาวสวยงาม ภาพที่ผมเห็นบัดนี้มีบ้างไม่มีบ้าง เพราะ ฟันซี่หน้าหลายซี่ของมันไม่รู้หลุดร่อนไปเมื่อไหร่ เขี้ยวที่แหลมคมมีรอยหักปิ่นบ้าง

    55555 .


    :))))))))))))))))))))))))))))))))
    [​IMG]
    อืมม์...ทำอะไรดีน้า

    [​IMG]
    ขอคิดเดี๋ยว

    [​IMG]
    นอนคิดอีกนิดนึง...

    [​IMG]
    อะอ้า...คิดออกแล้ว

    [​IMG]
    หาอะไรแทะดีกว่า

    [​IMG]
    เศษไม้นี่ล่ะ

    [​IMG]
    แคะๆแทะๆให้คันเล่นๆ

    [​IMG]
    อา...สบายจัง

    [​IMG]
    แต่เบื่อแล้วอ่ะ

    [​IMG]
    ต่อไป...อะไรดีล่ะ

    [​IMG]
    โอ๊ะโอ๋...ทำอะไรเนี่ย

    [​IMG]
    โฮ่กกกกกก

    [​IMG]
    อยากจะดูฟันผมละซี้

    [​IMG]
    นี่ไง...ผมทำให้ดู

    [​IMG]
    อย่างนี้...กัดแล้วก็แทะ

    [​IMG]
    จมเขี้ยวแบบนี้

    [​IMG]
    กระจุยเลยล่ะจะบอกให้

    [​IMG]
    ก้อ..มันสนุกอ่ะ

    [​IMG]
    ดีกว่าอยู่เปล่าๆแบบนี้...เบื่อจัง

    [​IMG]
    ไม่ให้กัด ขอเห่าก็ยังดีฟ่ะ...55555

    showshow blog
     
  10. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>โอปราห์ วินฟรีย์ พิธีกรหญิงอมตะของคนอเมริกัน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>11 ธันวาคม 2552 12:12 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=200 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=200>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>โอปราห์ วินฟรีย์</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ใครจะคาดคิดว่า โอปาร์ วินฟรีย์ พิธีกรหญิงผิวสี ร่างท้วมคนนี้จะมีอิทธิพลต่อสังคมอเมริกัน ตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมาจากรายการทอล์ค โชว์ของเธอ ที่มีรูปแบบที่พัฒนามาตลอดอย่างไม่หยุดยั้ง จากการสัมภาษณ์เจาะใจคนดังที่กำลังเป็นที่สนใจของสังคม ไปจนถึงการเชิญผู้ที่มีปัญหาต่างๆมาออกรายการ แล้วให้ผู้ชมโฟนอินเข้ามาในรายการสด การตั้งคำถามที่สุดจะกินใจ ที่บางครั้งสร้างทั้งความเห็นใจ และบางครั้งก็สร้างความสะใจให้กับผู้ชมทางบ้านในเวลาเดียวกัน ส่งให้เรทติ้งของเธอพุ่งกระฉูด จนเธอกลายเป็นหนึ่งในสตรีที่ทรงอิทธิพลต่อสังคมอเมริกันอย่างต่อเนื่อง ไม่มีใครหยุดความร้อนแรงของเธอลงได้
    ใช่แต่เพียงจะจัดรายการให้เป็นที่ถูกอกถูกใจต่อผู้ชมทางบ้านด้วยกระแสของข่าวประเภท Talk of the town ที่กำลังร้อนแรงเพียงอย่างเดียว หากแต่เธอยังมีมุกที่ไม่มีวันหมด มุกเหล่านี้หลั่งไหลออกมาจากเธอตลอดเวลา จนผู้ชมทางบ้านไม่สามารถคาดเดาได้ ถือเป็นเสน่ห์ที่ทำให้แฟนๆประจำต้องติดตามรายการของเธอมาตลอดอย่างมิรู้เบื่อ
    เมื่อเข้าสู่ศตวรรษใหม่ เธอก็ไม่ได้หยุดรายการของเธอเพียงแค่รายการโทรทัศน์ ที่เมื่อคนดูแล้วก็จะลืมและรอชมรายการใหม่ของเธอทางโทรทัศน์ในครั้งต่อไป แต่เธอกลับทำให้รายการของเธอแตกแขนงออกไป ด้วยการออกนิตยสาร O หรือ The Oprah Magazine เมื่อ 9 ปีก่อน ซึ่งเป็นนิตยสารที่นำสาระต่างๆจากรายการโทรทัศน์ของเธอที่ออกอากาศไปแล้ว ไปต่อยอดให้กลายเป็นนิตยสารที่มีผู้ติดตามอ่านเพิ่มขึ้นอีก จนปัจจุบันคาดว่ามียอดผู้อ่านถึงเดือนละกว่า 2,500,000 คนและนอกจากนี้เธอยังออกO at Home เมื่อ 6 ปีก่อน อันเป็นนิตยสารที่ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องของบ้าน ตั้งแต่การจัดห้องต่างๆภายในบ้าน การตกแต่งง่ายๆ และการจัดบ้านให้น่าอยู่ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับในระดับที่ดีเช่นกัน


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ครั้นเมื่อยุคของไอทีกลายเป็นส่วนหนึงของสังคมโลก เธอก็มีเว็บไซด์ oprah.com เป็นเว็บไซด์ให้ผู้ที่ต้องการทราบข้อมูลข่าวสารระหว่างเธอและผู้ชม ซึ่งก็ได้รับความนิยมอย่างสูงไม่แพ้เว็บไซด์อื่นๆ ด้วยการนำเอาบทความและความเห็นต่างๆออกมาเผยแพร่และทำให้หน้าเว็บไซด์ของเธอมีผู้เข้าอ่านและคอมเม้นท์ถึง 68 ล้านหน้าในแต่ละเดือนทีเดียว


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=365 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=365>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> รายการของเธอได้ปรับรูปแบบครั้งสำคัญอีกวาระ เมื่อสภาพเศรษฐกิจของสังคมอเมริกัน เข้าสู่สภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอย่างรุนแรงเมื่อปีที่ผ่านมา เธอปรับรายการของเธอเพื่อช่วยสังคมอเมริกัน ด้วยการเชิญผู้ที่มีปัญหาทั้งในด้านการงานและปัญหาในเรื่องค่าใช้จ่ายประจำเดือนมาออกรายการกับเธอ มาพูดคุยถึงปัญหาที่เกิดขึ้น และเชิญนักเศรษฐศาสตรืและผู้รู้มาร่วมดำเนินรายการในการแก้ปัญหาต่างๆ ซึ่งทำให้ผู้ที่กำลังประสบปัญหาเหล่านี้อยู่กำลังหมดหวัง ได้มีโอกาสระบายในความคับแค้นใจที่ตนกำลังได้รับอยู่ เช่นเดียวกับผู้ที่ได้รับเชิญมาออกรายการ ได้มีโอกาสได้ข้อคิดคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ และนำไปใช้แก้ไขปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นกับตนและครอบครัวได้ หรือสามารถที่จะมองเห็นช่องทางที่จะแก้ไขปัญหาได้แม้ไม่มากนัก แต่ก็ยังดีกว่าแก้ไขไม่ได้เอาเสียเลยหากตนยอมรับสภาพและความจริงที่เกิดขึ้น

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> จากการปรับรูปแบบของรายการเช่นนี้ ทำให้ยอดผู้ชมทางบ้านเพิ่มขึ้นอีกอย่างน่าสนใจ เพราะรายการของเธอไม่ใช่เพียงรายการที่เน้นเพียงสาระและบันเทิงเท่านั้น หากแต่เป็นรายการที่มีประโยชน์ต่อสังคมอเมริกัน เป็นรายการที่สร้างขวัญและกำลังใจให้กับผู้ที่กำลังประสบปัญหา และหาทางแก้ไม่พบได้มีความหวังที่จะลุกขึ้น ด้วยการสร้างกำลังใจและหาทางออก ด้วยความร่วมมือของบุคคลในครอบครัว และสร้างสังคมอเมริกันให้กลับมาแข็งแรงดดยเท่าเทียมกัน
    จึงไม่น่าสงสัยเลยว่า เหตุใด โอปราห์ วินฟรีย์ หญิงผู้เคยล้มเหลวมาแล้วในอดีต กลับกลายเป็นหญิงผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่งต่อสังคมอเมริกัน ยากที่ใครจะมาแทนที่เธอได้ ถึงแมัเธอจะประกาศว่าเธอจะแขวนไมค์ในอีก 2 ปีข้างหน้านี้ก็ตาม
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    Metro Life - Manager Online
     
  11. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ป๋อซื่อใหม่หลีว์ : นักปราชญ์ซื้อลา

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 ธันวาคม 2552 13:59 น.

    《博士买驴》 

    博士(bó shì)อ่านว่า ป๋อซื่อ เป็นชื่อตำแหน่งปราชญ์ในราชสำนักจีน ปัจจุบันหมายถึงผู้มีดีกรีระดับปริญญาเอก
    买(mǎi)อ่านว่า ใหม่ แปลว่า ซื้อ
    驴(lǘ) อ่านว่า หลีว์ แปลว่า ลา 


    ที่มา 图片联盟 - 高清图片|高清图库|摄影图片|设计素材|祖国各地图片|世界各地图片


    ในสมัยโบราณ มีป๋อซื่อ(นักปราชญ์ในราชสำนักจีน)ผู้หนึ่ง ที่เอาแต่คร่ำเคร่งศึกษาท่องจำสี่ตำราห้าคัมภีร์ (หมายถึง ตำรา 4เล่ม กับคัมภีร์ 5 เล่ม ที่รวมปรัชญาและคำสอนในลัทธิขงจื้อ) อย่างยิ่ง จนแทบจะเรียกได้ว่าบรรจุคำสอนในตำราไว้เต็มท้อง เขาชอบวางภูมิอวดโอ่ความรู้ของตนไปทั่ว

    ครั้งหนึ่ง ลาที่บ้านของป๋อซื่อผู้นี้ตายลง เขาจึงไปยังตลาดเพื่อหาซื้อลาตัวใหม่ หลังจากที่เจรจาต่อรองกับเจ้าของลาได้ จึงได้ให้ผู้ขายเขียนหนังสือสัญญาซื้อขายให้ฉบับหนึ่ง แต่ทว่าเจ้าของลาไม่รู้หนังสือจึงขอร้องให้เขาเป็นผู้เขียนเอง ป๋อซื่อตกลง

    เจ้าของลาจึงนำกระดาษ พู่กัน และน้ำหมึกมาให้ ครั้งนี้ป๋อซื่อคิดว่าเป็นช่องทางอวดโอ่ภูมิรู้ของตนทางหนึ่ง จึงตั้งใจเขียนหนังสือสัญญาฉบับนี้อย่างบรรจง จนกระทั่งเวลาผ่านไปเนิ่นนาน กระดาษ 3แผ่นล้วนอัดแน่นไปด้วยตัวอักษรจึงแล้วเสร็จ เจ้าของลาจึงขอให้ป๋อซื่อผู้นี้อ่านให้ตนฟัง เขาจึงกระแอมไอหนึ่งครั้ง จากนั้นโคลงหัวไปมา อ่านออกเสียงราวปราชญ์ผู้กำลังเผยแพร่คำสอน ทำให้ผู้คนที่ผ่านไปมาตามท้องถนนรู้สึกสนใจใคร่รู้ จึงแวะเวียนเข้ามารับฟังด้วย

    ผ่านไปราวครึ่งวัน ป๋อซื่อเพิ่งอ่านหนังสือสัญญาจบ แต่เจ้าของลานั่งฟังจนจบกลับขบคิดไม่เข้าใจเอ่ยถามขึ้นมาว่า “ท่านเขียนจนเต็ม 3 หน้ากระดาษ เหตุใดคำว่า “ลา” ไม่ปรากฏแม้แต่คำเดียว ทั้งที่ ความจริง เพียงบันทึกวันเวลาที่ข้าน้อยขายลาตัวนี้ให้ท่าน และบันทึกว่าข้าน้อยได้รับเงินแล้วเป็นจำนวนเท่าใด มิใช่เรียบร้อยแล้วหรือ เหตุใดต้องเขียนวุ่นวายถึงเพียงนี้?”

    กล่าวถึงตรงนี้ ชาวบ้านที่พากันมาชมดูต่างพากันหัวเราะ ต่อมาเหตุการณ์นี้มีผู้บรรยายเชิงกระทบกระเทียบเอาไว้สั้นๆ ว่า “ป๋อซื่อซื้อลา เปลี่ยนกระดาษ 3 ครา กลับไร้อักษร “ลา” ”

    สำนวน “นักปราชญ์ซื้อลา” เขียนสัญญากว่า 3 หน้า กลับไม่มีคำว่า "ลา" ซึ่งเป็นใจความสำคัญใช้เปรียบเปรยกระทบกระเทียบกับการเขียน การพูด รวมทั้งการสื่อสารอื่นๆ ที่ขาดหัวใจสำคัญของเรื่อง มีแต่น้ำไม่มีเนื้อ หาสาระใจความอะไรมิได้

    สำนวนนี้ใช้ในตำแหน่งภาคแสดง(谓语) หรือกรรม(宾语) ของประโยค

    ตัวอย่างประโยค
    你做事真是博士买驴,不会把握重点,才会搞得乱七八糟。
    คุณชอบทำงานเหมือนกับ ~ ไม่สามารถจับประเด็นสำคัญ จนทำให้ผลงานยุ่งเหยิงไปหมด


    ที่มา
     
  12. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle width=15 background=images/bg_comment.gif>[​IMG]</TD><TD align=left background=images/bg_comment.gif><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ความคิดเห็นที่ 4</TD><TD class=body4 vAlign=baseline align=right width=100 background=images/bg_comment.gif>-1 </TD><TD vAlign=baseline align=middle width=5 background=images/bg_comment.gif></TD><TD vAlign=baseline align=middle width=25 background=images/bg_comment.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=baseline align=middle width=25 background=images/bg_comment.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=baseline align=middle width=55 background=images/bg_comment.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=baseline align=middle width=62 background=images/bg_comment.gif>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width=15>[​IMG]</TD><TD class=body vAlign=top align=left>universe = โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ใครบางคนสร้างขึ้นและกำลังรันอยู่บนplatformอย่างใดอย่างหนึ่ง
    สิงต่างๆในจักรวาล = โปรแกรมย่อยๆต่างๆที่มีรายละเอียดต่างๆกันแต่เชื่อมถึงกัน
    สิ่งมีชีวิต = โปรแกรมที่เรียนรู้ได้ด้วยตัวเองมีalgorithmเฉพาะตัว(genetic algoฯ)ในการเติบโต และสามารถ fork โปรเซสลูกได้อย่างไม่มีสิ้นสุด
    เพราะฉะนั้น "พระเจ้า" คือโปรแกรมเมอร์ที่วันๆเอาแต่นั่งหน้าคอมฯ กินอาหารขยะ ไม่ยอมลุกไปไหน ไม่ยอมอาบน้ำไม่ยอมเข้าห้องน้ำ เหม็น
    ไม่ได้้ล้อเล่น

    ปล.อ่านแล้ว ตลกดี
    Around the World - Manager Online
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  13. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>หลินปิง...อุ้มได้ จ่าย (แค่) 5 ล้าน</TD><TD vAlign=baseline align=right width=85>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการรายวัน</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>24 ธันวาคม 2552 18:38 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD><TD><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>
    “ถ้าเปรียบ 'หลินปิง' เป็นแบรนด์ ตอนนี้ก็เป็นแบรนด์ที่ติดตลาดแล้ว”

    ความเห็นที่รวบรัดสั้นกระชับจากนักการเงินอย่าง สฤนี อาชวานันทกุล ย่อมไม่เกินเลยความจริงแม้แต่น้อย เพราะหากไม่ 'ติดตลาด' จริงดังว่า หาไม่ เจ้าแพนด้าตัวอ้วนกลมตัวนี้ คงไม่มีค่าตัวพุ่งสูงถึง 5 ล้านบาท เพื่อแลกกับการได้มีสิทธิ์สัมผัสใกล้ชิด...สักครั้งหนึ่งในชีวิต

    อานิสงส์เงินล้าน

    ในแง่มุมหนึ่ง เงินจำนวนดังกล่าวย่อมนับว่ามากโขเกินกว่าที่คนธรรมดาจะยอมจ่ายเพื่อให้ได้อุ้มเจ้า 'แพนด้าน้อย' แม้ว่าทุกครั้งที่ได้เห็นจะรู้สึกอยากกอดสัมผัสใกล้ชิดสักเพียงไร แต่ถ้าให้ยอมจ่ายถึง 5 ล้านบาท...ใครบ้างจะกล้าทุ่มถึงขนาดนั้น
    แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เมื่อ ประเสริฐศักดิ์ บุญตระกูลพูนทวี หัวหน้าโครงการวิจัยและส่วนจัดแสดงหมีแพนด้าแห่งประเทศไทย เผยต่อสื่อมวลชน ว่า มีอาม่าท่านหนึ่งจากกรุงเทพฯ เสนอขอมอบเงินบริจาคให้แก่ทางสวนสัตว์เป็นจำนวนสูงถึง 5 ล้านบาท เพื่อแลกกับการให้หลานของอาม่าได้อุ้มหลินปิง

    เมื่อเราสอบถามไปยังหัวหน้าโครงการวิจัยฯ ผู้นี้ ก็ได้รับการขยายความว่า เงิน 5 ล้านบาทที่ได้รับจากการบริจาคจะสามารถนำมาเป็นทุนสำหรับการพัฒนาวิจัยหมีแพนด้า

    “วันหนึ่งข้างหน้าเราก็สามารถสร้างศูนย์ถาวรสำหรับการวิจัยศึกษาชีวิตความเป็นอยู่ของหมีแพนด้าได้อย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้ เงินบริจาคผ่านช่องทางต่างๆ เช่น โครงการหลินปิงช่วยช้างที่ท่านผู้อำนวยการสวนสัตว์ฯ ริเริ่มขึ้น ก็จะสามารถนำเงินไปช่วยเหลือช้างเร่ร่อนด้วย”


    รักได้ ใคร่จ่าย
    เงิน 5 ล้าน จากหลายแง่มุม

    เหล่านี้ล้วนเป็นแง่มุมดีๆ จากเงิน 5 ล้านบาท ไม่ว่าจะเป็นการมีส่วนช่วยยกระดับศูนย์วิจัยให้สามารถพัฒนา ศึกษาค้นคว้าชีวิตแพนด้าได้อย่างเต็มรูปแบบยิ่งขึ้น หรือความตั้งใจว่าจะนำรายได้จากการบริจาคไปช่วยเหลือช้างเร่ร่อนให้อยู่ดีมีสุข แต่ไม่ว่าอย่างไร ข่าวคราวการบริจาคเงิน 5 ล้านบาทของอาม่าให้แก่สวนสัตว์เชียงใหม่แล้วได้รับการพิจารณายินยอมจากทางสวนสัตว์ ก็ถือเป็นเรื่องที่สร้างความกังขา เคลือบแคลงให้แก่คนในสังคมไม่น้อย

    ทำนองว่า...ถ้าไม่รวย ก็ไม่มีสิทธิ์กอดหลินปิงงั้นหรือ? บ้างก็โต้ตอบถกเถียงกันในหมู่เพื่อนฝูงทำนองว่า ก็เพราะเขารวยไงล่ะ ถึงมีสิทธิ์กอดหลินปิง ส่วนคนจนๆ ก็ต้องยอมรับว่าไม่มีสิทธิ์

    มากไปกว่านั้น คือการตั้งคำถามถึงการกระทำของสวนสัตว์และผู้มีอำนาจในการตัดสินใจให้หลินปิงถูกกอดแลกกับเงิน 5 ล้านบาท ว่าเป็นการตัดสินใจที่เหมาะควรหรือไม่ เพราะหากทำเช่นนั้น แพนด้าน้อยตัวนี้คงไม่ต่างจากสินค้าตัวหนึ่งที่ถูกสวนสัตว์นำมาใช้เป็นเครื่องมือหาเงิน

    แต่ก่อนจะไปค้นหาคำตอบกันถึงข้อสังเกตดังกล่าว ลองมาแลกเปลี่ยนความเห็นผ่านมุมมองที่ผ่อนคลายกันสักหน่อยไหม เป็นต้นว่า ถ้าเปรียบหลินปิงเป็นสินค้าจริงๆ เป็นแบรนด์หรูที่คนคลั่งไคล้ หรือไม่ก็เป็นกิจกรรม เป็นดารา เป็นศิลปิน เป็นอะไรก็ตาม ที่ผู้คนพร้อมจะยอมจ่ายไม่อั้นเพื่อแลกกับการได้ถือครองหรือสนิทชิดใกล้

    ด้วยเหตุนี้ จึงอยากรู้นักว่า สำหรับคนที่คลั่งไคล้สิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู เป็นต้นว่า นักสะสมกันดั้มตัวยง, คนที่ชอบทำบุญ, หญิงสาวหัวใจเกาหลี รวมถึงชายหนุ่มผู้ชื่นชอบการ 'ลงอ่าง' เป็นชีวิต

    ถ้ามีเงิน 5 ล้านบาทอยู่ในมือ พวกเขาจะนำไปจัดการอย่างไร จะเพิ่มมูลค่าความสุขให้แก่ตัวเองด้วยวิธีไหน

    เหล่านี้ คือคำตอบของพวกเขา

    “หากมีเงิน 5 ล้าน ผมจะนำไปสร้างพิพิธภัณฑ์กันดั้ม เก็บรวบรวมของที่เกี่ยวกับกันดั้มเจ๋งๆ ไว้ครับ บางคนอาจมองว่า กันดั้มเป็นแค่ตัวการ์ตูน จริงๆ กันดั้มเป็นอะไรที่มากกว่านั้น ผมจึงอยากให้คนทั่วไปได้รับรู้ว่าเสน่ห์ของกันดั้มเป็นอย่างไร มีอะไรซ่อนอยู่ในหุ่นเหล่านี้บ้าง”
    เป็นคำตอบจาก พีรพงษ์ ธนกิจ แฟนพันธุ์แท้กันดั้ม

    พีรพงษ์ บอกว่าตอนนี้บ้านของเขา มีทั้งโมเดลกันดั้ม ตุ๊กตากั้นดัมจำลองหลากไซส์ หนังสือการ์ตูน หนังสือสารานุกรมข้อมูล นิยาย และสิ่งอื่นๆ อีกสารพัดที่ล้วนเกี่ยวข้องกับกันดั้มทั้งสิ้น ก่อนย้อนความทรงจำให้ฟังว่า ครั้งยังเยาว์ เมื่อได้ดูการ์ตูนกันดั้ม ก็รู้สึกถูกชะตากับหุ่นยนต์สุดเท่ห์เหล่านี้เข้าอย่างจัง ทำให้เขาสนใจใคร่รู้ความเป็นมา จึงเก็บข้อมูลและศึกษาทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกันดั้ม โดยเก็บออมเงินค่าขนมเพื่อนำไปซื้อคอลเลกชั่นกันดั้มปีละครั้ง

    และความคลั่งไคล้ที่เก็บถูกรายละเอียดของกันดั้มไว้ในความทรงจำก็ส่งให้เขาคว้าตำแหน่ง 'แฟนพันธุ์แท้กันดั้ม' จากรายการแฟนพันธุ์แท้มาครองได้ นับเป็นการการันตีความ ‘คลั่ง’ ของพีรพงษ์ที่มีต่อกันดั้มได้เป็นอย่างดี

    โบกมือลาเจ้าของหุ่นในตำนานและก็ลองเปลี่ยนบรรยากาศมาพูดคุยกับสุภาพบุรุษที่ชมชอบและอิ่มสุขกับการทำบุญกันบ้าง เขาคือ สรพงษ์ ชาตรี พระเอกยอดนิยม และคู่ชีวิต ดวงเดือน จิไธสงค์ ผู้ทุ่มเทแรงกายแรงใจ พลังแห่งศรัทธาและทุนทรัพย์เพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ในการสร้างอุทยานมูลนิธิสมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี (เมตตา บารมี) ริมถนนมิตรภาพ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา นอกจากนั้น ทั้งคู่ยังสนับสนุนทุนการศึกษาแก่เด็กอีกด้วย

    สรพงษ์ตอบคำถามเรื่องเงิน 5 ล้านกับเราว่า

    “เงิน 5 ล้านบาทเอาไปทำอะไรขึ้นกับความชอบความสนใจ และความสุขส่วนตัวของแต่ละคน คนที่ไม่มีบ้านอยู่ อาจนำไปสร้างบ้าน คนทำหนังก็อาจนำไปสร้างหนัง สำหรับผมคงเอาไปใช้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเองและส่วนรวม คือนำไปใช้สร้างพระนอนปางพุทธไสยาสน์ พระทองสัมฤทธิ์องค์แรกของโลกครับ นั่นแหละความสุขของผม”

    หลังจากพูดคุยกับ 2 หนุ่มต่างวัยแล้ว ลองมารับฟังความเห็นของหญิงสาวกันบ้าง

    เธอคือ ลักขณา คำดี สาววัย 20 ปลายๆ ผู้คลั่งไคล้เทรนด์เกาหลีเป็นชีวิตจิตใจ ถึงขนาดเจียดเงินเดือนในแต่ละเดือนเพื่อเป็นทุนสำหรับเยือนประเทศที่ใฝ่ฝันมาแล้วถึง 3 ครั้ง เพียงเพื่อที่จะได้ใกล้ชิดกับความเป็นกลิ่นอายของเกาหลีใต้ ประเทศที่ 'ดงบังชินกิ' กลุ่มศิลปินที่เธอชื่นชอบอาศัยอยู่ เมื่อถามถึงว่าเธอชื่นชอบและคลั่งไคล้ความเป็นเกาหลีและศิลปินระดับไหน ได้คำตอบว่า “มาก”

    ลักขณาเล่าว่า เริ่มแรก เธอชอบที่จะดูซีรีส์เกาหลีและติดตามดูศิลปินอย่างเป็นจริงเป็นจัง จากนั้น ระยะหลัง ก็เริ่มทุ่มความสนใจมากขึ้นตามลำดับ เมื่อถูกถามว่า หากมีเงิน 5 ล้านบาทจะเอาไปทำอะไรเพื่อที่จะตอบสนองความคลั่งไคล้ของตัวเอง หญิงสาวผู้นี้ตอบว่า

    “ถ้าระยะสั้นนะ จะเอาไปจ้างศิลปินกลุ่มดงบังชินกิสักสามคนได้แก่ มิคกี้ ยูชอน, ยองวุง แจจุง และซีอา จุนซู ที่กำลังมีปัญหากับค่ายอยู่ตอนนี้ เพราะพวกเขาสามารถรับงานนอกได้ ให้มามีตแอนด์กรี๊ดกับแฟนคลับที่ประเทศไทย ซึ่งรวมค่าตัว ค่าที่พัก การดูแลต่างๆ ของศิลปินก็ประมาณ 2 ล้านกว่าบาท ส่วนสถานที่จัดก็น่าจะเป็นโรงหนังแถวๆ สยามสแควร์ ที่เป็นส่วนตัวนิดหนึ่ง เพราะแฟนคลับจะได้ไปร่วมงานอย่างสะดวกด้วย

    “เราจะเป็นคนดูแลศิลปินเองค่ะ ดูแลแบบใกล้ชิดด้วย ซึ่งตัวเราก็มีความสุขอยู่แล้ว และเพื่อนๆ เราที่ชอบเหมือนกัน เขาก็จะมีโอกาสที่จะใกล้ชิดศิลปินที่เขาชอบด้วย”

    ได้สัมผัสกับความคลั่งไคล้ของหญิงสาวกันแล้ว ลองมาทำความรู้จักกับความฝันของนักเที่ยว 'อ่าง' หรืออาบอบนวดกันบ้าง

    บีม (นามสมมติ) หนุ่มวัยกลางคน ที่ชื่นชอบการเที่ยวอาบ อบ นวดในระดับมากที่สุด ให้ความเห็นว่า ถ้ามีเงิน 5 ล้านบาทขนาดนั้น หากมองในระยะยาวเขาจะนำเอาไปลงทุนเล่นหุ้น เพื่อที่จะมีรายได้ ให้ตัวเองได้นำไปใช้เที่ยวในอนาคตได้อย่างไม่หมดสิ้นน่าจะดีกว่า

    “สมมติ เอาไปใช้อย่างเดียวก็หมดไง แต่ถ้าเอาไปทำอะไรให้มันงอกเงยแล้วตอบสนองสิ่งที่เราชอบ มันน่าจะดีกว่านะ ผมว่ามันไร้สาระที่เราจะจ่ายเงินตู้มเดียว 5 ล้านแล้วหายไปกับอะไรไม่รู้ จริงๆ ผมอาจจะเปิดร้านเป็นของตัวเองเลยก็ได้ ซึ่งร้านก็จะเป็นแบบที่มีโคโยตี้สาวๆ มาเต้น เป็นคาราโอเกะด้วย แบบที่มีน้องๆ หนูๆ มานั่งดริ๊งก์ และปกติเราก็ชอบไปเที่ยวแบบนี้อยู่แล้ว ถ้ามีเป็นของตัวเอง เราก็อยู่กับมันได้ทุกวัน ก็เป็นความสุขอีกอย่างหนึ่งด้วย”


    หลินปิง ของ 'เรา' หรือของใคร?

    หลังจากรับฟังความเห็นของคนที่คลั่งไคล้สิ่งต่างๆ ซึ่งบอกเล่าการตอบสนองความสุขของตัวเองด้วยเงิน 5 ล้านบาทแล้ว ลองมารับฟังทัศนะจากนักเศรษฐศาสตร์กันบ้าง ซึ่งเป็นมุมมองต่อเนื่องจากประเด็นคำถามที่เราเกริ่นไว้ข้างต้น ถึง 'สิทธิ' ในการเข้าใกล้ เข้าถึงและสัมผัสเจ้าแพนด้าน้อย

    รวมถึงข้อกังขาที่ว่า การที่สวนสัตว์ยินยอมตามความต้องการของผู้บริจาคเงิน 5 ล้านบาท เพื่อให้หลานได้อุ้มหลินปิงนั้น เป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่ หรือผู้มีอำนาจในการรับผิดชอบดูแลสวนสัตว์แห่งนี้ สมควรทำหรือไม่?

    การกระทำดังกล่าว เปรียบเสมือนการมองหลินปิงเป็นเพียงสินค้าหรือเปล่า? หรือเป็นความปกติธรรมดาของสังคม ที่เมื่อมีอำนาจเงิน มีปัจจัยเพียงพอ ก็สามารถเข้าถึงทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดและเป็นที่ต้องการของคนหมู่มากได้ ไม่ต่างจากที่คนมีฐานะทั่วไปมีสิทธิ์เป็นเจ้าของกระเป๋าแบรนด์เนมราคานับล้าน

    ดร.ศักดิ์ชัย คิริพัฒน์ อาจารย์คณะเศรษฐศาตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ สะท้อนความเห็นต่อประเด็นดังกล่าวว่า

    “หากเรามองหลินปิงเป็นสินค้าทั่วไป ก็แปลว่า ใครก็ตามที่มีเงิน ก็มีโอกาสได้เชยชม นั่นก็เท่ากับว่า คนที่มีสตางค์ก็ได้เข้าใกล้ แต่คนทั่วไปที่ไม่มีเงินมากเทียบเท่า ก็ไม่มีโอกาส นี่คือมุมมองที่ตั้งไว้ว่าถ้าหากหลินปิงเป็น 'สินค้า' นะครับ แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง หลินปิงไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง หลินปิงเป็นของทุกคน เป็นสมบัติของรัฐ เป็นของมีค่า เปรียบได้กับภาพศิลปะในพิพิธภัณฑ์ที่ไม่อาจตีค่า ดังนั้น สิทธิในการเข้าใกล้หลินปิง ก็ไม่น่าจะขึ้นอยู่กับอำนาจซื้อของคน

    “คำถามของผมคือ รัฐมองว่าหลินปิงเป็นสมบัติส่วนตน หรือมองว่าเป็นสมบัติของส่วนรวม”

    สำหรับ ดร. ศักดิ์ชัย เขาไม่อาจละทิ้งคำถามดังกล่าวได้ โดยเฉพาะเมื่อสวนสัตว์หรือภาครัฐที่เกี่ยวข้อง สามารถนำรายได้เข้าสู่องค์กรด้วยอำนาจซื้อของคนที่ต้องการมีสิทธิในการเข้าใกล้หลินปิง

    “มุมมองส่วนตัวของผม หลินปิงควรเป็นของส่วนรวม เพราะหลินปิงสร้างความสุขให้คนทั้งประเทศ ไม่ควรจะเอาหลินปิงมาทำให้รู้สึกคล้ายกับสินค้าโดยให้เหตุผลว่า จะนำเงินมาช่วยสัตว์ หากจะทำเช่นนั้นจริงๆ ผมว่าน่าจะมีวิธีที่ดีกว่านี้ เช่น ก่อตั้งกองทุนหรือมีสถานที่สำหรับรับบริจาคเงินเพื่อวิจัยแพนด้าและช่วยเหลือสัตว์ ในบริเวณที่เด็กๆ มาชมหลินปิง”

    ...แต่ไม่ควรใช้วิธีที่ให้สิทธิกับผู้ที่มี 'อำนาจซื้อ'
    คือความเห็นทิ้งท้ายจากนักเศรษฐศาสตร์ผู้นี้ ที่มีต่อปรากฏการณ์ 'ค่าตัวหลินปิง'

    ...............

    “ตอนนี้ผมกำลังรอให้อาม่าติดต่อมาอีกครั้ง อาม่าเงียบหายไป คงตกใจที่มีข่าวเยอะ ถ้าอาม่าติดต่อมาอีกครั้งผมก็อนุมัติอยู่แล้วครับ เพราะถือว่าเป็นการโปรโมต เป็นการประชาสัมพันธ์ให้เด็กๆ รักสัตว์”

    คือ คำตอบจาก โสภณ ดำนุ้ย ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์

    .............

    เรื่อง : ทีมข่าว CLICK
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    Daily News - Manager Online
     
  14. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>Avatar : อยากจะกราบงามๆ สัก 3 ครั้ง!!!/อภินันท์</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>24 ธันวาคม 2552 13:54 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>อีเมล์ : apnunt@yahoo.com

    ถ้า “พระเจ้า” (God) ทรงเป็นผู้สร้างโลกใบนี้ขึ้นมาจริงๆ ผมคิดว่า ณ เวลานี้ เจมส์ คาเมรอน ก็ได้เนรมิตโลกใหม่ขึ้นมาอีกใบแล้ว เพียงแต่มันอาจไม่ใช่โลกใบเดียวกันกับที่เราเหยียบยืนและสังกัด หากแต่เป็นโลกอีกใบในดินแดนแห่งความนึกฝันที่แม้แต่จินตนาการของเรายังยากจะคิดไปได้เท่าถึง และทั้งหมดนี้ ก็คือ “ก้าวสำคัญ” อีกก้าวหนึ่งซึ่งเดินทางมาได้ “ไกล” ที่สุดแล้ว สำหรับโลกภาพยนตร์...

    บนเวทีออสการ์เมื่อ 10 กว่าปีก่อน เจมส์ คาเมรอน บอกกับทุกๆ คนที่เดินอยู่บนพรมแดงในงานครั้งนั้นด้วยประโยคว่า I’m the king of the world. แน่นอนล่ะ หลายๆ คนอาจจะนึกหมั่นไส้อยู่ลึกๆ กับถ้อยคำดังกล่าว แต่ถ้ามองตามความเป็นจริง เราจะเห็นว่าวาจานั้นไม่ได้เป็นการคุยโวโอเวอร์หรือถือหางตัวเองแต่อย่างใด เพราะต่อให้ไม่นับรวมความสำเร็จแบบถล่มทลายของหนังเรือใหญ่ Titanic ที่ได้ทั้งกล่องและเงิน หนังอย่าง Terminator รวมไปจนถึง Aliens หรือแม้แต่ True Lies ก็เป็น “เครื่องหมายการค้า” ที่สร้างชื่อเสียงให้คนจดจำคาเมรอนได้เป็นอย่างดี

    โดยส่วนตัว ผมรู้สึกว่าผู้กำกับคนนี้ นอกจากจะทำผลงานให้ติดอยู่ในความทรงจำของผู้คนได้เรื่อยๆ แล้ว ผมว่าเขายังมีความทะเยอะทะยานในแบบศิลปินนักสร้างสรรค์อยู่ในตัวเองสูงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความทะเยอทะยานในด้านเทคโนโลยี เพราะหนังหลายต่อหลายเรื่องของคาเมรอนดูเหมือนจะสนุกอยู่กับการเล่นกับเทคโนโลยีอยู่เรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น Terminator, Aliens, The Abyss ไปจนถึง Ghosts of the Abyss หรือแม้กระทั่งหนังรักๆ ใคร่ๆ อย่าง Titanic ก็ยังไม่วายที่จะมีเทคนิคคอมพิวเตอร์กราฟฟิกเข้ามาเกี่ยวข้อง

    แน่นอนที่สุด ความทะเยอทะยานดังกล่าวนั้นแสดงออกให้เห็นอย่างเด่นชัดอีกครั้งในหนังเรื่องใหม่อย่าง Avatar ที่คาเมรอนถึงกับยินยอมพร้อมใจที่จะปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปนับสิบปีเพียงเพื่อเขาจะได้สนุกอย่างเต็มที่กับเทคโนโลยีที่เรียกว่า 3 มิติ ซึ่งกับผลลัพธ์ที่ออกมา ก็พูดได้อย่างสนิทใจว่า มันคุ้มค่าแก่ความทะเยอทะยานและการรอคอยของเขาจริงๆ

    อันที่จริง ผมชอบคำว่า “สุดขอบจักรวาลแห่งจินตนาการ” ที่คุณสันติ เศวตวิมล คอลัมนิสต์รุ่นใหญ่เจ้าของคอลัมน์ “ผู้จัดการบันเทิง” ในหนังสือพิมพ์ Astv ผู้จัดการรายวัน นิยามให้กับเรื่องนี้ มาก...มากเลยนะครับ เพราะมันคือถ้อยคำที่ตรงที่สุดแล้วสำหรับงานชิ้นนี้

    ภาพทุกภาพ ช็อตทุกช็อต และซีนทุกซีน ถูกประดิษฐ์มาอย่างประณีตพิถีพิถันและดูอัศจรรย์น่าตื่นตาตื่นใจ ไล่ตั้งแต่สภาพภูมิทัศน์ของดาวแพนโดร่าที่งามสง่าน่าน่าหลงใหล ไปจนถึงตัวละครสัตว์ชนิดต่างๆ ที่หาดูไม่ได้ในโลกนี้ และที่สำคัญก็คือตัวละครชาวนาวีร่างสีฟ้านัยน์ตาสีน้ำตาลซึ่งถูกทำให้ “เหมือนจริง” อย่างถึงที่สุดด้วยเทคนิคโมชั่นแค็ปเจอร์ (Motion Capture)

    ซึ่งเจ้าโมชั่นแค็ปเจอร์ที่ว่านี้ เกิดจากวิธีการให้นักแสดงสวมชุดบอดี้สูทเพื่อตรวจจับการเคลื่อนไหวของร่างกายและสีหน้า ก่อนจะนำไปสร้างเป็นตัวละครซีจี เหมือนกับที่เราเคยเห็นตัวละครแบบนี้มาแล้ว ก็คือ กอลลัม ใน The Lord of the Rings ผลของมันก็คือให้ความรู้สึก “เหมือนจริง” ไปทุกๆ อย่าง ทั้งท่วงท่าการเคลื่อนไหว การพูดการจา ตลอดจนการแสดงสีหน้าอารมณ์ของตัวละครซีจี

    นั่นจึงไม่น่าแปลกใจที่แทบทุกเสียงของคนที่ได้ดูจะบอกว่า หนังเรื่องนี้ก้าวไปไกลเกินกว่าคำว่า “สมจริง” จะนิยามได้เรียบร้อยแล้ว พร้อมกับถูกแทนที่ด้วยคำว่า “เหมือนจริง” เพราะหลายสิ่งหลายอย่างที่เห็นในหนัง มันทำให้เราแทบจะ “เชื่อ” ไปแล้วว่า นั่นคือ “ของจริง”!!

    เอาง่ายๆ แม้แต่การทำให้ผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาอย่าง “แซม เวอร์ธิงตัน” กลายเป็นคนขาพิการก็ดู “เหมือนจริง” อย่างไร้ที่ติ นั่นยังไม่ต้องพูดถึงเจ้านกยักษ์ตัวนั้นที่ลีลาการโบยบินสุดพลิ้วไหวคล้ายกับว่ามัน “มีชีวิตอยู่จริงๆ” ยังไงยังงั้น
    มาถึงส่วนของเนื้อหาที่หลายๆ คนออกปากบ่นว่ามันธรรมดาและเชยล้าสมัยไปหน่อย และพานบ่นไปไกลเลยว่าบทภาพยนตร์อ่อนและมีปัญหา ซึ่งผมขอยืนยันตรงนี้เลยครับว่า ไม่ใช่อย่างนั้นโดยประการทั้งปวง และคนที่พูดเช่นนั้นก็ดูเหมือนจะยังไม่เข้าใจในสิ่งที่เรียกว่า “บทหนัง” อย่างถูกต้องดีพอ เพราะจริงๆ คำว่า “บทหนัง” ไม่ได้หมายถึง “ต้องมีประเด็นทันสมัยใหม่กิ๊ก” หากแต่หมายถึงการดำเนินเรื่องให้มีความต่อเนื่องเชื่อมโยง มีเหตุมีผล มีที่มาที่ไป น่าเชื่อถือ นั่นคือหลักการสำคัญของบทหนัง ส่วนหลังจากนั้น คนเขียนบทจะแทรกใส่ประเด็นหรือเนื้อหาแบบไหนเข้าไปในบทหนังนั้นๆ นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง เช่น เรื่องความรัก กิเลสตัณหา ปัญหาครอบครัว สังคม การเมือง ฯลฯ

    มองมาที่ Avatar ผมว่าบทหนังก็สอบผ่านแบบฉลุย หนังเล่าเรื่องได้ลื่นไหล สมเหตุสมผล การกระทำของตัวละครมีที่มาที่ไปเท่าๆ กับที่มีเหตุผลรองรับ และพูดก็พูดเถอะ ผมรู้สึกว่าประเด็นที่หนังสื่อ แม้จะดูคล้ายคลึงกับ Dances With Wolves อยู่หลายส่วน แต่ถึงกระนั้น มันก็เป็นประเด็นที่ยังคงร่วมสมัยอยู่เสมอ

    เพราะหากทอดสายตามองไปยังสังคมรอบๆ ตัว หรือรอบๆ โลก เราจะพบเห็นเรื่องราวแบบนี้ได้เรื่อยๆ มันคือเรื่องราวของคนตัวเล็กๆ ที่ลุกขึ้นต่อกรกับคนใหญ่คนโตกว่าที่เข้ามารุกราน ปัญหาที่เขื่อนปากมูลเอย ที่มาบตาพุดเอย ไล่เลยไปจนถึงการถูกรุกรานพื้นที่ของชนเผ่าอินเดียนแดง พูดกันอย่างถึงที่สุด ก็แทบไม่มีอันใดแตกต่างไปจากสิ่งที่ชาวนาวีเผชิญอยู่บนดินแดนแพนโดร่า

    สิ่งที่น่าคิดก็คือว่า ภาพของมวลประชาชาวนาวีที่ถูกทำให้ดูเหมือนเป็นพวกคนป่าเมืองเถื่อนหรือสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดในตอนต้น เอาเข้าจริงๆ พอหนังเดินหน้าไปเรื่อยๆ เราก็ชักจะเริ่มไม่แน่ใจมากยิ่งขึ้นทุกทีว่า ใครกันแน่ที่คือ “อารยะ” หรือใครกันแน่ที่ควรถูกตราหน้าว่า “ไม่เจริญ”?

    ในหนัง มีถ้อยคำๆ หนึ่งซึ่งชาวนาวีเรียกมนุษย์ประมาณว่า “คนจากบนฟ้า” ซึ่งผมคิดว่ามันฟังดูแล้วแปลกดีพิลึก เพราะตามจริง มนุษย์คือสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บนพื้นโลก แต่ถ้ามาจากฟากฟ้า ก็น่าจะมีแต่พวก “สัตว์ประหลาด” หรือ “เอเลี่ยน” อะไรเหล่านั้นมากกว่า...หรือว่าจริงๆ แล้ว นี่คือความจงใจของคาเมรอนที่ต้องการจะสะท้อนและเสียดสีเผ่าพันธุ์ของตัวเองด้วยการให้ชาวนาวีเรียกพวกนาวิกโยธินซึ่งบุกเข้าไปในดาวแพนโดร่าด้วยคำเรียกที่น่าจะใช้กับตัวประหลาดอะไรสักตัว

    ผมว่ามันก็คงคล้ายๆ กับตอนที่เจมส์ คาเมรอน ทำหนังอย่าง The Abyss ซึ่งเล่นเอาคนดูที่หวังจะได้เห็นสัตว์ประหลาดแปลกๆ งงเป็นไก่ตาแตก เพราะตั้งแต่เริ่มแรกไปจนถึงตอนจบ ไม่มีสัตว์ประเภทนั้นโผล่หน้ามาสักตัว ซึ่งนั่นย่อมไม่ใช่อะไรอื่น หากแต่เป็น “สาร” จากใจของผู้กำกับที่พยายามจะสื่อไปยังคนดูผู้ชมของเขาว่า จริงๆ แล้ว มันอาจไม่มีสัตว์ประหลาดหรือเอเลี่ยนที่ไหนในโลกหรอก แต่สิ่งมีชีวิตที่กว้างคืบ ยาววา และหนาศอก อย่างเราๆ ท่านๆ นี่แหละ ที่เป็น “สัตว์ประหลาดตัวพ่อ” เลย

    อย่างไรก็ดี พูดกันอย่างถึงที่สุด เท่าๆ ที่ติดตามผลงานของเจมส์ คาเมรอน มาทุกๆ เรื่อง ผมว่าคาเมรอนนั้นก็ไม่ได้เป็นคนที่ชอบทำหนังลุ่มลึกซับซ้อนอะไรมากมาย เพราะเนื้อหาในหนังแต่ละเรื่องของเขาก็จัดอยู่ในประเภทที่เน้นความเรียบง่าย ซึ่ง “เด็กเข้าใจได้ ผู้ใหญ่เข้าใจดี” แทบทั้งนั้น

    แน่นอน สำหรับ Avatar โดยส่วนตัว ผมรู้สึกว่าเนื้อหาประมาณนี้แหละ กำลังพอเหมาะพอดี ไม่ลึกจนเกินไป แต่ก็ไม่ตื้นเขินจนเกินควร โดยภาพรวมของมัน นอกเหนือไปจากการเป็นหนังแฟนตาซีผจญภัยสไตล์นิยายของเอ็ดการ์ ไรซ์ เบอร์โรว์ส (ผู้แต่งวรรณกรรมอมตะเรื่อง “ทาร์ซาน”) ซึ่งแทรกฉากแอ็กชั่นการต่อสู้เข้ามาอย่างได้จังหวะถูกที่ถูกเวลา หนังยังผสมผสานประเด็นทางศีลธรรมและกิเลสตัณหาหน้ามืดของมนุษย์ รวมเข้ากับเรื่องราวความรักและความรู้สึกเห็นอกเห็นใจในชะตากรรมของผู้อื่นได้อย่างลงตัว

    และนั่น...ผมคิดว่า มันก็ดีมากๆ แล้ว สำหรับที่หนังเรื่องหนึ่งจะพึงดีได้


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    Entertainment - Manager Online


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle width=15 background=images/bg_comment.gif>[​IMG]</TD><TD align=left background=images/bg_comment.gif><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ความคิดเห็นที่ 8</TD><TD class=body4 vAlign=baseline align=right width=100 background=images/bg_comment.gif>+24 </TD><TD vAlign=baseline align=middle width=5 background=images/bg_comment.gif></TD><TD vAlign=baseline align=middle width=25 background=images/bg_comment.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=baseline align=middle width=25 background=images/bg_comment.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=baseline align=middle width=55 background=images/bg_comment.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=baseline align=middle width=62 background=images/bg_comment.gif>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width=15>[​IMG]</TD><TD class=body vAlign=top align=left>อยากบอกว่าไปดูมาแล้ว ดาว pandora เสมือนจริงและน่าอยู่มากก เนียนทุกสิ่งอย่าง

    ไม่รู้ใครเป็นเหมือนเราหรือป่าวนะ

    เราดูแล้ว "เจ็บแปลบ" ไปถึงหัวใจ

    เพราะมันเสียดสีความเป็นมนุษย์

    ไม่ว่าจะเป็นประโยคที่ว่า "เพื่อนที่มาจากดาวที่ไม่มีสีเขียว ทำลายได้แม้กระทั่งแม่ของตัวเอง" หมายถึงโลกเรานั่นเอง

    และการกระทำหยำฉ่าของพวกมนุษย์ที่เห็นแต่ผลประโยชน์มากกว่าสื่งอื่นใด

    น้ำตาไหลพรากค่ะ ซาบซึ้งมาก Avatar จะเป็นหนังอีกหนึ่งเรื่องที่อยู่ในใจตลอดไป

    Thada <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle width=15 background=images/bg_comment.gif>[​IMG]</TD><TD align=left background=images/bg_comment.gif><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ความคิดเห็นที่ 51</TD><TD class=body4 vAlign=baseline align=right width=100 background=images/bg_comment.gif></TD><TD vAlign=baseline align=middle width=5 background=images/bg_comment.gif></TD><TD vAlign=baseline align=middle width=25 background=images/bg_comment.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=baseline align=middle width=25 background=images/bg_comment.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=baseline align=middle width=55 background=images/bg_comment.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=baseline align=middle width=62 background=images/bg_comment.gif>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width=15>[​IMG]</TD><TD class=body vAlign=top align=left>ข้อเสียประการเดียวของหนังเรื่องนี้ คือ "ไม่เหลือที่ให้จินตนการเลย"

    อิอิอิ
    I Pad (otto101 สมาชิก)[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="90%" align=center border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width=9>[​IMG]</TD><TD vAlign=top background=/images/cg_t.gif height=9></TD><TD vAlign=top align=right width=9>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=9 background=/images/cg_l.gif> </TD><TD vAlign=top bgColor=#f5f5f5><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width="56%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle width=15 bgColor=#e4e4e4>[​IMG]</TD><TD align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#e4e4e4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>[​IMG]</TD><TD vAlign=baseline align=right width=62>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width=15>[​IMG]</TD><TD class=body vAlign=top align=left>อีกข้อ: ไม่มีปล่อยช่องให้ไปฉี่เลย
    ดันซดน้ำก่อนเข้าโรง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle width=15 bgColor=#e4e4e4>[​IMG]</TD><TD align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#e4e4e4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>[​IMG]</TD><TD vAlign=baseline align=right width=62>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width=15>[​IMG]</TD><TD class=body vAlign=top align=left>ก็มีเรื่องนี้แหละที่ทำให้ไม่ได้ไปฉี่ 2 ชม.กว่าปวดอิ๊บอ๋าย แต่ไม่อยากลุก
    Arale</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle width=15 bgColor=#e4e4e4>[​IMG]</TD><TD align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#e4e4e4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>[​IMG]</TD><TD vAlign=baseline align=right width=62>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width=15>[​IMG]</TD><TD class=body vAlign=top align=left>หนังมันยาวน่ะครับ 2.45 ชั่วโมง ถ้าคุณเป็นคนดีมีวินัยเข้าตรงเวลาก็ได้ดูตัวอย่างหนังกับโฆษณาอื่นด้วย ปาเข้าไป 3 ชั่วโมงกว่า
    ทีหลังควรดูความยาวหนังก่อนซื้อน้ำเข้าไปดื่ม ยิ่งหนังที่ทำดีๆ มันส์ๆ มันไม่มีช่องว่างให้พักฉี่อยู่แล้ว
    โสน้าหน้า</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ธันวาคม 2009
  15. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
  16. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ตามหัวใจไปบางเนียง... ตามหาเหยื่อสึนามิรหัส TA 0749 (ตอน 1)





    5 ปีผ่านไป ฉันถึงกล้าพอที่จะหยิบเรื่องนี้มาเล่า... ในคืนวันรำลึกถึงเธอ...

    </META><META content=Word.Document name=ProgId></META><META content="Microsoft Word 12" name=Generator></META><META content="Microsoft Word 12" name=Originator></META><LINK href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_filelist.xml" rel=File-List></LINK><LINK href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_themedata.thmx" rel=themeData></LINK><LINK href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_colorschememapping.xml" rel=colorSchemeMapping></LINK><STYLE>&amp;amp;lt;!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Cordia New"; panose-1:2 11 3 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;}@font-face {font-family:"Cambria Math"; panose-1:2 4 5 3 5 4 6 3 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:roman; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1610611985 1107304683 0 0 159 0;}@font-face {font-family:Calibri; panose-1:2 15 5 2 2 2 4 3 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1610611985 1073750139 0 0 159 0;}@font-face {font-family:Tahoma; panose-1:2 11 6 4 3 5 4 4 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:1627400839 -2147483648 8 0 66047 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-unhide:no; mso-style-qformat:yes; mso-style-parent:""; margin-top:0cm; margin-right:0cm; margin-bottom:10.0pt; margin-left:0cm; line-height:115%; mso-pagination:widow-orphan; font-size:11.0pt; mso-bidi-font-size:14.0pt; font-family:"Calibri","sans-serif"; mso-ascii-font-family:Calibri; mso-ascii-theme-font:minor-latin; mso-fareast-font-family:Calibri; mso-fareast-theme-font:minor-latin; mso-hansi-font-family:Calibri; mso-hansi-theme-font:minor-latin; mso-bidi-font-family:"Cordia New"; mso-bidi-theme-font:minor-bidi;}p.MsoHeader, li.MsoHeader, div.MsoHeader {mso-style-priority:99; mso-style-link:"หัวกระดาษ อักขระ"; margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; tab-stops:center 225.65pt right 451.3pt; font-size:11.0pt; mso-bidi-font-size:14.0pt; font-family:"Calibri","sans-serif"; mso-ascii-font-family:Calibri; mso-ascii-theme-font:minor-latin; mso-fareast-font-family:Calibri; mso-fareast-theme-font:minor-latin; mso-hansi-font-family:Calibri; mso-hansi-theme-font:minor-latin; mso-bidi-font-family:"Cordia New"; mso-bidi-theme-font:minor-bidi;}span.a {mso-style-name:"หัวกระดาษ อักขระ"; mso-style-priority:99; mso-style-unhide:no; mso-style-locked:yes; mso-style-link:หัวกระดาษ;}.MsoChpDefault {mso-style-type:export-only; mso-default-props:yes; mso-ascii-font-family:Calibri; mso-ascii-theme-font:minor-latin; mso-fareast-font-family:Calibri; mso-fareast-theme-font:minor-latin; mso-hansi-font-family:Calibri; mso-hansi-theme-font:minor-latin; mso-bidi-font-family:"Cordia New"; mso-bidi-theme-font:minor-bidi;}.MsoPapDefault {mso-style-type:export-only; margin-bottom:10.0pt; line-height:115%;}@page Section1 {size:595.3pt 841.9pt; margin:72.0pt 72.0pt 72.0pt 72.0pt; mso-header-margin:36.0pt; mso-footer-margin:36.0pt; mso-paper-source:0;}div.Section1 {page:Section1;}--&amp;amp;gt;</STYLE>
    <?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>[​IMG]
    <O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    แม้ว่าจะมีความรู้รอบตัวพอควร แต่ฉันไม่เคยรู้จัก “สึนามิ” จนกระทั่งเช้าวันที่ 26 ธันวาคม 2547 และเกาะติดข่าวด้วยความระทึกใจมา 2 วันเต็มๆ พร้อมกับคิดอย่างชุ่ยๆ ว่า โชคดีที่ไม่มีคนรู้จักเราไปแถวนั้น<O:p></O:p>
    จนวันที่ 28 น้องสาวฉันได้รับโทรศัพท์ถามว่า บ้านฉันสนิทกับหน่องใช่ไหม หน่องไปพังงาคืนวันคริสต์มาส แล้วหายไปกับข่าวสึนามิ ยังติดต่อไม่ได้ พวกเราแทบช็อค!<O:p></O:p>
    หน่องคือน้องสาวที่น่ารัก สนุกสนาน มุขเยอะ เคยเป็นลูกน้องตอนฉันเป็น บก. แถมยังเคยมาอยู่บ้านฉัน กินนอนขลุกอยู่กับน้องสาวฉันมาหลายปี จนกระทั่งไปเป็น บก.ข่าว น.ส.พ.ชื่อดัง เรายังสนิทสนมกันดี แต่ห่างๆ กันไปบ้างตามโอกาส ว่างๆ ก็จะมากินดื่มเม้าท์แตกกัน ฝากข่าวไม่เคยพลาด เหมือนฉันเป็นพี่สาวคนหนึ่งของเธอ



    [​IMG]


    ไม่มีใครรู้ว่าหน่องไปอยู่จุดไหนของพังงา พอทราบข่าว น้องสาวฉันก็โทรศัพท์ตามหาทางเพื่อนๆ ของเอ็ม แฟนหน่องที่ไปด้วยกัน เอ็ม เป็นนักดนตรีวงลาวา (แตกมาจาก หิน เหล็ก ไฟ ที่มาจาก ดิ โอฬารโปรเจ็คท์ อีกที) จนกระทั่งเจอร่องรอยในตอนดึก ว่าหน่องกับเอ็มไปพักอยู่กับคุณตุ๋ยกับสามีชื่อคุณไนเจิล เพื่อนนักดนตรีของเอ็ม ที่หาดบางเนียง เขาหลัก จ.พังงา โดยคนสุดท้ายที่น้องสาวได้คุยคือ คุณแดงภรรยาคุณคีธ ซึ่งอยู่ด้วยกันในคืนคริสต์มาส ทั้งคู่รอดจากสึนามิ กลับมา กทม.แล้ว<O:p></O:p>
    น้องสาวฉันอีกคนกับแฟนเธอขาลุย ขอทำตามหัวใจเพื่อไปช่วยกันตามหาหน่อง ฉันน่ะไม่อยากไปเลย ไม่อยากเห็นสภาพสูญเสีย ไม่อยากเผชิญกับอะไรทั้งสิ้น แต่ฉันจะอยู่ได้อย่างไรอีกต่อไป หากฉันไม่ทำอะไรสักอย่างเพื่อน้องคนนี้<O:p></O:p>
    กลางดึกวันที่ 29 เราเข้าถึงจุดเกิดเหตุที่แสนมืดมิด ผ่านทางขาด ผ่านสภาพต้นไม้-เสาไฟล้มระเนระนาด เห็นร้านค้ามีไฟเปิด แวะไปถามทาง เขาตอบเหมือนกับว่าเราโดนผีหลอก (เขาว่าผีรับโทรศัพท์ให้เราไปหา) เพราะจุดที่เราจะไปไม่มีคนอยู่แล้ว มีแต่เต้นท์อำนวยการ และบางสิ่งที่ไม่น่าดู แต่เรายังยืนยันจะไป<O:p></O:p>
    เราไปถึงแสงไฟอีกจุด กลิ่นชวนคลื่นเหียนเล็ดลอดเข้ามาในรถ โทรศัพท์อีกครั้ง คุณตุ๋ยบอกว่าอยู่เยื้องๆ กับเต้นท์รับบริจาค เธอส่องไฟฉายให้เราตามแสงไฟไปหาที่บ้านเธอ ริมถนนทางเข้าหาดบางเนียง<O:p></O:p>
    เธอยังอยู่จริงๆ กับคุณไนเจิล แค่ 2 คน ในทาวเฮ้าส์ 2 ชั้น สภาพชั้นล่างพังเละเทะ มีร่องรอยน้ำท่วมถึงบันไดขั้นบนสุด เราขึ้นไปนอนคุยกันในความมืดมิด แม้เราเพิ่งรู้จักกัน แต่ความไว้วางใจมีเกินร้อย คุณไนเจิลส่องไฟฉายให้เราดูสภาพบ้าน เขาพังหลังคาเตรียมเอาไว้ หากน้ำถล่มถึงชั้นบน เขาจะหนีขึ้นไปบนหลังคา <O:p></O:p>
    ทั้งสองเล่าว่า คืนก่อนเกิดเหตุ เขาพาหน่องกับเอ็มและเพื่อนๆ ไปกินดื่มกันบนเขาหลัก กลับมาตีสี่ หน่องกับเอ็มยืนยันจะไปนอนรีสอร์ทริมทะเล มิวายที่ทั้งคู่จะชวนนอนอยู่ที่บ้านก็ไม่ยอม เพราะหน่องต้องกลับพรุ่งนี้เย็น (วันที่ 26) ยังไงๆ ก็ขอนอนริมทะเลให้ได้ คุณไนเจิลบอกว่าทั้งที่ห้องพักหายากมาก แต่เขาก็หารีสอร์ทติดทะเลให้หน่องกับเอ็มจนได้ <O:p></O:p>
    เช้าวันนั้นคนที่ยังนอนอยู่ที่นี่ส่างเมาตื่นมาโวยวายว่าน้ำท่วม แทบไม่มีใครเชื่อ แต่พอลุกมาดูก็เจอน้ำปริ่มๆ ชั้น 2 จริงๆ พอวิ่งออกไปดูที่ระเบียงหน้าบ้านก็เห็นกระแสน้ำเชี่ยวกราก ผู้คน สิ่งของลอยลิ่วๆ มากับน้ำ คุณตุ๋ยยังร้องบอกให้บางคนเกาะต้นไม้ไว้ทัน บางคนหลุดไปกับกระแสน้ำ หายไปต่อหน้าต่อตา<O:p></O:p>
    วิ่งไปดูหลังบ้าน ซึ่งมีห้องแถวชั้นเดียว อนิจจา คนแก่และเด็กๆ หนีน้ำไม่ทันตายกันไปหลายราย มันชุลมุนวุ่นวายมาก ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็ว ฉับพลัน ข้าวของมากมาย ลอยละล่องไปอย่างไม่น่าเชื่อ<O:p></O:p>
    จนเหตุการณ์สงบ คุณแดง คุณคี้ธ และลูกตัวน้อย ซึ่งพักอยู่รีสอร์ทไม่ไกลจากริมถนนนัก รอดมาได้ แล้วรีบกลับไปทันที<O:p></O:p>
    แต่... ทั้งคู่ไปเดินตามหาหน่องกับเอ็ม ไม่เห็นร่องรอยอะไรเลย รีสอร์ทเล็กๆ ริมทะเลหลังนั้น พังยับเยิน ดงมะพร้าวเยื้องๆ กัน กลายเป็นหลุมยักษ์ ไม่เหลือแม้กระทั่งโคนมะพร้าว...<O:p></O:p>
    เรานอนคุยกันจนเพลีย ทั้งคู่บอกว่าพรุ่งนี้เช้าจะพาเราไปดูรีสอร์ทที่หน่องนอน ฉันนอนไม่หลับ แค่เคลิ้มๆ ไปก็ผวาวูบ ต้องจับมือน้องสาวไว้ เพราะหลับตาลงก็เหมือนจะฝันเห็นแต่สภาพน้ำบ่าจากคลื่นยักษ์ เสียงผู้คนโหวกเหวกโวยวาย เห็นน้ำท่วมไปถึงภูเขา เห็นซากปรักหักพังจากแรงน้ำลอยซัดร่างคนจมหายไปกับตา เห็นชัดเจนราวกับอยู่ในเหตุการณ์<O:p></O:p>
    เช้ารุ่งขึ้น 30 ธค. เราได้ไปดูร่องรอยสึนามิ...<O:p></O:p>
    อะไรที่ไม่เคยพบเคยเห็น ก็ต้องเห็น!<O:p></O:p>
    น่าแปลกอันแรก... จากบ้านคุณตุ๋ย คุณไนเจิล ริมถนน ฝั่งตรงข้ามเยื้องไปเป็นกองอำนวยการณ์รับบริจาค – หาศพ เป็นลานโล่ง (จากสึนามิกวาดไป) สุดขอบตรงนั้นเป็นภูเขา (จริงๆ เหมือนที่เห็นในฝันเมื่อคืน) เรือใหญ่เกยอยู่ชายเขาไกลลิบๆ รอยน้ำท่วมสูงเหมือนในนิมิตร (จุดนี้เป็นบริเวณเดียวกับที่คุณพุ่มจากไป)<O:p></O:p>
    เดินออกจากบ้านคุณตุ๋ยไป ฝั่งเดียวกัน ก่อนลงทะเล ที่เราได้กลิ่นรุนแรงเมื่อคืน เป็นที่กองศพ... ค่ะ ศพจริงๆ ศพ 4 วัน ที่ตายเพราะจมน้ำทะเล ใครเคยเห็นบ้าง ฉันเพิ่งเคยเห็นที่นั่นครั้งแรก ศพเป็นร้อยเป็นพันศพ หน้าตาเหมือนกันหมด ยกเว้นผมแดงผมดำ ความสูงเท่านั้น อย่างอื่นเหมือนหมด<O:p></O:p>
    ฉันกลับมาบอกทุกคนว่า ไม่ต้องไปทำศัลยกรรมหรอก ตายไปก็เหมือนกัน<O:p></O:p>


    เพราะ... เราจะแยกได้แค่ หญิง – ชาย สีผม อย่างดีก็คือ รอยสัก หากใครมีรอยสักเป็นเอกลักษณ์ก็จะหาศพง่ายหน่อย สีผิวอย่าหวัง...<O:p></O:p>
    ทุกศพจะดำเป็นเมือกๆ เหมือนกันหมด หากไปจับจะลื่นๆ ไม่ติดมือ (เขาเรียกว่าศพมะขามเปียก) หน้าจะกลม ตาโปนกลมเหมือนลูกปิงปอง ปากอ้าค้างมีลิ้นจุกปาก ตอนมีชีวิตอยู่มือใครกางได้แค่ไหน ลิ้นจะบวมออกมาจุกปากได้แค่นั้น<O:p></O:p>
    สภาพการนอนของแต่ละศพก็เหมือนกันหมด หากสวมเสื้อผ้ายืด มันก็จะยืดตามไป หากรัดรึงเหมือนคนอ้วนดันทุรังใส่เสื้อเด็กปลิ้นๆ หากเสื้อไม่ยืด จะขาดวิ่น เพราะทุกศพจะบวมปริ นอนกางมือกางขาราวทารกแรกเกิดเหมือนกันหมด เรียกว่าใส่โลงไซส์ธรรมดาไม่ได้<O:p></O:p>
    ศพผู้ชาย ไม่ได้ลามก แต่เล่าเป็นวิทยาทาน ขอโทษ ไข่ลูกเท่าส้มโอ จู๋บวมอืดเท่ากระติกน้ำร้อนฮอทต้าชาร์ป จริงๆ ค่ะ เห็นมากับตา ถ่ายภาพมาด้วย แต่ ใครๆ ก็ขอดูจนทั้งภาพทั้งฟิล์มหายไปในงานศพ และหากยังอยู่ก็ไม่กล้านำมาเผยแพร่ เพื่อความเคารพต่อผู้ตายค่ะ<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    อ่านต่อพรุ่งนี้นะ... ชักกลัวแล้วดิ๊ อุตริมาอัพบล็อกลางดึกเรื่องศพ...ก็มันเพิ่งจะว่างนินา...<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p>อ่านต่ออีก 2 ตอนจบแล้วค่ะ<O:p></O:p>
    pijika blog<O:p></O:p>
    pijika blog



    </O:p>
     
  17. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>นิทานสอนใจ : ชาวนาผู้ไม่จองเวร และโจรกลับใจ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>27 ธันวาคม 2552 09:27 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ยังมีพระเถระในพระพุทธศาสนารูปหนึ่งต้องการ เดินทางจากแคว้นโกสัมพีไปยังนครพาราณสี ระหว่างทางพระเถระได้พบกับพ่อค้าเพชรพลอยคนหนึ่งชื่อ "ปัณฑุ" กำลังเดินทางด้วยขบวนรถม้า พ่อค้าเพชรพลอยจึงนิมนต์พระเถระให้ร่วมในขบวนของเขาด้วยจิตใจยินดี และคิดว่าท่านอาจจะเป็นผู้นำโชคลาภมาให้ในโอกาสหนึ่ง

    ระหว่างทาง ขบวนรถม้าของพ่อค้าเพชรก็พบเกวียนบรรทุกข้าวของชาวนาจอดหักขวางทางอยู่ ทำให้รถม้าไม่อาจผ่านไปได้ พ่อค้าเพชรใจร้อนอยากไปถึงเมืองพาราณสีโดยเร็ว จึงสั่งให้ทาสรับใช้ของตนลงไปผลักรถของชาวนาให้พ้นทางเสีย แม้ชาวนาและพระเถระจะวิงวอนสักเท่าใด เขาก็หาฟังไม่ ทำโดยหวังให้รถม้าของตนไปได้โดยเร็วเท่านั้น

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=358 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=358>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> เมื่อขบวนของพ่อค้าเพชรผ่านจุดดังกล่าวมาได้สักระยะ พระเถระก็ขอลงจากขบวน โดยบอกว่า อาศัยเดินทางมาพอหายเหนื่อยแล้ว จะขอเดินทางโดยลำพังต่อไป จากนั้นท่านก็ย้อนกลับมาช่วยชาวนาซ่อมเกวียน ทำให้ชาวนารู้สึกเลื่อมใสในพระเถระเป็นอันมาก ท่านได้มอบคำสอนเกี่ยวกับ "กฎแห่งกรรม" อันเป็นผลรวมแห่งการกระทำให้แก่ชาวนา

    ขณะนั้นเอง เมื่อพวกเขากำลังจะออกเดินทางต่อ ม้าก็ได้สะดุดเข้ากับวัตถุอย่างหนึ่ง ชาวนาเข้าใจว่าเป็นงู แต่พระเถระพิจารณาอย่างดีจึงเห็นว่ามันเป็นถุงทองคำ จึงมอบให้แก่ชาวนา และบอกว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะทำความดีตอบแทนความชั่วร้าย ขอให้นำถุงทองคำนี้ไปมอบแก่พ่อค้าเพชร เพราะมันต้องเป็นของพ่อค้าเพชรอย่างแน่นอน

    ชาวนาเชื่อฟังพระเถระ และตั้งใจว่า เมื่อถึงเมืองพาราณสีแล้ว จะนำถุงทองคำไปมอบคืนแก่เจ้าของ ด้านพ่อค้าเพชรเองนั้นก็กำลังไม่สบายใจอย่างหนัก เพราะเขาเดินทางมาถึงเมืองพาราณสีแล้ว แต่กลับหาถุงทองคำไม่พบ เขานึกสงสัยทาสรับใช้ชื่อ "มหาทูต" จึงจับมาเฆี่ยนตี บีบคั้นให้รับสารภาพ แต่มหาทูตก็ไม่ยอมรับสารภาพเพราะไม่ได้ขโมยไป ขณะที่มหาทูตกำลังบาดเจ็บเจียนตายจากการถูกทำโทษ ชาวนาพร้อมถุงทองคำก็มาถึงพอดี ช่วยชีวิตของมหาทูตได้ทันการ

    พ่อค้าเพชรมีความยินดีเป็นอันมาก เขาจึงแนะนำชาวนาให้กับเพื่อนของเขาซึ่งเป็นพ่อค้าข้าว ให้รับซื้อข้าวจากชาวนา ประกอบกับเพื่อนของพ่อค้าเพชรเอง ก็กำลังทุกข์หนัก เพราะในวันพรุ่งนี้ เขาต้องส่งข้าวให้กับทางราชสำนัก แต่เขาไม่มีข้าวเหลือเลย เขาจึงรับซื้อข้าวจากชาวนาในราคาสูงกว่าราคาตลาดถึง 3 เท่า และเพื่อเป็นการตอบแทนน้ำใจชาวนา พ่อค้าเพชรจึงมอบรางวัลแก่ชาวนาอีกด้วย อีกทั้งยังเลื่อมใสในพระเถระ เขาจึงบริจาคทรัพย์สร้างวัดอันร่มรื่นในเมืองโกสัมพี

    ชาวนาได้สิ่งดี ๆ ตอบแทนก็เพราะตั้งตนอยู่ในโอวาทของนักปราชญ์ และเป็นผู้ไม่จองเวร ตรงกันข้ามกับทาสรับใช้มหาทูตซึ่งโกรธแค้นพ่อค้าเพชรเป็นอันมากที่ทุบตีตนอย่างไม่มีเหตุผล จึงหนีไปเป็นหัวหน้าโจรอยู่ในป่า ซ่องสุมกำลัง

    จากฝีมือของพ่อค้าเพชรที่เลื่องลือออกไป ทำให้มีพระราชาองค์หนึ่งรับสั่งให้พ่อค้าเพชรทำมงกุฏทองคำบริสุทธิ์ และประดับด้วยอัญมณีสูงค่า พ่อค้าเพชรดีใจมาก ทำอย่างสุดฝีมือ และเสร็จแล้วจึงจัดขบวนคุ้มกันนำมงกุฏไปถวายพระราชา โชคไม่ดีที่ระหว่างทางเจอโจรป่าดักปล้น ซึ่งก็คือกลุ่มโจรของมหาทูต อดีตทาสรับใช้ของตนนั่นเอง

    พ่อค้าเพชรถูกปล้นจนหมดเนื้อหมดตัวจึงสำนึกได้ถึงกรรมที่ตนเองเคยก่อเอาไว้

    วันเวลาผ่านไป ก็ได้มีสมณะหนุ่มชื่อ ปัณฐกะ ซึ่งเป็นศิษย์ของพระเถระ เดินทางมาพบท่านที่เมืองโกสัมพี ระหว่างทาง สมณะหนุ่มก็ถูกกลุ่มโจรของมหาทูตปล้นเอา แต่ท่านไม่มีอะไรจะให้ จึงถูกโจรทุบตีแทบเอาตัวไม่รอด ต้องนอนซมอยู่ในป่า 1 คืน พอรุ่งเช้าขณะเดินโซเซออกมาจากป่า ท่านก็พบว่าพวกโจรกำลังทะเลาะวิวาทกันเอง ใช้อาวุธประหัตประหารกันจนมีคนตายเกลื่อนกลาด เมื่อกลุ่มโจรแตกสลาย ท่านจึงได้เข้าไปช่วยหัวหน้าโจร ซึ่งก็คือมหาทูตที่สั่งให้ลูกน้องทำร้ายท่านเมื่อวานนี้ เอาน้ำให้ดื่ม

    มหาโจรรู้สึกเสียใจที่ทำกับสมณะอย่างทารุณ แต่ท่านกลับมิได้ถือโทษ กลับเข้าช่วยเหลือเขา อีกทั้งยังเสียใจที่ลูกน้องของเขาก็คิดทำลายเขา สมณะปัณฐกะจึงได้ให้โอวาทแก่มหาโจร ขอให้เขาทำใจให้สงบ การที่เขาสอนให้ลูกน้องหรือบริวารเหี้ยมหาญนั้น ได้ย้อนกลับมาทำร้ายตัวของเขาเอง ถ้าเขาสอนให้ลูกน้องมีเมตตากรุณาประจำใจ เขาย่อมไม่ประสบชะตากรรมเช่นนี้

    มหาโจรรู้ว่าตนเองนั้นต้องตายแน่ จึงขอร้องสมณะหนุ่มขอให้ช่วยไปบอกพ่อค้าเพชรด้วยว่า อโหสิให้เขาด้วย และบอกที่ซ่อนสมบัติของพ่อค้าเพชร ขอให้พ่อค้าเพชรมารับไปเสีย จากนั้นก็สิ้นใจ

    พ่อค้าเพชรพอได้ทราบเรื่อง ก็จัดพิธีศพให้กับมหาทูตอย่างดี พร้อมสลักเรื่องราวของโจรกลับใจคนนี้ไว้บนศิลาหน้าสุสานด้วย

    นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ผู้เลี้ยงคนให้เป็นคนดี ย่อมได้รับการสนองตอบด้วยความดี ผู้สอนคนให้เป็นโจร ย่อมได้รับการสนองตอบด้วยการกระทำอย่างโจร พิจารณาได้จากเรื่องของชาวนาและมหาทูตเป็นตัวอย่าง

    เรียบเรียงจากหนังสือนิทานธรรมะ "เพื่อเยาวชน" ทีมงานต้องขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ค่ะ


    Life & Family - Manager Online


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  18. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เมื่อสมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษทรง “ประหยัด”</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>25 ธันวาคม 2552 17:05 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> เป็นข่าวฮือฮาตลอดช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาในอังกฤษ เมื่อบรรดาเหยี่ยวข่าวตีพิมพ์การเสด็จพระราชดำเนินส่วนพระองค์ของสมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ เยี่ยงสามัญชน จากสถานีรถไฟคิงส์ครอสในกรุงลอนดอน เพื่อแปรพระราชฐานไปยังสถานีรถไฟคิงสลิน อันเป็นสถานีที่อยู่ใกล้กับพระตำหนักซานดริงแฮม ในมณฑลนอร์โฟล์ค เพื่อทรงใช้เวลาในช่วงปลายปี ฉลองเทศกาลคริสต์มาสกับพระสวามีและพระบรมวงศานุวงศ์ที่ใกล้ชิด

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> การเสด็จฯครั้งนี้นับว่าเป็นการส่วนพระองค์จริงๆ เพราะมีการแจ้งล่วงหน้าให้อำนวยความสะดวก และเคลียร์สถานที่เพียงห้านาทีก่อนเสด็จถึง อีกทั้งยังไม่มีพิธีรีตรองใดๆ ที่เป็นทางการทั้งสิ้น มีข้าราชบริพารติดตามเพียงไม่กี่คนเท่านั้น โดยพระองค์มีหมายกำหนดการเสด็จขึ้นรถไฟที่ชานชาลาหมายเลข 11 บี ของวันศุกร์ที่ 18 ธันวาคมที่ผ่านมา เวลา 10.45 น. ก่อนเวลาที่รถไฟจะออกเพียงเล็กน้อย
    ขณะที่สมเด็จพระราชินีอลิซาเบธที่สอง เสด็จฯถึงสถานีรถไฟอย่างเงียบๆ ก่อนเวลารถไฟรถออกเพียงเล็กน้อยนั้น มีเด็กหญิงวัยรุ่นคนหนึ่งได้วิ่งไปซื้อช่อดอกไม้ที่ร้านขายดอกไม้เล็กๆ ก่อนถึงชานชาลาเพื่อถวาย ซึ่งสมเด็จพระราชินีก็ทรงมีพระราชปฏิสันถารกับเด็กหญิงคนนั้น ด้วยพระพักตร์ที่ยิ้มแย้ม โดยทรงถือช่อดอกไม้ขึ้นไปบนห้องที่ประทับด้วย ขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่เมื่อทราบว่า สมเด็จพระราชินีจะเสด็จฯถึง ต่างก็ตื่นเต้นที่จะได้ชมพระบารมี แต่ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ที่จำได้ว่าเป็นสมเด็จพระราชินีอลิซาเบธที่ 2 เพราะน้อยคนจะได้เห็นพระองค์ท่านอย่างชัดเจน ด้วยทุกคนต่างก็เร่งรีบที่จะขึ้นรถไฟ


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> สมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษในชุดฉลองพระองค์เสื้อคลุมสีน้ำตาลอ่อน ทรงผ้าคลุมพระเกศาลายสีส้มเหลือง หากไม่มีผู้สังเกตก็คงคิดว่าเป็นสุภาพสตรีสูงอายุคนหนึ่งที่กำลังจะโดยสารไปกับรถไฟขบวนนี้เท่านั้น เมื่อเสด็จฯขึ้นประทับในตู้รถไฟชั้นหนึ่ง ซึ่งแบ่งเป็นห้องโดยสาร 8 ที่นั่ง ก็ทรงประทับรวมกับข้าราชบริพารและราชองครักษ์ รถไฟขบวนนี้เป็นของ บริษัท เฟิร์สต์ แคปปิตอล คอนเน็คท์ ซึ่งการเสด็จฯในครั้งนี้ทรงซื้อตั๋วล่วงหน้าในราคาพิเศษเพียง 44.40 ปอนด์ เป็นตั๋วลดราคาเนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่มีผู้โดยสารน้อย และเป็นตั๋วราคาพิเศษสำหรับผู้สูงอายุอีกด้วย

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=296 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=296>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ในการเสด็จฯเยี่ยงสามัญชนนี้ ทำให้ทรงสามารถประหยัดพระราชทรัพย์ได้มาก เพราะหากเป็นการเสด็จฯด้วยรถไฟส่วนพระองค์แล้ว ค่าใช้จ่ายของรถไฟทั้งขบวนจะต้องใช้เงินถึงเกือบหกหมื่นปอนด์ ในการเดินทางแต่ละครั้งทีเดียว
    และในการเสด็จฯเป็นการส่วนพระองค์เช่นนี้ จึงเป็นสิ่งที่สมเด็จพระราชินีทรงปฏิบัติบ่อยครั้ง เพื่อแสดงถึงความประหยัด และอาจเป็นการส่งสัญญาณให้กับพระราชวงศ์ ได้นำไปปฏิบัติตามอย่างอีกด้วย

    Celeb Online - Manager Online



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  19. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [​IMG]
     
  20. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [​IMG]
    ทำไมลูกไก่จึงข้ามถนน?
    บุคคลสำคัญจะตอบว่า...

    Albert Einstein:
    หือ.. คุณทราบได้ไง ว่าลูกไก่ข้ามถนนหรือถนนเคลื่อนที่ลอดลูก ไก่กันแน่?

    Isaac Newton:
    1. ไก่ที่อยู่กับที่ ก็พยายามจะอยู่กับที่ ไก่ที่เคลื่อนที่ก็มีแนวโน้มจะข้ามถนน
    2. มันถูกผลักโดยไก่ตัวอื่น
    3. มันถูกดึงโดยไก่ที่อยู่อีกฟากหนึ่งของถนน

    Stephen Hawkings:
    มันถูกกำหนดมาตั้งแต่วินาทีแรกที่เกิดบิกแบงแล้ว!

    Charles Darwin:
    เพราะนั่นเป็นการกระทำที่สมเหตุสมผลหลังจากที่มันลงจาก ต้นไม้แล้ว ลูกไก่ตัวที่เหมาะสมที่สุดจะข้ามถนน

    Bill Gates:
    การที่ลูกไก่ข้ามถนนไปนั้น ไม่ใช่นโยบายของ ไมโครซอฟต์แม้แต่น้อย ขณะนี้ไมโครซอฟต์ได้อุดช่องทางที่ ลูกไก่เล็ดรอดออกไปเรียบร้อยแล้ว

    Linus Torvald:
    ถนนก็เหมือนกับ sex ยิ่งข้ามฟรียิ่งดี ทำไมลูกไก่จะไม่ข้าม

    อคิมีดีส:
    ถ้าหาคานยาวๆและจุดหมุนที่เหมาะสมให้ลูกไก่ได้ล่ะก้อ มันก็จะไม่ต้องลำบากเดินข้ามถนนเองร๊อก..

    John F. Kenedy:
    อย่าถามว่าลูกไก่จะข้ามถนนหรือไม่ แต่จงถามว่าถนนจะยอมให้ลูกไก่ข้ามหรือป่าว

    เติ้งเสี่ยวผิง:
    จะไก่ดำหรือไก่ขาวก็ไม่สำคั ขอให้ข้ามถนนได้สำเร็จก็พอ

    นายพลแมคอาเธอร์:
    Chickens shall return!

    Neil Armstrong:
    ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่ก้าวเล็กๆของลูกไก่ตัวหนึ่ง แต่มันเป็นก้าวกระโดดที่ยิ่งให่ของมวลหมู่ลูกไก่ทั้งหลาย

    นโปเลียน:
    ลูกไก่เดินข้ามถนนได้ด้วยท้อง

    โธมัส เอลวา เอดิสัน:
    ถึงลูกไก่จะข้ามถนนไม่สำเร็จในความพยายยามหนึ่งพัน ครั้ง แรก ก็ไม่ได้แปลว่ามันล้มเหลวโดยสิ้นเชิง อย่างน้อยๆ ลูกไก่ก็รู้วิธีที่จะข้ามถนนไม่ สำเร็จ ตั้งหนึ่งพันวิธีแน่ะ

    จูเลียส ซีซ่าร์:
    ลูกไก่ไม่ได้ข้ามถนนเสร็จในวันเดียว

    จิวยี่:
    ฟ้าส่งให้ลูกไก่มาเกิด ใยต้องให้มีถนนมาขวางหน้าด้วย!

    มาร์กซ์ :
    ลูกไก่ธรรมดาต้องใช้แรงงานในการเดิน ส่วนลูกไก่ศักดินา ซีพี กับได้นั่ง รถขนไก่ไป ลูกไก่กรรมาชีพ จงลุกขึ้นปฏิวัติ

    มหาตมะ คานธี:
    ถึงผมจะไม่เห็นด้วยกับการที่ลูกไก่จะข้ามถนน แต่ผมยินดีที่จะ สละชีวิตของผม เพื่อปกป้องสิทธิของลูกไก่ในการที่จะข้ามถนน

    ผู้พันแซนเดอร์ แห่ง KFC :
    เราคัดเลือกไว้แต่ไก่เนื้อพันธ์ดี รุ่นกระทง ลูกไก่เล็กๆ เราไม่สนใจจะเอามาทำ เราจึงปล่อยมันเดินข้ามถนน

    เจ้าสัวธนินทร์ เจียรวรานนท์ :
    อย่าคิดแค่ว่าเป็นลูกไก่ข้ามถนนสิ แต่ที่นี่ CPF เราคิดว่า มันเป็นเส้นทางตัดผ่าน โรงอาหารของคนทั้งโลก

    ทักษิน :
    ผมไม่รู้ ว่าลูกไก่มันข้ามถนนทำไม แต่ถึงการข้ามถนนนี้จะผิด มันก็เป็นความผิดโดยสุจริต ไร้เดียงสา

    ชวน หลบภัย:
    อัน นี้ตามหลักการ ถ้า ลูกไก่ จะข้ามถนน มันก็เป็นสิทธิอันชอบธรรม ของลูกไก่ ที่สามารถ ทำได้ภายใต้กรอบ บัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ นะคะรับ

    เฉลิม ฝั่งธน:
    ไหนๆๆนาย ลูกไก่ตัวไหนที่จะเดินข้ามถนน มันอยู่สังกัดไหนหือออออ อ๋อลูกไก่คอกเดลินิวส์เหรอ เลวๆๆๆๆ นายตัวนี้เลว

    น้าหมัก ชมภู่:
    ผมว่านะ นายลูกไก่ นี่ถ้ายังขืนปล่อยให้มันเดินข้ามถนนอย่างนี้ตายแหงๆ ผมกะว่า ปีงบประมาณหน้าผมจะใช้เงิน สองร้อยแปดสิบสี่ล้านสามแสนสองหมื่นเจ็ดพันแปดสิบสี่บาท ทำอุโมงค์ ลอดถนนยาว สามสิบสองเมตร เจ็ดสิบแปดเซนติเมตร ให้มันเดินรอด อย่างนี้พวกคุณว่ามันปลอดภัยกว่ามั้ย ล่ะ

    บิ๊กจิ๋วหวานเจี๊ยบ:
    โถๆ หนู ลูกไก่ที่ไหนกันข้ามถนน ไม่มีหรอก ที่หนูเห็นน่ะมันแค่ออกมาเดินเล่นริมถนนเท่านั้นแหละจ้ะ

    คลินตัน :
    No. I didn't not have sexual relationship with that chicken!

    เผ่าอินเดียนแดง :
    ไม่มีอะไรภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ที่ลูกไก่จะทำไม่ได้

    ขงจื๊อ :
    เพราะบรรพบุรุษของมันข้ามถนนมาก่อนหลายชั่วไก่

    เหลาจื๊อ :
    ถ้าถนนนั้นมีชื่อล่ะก็ สิ่งที่ลูกไก่ข้ามก็ไม่ใช่ถนน

    จางจื๊อ :
    จริงๆ แล้ว ข้าฯ เป็นลูกไก่ที่กำลังฝันว่าเป็นคนรึเปล่านะ

    โจโฉ :
    ข้าฯ ยอมให้ลูกไก่ข้ามถนน ดีกว่าให้ถนนข้ามลูกไก่

    'รงค์ วงษ์สวรรค์ :
    นาทีนั้น นางไก่สาวกำดัด กำลังสะดิ้งกาย ย้ายฝ่าเท้าลามเลียไปตามถนนสายพิศวาส สำออย !!!

    บาซู :
    ชูไม้ชูมือ ส่ายสะดือเจี๊ยบไปเจี๊ยบมา

    Liverpool :
    Chicken will never walk across the steet alone.

    Anonymous(0) :
    คงเป็นเพราะว่าลูกไก่เพิ่งดื่มเหล้า Red Label มามั้งครับมันเลย " Just walking "

    Yoda :
    Use his force, the chicken did. and you!, what about you, young jedi?
    you must control your mind.....

    Arnold Schwartzenegger :
    He'll be back!

    กาลิเลโอ :
    พวกท่านมีใครเคยลองหาปริมาตรของลูกไก่หรือยัง ถ้ายัง - ลองไปอาบที่เจ้าพระยาสิ ท่านจะได้ความคิดดีดี

    Vincent Van Gogh :
    That chicken can cross the street without any ear(pinna), so do I.

    การทางพิเศษ :
    ตลอดเวลาหลายสิบปี การทางพิเศษได้ทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจ เพื่อสานฝันให้กับทุกย่างก้าวของลูกไก่ บัดนี้ ถึงเวลาแล้วที่ลูกไก่ จะต้องข้ามถนนเพื่อต่อเส้นทางการเดินของมัน...ให้ยาวไกลยิ่งขึ้น นี่ไม่ใช่การเพิ่มภาระหรือทรมาน แต่เป็นการกำหนดหน้าที่ในการเดินทางรูปแบบใหม่ ซึ่งลูกไก่...ไม่เคยรู้


    ที่มา : r m a n a e
    เจ้าของบทความ : ไม่ทราบชื่อ

    บทความ ทำไมลูกไก่จึงข้ามถนน?...บุคคลสำคัญจะตอบว่า...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ธันวาคม 2009

แชร์หน้านี้

Loading...