นี่ ๆ เหล่านักปฏิบัติ จ๋าาา ช่วยวิสัชนา ตอบ นู๋บี ทีซิ ว่า ขรัวตาจะตีไหมค้าาาาาาาา ?

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย 5th-Lotus, 20 ตุลาคม 2009.

  1. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=VvhimW97Kj4]YouTube - Black Hole Montage - NASA Galaxy Big Bang - PHJ[/ame]
     
  2. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=hoLvOvGW3Tk]YouTube - Black Holes, Neutron Stars, White Dwars, Space and Time[/ame]
     
  3. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=M8L-oRCBgV0&feature=player_embedded]YouTube - Zen Monk Hip-Hop Rap & the Monk Bar in Japan[/ame]
     
  4. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    http://video.mthai.com/player.php?id=6M1264153715M0

    ดร.วรภัทร ภู่เจริญ จากนาซ่าสู่ป่าช้าเมืองไทย เจาะใจ (21-01-10) คลิป คลิปจากหมวด ข่าวและเหตุการณ
     
  5. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันนี้มีผู้รายงานสารภาพว่า...ถูกหลวงพ่อรีดไถจนเกือบหมด...


    ณ สวนสันติธรรม
    เช้าวันนี้ช่วงหลังกินข้าวแล้ว
    มีเพื่อนร่วมชะตากรรมดูจิตด้วยความรู้สึกตัว เข้าฟังธรรม มีการส่งการบ้านเช่นเดิม ๆ

    ก็รื่นเริงในธรรมด้วยความเบิกบานใจและอารมณ์ขันของหลวงพ่อ แม้จะดูสังขารกายท่านไม่สู้ดีนัก แต่ฟังเสียงแล้ว ชื่นใจ

    แต่มีรายหนึ่งที่เราอยากเก็บมาเล่าให้ฟัง

    ...ผมปฏิบัติธรรมมาหลายปี พอมาฟังธรรมและปฏิบัติตามคำสอนหลวงพ่อ ขอสารภาพว่า...
    หลวงพ่อรีดไถ...(ฟังไม่ชัด)
    หลวงพ่อเลยย้ำว่า...พูดให้ชัดๆนะว่า...
    หลวงพ่อรีดไถ อะไร...

    คนฟังงียบ

    ผู้รายงาน...ก็หลวงพ่อรีดไถอัตตาตัวตน รีดไถกิเลสสารพัดที่ผมเคยมีจนเหลือนิดเดียวครับ....

    555

    ดินโคลน

    จากคุณ : amlee
    เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 53 12:45:50

    http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y8795352/Y8795352.html
     
  6. 5th-Lotus

    5th-Lotus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    354
    ค่าพลัง:
    +306
    ถามคนที่ไม่มีศาสนาครับ ว่า?

    อืม...ตะกี้ ได้อ่าน กาทู้นู้น

    พอมืดๆ-ชอบมีความคิดชั่ววูบผุดมาว่า-ผีโผล่มาสิวะ-แก้ยังไงดีครับ



    เรย อยากจะโพส กาทู้นี้ เล่น ๆ เหอ ๆ



    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=2><TBODY><TR><TD width="100%" bgColor=#204080 colSpan=2 rowSpan=2>
    • [​IMG] <!--WapAllow0=Yes--><!--pda content="begin"--><B><BIG><BIG><!--Topic-->ถามคนที่ไม่มีศาสนาครับ ว่า? [​IMG] [​IMG] </BIG></BIG></B>

    • <!--MsgIDBody=0-->ผมสงสัยว่าคนที่ไม่มีศาสนาจะกลัวผีหรือเรื่องลี้ลับอะไรหรือเปล่า
      และถ้าเกิดฆ่าคนหรือสัตว์ตัวใหญ่สักหน่อย เช่น หมา แมว แล้วจะรู้สึกผิดอะไรหรือเปล่าครับ <!--MsgFile=0-->
      จากคุณ : <!--MsgFrom=0-->massacre [​IMG] - [ <!--MsgTime=0-->13 มิ.ย. 52 18:05:22 <!--MsgIP=0-->]


      <!--pda content="end"-->
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    <!--pda content="begin"--><HR align=center width="90%" color=#f0f0f0>

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>
    • [​IMG] <!--WapAllow1=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 1 [​IMG][​IMG]

      <!--MsgIDBody=1-->ขอแจม

      คนไม่มีศาสนา นี่กล้าไปนั่งในป่าช้า หรือ โรงเก็บศพ ทั้งคืนหรือเปล่า ยังสงสัย

      แต่ข้อสอง เขาอาจไม่รู้สึกบาป แต่รู้สึกผิด ก็ได้ครับ <!--MsgFile=1-->

      จากคุณ : <!--MsgFrom=1-->4 (บีโกะ) [​IMG] - [ <!--MsgTime=1-->13 มิ.ย. 52 18:49:14 <!--MsgIP=1-->]

      <!--pda content="end"-->
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>


    <!--pda tag="<hr align=center width=90%>"--><!--MsgIDBottom=6--><!--MsgIDTop=7-->
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=1><TBODY><TR><TD>
    • [​IMG] <!--WapAllow7=Yes--><!--pda content="begin"-->ความคิดเห็นที่ 7 <!--InformVote=7--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[7], 7);</SCRIPT>[​IMG] <!--EcardManage=7--><!--EcardSend=7-->
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>



    อันนี้ ลิ้งค์ที่มา แบบ เต็ม ๆ เหอ ๆ

    http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2009/06/Y7969763/Y7969763.html
     
  7. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=hyuF3UkFQ5o]YouTube - Michael Jackson "We Are The World" (demo)[/ame]
     
  8. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ก่อนเจอหลวงพ่อ ชีวิตเราเหมือนคนไม่เต็มคน
    เราเจออุปสรรคในชีวิตมากมาย เป็นโรคซึมเศร้า นอนไม่หลับ ไม่พูดกับใคร
    ร้องไห้ได้บ่อยๆ เราคิดว่าโลกนี้โหดร้ายกับเรา โลกนี้ไม่น่าอยู่
    ในขณะเดียวกันเราก็ไม่เคยมองเห็นความเลวของตนเองเลย

    เราทำให้แม่ร้องไห้ เราตวาดใส่คนอื่นเพียงเพราะเขาทำไม่ได้ดั่งใจเราแค่เล็กน้อย
    เราไม่เคยรับฟังความคิดเห็นใคร เราโทษคนอื่นเสมอแต่ไม่เคยโทษตัวเอง
    ถึงแม้เราจะปฏิบัติธรรมแต่ก็ไม่ได้ช่วยคลายทุกข์เพราะเราไม่รู้หลักที่ถูกต้องและขาดความเพียร

    จนกระทั่งได้เจอธรรมเทศนาของหลวงพ่อที่ช่วยกระตุ้นให้เรากลับมาปฏิบัติอีก
    ทุกวันนี้เรากลายเป็นคนใหม่ที่มีสติมากขึ้น ความเลวความชั่วหายไปหลายอย่าง
    ส่วนที่เหลืออยู่อีกหลายอย่างก็มีสติยับยั้งไม่ผิดศีลได้ทันการณ์มากขึ้น

    เรารู้จักคำว่าเบิกบาน ยิ้มได้ หัวเราะได้
    เจอเรื่องเศร้าแบบเดิมๆ...พอมีสติขึ้นมาน้ำตาก็ไม่ยักมี กลายเป็นเรื่องเล็กไปได้
    หัวถึงหมอนปุ๊บหลับปั๊บ ตื่นนอนตรงเวลาแบบไม่ต้องพึ่งยา
    ปฏิบัติธรรมแล้วได้พบกับความสงบเป็นครั้งแรก
    ได้พบ ได้เห็นอะไรหลายอย่างที่ทำให้คลายสงสัยในพระศาสนา

    และที่ทำให้เราปลื้มใจที่สุด คือการที่แม่เอ่ยปากออกมาเองว่า
    แม่ดีใจที่เห็นเราเปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางที่ดีได้
    และเราทำให้แม่มีกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป

    ทั้งหมดทั้งมวลนี้ จะว่าหลวงพ่อเป็นคนทำ เป็นคนสร้างให้ทั้งหมดก็ไม่ใช่
    แต่หลวงพ่อได้มอบสิ่งที่มีค่ายิ่งกว่า คือการทำให้เรา "เปลี่ยนตนเองด้วยตนเอง"
    มีตนเป็นที่พึ่ง มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งโดยความสมัครใจยินดี
    ไม่ใช่เพราะศรัทธางมงายไร้เหตุผล


    ข่าวลือใดๆจะจริงหรือไม่ไม่สำคัญสำหรับเรา
    เพราะประจักษ์แล้วว่าธรรมะเป็นของจริง เป็นของกลาง
    ผู้ใดปฏิบัติอย่างถูกต้องด้วยความเป็นกลาง ผู้นั้นย่อมรู้ได้ด้วยตนเองค่ะ


    ขอกราบแทบเท้าหลวงพ่อจากใจค่ะ
    -/l\-
    -/l\-
    -/l\-

    แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 53 00:23:39
    แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 53 00:22:16

    จากคุณ : ร่าเริงเบิกบานสำราญอุรา
    เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 00:21:07
    PANTIP.COM : Y8806573
     
  9. รัตนภูมินทร์

    รัตนภูมินทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    219
    ค่าพลัง:
    +319
    คนเรานี่มีอะไรที่แปลกๆๆมากมายหลายสิ่งปะปนกันไปจังนะ
     
  10. Tonchang

    Tonchang สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2010
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +0
    เรียน คุณ k.kwan

    ช่วยลบบทที่ แปด ด้วยครับ
    รายละเอียดตามได้ที่ บล็อคครับ
     
  11. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ชื่อภาพยนต์ฮอลีวูลเป็นไทย ความฮาจึงบังเกิด
    โปรดนึกภาพตัวหนังสือภาษาไทยหน้าโรงหนังประกอบ

    Mummy............................................ แม่จ๋า
    Mummy Return...................................แม่จ๋ากลับมาเถอะ
    Gone with the Wind .............................ลอยไปตามลม
    xXx..................................................หนังโป๊ภาค3
    X-Men .............................................ผู้ชายหื่น(ง้า -_-")
    Flyboys ..........................................กระหัง ??
    Dragonball.....................................แก้วมังกร (อร่อยดี)
    Saving Private Ryan……....................บัญชีสะสมทรัพย์ส่วนตัวของคุณไรอั้น (- _ -)’
    James Bond Dr. No………...................เจมส์ พันธบัตร ตอน คุณหมอปฏิเสธ (make senseสุดๆ)
    Catch me if you can ...................... จับฉันถ้าคุณกระป๋อง (เวอร์ชั่นซับนรกจริงๆ)
    Pearl harbor………………………………………. ท่าไข่มุก (อำเภอ ท่ามะกา)
    Saw1 Saw2 Saw3 Saw4………………....……… เห็นแล้ว1 เห็นแล้ว2 เห็นแล้ว3 เห็นแล้ว 4
    Home alone..................................... บ้านเดี่ยว
    Ghost Ship ..................................... ผีเล่นพนัน
    What women want ........................... ผู้หญิงอยากอะไร (นั่นน่ะสิ)
    Women On Top .................................ผู้หญิง (อยาก) อยู่ ข้างบน (ก๊ากๆๆๆ)
    U-571.............................................คุณไม่ใช่คนแรก (อิอิ)
    8MM..............................................8 มิลลิเมตร (โห โคตรสั้นเลย) <<< ตอบทีอะไรสั้น
    A whole nine yard..............................ยาวทั้งหมด 9 หลา (นี่ก็โคตรยาว) <<< อะไรยาวอีกทีนี้
    8Mile............................................12.87กิโลเมตร
    Ocean’s eleven…………………………………… 11 มหาสมุทร
    Ocean’s twelve…………………………….……… 12 มหาสมุทร (เป็น 20 มหาดินสอ)
    Eight below………………………………….……. ใต้เลขแปด (เลขเจ็ด ??)
    20,000 leagues under the sea…………...……(ใต้ทะเลมีบอลให้แทงอีกหลายคู่)
    Mystic River .........................................................แม่น้ำ น่าสงสัย (อืมม)
    Who am I......................................................................ผมเป็นใคร ? (ใครจะรู้ฟะ ขนาดแกยังไม่รู้เนี่ย)
    I am Sam...................................................................ผมคือยุรนันท์
    Payback……………………………………………. จ่ายคืนหลัง (เพราะกองหน้าโดนประกบหมด)
    Paycheck ...............................................................จ่ายด่วน ระวังเด้ง
    Pay it forward...............................................................จ่ายล่วงหน้า (สงสัยเป็นระบบเติมเงิน)
    Cheaper by the dozen...............................เหมาโหลถูกกว่า อันนี้เป็นชื่อไทยตามแบบหนังสือเด๊ะๆ
    Twelve Monkeys....................................ลิงโหลนึง (บอกแล้วว่าเหมาโหลมันถูก)
    Charlie's Angel.............................................................. นางฟ้าของชาลี
    Charlie and The Chocolate Factory........................... ชาลีกับโรงงานช็อกโกแลต (มีหลายอย่างจังนะชาลี)
    Firewall……………………………………………… กำแพงไฟ (ละครช่องเจ็ด หรือเปล่าพี่)
    Star wars - return of the jedi…………………… กำแพงดาว (ก็ได้ยินเป็น Star wall อะ) ภาคกลับรถที่เจดีย์
    Star gate…………………………………………… ประตูดาว (ภาคต่อของเรื่องข้างบน)
    Inside man………………………………………… ข้างในคนผู้ชาย (หนังเรียนผ่าตัดของคณะแพทย์เหรอ)
    Dirty Dozen……………………………………….. โหลสกปรก (ก็เอาไปล้างสิ)
    Van Helsing.....................................รถตู้นรกร้องเพลง
    Deep Impact ..................................กระแทกลึกๆ<กระเเทกอะไรหว่า>
    Red Eyes ......................................ตาแดง (ไปหาหมอสิ)
    Tomorrow Never Dies ........................พรุ่งนี้ก็ไม่ตาย
    Die Another Day .............................ตายวันอื่น(ก่อนหน้านี้มันบอก พรุ่งนี้ก็ไม่ตาย)
    The man in the iron mask ....................คนผู้ชายในหน้ากากเตารีด
    Toy Story................................................เรื่องของต้อย???
    Iron will …………………………………………….. จะเหล็ก
    The Silence of the Lamb ........................ลูกแกะเงียบ(หนังเศร้า ชีวิตลูกแกะใบ้)
    Die Hard..........................................(ตายแข็ง แข็งตาย)
    Con Air ...................................................................ข้าวโพดผึ่งลม
    Cast Away ..............................................................ขว้างไปไกลๆ
    Windtalkers ............................................................ ลมพูดได้
    Million Dollar Baby ................................................ล้านดอลจ๊ะที่รัก
    Bigfish...................................................ปลาบึก
    The net..................................................ตาข่าย
    The Matrix.............................................ติวคณิต พิชิตเอ็นทรานซ์
    The Fantastic 4........................................4 ยอดกุมาร
    Ultraviolet..............................................มหาม่วง (หนังเกย์)
    The Day After Tomorrow........................................มะรืนนี้
    Notting Hill.............................................ไม่มีอะไรที่ภูเขา
    Cat Woman............................................แมวตัวเมีย
    Bat Man................................................ค้างคาวตัวผู้





    ที่มา http://webboard.yenta4.com/topic/311329

    <!-- google_ad_section_end -->http://palungjit.org/threads/ชื่อภาพยนต์ฮอลีวูลเป็นไทย-ความฮาจึงบังเกิด.224531/<!-- google_ad_section_end -->
     
  12. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    คนดีเห็นความดีคนอื่นได้ง่าย
    ผู้มีเมตตาย่อมซาบซึ้งในเมตตาจิตของผู้อื่นได้ง่าย
    ผู้มีปัญญา ย่อมรู้ได้ว่า ใครมีปัญญาควรแก่การกราบไหว้และศรัทธาครับ

    จริยวัตร เมตตา ปัญญา และงานเขียนของพี่ตุลย์
    ทำให้ผมศรัทธามาก

    แล้วความรู้ที่ผมศึกษามาอย่างมาก ก็ได้ความรู้ของคุณดังตฤณ มายืนยันความหนักแน่นให้ผม
    ความรู้ทุกอย่าง ลงรอยกันกับ อ.พร รัตนสุวรรณ ได้เป็นอย่างดี
    หมายถึงในหลักกลางๆ นะครับ ไม่ใช่ปลีกย่อย

    ถ้าวันหนึ่ง พี่ตุลย์ จะโดนกล่าวหาบ้าง หรือจะเป็นอย่างไรก็ตาม
    แต่ผมก็รู้แค่ว่า งานเขียนของท่าน เขียนไว้ได้งดงามถูกต้อง
    และเป็นไปเพื่อละความมีตัวตน

    ทั้งการพบปะส่วนตัว ทั้งความเมตตาที่มีให้ผม
    ยังไม่นับกับการที่สามารถอ่านใจผมได้ถูกต้อง โดยที่ผมแค่ถามในใจ

    หลายคนศรัทธาคุณดังตฤณ แค่เพราะอ่านงานเขียน
    ซึ่งถามว่าเชื่อได้หรือไม่ แต่ใจเรานั่นแหละจะตอบได้
    หลายคนไม่เคยเห็นตัวจริง ก็คิดว่าพี่เขาเป็นพระ
    แล้วหลายคนก็ต้องพูดตรงกันว่า คนเขียนคนนี้
    ไม่ใช่คนธรรมดา ต้องระดับอริยะแล้วเท่านั้น

    ถามว่าตอนพระพุทธเจ้าตรัสสอนคนทั่วไป ท่านเอาอะไรมายืนยัน


    ทำไมคนถึงเชื่อ และศรัทธา เพราะความจริงที่พูดออกมานั้น เปิดแสงสว่างในใจให้เขา


    เห็นด้วยตนเอง รู้เฉพาะตนว่า คำสอนนั้นๆ ทำให้เบาและหลุดจากความทุกข์ได้อย่างไร


    เป็นจริงอย่างไร ผมเชื่อว่าคนที่ศรัทธาคุณดังตฤณ ก็รู้สึกเช่นกัน


    แต่แน่นอน คนชั่ว คนโง่เกินไป คนที่หนาเกิน เขาย่อมเข้าไม่ถึงกับธรรมะอันลึกซึ้ง
    ซึ่งเราก็เห็นได้ว่า คนหลายคนก็ไม่เข้าใจที่พระพุทธเจ้าทรงสอน
    ไม่ศรัทธาแถมยังกล่าวหา ทำร้าย ป้ายสีท่านอีก

    คนขี้เหล้า คนเห็นแก่ตัว ไม่มีทางศรัทธาและชื่นชมคนดีที่เสียสละชีวิตเพื่อคนอื่นฉันใด
    คนดีมีศีลธรรม มีปัญญามาแนวทางเดียวกัน ย่อมศรัทธาในครูบาอาจารย์ด้วยปัญญาเช่นกัน

    ผมไม่ได้เคารพใคร เพราะสักแต่ไหว้ตามกันมา
    ผมไม่ได้เคารพใคร เพราะว่าเขาเป็นคนน่าเชื่อถือ และคนในสังคมให้การเคารพ
    ผมไม่ได้เคารพใคร เพราะอิทธิฤทธิ์ หรือเหตุผลใดๆ

    ผมเป็นคริสต์มาก่อน ผมอ่านและศึกษามาเยอะมาก
    ผมคิดว่าภูมิธรรมของผมมีมากพอ ที่จะรู้ว่าใครควรเคารพและน่าศรัทธา
    แต่ศรัทธาด้วยปัญญา พิจารณาแล้วว่า บุคคลที่เราเคารพ
    มีคุณธรรมสูงจริงๆ

    แต่แม้ต่อให้ตัวหนังสือเป็นเพียงสิ่งที่เขียนออกมา
    ผมก็ยังเคารพ เพราะงานเขียนและความเมตตาของพี่ตุลย์
    เป็นบุญคุณที่ยิ่งใหญ่ เปิดแสงสว่าง และให้โอกาสผมได้สร้างกุศลต่อยอดอีกมากมาย

    จริงๆ คำถามแบบนี้ ไม่น่าถามอะ
    ผมรู้สึกแค่ว่า ถ้าคุณเป็นคนปฏิบัติธรรม และรู้จักคุณดังตฤณดีพอ
    คุณก็คงไม่ถาม

    เหมือนคนทั้งหลายไม่ควรถามว่า ศรัทธาเคารพพระพุทธเจ้าทำไม ไหว้พระทำไม
    ใครหลายคนอาจจะคิดว่าผม โง่ นะ

    อาจจะคิดว่าผมงมงาย อาจจะคิดว่า ผมไปไม่ถึงไหน
    แต่ผมรู้ตัวเองดี และก็ดีใจที่เกิดมาในเส้นทางที่ถูกต้องตรงทาง

    บางทีผมอาจจะอธิบายธรรมไม่ตรง หรือสำนวนไม่เป๊ะ
    แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า จิตผมจะเข้าใจไม่ตรงกัน
    แค่เรื่องทางโลก ผมยังอธิบายให้ใครเข้าใจผมไม่ได้เร้ยยยย 555

    ลัทธิเพี้ยน และคนที่หลงทางซะเอง หรือพวกที่นอกรีตไปนั่น
    เขาต่างก็คิดว่าคนอื่นเพี้ยน คนอื่นผิดทาง
    ธรรมะจริงๆ มันไม่ได้มีหลักอะไรมากเลย

    แค่ดูว่า ทุกหนทางนั้น มันทำให้ละวางอัตตาตัวตน ทำลายความยึดมั่นถือมั่นได้หรือไม่ก็แค่นั้น
    ถ้าเข้าใจหลักสั้นๆ ก็จะรู้ว่าใครสอนถูก ผิด ใครตรง ใครหลง

    แต่ก็นะ

    ผมมีคติประจำตัวโพสต์ไว้ในไฮไฟว์นานหละ

    คนบ้าย่อมคิดว่าคนอื่นบ้ากว่าตน
    คนโง่ย่อมคิดว่าคนอื่นโง่กว่าตน
    ป่วยการกับการสนทนากับคนบ้าและคนโง่เพื่อจะเอาชนะมัน

    ก่อนอื่นต้องบอกก่อนนะ ผมไม่ได้ว่าคุณ แล้วผมก็คิดว่าคุณเป็นพวกเดียวกับผม
    แล้วน่าจะเป็นคนที่สนทนาด้วยได้ 555

    เมื่อก่อน ผมเจอใครเห็นไม่ตรงกับผมนะ
    ผมก็จะเพียรทำความเข้าใจ และอธิบาย
    จนมาถึงตอนนี้ผมรู้อะ ว่าคนบางจำพวก ต้องปล่อยเขาไป

    คนบ้า มักจะเห็นคนอื่นบ้านะ ... เราไปพูดยังไง เขาก็ไม่เข้าใจ เขาก็ว่าเราบ้าอยู่นั่น

    ผมก็ไม่รู้ทำบุญด้วยอะไร ทุกวันนี้ ผมถือว่าผมโชคดี
    อย่างเกิดเหตุการณ์กับหลวงพ่อ
    ผมไม่ได้รู้สึกอะไรมากไปกว่า

    เห็นว่าทุกอย่างมันเป็นธรรมชาติของมัน
    ธรรมชาติ บังคับไม่ได้ เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ คนดีกลายเป็นเลว มิตรกลายเป็นฝ่ายตรงข้าม
    แต่จิตผมที่ไมได้หวั่นไหวไปด้วย

    ยังเคารพในความดีของคนที่เคยกระทำให้กับส่วนรวมเสมอ
    แม้ปัจจุบันเขาจะเปลี่ยนไป
    รู้สึกหลังๆ ผมเลือกจะมองความดีของคนมากกว่า
    ที่จะมองว่าปัจจุบันเขาทำเลวอะไรไว้

    ปัจจุบัน ผมก็ไมได้โดนคนมองแง่ดีนักหรอก
    แล้วผมก็ต้องย้ำเสมอว่า ผมไม่ใช่คนดี แถมแรงกว่าที่คิดด้วย
    กลุ่มวิมุตติเอง เขาก้ไม่ได้สนับสนุนการทำงานของผม
    แถมยังออกแนว.... อืมมมม.... อะนะ ไม่พูดดีกว่า

    แต่พอผมออกโรงมานี่ คนส่วนใหญ่คิดว่าผมเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อใกล้ชิด
    เป้นกลุ่มวิมุตติไปเลยอะนั่น หลายคนก็คิดว่า
    ผมเป็นผู้มีอำนาจในลานธรรม ในพลังจิต ในที่อื่นๆ

    จริงๆ แล้วผมแค่คนตัวเล็กๆ ที่ไม่มีอำนาจอะไรเลย
    เพียงแต่ค่อนข้างทำอะไรตามแนวทางตนเองอย่างหนักแน่น
    ไม่แคร์ใคร แล้วเข้าถึง เข้าชนทุกสถาณการณ์
    คนเขาเลยเกรงใจ 555

    ก็เฮี้ยนๆ แบบเนี้ย คนดีๆ เขาไม่อยากต่อกรด้วยไง เลยดูกร่างๆ พิกล เอิ๊กๆ

    ผมจะอัดเสียงหนังสือหลวงพ่อ เขายังต่อต้านผมกันยกใหญ่
    ประมาณดูการทำอะไรถวายครูบาอาจารย์นี่มันยุ่งยากซะเหลือเกิน
    ในขณะที่ศิษย์ของหลวงพ่อหรือพระอื่นๆ งอนง้อให้ผมอัดเสียงให้แทบตาย

    ผมก็ไม่เข้าใจว่า งานที่ผมทำมันไม่ดียังง้ายยยย... เขาถึงแอนตี้กันจัง
    เท่าที่คุยกับบางคนมา หลายคนก็ยังมองผมในแง่ลบอยู่เหมือนเดิม
    แต่ผมก็ไม่เคยใส่ใจ พอมีเรื่อง เห็นป่าวหล่ะ

    ใครจะกล้าบ้าบิ่นเท่าโฉอีก 555
    คนอื่นเขายังมีพาวเวอร์ มีอะไรซัพพอร์ทเยอะ ทั้งบารมี เงิน พลังทางจิต ฯลฯ
    แต่โฉ ไม่มีอะไรเลย

    ยกเว้นความจริงใจ กับความถูกต้อง
    ผมเชื่ออย่างเดียวอะ ทำดีต้องได้ดี

    รู้สึกขอบคุณ อ.พร ที่ทำให้ผมเข้าใจแก่นหลักของธรรมชาติ
    ผมเชื่อว่าสิ่งนี้ทำให้ผมมีแนวทางชัดเจน ไม่หวั่นไหวอะไรง่ายๆ
    (ยกเว้นอารมณ์ทางจิต ที่ปรวนแปรง่าย 555 )

    หวั่นไหวนี่หมายถึง หวั่นไหวทางการยึดมั่นในพระรัตนตรัยนะครับ
    ผมเป็นคริสต์มาก่อน นี่เป็นข้อได้เปรียบ
    ที่ทำให้ผมท่องพุทธังสรณัง ได้อย่างภาคภูมิใจ
    แล้วรู้ตัวว่าเราได้ยึกพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งจริงๆ
    ไม่ใช่สักแต่ท่องตามกันมา

    การเปลี่ยนศาสนาสำหรับคนที่เคร่งมาก ไม่ใช่เรื่องง่าย
    ต้องใช้กำลังจิตมหาศาล ถึงจะข้ามฝั่งมาได้
    นี่คือสิ่งที่พิสูจน์ตัวเองมาระดับหนึ่งแล้ว

    ผมไม่รู้ว่าใครจะคิดยังไงกับผม
    แต่ผมก็ไม่ได้หวังให้ใครมาเชิดชูผม หรือคิดว่าผมเป็นไง อะไร

    ผมไม่สนใจใครมาตั้งแต่เด็กแล้ว
    ผมขึ้นเวทีระดับโลก ร้องเพลง CNN ถ่ายทอดสด
    ผมขึ้นคอนเสริ์ตใหญ่ๆ ออกทีวี และอีกสารพัด

    เชื่อหรือเปล่าว่า ตั้งแต่เด็ก ผมแทบไม่รู้สึกอะไรเลย
    ในสิ่งที่คนทั่วไป ตื่นเต้นและให้ค่า ผมกลับเห็นเป็นเรื่องไก่กาอาราเร่ มากๆ
    มองคนในวงการบันเทิง ไม่ต่างกับแม่ค้าขายข้าวมันไก่ที่เจอได้ทั่วไป

    ต่อให้ผมเดินมาเจอไมเคิ้ลแจ๊คสันต่อหน้า ผมก็ไม่รู้สึกอะไรเลย
    รู้สึกแค่ว่า เออ คนดัง ดังแล้วไงหละ ก็แค่คนมีกิเลสมาชื่นชมจำนวนมาก
    ตัวเขาเองก็ตายไปจะไปไหน จะตกนรกป่าวก็ไม่รู้
    มีชีวิตอยู่มีความสุขจริงๆ หรือนั่น

    ผมมอง อ.กำพล แล้วผมอิจฉามาก
    เคยคิดเหมือนกันว่า ถ้าพิการแล้วจิตตื่น มีความสุขอย่างนี้ คิดในใจนะ ..พูดกับตัวเองว่า..กรูก็เอา
    ดีกว่ามีอะไรครบ แล้วมีแต่ความทุกข์

    แต่ถ้าเลือกได้ คงไม่มีใครเลือกพิการหรอกเน๊อะ 555
    ขอหล่อน่าร๊าก เปรี้ยวจี๊ด แบบนี้ ดีกว่า เอิ๊กๆ

    หลายคนชอบคิดว่าผมหลงตัวเอง
    แต่ผมก็โตเกินเด็กมาตั้งแต่เป็นทารกแล้วอะ
    ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน

    ตอนเด็กๆ ผมก็ขยะแขยงมากเลย ที่ครูชอบให้ทำท่าอะไรปัญญาอ่อน
    รอ้งเพลง เต้นท่า ที่ผมรู้สึกว่า ปัญญาอ่อนมากอะ
    แล้วก็รู้สึกว่า ตัวเองไม่ใช่คนธรรมดามาตั้งแต่เด็ก

    ไม่รู้ใครเคยเป็นมั่ง
    คือเราไม่ได้หลงตัวเองนะ

    แต่มันกรุ่นๆ ว่า ฉันยิ่งใหญ่ ฉันไม่ใช่คนธรรมดา
    ฉันเกิดมาเพื่อทำอะไรบางสิ่งบางอย่างนี่แหละ

    ยังไม่นับกับรู้สึกไปเองว่า เคยยิ่งใหญ่มาในอดีตด้วย
    เมื่อก่อนก็คิดว่าตัวเองบ้า แล้วเพ้อไปเอง

    แต่พอเจอคนมีญาณ มีฌาณ เขาก็ดูให้ ประกอบกับหลายๆสิ่งที่เจอ
    มันก็เลย.. เออ.. น่าจะไม่บ้านะ 555


    จบดีกว่า งานเยอะมาก ช่วงนี้ เหนื่อย จนไม่รู้จะเหนื่อยยังไง
    ไม่รู้ว่าตอบตรงใจหรือเปล่านะ แอบนอกเรื่องไปยาวเลย
    นี่จดหมาย อีเมล์ โทสับเพียบ ไม่ได้ตอบหละ ดองไว้เยอะมาก
    ไม่รู้เมื่อไหร่จะว่างมาตอบ ซีดี ก็ยังไม่ได้ส่ง คนขอมาเพียบอีก

    ทำอย่างกะมีเวลาเยอะงั้นแหละ ทำอยู่คนเดียวเนี่ย เหอๆๆ [​IMG]


     
  13. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    กรณีด่วน.. การที่บ้านอารีย์ประกาศเลิกเผยแพร่คำสอนหลวงพ่อปราโมทย์ ทั้งที่เดิมเป็นกำลังหลักในการเผยแพร่อย่างแข็งขันและต่อเนื่องนั้น ผมขอประกาศจุดยืนว่า คำกล่าวหาหลายๆ อย่างที่กล่าวหาหลวงพ่อปราโมทย์ ผมไม่เห็นด้วยและส่วนตัวก็มีชีวิตที่เจริญขึ้น สติมากขึ้น ทุกข์น้อยลง เพราะแนวทางของหลวงพ่อนั้นถูกกับจริตของผมและใครอีกหลายคน ซึ่งคำสอนของหลวงพ่อถูกโจมตีอย่างหนัก ทั้งที่เป็นคำสอนที่ทำให้เราเข้าใจธรรมะสายอื่นๆ และครูบาอาจารย์ท่านอื่นได้อย่างสนิทใจมากขึ้น
    ผมเองไม่เคยคิดว่าจะเข้าใจคำสอนของพระป่าหรือการเจริญสติปัฎฐานจากพระไตรปิฎกได้เลย จนมาศึกษาแนวทางนี้ จึงเห็นเลยว่า ครูบาอาจารย์ในอดีตและตำราสอนไว้อย่างไร จิตเบา เห็นอนัตตา เห็นไตรลักษณ์และรู้ว่าการปล่อยวาง การเดินทางไปถึงพระนิพพานที่เป็นสภาวะธรรมนั้น ทำอย่างไรและเราสามารถเดินไปถึงได้จริงๆ ถ้ามีความเพียรพอ
    ผมศรัทธาหลวงตาพระมหาบัวและเคารพแนวทางอื่นเช่นกัน ฝึกและเรียนมาเยอะ มันเป็นการยากจะบอกว่า แนวทางที่หลายท่านหาว่าไม่ใช่ แต่กลับสอนคนอย่างผมได้เป็นอย่างดีที่สุด ซึ่งผมเชื่อว่าต่างคนต่างจริตก็น่าจะใช้วิธีที่ต่างกัน ผมศรัทธาอาจารย์ท่านใด ผมก็ยังไม่เคยเห็นท่านใดไม่เคยถูกโจมตี การฝึกจิตที่ทำให้ดับทุกข์ได้ทันตาเห็น และเพื่อไปสู่การปล่อยวางตัวตน ยังไงผมก็เชื่อมั่นว่าแนวทางนี้เหมาะกับผมมากที่สุด
    น่าแปลกที่คนกล่าวร้ายกับท่านในหลายแห่ง กลับใช้วาจาที่เสียดสี ส่อเสียด เหยียดหยาม ดูถูก ฯลฯ สารพัดจะแสดงอารมณ์และอาการออกมา อ้างว่าตนเองหรือสายของตนถูกต้องจริง แต่สิ่งที่แสดงออกมากลับตรงข้ามกับคำว่า.. ผู้ประพฤติธรรม ที่ควรจะนอบน้อม สงเคราะห์ บอกข้อบกพร่องคนอื่นด้วยจิตเมตตา
    HOT ; ล่าสุดบทความจากคุณดังตฤณ ซึ่งน่าจะชี้แจงได้กระจ่าง สว่างแก่ใจครับ (คลิ๊ก)
    สงสัยอะไรโปรดอ่านแถลงการณ์ชี้แจงทั้งหมดได้ที่นี่ www.wimutti.net (อ่านตรงเวบบอร์ด) โดยส่วนตัวยังเคารพรักพี่ใหม่เจ้าของบ้านอารีย์อยู่เหมือนเดิม แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ทราบว่าผมและบ้านอารีย์ มีแนวทางที่ต่างกัน จึงขอชี้แจงว่า บทความ เสียงอ่าน จากเวปไซด์และซีดีที่ผมทำ ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวโยงแนะนำบ้านอารีย์ และกล่าวถึงความศรัทธาของพี่ใหม่ต่อหลวงพ่อนั้น ขอยกเลิกทั้งหมด เพราะสถาณการณ์ได้เปลี่ยนไป แต่เนื่องจากเผยแพร่ไปเยอะมาก จึงตามไปแก้ไม่ได้ ยกเว้นซีดีที่จะจัดทำใหม่ และในเวปไซด์ ก็ต้องใช้เวลาพอสมควร ในการแก้ไขเปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ดี บ้านอารีย์ก็ยังคงเป็นแหล่งค้นคว้าธรรมะที่ดีแหล่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ขอให้ทุกท่านวางใจเป็นกลางและเลือกแต่ข้อดีของแต่ละฝ่ายมาพัฒนาตนเอง
    ประกาศมาเพราะเชื่อว่าบ้านอารีย์มีต้นทุนทางสังคมสูง เมื่อมีการกล่าวพาดพิงหลวงพ่อในทางเสียหายหลายกรณี จึงเชื่อว่าน่าจะมีผลต่อการเชื่อถือของคนทั่วไปในระดับหนึ่ง ประกาศนี้เพียงเพื่อจะบอกให้กับญาติธรรมทังหลายว่า ผมไม่เห็นด้วยกับคำกล่าวหาที่มีต่อหลวงพ่อปราโมทย์ครับ
    ขอให้เจริญในธรรม และตั้งสติให้ดีว่า ธรรมะมีหลายระดับต่างกัน คนเรามีหลายจริตต่างกัน เรื่องบางเรื่องมันเกินคนธรรมดาอย่างพวกเราจะเข้าใจและวิจารณ์นะครับ เอาเป็นว่าแนวทางไหนทำให้เราสบายใจ หมดทุกข์ ละวาง สละความยึดติดในตัวตนได้ ก็ทำไปเหอะ ผมว่ามีอีกหลายแนวทางที่เป็นภัยต่อศาสนาอย่างมาก แต่เราก็ไม่เคยสนใจอีกเยอะ วัดหลายวัด ในกุฏิมีทีวี เล่มเกมคอมฯ ดูมวย เล่นหวย ฟังเพลงดังกระหึ่ม ดูหนังกันทั้งวัน ฉันข้าวเย็น ไม่ทำกิจของสงฆ์ สักเต็มตัว ของขลัง เข้าทรง ดูดวง สอนให้โลภในบุญ และอื่นๆ อีกมาก ที่เราควรจะไปจัดการมากกว่านะครับ
    -เวปไซด์นี้จัดทำขึ้นเพื่อสืบทอดพระศาสนา และให้คนได้เข้าถึงข้อมูลธรรมะได้โดยง่ายด้วยการดาวน์โหลดฟรี โดยปราศจากการค้าหากำไร และผู้จัดทำเองก็ได้สละชีวิตและโอกาสทางหน้าที่การงานที่ดีกว่า มาทำงานตรงนี้ด้วยเจตนาบริสุทธิ์ ไฟล์ที่เผยแพร่ทั้งหมดได้มาจากชมรมธรรมะต่างๆ ที่เผยแพร่แจกฟรีอยู่แล้ว ดังนั้นหากมีไฟล์ใดไม่เต็มใจให้เผยแพร่ฟรีเป็นธรรมทานผ่านทางเวปไซด์นี้ กรุณาช่วยแจ้งเตือนก่อนจะเป็นพระคุณอย่างยิ่งจะรีบนำออกโดยเร็วที่สุด
    -เสียงอ่านและเพลงของโจโฉ เผยแพร่ ไรท์แจกต่อได้ ไม่ต้องขออนุญาต ห้ามนำไปจำหน่ายเท่านั้น สบายใจได้

     
  14. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870



    เตือนเเล้ว ว่าอย่าเอาพระมาเล่น

    ต้นตอ เกิดจากเว็บไหนคงไม่ต้องบอก

    ตีกันในเว็บจนเป็นเรื่องใหญ่เลย

    ทำให้พระเดือดร้อน กรรมไม่รู้จบที่ไหน นะเอย นะเอย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มกราคม 2010
  15. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ดูไว้เป็นกรณีศึกษา อิอิ
    ใครหนักแน่น ใครรั่ว เราก็เรียนรู้จากพวกเขาได้
    อีกอย่าง เพิ่งเจอมากะตัวจังๆ
    พวกหน้าเนื้อใจเสือ(ใบลาน) กัวจน ...
    อุนจิ ขึ้นสมองแระ อย่าไปวอแวด้วย จะดีที่สุด
    เราไม่ได้พูด เขาก็คิดว่าเราพูดอยู่นั่น
    พอเราไม่ยอมรับว่าเราพูด เขาคิดไปเอง ก็มาบอกว่า
    เราโกหกตอแหลปัญญาอ่อน ไม่ยอมรับว่าพูดเอง
    ทั้งที่ความคิดเขามันบังความจริงก็ไม่เห็น
    ดันเชื่อความคิดตัวเอง แล้วมาหาว่าเราทำให้เขาน้ำตาตก
    ต้องอับอายผู้คนอีก เวงจริงๆ อุส่าหวังดี จะอธิบายให้
    เข้าใจว่าหมายถึงอะไร กลายมาเป็นเราเป็นเหตุของ
    ความอับอายของเขาซะอีก

    โดนเขาพยาบาทอีกด้วยนิ ไม่คุ้มเรย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มกราคม 2010
  16. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    รายการเจาะใจ สัมภาษณ์ ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ ตอน2 (28 ม.ค.53)
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=0TrU99fySp4"]YouTube- ?????? - ??.??????? ???????? 28/01/10 (1-4)[/ame]

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=_X4Y6DXVJxY]YouTube - เจาะใจ - ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ 28/01/10 (2-4)[/ame]

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=QBiwWjiOghU]YouTube - เจาะใจ - ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ 28/01/10 (3-4)[/ame]

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=sUGYGThirP8]YouTube - เจาะใจ - ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ 28/01/10 (4-4)[/ame]
     
  17. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เดิมทีผมก็เป็นชาวพุทธทั่วไปนี้แหละครับ เมื่อมีความทุกข์ในเรื่องงานมาก หาทางออกไม่เจอ โชคดีพบธรรมะของพระอาจารย์บนเวป โหลดมาฟังดู รู้ว่าใช่เลยนี้แหละ คือสิ่งที่ผมหามาชั่วชีวิต (เดิมเหมือนกับผมหาอะไรอยู่ผมก็ไม่ทราบในตอนนั้น ) ผมยิ่งสลดใจมากเมื่อผมฟังธรรมของหลวงพ่อ แล้วผมมีสติขึ้นมา ผมนึกย้อนไปว่า ผมหลงไปได้อย่างไรตั้ง ตั้ง 41 ปี(ไม่มีสติ มา41 ปี) เลยทำให้ผมรีบขวนขวายในการปฏิบัติ เพราะรู้ว่าชีวิตเราเสียเวลาไปมากแล้ว สิ่งที่ไม่เป็นสาระผมทิ้งหมด(ใจมันไม่เอา ไม่ชอบ) เช่น กอล์ฟ ซึ่งเคยรักเป็นชีวิตจิตใจผมเลิกเลย การพนัน อบายมุขต่างๆ ทิ้งหมดด้วยความเต็มใจ หันมาถือศีล 5 อย่างเคร่งครัด รวมทั้งพ่อแม่ผมซึ่งใจบุญฝักใฝ่ในพระศาสนาอยู่แล้ว เมื่อได้ฟังซีดี ของพระอาจารย์ก็สลดใจเหมือน ที่ถึงแม้จะทำบุญทำตามตามวิถีชาวพุทธก็ตาม แต่ไม่ได้มีสติ(ปัฐฐาน)เลย เมื่อได้มีสติขึ้นมา ก็มีความสุข รวมทั้งภรรยา และลูกๆ ด้วย ผลแห่งการปฏิบัติ อย่างที่เคยได้กล่าวไว้คือ ความทุกข์ค่อยลดน้อยลงเรื่อย มองเห็นความไม่มีสาระของโลก เห็นความทุกข์ในการเวียนว่ายในสังสารวัฎ ลูกก็ว่านอนสอนง่าย เข้าใจในธรรมะและรู้ถึงบาปบุญคุณโทษ ถือศีล 5 ทั้งครอบครัว และรู้ถึงเป้าหมายของชีวิต นี้คือผลแห่งการปฎิบัติตามแนวทางภาวนาของพระอาจารย์ปราโมทย์ ที่ผมสามารถยืนยันให้ทุกๆท่านทราบได้

    วันที่ผมได้รับข่าวพระอาจารย์ ผมสลดใจมาก พยายามเปิดดูข้อมูลตามเวปต่างๆ เท่าที่ผมพบ(นอกจากเวป วิมตุตติ)มีแต่ คุณดังตฤณ ที่มีบทความมา สนับสนุน และเวปคุณโจโฉ เท่านั้น ที่ยืนยันแนวทางคำสั่งสอนของพระอาจารย์ ที่เหลือเงียบกันหมดเลย ผมเลยคิดในแง่ดี คือพระอาจารย์จะได้พักผ่อนบ้าง และสิ่งที่เกิดขึ้นมันก็เป็นบทเรียนแสดงไตรลักษณ์ให้เราดู ใครเป็นผู้กระทำในเหตุการณ์นี้ ไม่ว่าจะจงใจ หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็รับเอาส่วนแห่งการกระทำไปตามเจตนาและผลแห่งการกระทำนั้นๆด้วยตนเอง…..

    อนุโมทนากับคุณโจโฉด้วยครับ

    อภิชัย ฤทธิกรรณ์

    http://www.jozho.net/index.php?mo=5&qid=418783
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มกราคม 2010
  18. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    สาธุครับ

    สิ่งที่เราต้องการตอนนี้ ก็คือผลการปฏิบัติของผู้ที่เห็นผลจริงๆ แบบนี้หละครับ
    ที่จะมายืนยันให้คนที่กำลังจะคล้อยตามข้อกล่าวหา ได้ฉุกคิด

    แต่นิสัยคนไทยนะครับ ชอบเชื่อข่าวลือ
    ใครจะดีจะอะไรยังไงไม่รู้ แต่ถ้าคนเขาพูดกันเยอะๆ ก็เชื่อไว้ก่อน
    ซึ่งเราจะเห็นได้จากการหมิ่นสถาบัน ที่ดูเหมือนจะมีการวางแผนกันมาหลายปี
    แล้วทำต่อเนื่องกันเป็นระบบ สร้างข่าวลือ สร้างหลักฐานเท็จอะไรกันไปมากมาย
    แล้วก็มีคนหลายคนหลงเชื่อจริงๆ ซะด้วย

    เพื่อนผม สอบอภิธรรมได้อันดับต้นของประเทศ อีกคนเรียนนิติ
    แล้วก็คนอีกหลายคนที่มีความรู้สูงๆ ..คิดดูนะ ก็ยังหลงเชื่อข่าวลือพวกนี้
    ความรู้ทางโลก หรือแม้แต่ทางธรรมที่มีแต่ทฤษฎี มันช่วยให้คนตาสว่างจริง ๆไม่ได้เลยอะคับ

    กรณีหลวงพ่อก็เช่นกัน ผลของนักปฏิบัติจำนวนมาก ยืนยันได้จริงว่า ท่านสอนแล้วคนลดละกิเลสได้จริง
    เรื่องการเถียงกันด้วยประเด็นธรรม
    ผมเชื่อว่า ธรรมะเป็นของลึกซึ้ง เกินสมมุติบัญญัติ จะอธิบายได้กระจ่างจริงๆ
    เพราะธรรมะบางทีพูดเรื่องเดียวกัน แต่ถ้าคนละนัยยะ ก็ตีความคนละอย่างแล้ว

    อ.พร รัตนสุวรรณ เคยกล่าวแค่คำว่า สังขาร คำเดียว
    ท่านยังตีความได้พิศดาร ลึกซึ้ง หลากหลายเลยทีเดียว
    ไม่ใช่แค่แปลว่า การปรุงแต่ง อย่างที่เราชอบสอนกัน

    แต่ว่าถ้าอยู่ในประโยคอื่น อยู่ในสถานะบางอย่าง
    ก็จะต้องตีความแยกแยะละเอียดไปอีก ถ้าคนไม่รอบคอบจริง ไม่แตกฉานพระไตรฯ จริงๆ
    ก็จะงง แล้วตีความผิดได้

    ซึ่งนี่แหละ ปัญหาของการสื่อสารด้วยภาษาเขียนและพูด
    ที่บางทีพูดเรื่องเดียวกันแต่ก็เข้าใจคนละอย่างได้
    หรือพูดคนละอย่าง แต่ว่าที่แท้มันก็คือเรื่องเดียวกันได้

    มันละเอียดมากนะ ธรรมะ ถ้าจะเถียงกันก็เถียงกันไม่จบ
    แต่ท่านให้ดูว่าจุดสุดท้าย เพื่ออะไร ทำแล้วได้ผลดับทุกข์ได้จริง ลดละความเป็นตัวตนได้จริงหรือเปล่ามากกว่าครับ

    แต่กรณีหลวงพ่อนั้น ผมเชื่อว่า เกิดจากหลายอย่าง
    1.ใส่ร้าย โจมตี ด้วยความแค้นส่วนตัว หรือ คำสอนไปขัดผลประโยชน์ของกลุ่มอื่น
    2.เข้าใจผิด เชื่อข่าวลือ หลงเชื่อคนหลอกใช้
    3.เข้าใจผิดจากขอ้ธรรมที่ อาจมีประเด็นทางการสื่อสารที่ทำให้เข้าใจผิดกัน หรือ อื่นๆ
    4.สารพัดเหตุผล

    พระพุทธองค์ แม้บรรลุเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว เราก็จะเห็นว่า มีคนใส่ร้าย มีคนปองร้าย มีคนกล่าวตู่ท่านเยอะมาก
    บทพาหุง ถ้าแปลออกมา ก็คงจะเห็นได้ชัดว่า ท่านก็ทรงเจออะไรมาแค่ไหน
    ทั้งที่บริสุทธิ์ ผุดผ่อง และเป็นสัพพัญญู

    ผมว่า ผมไม่ได้หลงตัวเองนะ
    แต่ผมเห็นคนในสังคมนักศึกษาธรรมจำนวนมาก
    ที่ศึกษาปฏิบัติอย่างเข้มข้น แล้วกลับเกิดมิจฉาทิฎฐิ
    ผมเชื่อว่า เพราะเราขาดการเข้าใจหลักเบื้องต้นที่ถูกต้อง
    ขาดศรัทธาและเชื่อมั่นในกรรม

    ศึกษากันแล้วก็ชอบเอาแนวทางแบบการศึกษาทางโลกมาตัดสินหรือโต้เถียงกัน
    อ.พร เองท่านเก่งมาก ท่านก็แย้งเรื่องพวกนี้ไว้เยอะมาก
    ยิ่งประเด็นในพระไตรฯ ซึ่งต้องเก่งจริงถึงจะตีความได้รอบคอบ
    และคนเก่งจริงๆ เพื่อประโยชน์ของผู้อื่นหรือศิษย์

    ท่านก็จะตีความและอธิบายเพิ่ม ไม่ใช่ว่า ต้องทำตามพระไตรฯ เป๊ะๆ
    ไม่ใช่ว่าจะอธิบายเพิ่มต่อจากครูบาอาจารย์ไม่ได้
    เพราะธรรมะ ไม่ใช่ของที่ต้องตามตัวหนังสือเป๊ะๆ

    มันมีปลีกย่อย ตามแต่ละสถานณการณ์อีก
    อธิบายไป พูดไปก็ไม่จบหรอก

    วันนี้ผมรู้ซึ้งเลยว่า ทำไม อ.พร ท่านนอกจากสอนพระอภิธรรมแล้ว
    ท่านยังมาเน้นสอนเรื่อง นรกสวรรค์ โลกหลังความตายด้วย
    ท่านย้ำว่า แนวทางของท่าน ศึกษาง่าย
    แล้วทำให้เข้าใจหลักของกรรมวิบากได้ชัด ในเวลาอันรวดเร็ว
    แล้วเมื่อเข้าใจหลักแล้ว คือเข้าใจว่า วิบากคืออะไร ส่งผลยังไง
    แล้วเข้าใจตรงคำว่า วิญญาณเป็นปัจจัยให้เกิดนามรูป

    ถ้าเข้าใจแค่นี้ จะไม่หลงทาง จะรู้ว่า คำสอนไหน ผิดถูก
    หรือหลักการต่างๆ มีเกณฑ์ในการตัดสินอย่างไร
    เพราะอย่างทีบอก สมมุติบัญญัติ ภาษาเขียน ภาษาพูด
    มันไม่สามารถสื่ออธิบาย สภาวะธรรม หรือธรรมะ ที่ลึกซึ้งและสุดพรรณาได้

    แต่ถ้าจะไม่หลงทางก็ตอ้งเข้าใจแก่นหรือหลักของธรรมะชาติเสียก่อน
    ซึ่งการเข้าใจแบบแนวทาง อ.พร ทำให้คนเราวางอุเบกขา และเข้าใจ
    ศาสนาลัทธิอื่นได้เป้นอย่างดีด้วย

    ผมไม่รู้จะอธิบายยังไงนะ แต่ถ้าใครเข้าใจก็จะเก็ทอะ
    ที่บอกนี่คือหมายถึง เฉพาะทางทฤษฎีนะครับ
    ส่วนการปฏิบัติ พอเข้าใจทฤษฎีแล้ว ก็ต้องเพียรปฏิบัติเพื่อเห็นผลอีกทีหนึ่ง

    หลายปีตั้งแต่ผมโตมา ผมโต้เถียงกับคนในเรื่องธรรมะ ไม่รู้จะกี่แนวทาง
    ก็เห็นชัดว่า มันป่วยการจริงๆ ที่จะอธิบายธรรมะที่ลึกซึ้ง ให้คนหลากแนวทางได้เข้าใจตรงกัน
    แล้วโดยเฉพาะคนที่ยึดแต่แนวตนเอง หรือศึกษาธรรมะแบบท่องจำ
    ศึกษาแบบใช้กฎเดียวกับการศึกษาทางโลก มาขบคิด หรือมาสนทนากัน
    มันจะไม่มีวันจบ แล้วก็ยากที่จะเข้าใจกันได้

    เอาแค่พระวินัย ยังเถียงกันไม่จบ ไม่สิ้นเลย
    อย่างบุหรี่ เป็นของไม่คู่ควรแม้ฆราวาส อย่าว่าแต่พระเลย
    แต่ทำไม พระที่ท่านว่าเคร่งๆ ท่านจึงยังสูบบุหรี่

    ทั้งที่ถ้าเราศึกษาธรรมแบบเอาจิตเป็นที่ตั้งแล้ว
    ไม่ว่าใครก็ต้องคิดได้ว่า แม้พระพุทธองค์ไม่ได้บัญญํติ
    ก็เป็นสิ่งที่ไม่คู่ควรกับนักบวช เป็นของเหม้น
    ทำให้ชาวบ้านรังเกียจ โลกติเตียน หรือโลกะวัชชะ

    มีอีกเยอะที่น่าเป็นห่วงสำหรับสังคมพุทธของพวกเรา

    แนวทางอย่าง การเรียนเรื่อง นรกสวรรค์ ของ อ.พร
    มีคนโจมตีผมเยอะมาก แม้แต่ลูกศิษย์หลวงพ่อ ลูกศิษย์พี่ดังตฤณ
    เขาหลายคนแอนตี้ผมเรื่องนี้จะตาย ไม่ได้สนับสนุนผมนะ

    หลายคนคิดว่า ผมเป็นกลุ่มศิษย์เดียวกัน
    แต่น้อยคนจะรู้ว่า ผมทำของผมคนเดียว
    แต่แม้พวกเขาจะไม่สนับสนุน และแอนตี้ผม
    ผมก้ไม่เคยสนใจ หรือใส่ใจ

    อย่างคราวมีเรื่องนี้ ผมก็ออกโรงมาแสดงจุดยืน ว่าอะไรยังไง
    คือถ้าเป็นบางคน โดนต่อต้านมาก่อนอย่างแรง
    พอเกิดแบบนี้ เขาอาจจะวางเฉย ไม่ร่วมเปิดตัวเข้าข้างอย่างเปิดเผยแบบนี้หรอก

    ซึ่งเราจะเห็นได้ว่า หลายเวป ดังๆ ที่มีกำลังทรัพย์และกำลังคนมากกว่าผม
    ยังต้องถอด ยังต้องถอย เลิกเผยแพร่

    นี่แหละ สิ่งที่หลายคนต่อต้านผม ว่างมงาย ไร้สาระ ไม่ใช่ทางดับทุกข์
    แต่ผมก็เห็นแค่เพียงว่า เพราะแนวทางของอ.พร ทำให้ผมเป็นผมได้ทุกวันนี้
    ผมศรัทธาในพระศาสนา ขนาดยอมตายได้ แต่ไม่ยอมกล่าวร้ายพระอริยะ หรือครูบาอาจารย์แน่
    แล้วแนวทางที่หลายท่านว่า ไม่น่าเผยแพร่

    กลับทำให้ผมเข้าใจธรรมในระดับที่ผมคิดว่า ผมไม่หลงทางแน่
    แล้วก็วางอุเบกขาได้กับแนวทางอื่น แล้ว..

    เอ่อ.. พูดไปก็จะหาว่าหลงตัวเองอีกอะนะ

    แต่สิ่งที่ทำให้เห็นมานาน ว่าคนตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ไม่ได้มีความพร้อมอะไรเลย
    แต่เอากำลังจากไหนมาทำงานได้เยอะขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่ศรัทธาที่แน่วแน่ว่ากรรมมีจริง แล้วแสดงผลอย่างไร
    ท่ามกลางความไม่พร้อม การเข้าใจผิด การมองแง่ลบ และสารพัด
    แต่ผมก็ไม่สนใจ และมั่นใจในสิ่งที่ทำ

    แล้วผลตอบรับ ผลปรากฎ เป็นคำขอบคุณมากมายตลอดหลายปีที่ผ่านมา
    ว่าช่วยเปิดแสงสว่างให้แก่ผุ้คนจำนวนมาก

    ถ้าไม่มี อ.พร รัตนสุวรรณ ถ้าผมไม่ศึกษาเรื่องนรกสวรรค์ กรรม จนเข้าใจหลัก
    ก็จะไม่มี โจโฉ วันนี้ ไม่มีผลงานออกมาขนาดนี้แน่นอน

    ธรระมนี่ จริงๆ อธิบายด้วยการพูดมันคุยกันไม่จบเน๊อะ
    คนมีอคติ เขาก็จะค้านได้ตลอด หรือบางที
    เราเกิดมาคนละสถานที่ มีชีวิตคนละอย่าง ประสบการณ์ต่างกัน จริต วาสนาต่างกัน
    บางครั้งเรื่องเดียวกัน มันก็เห็นไปเป็นคนละอย่าง หรือมองปัญหาไปคนละแบบได้
    ซึ่งมันไม่มีทางลงกันได้หรอก ในเรื่องรายละเอียด ว่าต้องเหมือนกันเป๊ะๆ

    แต่ผ่ลที่จะวัดได้ จริงๆ ก็คือ ผลของจุดสุดท้ายแห่งการกระทำ ว่ามันไปสู่จุดหมายเดียวกันหรือเปล่านั่นแหละ

    พล่ามมาซะเยอะ นอกเรื่องไปนิด
    แต่ก็มาขอบคุณ ที่ช่วยกันมายืนยัน ว่า หลวงพ่อสอนแล้วพวกเรา เจริญในธรรมขึ้นครับ

    ผมเชื่อว่ามีคนอีกจำนวนมาก ที่เจริญในธรรมขึ้น จากคำสอนของหลวงพ่อ
    แต่ยังไม่แสดงตัวก็เท่านั้นเอง

    ผมเองก็ศึกษา ปฏิบัติมาหลายแนวทาง
    ในทางทฤษฎี ผมถือว่า ผมเกิดในทางธรรมได้ เปลี่ยนจากคริสต์มาเป็นพุทธ
    ท่องพุทธังสรณัง คำแรก ด้วยปีติและปัญญา ว่าเรากำลังเปลี่ยนชีวิตมาถูกทางแล้ว
    ก็เพราะ อ.พร รัตนสุวรรณ นี่แหละครับ ที่ทำให้ผมได้ชีวิตใหม่

    เพราะเข้าใจในหลักแก่นของธรรมะ ของธรรมะชาติว่า อะไร ยังไง
    แล้วมาเติมเต็มความรู้ทางทฤษฎีหนักแน่นยิ่งขึ้น ด้วยงานของ คุณดังตฤณ
    ที่ไม่น่าเชื่อว่า แม้จะเขียนกันคนละแบบ แต่ว่า เนื้อหามาลงกับอ.พร ได้เป็นอย่างดี

    แล้วผมก็มาเปลี่ยนชีวิตผมได้อีกครั้ง เลื่อนระดับ จนออร่าสว่างไสว จนหลายคนทัก แล้วก็มีรูปถ่ายออร่ายืนยัน
    ว่าชีวิตผมเปลี่ยนไป จิตผมเปลี่ยนไปอย่างมากจริงๆ

    ด้วยการฟังซีดีหลวงพ่อปราโมทย์ เพียงสองเดือน วันละ 1-2 ชั่วโมง
    ฟังไป แต่งหน้า ทำผมไป ก่อนไปร้องเพลง
    ผมทำแค่นี้เอง

    หลวงพ่อ เปรียบเหมือนผู้ให้ชีวิตใหม่ ซึ่งวัดได้จากการที่จิตเปลี่ยนไป จนพี่ใหม่ก็ทักผมว่าไปทำอะไรมา
    ผมอ่านตำรามาเยอะ ฝึกมาหลายแนวทาง ผมได้แต่ งง ๆ กับคำว่า จิตเป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้
    จิตไม่ใช่เรา

    ก็ได้แต่ท่องจำ แต่ไม่เคยเข้าถึงหัวใจเลย
    จนวันหนึ่ง แค่การฟังซีดีหลวงพ่อ ผมเกิดปิ้งขึ้นมาว่า เออๆๆ จิตไม่ใช่เราแฮะ มันเป็นอีกสิ่งหนึ่ง
    เราบังคับมันไม่ได้จริงๆ มันอยากเศร้า มันโลภ มันโกรธ เราไม่เคยบังคับมันได้เลย มันเป็นของมันเอง
    ปิ้งแว๊บนั้น มันเกิดเข้าใจในระดับที่น่าจะเรียกว่า ขึ้นมาอีกขั้น แต่คงยังไม่ถึงกับภาวนามยปัญญา

    คือมันเกิดแค่พอรู้ แต่ไม่มั่นคง
    แต่ก็ทำให้เหมือนชีวิตเปลี่ยนไปเลย จนหลายคนทักว่า ทำไมสว่างขึ้นนั่นแหละ
    แล้วคำสอนครูบาอาจารย์หลายๆ สาย หรือแม้แต่ในพระไตรปิฎก

    ก็ผุดขึ้นมายืนยันหลักคำสอนของหลวงพ่อที่ผมพึ่งประจักษ์ว่า

    อ๋อ.. แบบนี้นิเอง จิตไม่ใช่เรา เออแฮะ พอรู้สึกแบบนี้ มันไม่ทุกข์ ความยึดมันหมดแฮะ
    แล้วจากนั้นมา เวลาขึ้นเวทีผมเคยตื่นเต้น ผมก็ไม่ตื่นเต้น หรือตื่นเต้นก็แค่ตามรู้ มันก็หาย

    ผมทุกข์ใจมากๆ ผมก้แค่ตามรู้ ทุกข์มันก็ลดลง
    มีอยู่ครั้งนึง ความโกรธเกิดขึ้นแรงมาก
    แล้วสติก็เกิดขึ้น ผมก็มองแล้วช่วยเสริมไปนิดว่า จิตไม่ใช่เรา เขาโกรธของเขาเอง
    เราบังคับไม่ได้ เท่านั้นแหละ มันหายวิ้งไปเลย

    แบบ เอ๋อๆ เหมือนกัน
    คือที่เล่าๆ มาเนี่ย ก็ทำไม่ได้บ่อยหรอก เพราะไม่ค่อยเพียร ชอบปล่อยให้ตัวเองหลง 555
    ก็ทำงานเยอะอะนะ มันก็เผลอไป นานๆ จะดึงกลับมาได้ทีนึง

    ผมกล้ายืนยันว่า คำสอนของหลวงพ่อ ที่ผมแค่ฟังผ่านซีดี เปลี่ยนชีวิตผมได้จริงๆ
    เปลี่ยนจนขนาด คนที่มาประกาศโจมตีว่าคำสอนท่านไม่ดี ก็ยังเห็นและทักผมมาแล้ว ว่าไปทำอะไรมา
    รูปผมที่เคยให้พี่เขาดู ตอนไปทำกิจกรรม เขาก็ทักเองว่า รูปโฉสว่างมาก
    แล้วยังบอกอีกว่า ต่อไปโฉจะได้ทำงานใหญ่เพื่อพระศาสนาอีกมาก

    ซึ่งน่าจะการันตีได้ว่า คำสอนของหลวงพ่อ เกิดประโยชน์แค่ไหน
    แต่วันนี้ก็น่าแปลก ที่กลับบอกว่า หลวงพ่อสอนไม่ดี ฯลฯ

    ไม่รู้จะพูดยังไง แต่ผมก็รับรู้ได้เพียงว่า ผมมีการเปลี่ยนแปลงทางจิตก้าวหน้าไปกว่าแต่ก่อนมาก
    ด้วยเวลาอันรวดเร็ว ด้วยการฟังซีดีหลวงพ่อเท่านั้น ไม่เคยไปกราบ ไปส่งการบ้านท่าน แม้แต่ครั้งเดียว
    ยกเว้นเจอในงานศพแม่พี่ดังตฤณ ก็แค่ไปกราบ

    แค่เข้าใกล้ ผมก็สัมผัสได้แล้วว่า ออร่าท่าน ความสว่างและเมตตาท่านมากแค่ไหน
    กิริยาต่างๆ ของท่าน ก็ช่างสงบ น่าเคารพ เป็นพระที่งามพร้อมจริงๆ

    คือผมเห้นชัดไง เพราะผมอ่านหนังสือ อ่านตำรา แล้วก้ฝึกมาเยอะ
    ผมเสียเวลาตั้งแต่เด็กไม่รู้กี่ปี กับการหาคำตอบให้ชีวิต และหาแนวทางปฏิบัติ
    ตำราไม่ได้ช่วยอะไร การปฏิบัติเคร่งครัดก็ไม่ได้ช่วยให้ผมเข้าใจ
    จนเมื่อมาเจอคำสอนของหลวงพ่อนีแหละ ที่ทำให้ปิ้งขึ้นมา แล้วมีกำลังใจในการเดินในสายทางธรรมมากขึ้น
    แล้วที่เห็นชัดคือ ทุกข์น้อยลง แล้วได้ผลดีกับตนเองในเวลาสั้นมากๆ

    ย้อนอดีตนิดนึงนะ ผมเกิดมาเป็นเด็กทารก ผมก็รู้ตัวเองแล้ว
    ผมรู้สึกตัวว่า ทำไมผมตัวเล็ก พูดไม่ได้ ตั้งแต่เด็ก ผมเกิดอาการจิตผู้รู้แยกออกมา
    โดยที่ผมไม่เคยรู้ว่า นั่นมันคืออะไร

    อยู่ดีๆ เห็นเด็กคนนี้ร้องไห้ เห็นเด็กคนนี้พูดกับแม่ โดยที่มีเราอีกคนหนึ่งดูอยู่ แบบ งงๆ
    ตอนแรกนึกว่า ตัวเองเป็นวิญญาณมาสิงเด็กคนนี้ซะอีก 555

    ป. 5 ผมนั่งรถเมล์จากดอนเมือง ไปสนามหลวง เพื่อไปซื้อหนังสือบทสวดมนต์ เล่มเบ้อเริ่มของพุทธ
    ซึ่งตอนนั้นผมเป็นคริสต์ แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมว่าผมต้องสนใจหนังสือของพุทธ คาถาอาคมด้วย
    แล้วผมก้ไม่เคยไปไหนไกลๆ เลย ไม่เคยขึ้นรถเมล์ แต่วันนั้นผมนั่งไปคนเดียว ตัวกะเปี๊ยกนึง

    ไม่กี่ขวบผมก็รู้สึกถามตัวเองตลอดว่า เกิดมาทำไม ตายแล้วไปไหน
    ได้ยินพระเทศน์ว่า คนเราไม่หายใจก็ตายแล้ว
    แค่นี้ ผมก็สะอึก แล้วก็สลดใจขึ้นมาทันทีว่า เออ. ทำไมชีวิตช่างไร้สาระ

    ในวัยที่ผมควรจะวิ่งเล่น เป็นเด็กน้อย ผมกลับคิดหาคำตอบให้กับชีวิต
    แล้วก็มีจิตดวงหนึ่งบอกผมมาตลอดว่า เราต้องทำอะไรเพื่อสังคม
    ผมตั้งใจจะทำมูลนิธิ ตั้งแต่ผมอายุไม่กี่ขวบ ท่ามกลางความรุ้สึกว่า .. เราบ้าไปป่าววะเนี่ย 555

    ผมเจอสิ่งลึกลับเยอะมาก ทั้งเทวดา ทั้งพยานาค และสิ่งที่มองไม่เห็น
    จะมาเตือนผมทุกครั้งที่ผมทำไม่ดี หรือมีจิตอกุศลร้ายแรง
    ซึ่งเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องมีใครเชื่อ แต่ผมก็เจอมาแล้ว
    แล้วไม่มีประโยชน์ที่ผมจะต้องมาเล่าให้ใครฟัง เพราะเชื่อหรือไม่ ผมก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้น

    ผมโตมา เจอคนทักเยอะมาก ว่ามีของดีติดตัวเยอะ
    ไปไหน ก็จะมีแต่พวกร่างทรงทัก ว่า ไม่ใช่คนธรรมดา
    แล้วที่ผมเจอพักหลังๆ ก็จะมีแต่คนบอกประมาณว่า

    อีกหน่อยผมจะเป็นกำลังหลักให้พระศาสนาคนหนึ่ง จะได้ทำอะไรเพื่อสังคมอีกมาก
    ผมก้ได้แต่ขำๆ ว่า เออ.. กรูเนี่ยนะ.. (ขออภัย คิดในใจแบบนี้จริง ๆ )

    คือดุตัวเองแล้วไก่กาอาราเร่ มากเลยอะ แค่คนตัวเล็กๆคนหนึ่ง
    แล้วชีวิตก็ลุ่มๆ ดอนๆ เจอมรสุมชีวิตก็มาก ทั้งงาน ความรัก ครอบครัว และสังคม รวมถึงสุขภาพ
    แล้วจะไปทำอะไรให้ใครได้ยังไงหว่า.. รู้แค่ว่า เป็นคนชอบช่วยเหลือคนก็แค่นั้นแหละ
    สนุกกับการได้รับใช้ผู้อื่น

    แต่มาเดินมาถึงวันนี้ ผมเริ่มเห็นเค้าลางของความจริงแล้วว่า
    เออแฮะ.. ผมก็ทำประโยชน์ให้พระศาสนาได้แฮะ
    ไม่มากไม่น้อย .. แต่เมื่อวาน ไปนั่งลบรูปออกจากอัลบั้ม เพราะเนื้อที่เวปมันเต็ม

    นั่งลบไป ก็ตกใจตัวเองว่า...

    เออ.. เราทำอะไรมาเยอะขนาดนี้เลยหรือหว่ะเนี่ย.... งง
    นี่ขนาดว่า หลายงาน หลายอย่าง เราไปคนเดียว ก็เลยไม่ได้ถ่ายรูป หรือขอรูปไม่ได้
    ยังมีอีกหลายงานที่ไม่ได้เก็บรูปมา ขนาดนี่แค่บางส่วนแค่นั้น

    ทำไมมันเยอะขนาดนี้หว่า... นั่งดูรูปตัวเองทำอะไรให้สังคมแบบฟรีๆ หลายๆงาน
    แล้วก็ขนลุกเหมือนกัน โห.... ไม่น่าเชื่อแฮะ (มีแอบปลื้มเล็กน้อยกับตัวเอง)

    ตอนนี้ผมเข้าใจเลยว่า คนทำดี สะสมบารมีไว้มาก
    ทำไมเขาถึงไม่กลัวตาย แล้วมันอุ่นใจแบบแปลกๆ
    เพราะรู้สึกได้ถึงผลกรรมที่รอคอยเราอยู่ ว่าจะส่งสิ่งดีๆ ให้เรามากมายแค่ไหน

    การทำอะไรให้คนอื่น มันทำให้เราเห็นความดีคนอื่นได้ง่าย
    ผมไม่รู้ว่าคนฟังเรื่องหลวงตาแล้วจะซาบซึ้งท่านแค่ไหนนะ

    แต่ตอนผมอัดเสียง ผมอ่านไปก็แบบขนลุก ซึ้งในเมตตาของท่านมาก
    เพราะเราเทียบเคียงกับตัวเองได้อะ

    ว่าเวลาเราไปทำอะไรให้คนอื่นแบบฟรีๆ ด้วยจิตเมตตา ไม่ได้หวังอะไร
    เราใช้กำลังใจแค่ไหน ต้องเจอกับอะไรบ้าง ต้องสู้กับอะไรบ้าง
    พอมาฟังเรื่องของหลวงตา เราเลยรู้ว่า ท่านมีพลังเมตตาสูงส่ง
    และมากมายมหาศาลแค่ไหน ถึงได้ทำอะไรไปได้ขนาดนั้น

    แต่สำหรับคนที่ไม่เคยมีน้ำใจกับคนอื่น คงจะเข้าใจและซาบซึ้งในพระคุณของท่านได้ยาก
    ซึ่งเราจะเห็นได้จากคนทั่วไป ที่ปรามาสหลวงตา และกล่าวหาท่านเสียๆ หายๆ
    แม้แต่คนที่อ้างว่าเป็นศิษย์หลวงพ่อก็เหอะ

    วันก่อนผมยังเจอในไฮไฟว์ เขาพูดเชิงแดกดันหลวงพ่อสงบ และกระทบไปถึงหลวงตา ประมาณว่า
    เอาแต่รับบริจาค ไม่ได้สอนเจริญสติ อะไรประมาณเนี้ยแหละ

    ซึ่งอ่านแล้วก็ปลง ลูกศิษย์นอกคอกพวกนี้แหละ ที่นำความเสื่อมเสียมาถึงอาจารย์
    คือถ้ายังมีจิตรู้สึกได้แค่นี้ อย่าไปอ้างว่าเป็นศิษย์ใครเลยจะดีที่สุดนะ
    เพราะหลวงพ่อไม่เคยสอนให้ไปปรามาสหรือลบหลู่ใคร

    แล้วถ้าปฏิบัติตามหลวงพ่อจริงๆ เราจะไม่เผลอกล่าวจาบจ้วงผู้มีพระคุณต่อชาติและศาสนาได้ขนาดนี้หรอก


    จบดีกว่า .. ยาวไปหละ
    เหมอืนมาเขียนไดอารี่เลยแฮะ 555

    ขออภัยนะครับ แค่จะมาอนุโมทนา เผลอซะยาวเลย

     
  19. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    กปิลภิกขุหรือเรียกกันว่า พระกบิล เมื่อสมัยนั้น เมื่อสมัยพระพุทธเจ้า พระพุทธกัสสปยังทรงชีวิตอยู่ เธอก็เรียนจบพระไตรปิฏก มีพี่ชาย พี่ชายก็บวชพร้อมกัน พี่ชายเป็นคนแก่รู้สึกตัวว่าเป็นคนแก่ แต่ความจริงก็ยังไม่แก่ ไม่ขอเรียนพระไตรปิฏก เรียนเฉพาะความรู้ในด้านวินัย ธรรมะพอสมควรพอเอาตัวรอด แล้วก็ฝึกในด้านปฏิบัติ สำหรับปริยัติก็พอรู้บ้างตามสมควร พอเอาตัวรอด ทั้งสองคนนี่มีผลไม่เสมอกัน พี่ชายไม่ช้าก็เป็นอรหันต์ กปิลภิกขุเธอมีลูกศิษย์ลูกหามาก ทุกคนยอมรับนับถือว่าเธอจบพระไตรปิฏก ก็มีลูกศิษย์มาก เมื่อมีลูกศิษย์มากก็มีลาภสักการะมาก หนัก ๆ เข้า เธอก็เปลี่ยนแปลงคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าบอกว่า อย่างนี้ เธอก็พูดอย่างโน้น พระพุทธเจ้าบอกว่าคนเกิดมาแล้ว เมื่อตายแล้วไม่สูญ ถ้าจิตยอมรับความดีเวลาจะตายก็ไปสู่สุคติ ถ้าจิตยอมรับความชั่วก็ไปสู่ทุคติ อย่างนี้เป็นต้น เธอก็กลับพูดไปอย่างอื่นว่า ตายแล้วมีสภาพสูญอย่างนี้เป็นต้น แต่ว่าเธอก็เทศน์สอนคนอื่นเขา แต่เธอไม่เชื่อในที่สุดเธอตายไปแล้ว เธอก็ลงอเวจีมหานรก

    มาสมัยพระพุทธเจ้าองค์นี้ตรัสขึ้นมา เธอเกิดขึ้นมาเป็นปลาทอง เด็กทอดแหเอาไปได้พ่อเอาไปถวายพระราชา พระราชานำไปหาพระพุทธจ้า เกล็ดเหลืองเหมือนทองคำ แต่เวลาอ้าปาก กลิ่นเหม็นเหมือนอุจจาระ ฟุ้งทั่ววิหาร เมื่อองค์สมเด็จพระพิชิตมารถามเธอว่าเธอมาจากไหน เธอก็ตอบว่ามาจากอเวจีมหานรก ถามว่า เธอชื่ออะไร เธอก็บอกว่า เมื่อก่อนเธอชื่อ กปิลภิกขุ ในสมัยพระพุทธกัสสป พระพุทธเจ้าถามว่าแม่ของเธอไปไหน เธอก็ตอบว่าแม่ของเธอไปอเวจีมหานรกเพราะด่าพระร่วมกัน น้องสาวไปไหน น้องสาวไปอเวจีมหานรก ถาม พระพี่ชายของเธอล่ะ พระพี่ชายของเธอไปนิพพาน

    ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าบรรดาพระทั้งหลายเห็นว่า เธอสอนชาวบ้าน สอนพระเปลี่ยนแปลงคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะคนที่จบพระไตรปิฏก ไม่ได้จบองค์เดียว ที่จบพระไตรปิฏกตามธรรมดาก็มี เป็นพระอรหันต์ก็มี แม้แต่พระอรหันต์เข้ามาเตือน เธอก็ไม่เชื่อ กลับด่าพระ ด่าพระธรรมดา ด่าพระทรงฌาน ด่าพระอรหันต์ทั้งหลายเหล่านั้นเห็นว่าไม่เป็นเรื่อง ก็ไปบอกพระพี่ชายให้มาเตือน พระพี่ชายมาเตือน เธอก็ด่าพระพี่ชายไปเสียอีก หาว่าพระพี่ชายไม่เคยเรียนอะไร เธอจบพระไตรปิฏก คนโง่เง่าเต่าตุ่นอย่างนี้อย่าเสือกมาสอนกัน พระพี่ชายก็ต้องกลับเข้าป่าไป .....

    การนำสื่อสาธารณะมาใช้เพื่อการโจมตี

    หลวงพ่อจงพยากรณ์ :คำสอน พระราชพรหมยาน

    [​IMG]

    ท่านสาธุชนพุทธบริษัท วันนี้ก็เป็น วันที่ 24 ธันวาคม 2533 ก็เป็นอันว่า หลังจากนั้นมา หลวงพ่อจงก็พยากรณ์ ท่านก็บอกว่า กสิณทั้ง 10 ประการนี่เธอใช้ได้หมด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตัวเธอเอง (หมายถึงอาตมา) คล่องในกรรมฐาน 40 แล้ว ก็มหาสติปัฏฐานสูตร แต่การคล่องประเภทนี้มันใช้ไม่ได้ ก็กราบเรียนถามท่านว่า ทำไมขอรับ ท่านก็เลยบอกว่าเธอคล่องเฉพาะการจำ และก็มีความคิดเหมือนกัน แต่ว่าคิดน้อยเกินไป คำว่า คิดน้อย ก็หมายความว่า คิดมาก แต่มันถูกน้อย ต้องคิดให้น้อย ๆ แต่ถูกมาก ก็เลยกราบเรียนถามท่านว่า จะคิดอย่างไร จึงจะคิดน้อย แล้วก็ถูกมาก


    ท่านบอกว่า อันดับแรกที่จะทำอะไรทั้งหมดให้คิดถึงอริยสัจเสีย ก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทุกขสัจ สำหรับพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เราเชื่อกันแล้ว เป็นของสำคัญอย่างยิ่งก็จริงแล แต่ทว่าเราคิดกันทุกวันแล้ว อย่าลืมว่า พระพุทธเจ้าทรงสอน ไม่ว่าสอนใครทั้งหมด เมื่อขั้นสุดท้ายท่านก็ลงอริยสัจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าสอนชาดก หรือพระสูตรก็ใช้อริยสัจทุกอย่างใช้อริยสัจหมด แต่ว่าลีลาการสอนขององค์สมเด็จพระทรงสวัสดิโสภาคย์มีลีลาต่างกัน คนหนึ่งท่านพูดไปอย่างหนึ่ง อีกคนหนึ่งท่านพูดไปอีกอย่างหนึ่ง เพื่อความเข้าใจของแต่ละบุคคล สำหรับพวกเราไม่ฉลาดเท่าท่าน


    ก็กราบเรียนถาท่านว่า อริยสัจมี 4 อย่าง อย่างไหนสำคัญที่สุดขอรับ ท่านบอกเธอไม่ต้องคิดมาก คิดให้เข้าใจเพียงแค่ ทุกขสัจ อย่างเดียวว่าเอาแต่เพียงความจำ เอาเข้าใจให้เข้าใจจริงๆ ถ้าเห็น ทุกข์ตัวเดียว อีก 3 ตัวปรากฏ คำว่า สมุทัย เหตุให้เกิดทุกข์ ในเมื่อเรารู้ทุกข์ เราก็รู้ว่าใครทำให้เราเป็นทุกข์ อะไรทำให้เราเป็นทุกข์ ไม่ต้องไปนั่งคิดถ้าเราเห็นทุกข์ และเข้าใจในทุกข์แล้วก็มีความเบื่อหน่ายในทุกข์เพราะการเกิด นิโรธ ความดับ มันก็เกิด เมื่อนิโรธ ความดับ เกิดขึ้นมาแล้ว ก็ชื่อว่าถึงที่สุดแห่งพุทธศาสนา คือเป็นความเข้าใจถึงที่สุดที่พระพุทธเจ้าทรงสอน


    ก็กราบเรียนถามท่านบอกว่า ในเมื่อหลวงพ่อยังอยู่ก็ดี หลวงพ่อปานยังอยู่ก็ดี กระผมอาจจะคุมตัวอยู่ได้ แต่ว่าในกาลต่อไปข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ท่านก็บอกว่า สองคนนี่เขาปรารถนาตรงสาวกภูมิ แล้วก็เป็นคนขยันเล่นอภิญญาสมาบัติ สองคนนี่ต้องอยู่ในป่าสงเคราะห์คนและสงเคราะห์ภิกษุสามเณรที่ต้องการในป่า ที่เข้ามาในป่า เป็นหน้าที่ของเธอทั้งสอง แต่สำหรับตัวเธอเอง (คืออาตมา) ต้องชำระหนี้เขา เพราะเป็นหนี้เขามาก ชาติก่อนใช้คนมาก ใช้แรงงานเขาก็มาก ใช้ชีวิตเขาก็มาก เพราะเคยเป็นกษัตริย์บ้าง เคยเป็นแม่ทัพบ้าง ต้องรบราฆ่าฟันมาทุกชาติ และอีกประการหนึ่ง ผลแห่งการรบราฆ่าฟัน ฆ่าคนมามาก แล้วฆ่าสัตว์ก็มาก การฆ่าสัตว์ ก็ไม่ได้หมายความว่า ยิงสัตว์เล่นฆ่าสัตว์เพื่อเลี้ยงคนเพื่อทำสงคราม แต่ว่าในการครองชาติ ก็ต้องฆ่าสัตว์เพื่อเลี้ยงกัน บาปตัวนี้จะรุกรานเธอตลอดชีวิต นั้นหมายความว่า อาการทางร่างกายของเธอ ไม่มีอาการปรกติ จะมีการป่วยทุกวัน วันไหนที่เรียกว่าไม่ป่วย ไม่มี แต่ว่าทั้ง ๆ ที่เธอป่วย เธอก็ต้องทำงานแล้วงานของเธอก็หนัก


    เธอจงจำไว้ว่า เวลานี้เธอเป็นพระวัดบางนมโค แต่ว่าในกาลต่อไป เธอจะไม่ได้อยู่ที่วัดบางนมโคนี่ เพราะคนบางนมโคก็ต้องเป็นคนบางนมโค เธอไม่ใช่คนบางนมโค เธอเป็นคนจังหวัดสุพรรณบุรี แต่มาอยู่ที่บางนมโคตั้งแต่เด็ก ก็ถือว่า ถ้าญาติข้างพ่อก็อยู่สุพรรณฯ ญาติข้างแม่อยู่อยุธยา และจังหวัดธนบุรี แต่ว่าเธอจะต้องย้ายจากวัดบางนมโคไปเข้าในกรุงเทพฯ ในเมื่อท่านปานมรณภาพแล้ว


    ก็ถามว่า หลวงพ่อปานท่านจะตายเมื่อไรขอรับ ท่านก็เลยบอกว่า ท่านปานตายปีนี้แหละ ปีนี้ท่านปานตาย แต่เธอก็จะอยู่ที่วัดบางนมโคอีก 1 ปี หลังจากนั้น ก็ต้องเข้าไปในกรุงเทพฯ ก็ถามว่าในกรุงเทพฯ ผมไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน ท่านเลยบอกว่า จะมีคนเขามาแนะนำเขาชวนไปอยู่ ต่อไปจะได้เรียนบาลี เพราะว่าเวลานี้เธอสงสัยใช่ไหมว่า พระใน กรุงเทพฯ เวลาออกมาบ้านนอกเด่นเหลือเกิน คนยกย่องสรรเสริญ ต้องหาพรมมาปูให้ แต่ความจริงพระท่านก็ไม่ได้ขอ แต่ว่าชาวบ้านเขายกย่องว่าเป็นพระกรุงเทพฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้า เป็นมหาเปรียญ เขาเรียกว่า พระดี สำหรับพระบ้านนอกเขาเรียก พระเลว

    อาตมาเองเคยถูกนิมนต์ไปในที่ต่าง ๆ ไปหลายแห่ง ก็มีพระชั้นพระครูบ้าง เวลานั้นเจ้าคุณหายาก บ้านนอกเจ้าคุณหายากเต็มที แล้วก็มีพระมหาเปรียญบ้าง ชาวบ้านเขาเรียกพระครู กับมหาเปรียญว่า พระดี (พระดีนิมนต์ทางนี้ครับ พระเลวนิมนต์ทางนี้ครับ) เราไม่ใช่มหาเปรียญ เป็นพระเลว


    ในเมื่อเธอฟังแบบนี้แล้ว เธอก็เกิดความรู้สึกว่าพระในกรุงเทพฯ ชื่อว่า ดี นั้นดีอย่างไร แล้วก็เป็นมหาเปรียญกันอย่างไร เธอก็ต้องไปพิสูจน์ เพราะเธอเป็นนักพิสูจน์จะต้องพิสูจน์ยันตาย และต่อไปภายในเบื้องหน้า ก็จะเป็นคนที่ชาวบ้านเขานินทาอยู่ตลอดเวลา เขาจะนินทาว่าร้าย กล่าวโทษตลอดเวลา แต่ก็ไม่เป็นไร ถ้าทนไม่ไหวในฐานะเป็นพระเหลืองเราก็เป็นพระเขียว ก็ถามว่า พระเหลือง พระเขียว เป็นอย่างไรขอรับ ท่านบอกว่า ในเมื่อเธอพูดตามความเป็นจริง ตามที่ศึกษามาเหมือนกับคนที่กินข้าว กินแกง มีลิ้น ลิ้นมีประสาทรู้รส แต่ว่าต่อไปจะปรากฏว่าคนประเภทกระจ่ามีมาก กระจ่าไม่มีประสาท ไม่รู้รสไม่รู้เปรี้ยวไม่รู้เค็ม ถึงแม้ว่าเขาจะแช่ไว้ในหม้อแกง ก็ไม่เคยรู้รสแกง ข้อนี้ฉันใด ในกาลต่อไปคนที่อวดตัวว่า เป็นคนที่มีความรู้ เขายกย่องกันว่าเป็นความรู้เลิศชั้นประเสริฐ เขาจะไม่เชื่อสวรรค์ไม่เชื่อนรก ไม่เชื่ออภิญญาสมาบัติ ไม่เชื่อสมาธิจิต เขาก็จะคิดว่าเธออวดอุตตริมนุสสธรรมบ้าง เขาจะคิดว่า เธอเป็นคนบ้าบ้าง


    ในเมื่อเป็นอย่างนี้ เธอจงจำไว้ ต้องถือ ขันติ ความอดทน เชื่อพระพุทธเจ้า เวลานี้เราเชื่ออยู่แล้ว เราก็เชื่อต่อไปที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า นัตถิโลเก อนินทิโต คนไม่ถูกนินทาเลยไม่มีในโลก จำไว้เสมอว่าเห็นหน้าคนคิดว่า คนนี้เวลานี้เขาดี แต่เวลาต่อไปข้างหน้า เขาอาจจะนินทาเรา เราจะต้องไม่โกรธเขา ก็ถือว่า เป็นนิสัยของเขา เป็นสมบัติของเขา แล้วมันก็เป็นสมบัติของเรา ที่เราเกิดมาเพื่อให้เขานินทา


    ท่านก็สอนตามนี้ แล้วก็ถามท่านว่า คนที่มีความรู้แต่ไม่ปฏิบัติตามความรู้จะมีหรือขอรับ ท่านบอกว่า ก็ดูพระที่วัดบางนมโคก็แล้วกัน ที่ท่านปานสอนกรรมฐาน มีพระกี่องค์ที่ทำกรรมฐานบ้าง และมีกี่องค์ที่ไม่ทำกรรมฐาน และมีพระกี่องค์ที่เชื่อท่านปานจริง ๆ และมีพระกี่องค์ที่ไม่เชื่อท่านปาน ต่อหน้ามีความเคารพ แต่ลับหลังเหมือนกับลิงหลอกเจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต่อ ไปในเบื้องหน้าคนประเภทกปิลภิกขุ จะมีมากมายในเขตพระพุทธศาสนา (ตอน นั้นก็ไม่ได้เรียนกปิลภิกขุ) ก็ถามท่านว่า กปิลภิกขุมีในหนังสือเล่มไหนขอรับ ท่านบอกว่า มีในพระธรรมบทเล่ม 1


    กปิลภิกขุหรือเรียกกันว่า พระกบิล เมื่อสมัยนั้น เมื่อสมัยพระพุทธเจ้า พระ พุทธกัสสปยังทรงชีวิตอยู่ เธอก็เรียนจบพระไตรปิฏก มีพี่ชาย พี่ชายก็บวชพร้อมกัน พี่ชายเป็นคนแก่รู้สึกตัวว่าเป็นคนแก่ แต่ความจริงก็ยังไม่แก่ ไม่ขอเรียนพระไตรปิฏก เรียนเฉพาะความรู้ในด้านวินัย ธรรมะพอสมควรพอเอาตัวรอด แล้วก็ฝึกในด้านปฏิบัติ สำหรับปริยัติก็พอรู้บ้างตามสมควร พอเอาตัวรอด ทั้งสองคนนี่มีผลไม่เสมอกัน พี่ชายไม่ช้าก็เป็นอรหันต์ กปิลภิกขุเธอมีลูกศิษย์ลูกหามาก ทุกคนยอมรับนับถือว่าเธอจบพระไตรปิฏก ก็มีลูกศิษย์มาก เมื่อมีลูกศิษย์มากก็มีลาภสักการะมาก หนัก ๆ เข้า เธอก็เปลี่ยนแปลงคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าบอกว่า อย่างนี้ เธอก็พูดอย่างโน้น พระพุทธเจ้าบอกว่าคนเกิดมาแล้ว เมื่อตายแล้วไม่สูญ ถ้าจิตยอมรับความดีเวลาจะตายก็ไปสู่สุคติ ถ้าจิตยอมรับความชั่วก็ไปสู่ทุคติ อย่างนี้เป็นต้น เธอก็กลับพูดไปอย่างอื่นว่า ตายแล้วมีสภาพสูญอย่างนี้เป็นต้น แต่ว่าเธอก็เทศน์สอนคนอื่นเขา แต่เธอไม่เชื่อในที่สุดเธอตายไปแล้ว เธอก็ลงอเวจีมหานรก


    มาสมัยพระพุทธเจ้าองค์นี้ตรัสขึ้นมา เธอเกิดขึ้นมาเป็นปลาทอง เด็กทอดแหเอาไปได้พ่อเอาไปถวายพระราชา พระราชานำไปหาพระพุทธจ้า เกล็ดเหลืองเหมือนทองคำ แต่เวลาอ้าปาก กลิ่นเหม็นเหมือนอุจจาระ ฟุ้งทั่ววิหาร เมื่อองค์สมเด็จพระพิชิตมารถามเธอว่าเธอมาจากไหน เธอก็ตอบว่ามาจากอเวจีมหานรก ถามว่า เธอชื่ออะไร เธอก็บอกว่า เมื่อก่อนเธอชื่อ กปิลภิกขุ ในสมัยพระพุทธกัสสป พระพุทธเจ้าถามว่าแม่ของเธอไปไหน เธอก็ตอบว่าแม่ของเธอไปอเวจีมหานรกเพราะด่าพระร่วมกัน น้องสาวไปไหน น้องสาวไปอเวจีมหานรก ถาม พระพี่ชายของเธอล่ะ พระพี่ชายของเธอไปนิพพาน


    ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าบรรดาพระทั้งหลายเห็นว่า เธอสอนชาวบ้าน สอนพระเปลี่ยนแปลงคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะคนที่จบพระไตรปิฏก ไม่ได้จบองค์เดียว ที่จบพระไตรปิฏกตามธรรมดาก็มี เป็นพระอรหันต์ก็มี แม้แต่พระอรหันต์เข้ามาเตือน เธอก็ไม่เชื่อ กลับด่าพระ ด่าพระธรรมดา ด่าพระทรงฌาน ด่าพระอรหันต์ทั้งหลายเหล่านั้นเห็นว่าไม่เป็นเรื่อง ก็ไปบอกพระพี่ชายให้มาเตือน พระพี่ชายมาเตือน เธอก็ด่าพระพี่ชายไปเสียอีก หาว่าพระพี่ชายไม่เคยเรียนอะไร เธอจบพระไตรปิฏก คนโง่เง่าเต่าตุ่นอย่างนี้อย่าเสือกมาสอนกัน พระพี่ชายก็ต้องกลับเข้าป่าไป


    ต่อไปสภาพของเธอก็จะเป็นอย่างนั้น แต่ฉันจะไม่พยากรณ์ว่า เขาทั้งหลายเหล่านั้นจะไปอเวจีมหานรก แต่เธอก็จะพบกับคนที่เขาถือว่า เขามีความรู้ดี แต่เขาก็จะไม่เชื่อในวาทะที่เธอกล่าวที่เธอสอน เธอจะต้องเป็นคนมีลูกศิษย์มาก เธอจะต้องเป็นคนมีงานหนัก หนักทั้งทางโลก และหนักทั้งทางธรรม คือหนักทั้งชาวโลก และหนักทั้งชาวพุทธ และพระ การปกครองพระก็หนัก การสร้างวัดก็หนัก การสงเคราะห์ในการศึกษาเล่าเรียนก็หนัก การสงเคราะห์คนยากจนเข็ญใจก็หนัก หนักทุกอย่างชีวิตของเธอจะไม่เป็นชีวิตที่มีความสุขเหมือนชาวบ้านเขา เพราะร่างกายจะต้องหนัก ใจจะต้องคิด เมื่อจิตต้องคิด การต้องหนักในการงานแล้วกายก็ต้องป่วย เพราะกฎของกรรม


    พอนั่งฟังท่านก็นึกเศร้าใจ คิดว่า เอ..เรานี่ตายเสียเร็ว ๆ จะดีกว่ากระมัง ก็ถามท่านว่าผมอีกกี่ปีจะตายขอรับ ท่านก็บอกว่า ถ้าเป็นอายุขัยของเธอก็ต้องอายุ 27 ปี แต่ว่าเธอจะตายตามนั้นไม่ได้ เธอต้องใช้หนี้เขาก่อน ถามว่า ต้องใช้หนี้ไปกี่ปีขอรับ ท่านก็บอกว่า สุดแล้วแต่พระจะสั่ง เธอต้องเป็นพระที่อยู่ในอำนาจของพระ ปฏิบัติตามพระสั่งทุกอย่าง พระสั่งทำแบบไหน ทำแบบนั้น พระท่านจะช่วยทุกอย่างให้สำเร็จ ทั้ง ๆ ที่เธอป่วย ก็ต้องลากสังขารไปดูงานก่อสร้าง ต้องลากสังขารไปสงเคราะห์ในธรรมะของเขา ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะคนทั้งหลายเหล่านั้นเขาเป็นเจ้าหนี้ เธอเป็นหนี้เขามาตั้งแต่ชาติก่อน ต้องไปชำระหนี้เขา


    ฟังแล้วก็เศร้าใจ บรรดาท่านพุทธบริษัท เกิดมากับเขาชาติหนึ่ง จะหาความสุขสักหน่อยก็ไม่ได้แต่ท่านก็พูดให้ดีใจว่า จิตใจของเธอมีความดี ทุกสิ่งทุกอย่างมันจะเป็นทุกข์มันจะหนักอย่างไรก็ตาม แต่ว่าใจของเธอเป็นสุข เพราะเธอมีความรู้สึกว่า เธอเป็นผู้ชนะแล้ว จากกฎของกรรม และก็ชนะในชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายก็ถามท่านบอกว่า ผมปรารถนาพุทธภูมิชาตินี้จะมีบุญวาสนาบารมีเต็มหรือขอรับ ท่านก็นิ่งนิดหนึ่ง สัก 1 วินาที ท่านบอกว่า พระท่านบอกว่า ถ้า เธอมีอายุถึง 60 ปี บุญวาสนาบารมีปรารถนาพุทธภูมิของเธอก็จะเต็มชาตินี้ แต่ว่าเธอมีอายุแค่ 27 ปี จะต้องแบกบุญวาสนาบารมี ต้องบำเพ็ญบารมีไปอีกหลายชาติ ก็หนักใจก็ถามท่านบอกว่า ถ้าอย่างนั้น ผมจะไม่เอาพุทธภูมิดีไหมเคยไปเที่ยวชั้นดุสิต เห็นเทวดาชั้นดุสิตที่มีบารมีเต็ม คอยตรัสเป็นพระพุทธเจ้า มากมายเหลือเกิน ผมไม่ทราบว่า ผมจะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่เท่าไร คงจะคอยไม่ไหว


    ท่านบอกว่า ไม่เป็นไร เธอก่อนจะเกิดมาเธอมีสัญญา ถามว่า สัญญาอะไรขอรับท่านก็บอกว่า หลังจากอายุ 40 ปีไปแล้ว เธอต้องลาจากพุทธภูมิ แต่ว่าเวลานี้เธอต้องทำให้เข้ม ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป อย่าท้อถอย ทุกอย่าง จะประสบกับทุกข์อะไรก็ตาม จะต้องสู้กับทุกข์ตั้งใจปฏิบัติตามกิจพุทธภูมิทุกอย่าง เมื่อลาจากพุทธภูมิแล้ว สิ่งที่เธอลา เธอขอสัญญากับพระ พระท่านจะให้ แล้วจะได้ตามนั้น แต่ว่าเธอจะต้องทำกิจพุทธภูมิต่อไปจนกว่าจะตาย

    เมื่อท่านพยากรณ์อย่างนี้แล้วก็รู้สึกเศร้าใจว่า เรานี่เป็นคนมีกรรมจริง ๆ ก็เลยอยากจะรู้กรรมของตนให้มันถนัด เราใช้ของเราเองพอได้บ้าง พอสมควร แต่อาศัยบารมีของท่าน ถามว่า หลวงพ่อขอรับ ผมอยากจะดูภาพเก่า ๆ เคยฆ่าฟันกันมามากมายขนาดไหน ชาติไหนบ้าง ท่านก็ทำให้ดูสิบชาติ ก็เห็นว่าตัวเองสร้างทั้งบาป และทั้งบุญ บุญก็สร้างจริง ๆ บาปก็สร้างจริง ๆ คนต้องตายเพราะคำสั่งก็มาก ฆ่าเขาเองก็มาก สัตว์ ช้างม้า วัวควาย วัวควายที่ต้องเป็นอาหาร เป็ดไก่ นับไม่ถ้วน ก็มานั่งนึกดูว่า ถ้าสัตว์ทั้งหลาย หรือคนทั้งหลายเหล่านั้น ต่างคนต่างมาทวงกรรม เราใช้ชาตินี้ไม่หมดแน่


    พอนึกในใจเพียงเท่านี้ ท่านก็บอกว่า คิดอย่างนั้นไม่ถูก ชาตินี้ใช้หมดแน่ เอาแค่เศษของกรรมที่เหลืออยู่ แล้วก็ใช้เขา แต่การใช้ให้หมดมันไม่มีหรอก แต่ว่าสามารถหนีกฎของกรรมได้ ถามว่า หนีไปไหนครับ ท่านก็บอก หนีไปอยู่ในแดนที่มีความสุข ที่ไหนที่เรียกว่าเอกันตบรมสุข เธอจะไปอยู่ที่นั้นได้ นี่เป็นคำ พยากรณ์ของหลวงพ่อจง

    แต่ว่าเธอทั้งหลายจงอย่าลืมนะว่า ต้องยึดอริยสัจเป็นสำคัญ อริยสัจที่จะต้องตั้งใจทำให้มั่นก็คือ ทุกขสัจ เข้าใจในทุกขสัจอย่างเดียว ให้ได้จริง ๆ แล้วเธอจะเข้าใจผลในทุกขสัจ แต่ว่ากรรมฐานทั้ง 40 กอง จะต้องซ้อมไว้เป็นปรกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อภิญญา อย่าทำเป็นอันขาด การทำอภิญญาไม่ใช่วิสัยของเธอ เป็นวิสัยของสององค์นี่ ต้องอยู่ป่า ต้องใช้อภิญญา เธอจงเก็บอภิญญาไว้เป็นคู่มือ เป็นคู่ปัญญา เพื่อเข้าใจในการตัดกิเลส ก็กราบเรียนท่านว่า คนที่เขาเอาจริง เขาไม่ถามกัน มันอยู่ที่กำลังใจของคน คนที่ปฏิบัติจะเอาจริงเอาจังเขาไม่ถามว่า ผมจะบรรลุชั้นนั้นชั้นนี้ไหม เขาไม่ถามกัน มันอยู่ที่ใจของเรา เราอยากจะหมดก็หมด เราอยากไม่หมดมันก็ไม่หมด ถ้าเรายังติดในมนุษยโลก เทวโลก พรหมโลก มันก็ไม่หมด


    เมื่อคุยกันต่อไปถึงเวลาอันสมควร ท่านก็บอกว่า เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ถ้าท่านปานตายแล้วนะ เธอสงสัยอะไรก็ไปหาฉัน ทุกอย่างฉันจะไม่ปกปิด จะเป็นความรู้เพื่อบุคคล หรือความรู้เพื่อส่วนตัว ฉันไม่ปกปิด แต่ว่าฉันคิดว่า ในต่อไปภายเบื้องหน้า เธอจะกลายเป็นคนขี้เกียจ คือความรู้ทุกอย่างที่เธอมีอยู่นี้ เธอสามารถทำได้ทุกอย่าง เวลานี้ก็เริ่มขี้เกียจแล้ว เมื่อทำใหม่ ๆ จริง ๆ ขยัน รู้นั่น รู้นี่ ทำโน่น ทำนี่ พอทำได้จริง ๆ ก็ขี้เกียจ นี่เป็นวิสัยแท้ เป็นกิจที่ต้องทำ แต่ 2 คนนี่เขาขยัน เขาต้องเข้าป่า เธอจงอย่าใช้อภิญญาสมาบัติ ที่สามารถทำได้ ได้หรือไม่ได้ก็ตาม เอาเป็นว่าถ้าทำได้ก็อย่าใช้ ใช้วิชาความรู้ปรกติธรรมดา และต่อไปนี้เบื้องหน้าก็จะได้รับความรู้พิเศษจากพระ จะสามารถสอนให้คนเข้าใจเรื่องสวรรค์ เรื่องนรก ได้อย่างง่าย ๆ


    ก็ถามท่านบอกว่า เวลานี้ที่ฝึกอยู่นี่ มันง่ายหรือมันยากขอรับ ผมก็เห็นว่า ไม่ยาก ท่านบอกว่า เวลานี้สำหรับเธอมันไม่ยาก แต่คนอื่นเขายากมาก และจงอย่าลืมว่า เธอจะต้องประสบกับถ้อยคำที่ต้านทาน ถ้อยคำที่กล่าวหาด่าว่า ถ้าหากว่าบังเอิญจริง ๆ ถ้าเธอรำคาญเข้าจริง ๆ เธอจะกลายเป็นพระเขียว แต่ฉันคิดว่า จะไม่เป็นพระเขียว จะมีพระองค์อื่นช่วย จะมีพระรูปร่างผอม ๆ สูง ๆ เข้มแข็งในพระศาสนา และพระองค์นี้จะได้อภิญญาสมาบัติ แต่ว่าเป็นพระที่มีการปกปิด จะสนับสนุนเธอไห้ทรงตัวเป็นพระเหลืองอยู่ เพราะต่อไปเบื้องหน้า เธอจะเกิดความรำคาญ ถ้าเกิดความรำคาญ ถ้าพระองค์นี้ไม่เข้าช่วย เธอก็จะกลายเป็นพระเขียว (หมายความว่า ถอดสีเหลืองออก และก็ใช้ชุดเขียว ใช้อภิญญาสมาบัติ เป็นการหักล้างพระเหลือง พระเหลืองก็จะพากันผอมไปตาม ๆ กัน)

    ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าคนทุกคนส่วนใหญ่ 99.99 เปอร์เซ็นต์ เขาชอบอภิญญาสมาบัติ เราทำให้เราแก่ได้ เราทำตัวเราให้หนุ่มได้ แค่นี้ก็พอแล้ว ผิวขาวได้ ผิวเหลืองได้แค่นี้ก็พอแล้ว แต่เธออย่าทำมากกว่านั้น แต่ว่าฉันขอพยากรณ์ว่า เธอไม่มีโอกาสทำ เพราะพระจะไม่อนุญาตเธอ พระจะอนุญาตให้เธอเฉพาะให้เขารู้ตามความเป็นจริงว่า นรกมีจริง สวรรค์มีจริง เขาสามารถเห็นนรกได้ สวรรค์ได้ เขาสามารถไปนรกได้ ไปสวรรค์ได้ ด้วยกำลังของจิตที่เรียกกันว่า อทิสมานกาย อภิญญาใหญ่อย่าไปสอน ถ้าขืนสอน เธอจะเหนื่อยเปล่า เพราะวิสัยแบบนี้จะมียากสำหรับบุคคลที่จะพึงทำได้ แต่ว่ามีอยู่ แต่ก็ไม่อยู่ในฐานะที่เธอจะต้องเป็นครู ต้องคนอื่นเขาเป็นครูกัน เธอเอาเท่านั้นก็พอ เป็นแค่ ปัจจัตตัง

    ก็เป็นอันว่า คุยกันไป คุยกันมา ท่านก็บอกว่า เวลานี้ก็เย็นแล้ว ฉันจะขอลากลับวัดนะ ก็เลยบอกว่า หลวงพ่อขอรับ ที่นี่มันจังหวัดกำแพงเพชร ท่านก็เลยบอกว่า อินเดีย เดิน 2-3 นาทีก็ถึง วัดหน้าต่างนอก มันจะเดินสักกี่นาที ก็รวมความว่า พอพูดเท่านี้ ท่านก็หายแว้บไปเลย ไม่ได้เดิน ไม่ได้ไปไหน


    ก็คิดในใจว่า เอ๊ะ..หลวงพ่อจงนี่ คนหรือผี หลวงพ่อปานก็หันกลับมาบอกว่า คุณอย่าอกตัญญครูบาอาจารย์ อย่าไปนึกว่าครูบาอาจารย์เป็นผี หลวงพ่อจงนี่เป็นพระอภิญญาแต่ก็ไม่ ใช่อภิญญาอย่างเดียว เป็นพระปฏิสัมภิทาญาณด้วยด้วย มีความฉลาดมาก แต่ว่าพูดน้อย เพราะหน้าที่พูดมันเป็นหน้าที่ของฉัน แต่ว่าถ้าฉันตายไปแล้ว ท่านก็ไม่ค่อยจะพูด มีอะไรบ้าง เธอต้องไปหาท่าน ท่านจะเรียกไปหาท่าน และท่านใช้ให้เธอพูดแทนท่าน

    จาก หนังสือ หลวงพ่อ ธุดงค์

    http://yadaicare.com/thread-91-1-1.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มกราคม 2010
  20. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    อคติ มีในทุกวงการไม่เว้นแม้แต่ วงการนักปฏิบัติธรรม ดูคำวิจารณ์แล้วย้อนลงดูที่ตัวเอง
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>อคติ ความหน้าด้าน และสวรรค์ของนักร้องเกาหลี/ต่อพงษ์</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ต่อพงษ์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>6 กุมภาพันธ์ 2553 11:30 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> ก่อนอื่นต้องขอขอบพระคุณทุกความเห็นที่ชื่นชมผม55555 จากข้อเขียนที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมดนตรีของเกาหลีในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มีคนบอกว่าผมนี่มันมีอคติและเขียนด่าเกาหลีแบบมีอคติ

    อิอิอิ พูดกันแบบเท่าเทียมกันนะครับ ผมว่าคนฟังทุกคนที่ฟังดนตรีก็มีอคติทั้งนั้นแหล่ะ และไอ้อคตินี้มันก็ฟุ้งกระจายออกไปตามสิ่งที่ตัวเองชอบและเห็นทั้งนั้น ก็เหลืออยู่แค่มีหลักฐานอะไรก็งัดกันออกมาโชว์กันให้เห็นเท่านั้นแหล่ะครับ ส่วนเห็นกันแล้วจะยังเชื่อหรือไม่เชื่อมันก็แล้วแต่กรรมเก่าเท่านั้น

    ก็เหมือนตอนที่นักร้องวง เซเว่น เดย์ แค่ทำมิวสิคคล้ายๆกับเพลงเพลง Gee ของเกิร์ล เจเนอเรชั่น สาวกเกาหลีก็ด่ากันกระจาย...วงแคนดี้ มาเฟีย ก็ออกมิวสิคมาในทำนองเดียวกับ 2NE1 ก็ด่ากันถึงบุพการี (ทั้งๆ ที่ผู้กำกับมิวสิคเกาหลีมากำกับ) ทั้งๆที่พูดกันตรงๆ แล้วไอ้เพลงและมิวสิควิดิโอที่ด่ากันนั้นออกจะเหมือนน้อยกว่าเพลง OH ของ เกิร์ล เจเนเรชั่น กับเพลง Shut Up and Drive ของ รีฮันน่า

    ถ้าพูดกันอย่างไม่มีอคติก็ต้องบอกว่าทั้งไทยและเกาหลีมันก็เน่าพอๆ กันแหละ

    หรือกรณีของ G-Dragon ที่ถูกกล่าวหาว่านำเพลง Right Round ของ Flo Rida มาทำใหม่กลายเป็นเพลง Heartbreaker เฉยเลย เรื่องนี้จบลงโดยฝ่ายอเมริกาออกมาเตือนเอาไว้ว่า คนทำเพลงของเกาหลีควรจะต้องระมัดระวังกันให้มาก อย่าได้ดัดแปลงทำซ้ำอะไรอีก

    แน่นอนพอเป็นกรณีแบบนี้ สาวกก็จะมีเหตุผลให้ต่างๆ กัน...ส่วนใหญ่ก็จะบอกว่า...เราฟังแล้วไม่เห็นจะเหมือนเลยมันแค่คล้ายมากกว่า....บ้างก็ว่าเหมือนแค่ท่อนเดียว...หรือไม่เรียกว่าก็อปปี้เพราะมันไม่เป๊ะๆ เพลงหนึ่งช้ากว่าอีกเพลง หรือ เพลงหนึ่งมีเนื้อเพลงน้อยกว่า...มันเป็นแค่แรงบันดาลใจ ฯลฯ

    เรื่องแบบนี้สุดท้ายเมื่อเถียงไม่ออกก็บอกว่า ...อย่ามาว่าเค้านะ เพราะจียง (คนเดียวกับ จี ดราก้อน) เค้าเป็นคนดี เค้าไม่ได้ทำชั่วอะไรฯลฯ (55555555)

    กลับกันนะครับ ถ้าเราเอาเหตุผลแบบเดียวกันมาใช้ปกป้องวงของไทยอย่าง เซเว่น เดย์ หรือ แคนดี้ มาเฟีย เหตุผลเหล่านี้ก็คงโดนโห่กันลั่น...นี่ไงละครับที่เราเรียกมันว่า อคติ!!

    พูดถึงเรื่องไอ้เรื่องลอกไม่ลอกนี่...มันไม่มีทางจับให้มั่นคั้นให้ตายจริงๆ หรอกครับ ศิลปินหรือคนทำเพลงให้มักจะมีข้ออ้างเสมอว่า เขาได้แรงบันดาลใจมาแบบไหน เมืองไทยก็ไม่ต่างจากเกาหลีสมัยนี้ อย่างอาร์เอสก็ตั้งหน้าตั้งตาเอาทำนองเพลงของฝั่งเอเชียมา แกรมมี่นี่เอาฝั่งไอ้กันกับอังกฤษ เพียงแต่บางเพลงก็เอาเฉพาะท่อนแยก บางเพลงก็เอาท่อนเมโลดี้หลัก แล้วมายำกันใหม่... เมื่อมีเสียงของประชาชนโวย คนทำเพลงก็มักจะอ้างเสมอว่า โน้ตมันมีอยู่ไม่กี่ตัว เหมือนกันไม่เห็นแปลก!!

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>2NE1</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ประโยคแบบนี้มันออกมาในอุตสาหกรรมดนตรีของไทยมากเสียจนเรายอมรับว่า มันคือ ‘วัฒนธรรมของการทำเพลง’ ประการหนึ่ง

    อาจจะเป็นเพราะคนฟังเพลงในเมืองไทยนั้นเรารับวัฒนธรรมแบบนี้จนเชื่อว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ เราก็เลยยอมรับวิธีการทำเพลงของบรรดาหน้าของปลอมจากเกาหลีใต้ได้เหมือนกัน

    นึกแล้วก็ตลกดีนะครับ ที่เมื่อก่อนนี้เด็กเยาวชนในเขตเมืองบูชาศิลปินแกรมมี่เป็นพระเจ้า และชี้ว่าคนฟังเพลงจากค่ายอาร์เอสเป็นบ้านนอกและมาจากเขตไม่เจริญ แต่พอมาถึงยุคนี้ศิลปินหน้าจอมปลอมจากเกาหลีก็อยู่ในฐานะเดียวกับที่ศิลปินแกรมมี่เคยเป็น แต่เรื่องน่าสังเวชก็คือ ข้อเปรียบเทียบของเขาเหล่านั้นไม่ใช่ศิลปินอาร์เอส แต่เป็นศิลปินที่มีฝีมืออยู่ทั่วโลกและเป็นของจริงมากกว่าผลผลิตจากเมืองกิมจินั่นเอง

    ส่วนตัวผมไม่ถือว่าเรื่องลอกเพลงเป็นเรื่องใหญ่นะครับ โดยเฉพาะเกาหลีใต้กับการลอกเพลงไอ้กัน เรื่องแบบนี้ดู เพราะตามประวัติศาสตร์หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เกาหลีใต้นั้นก็เกือบจะเหมือนเมืองขึ้นของไอ้กันนั่นแหล่ะ กองทัพอเมริกันประจำการอยู่กลางกรุงโซลเลย แล้วเดี๋ยวนี้ลูกผสมระหว่างอเมริกันกับเกาหลีก็เยอะ (13 มกราคมที่ผ่านมาก็เป็นวัน อเมริกัน เกาหลี เดย์ ) แถมภาษาเกาหลีกับสำเนียงแอฟริกัน-อเมริกัน นั้นก็ดันมีอะไรที่คล้ายๆกันอีก เพราะฉะนั้นมันก็เลยแยกไม่ออกด้วยประการฉะนี้

    เรื่องของเรื่องที่แปลกดีก็คือ ฝั่งไอ้กันนั้นดูเหมือนจะเอ็นดูน้องเกาหลีมากเป็นพิเศษ จะลอกจะก็อปหรือเอาเป็นดัดแปลงหรือทำใหม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากแค่เตือน แต่คนที่เดือดร้อนดันเป็นเกาหลีที่คิดว่าตัวเองนั้นเก่งที่สุดแล้ว และประเทศของกูคือต้นกำเหนิดของวัฒนธรรมป็อปทุกอย่างในโลกไปเสียอย่างงั้น

    เหตุนี้มันก็เลยเป็นเรื่อง ‘หน้าด้านเต็มแก่’ ที่ประธาน YG Entertainment ของเกาหลีใต้ หาว่า มาไรห์ แครี่ ลอกเพลงของ 2NE1 แก้เกี้ยวที่โดน โซนี่ มิวสิค ยื่นโนติสต์เตือนเรื่องเอาทำนองท่อนนั้นท่อนนี้ของเพลงนี้มาทำกลายเป็นเพลงของค่าย ซึ่งเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องโจ๊กสุดๆ ของอุตสาหกรรมดนตรีโลก เนื่องจาก มวยที่เกาหลีพยายามจะแถนั้นมันมีความห่างชั้นกันคนละจักรวาลเลยทีเดียว

    เห็นความหน้าด้านของผู้ใหญ่ในค่ายเกาหลีแล้วก็อดจะคิดไม่ได้เหมือนกันว่ามันคงจะด้านกันเป็น Generation หรือด้านกันเป็นนโยบาย เมื่อลองเทียบกับข่าวที่ว่า จีนแดงสั่งปรับเงิน 2 นักร้องป๊อปสตาร์ของประเทศราวๆ สี่แสนบาทโทษฐานร้องเพลงลิปซิงก์ ในการแสดงคอนเสิร์ต ใน มณฑลเสฉวน

    ปักกิ่ง นิวส์ รายงานเมื่อ 23 ม.ค. 2553 ว่า หยิน หยูกาน และฟาง ซิหยวน 2 นักร้องเพลงป็อปวัยรุ่น ถูกศาลสั่งปรับรวมเป็นเงิน 80,000 หยวน ข้อหาแสดงคอนเสิร์ตโดยใช้วิธี “ลิปซิงก์” ซึ่งเป็นความผิดที่ทำให้ความเข้าใจของคนฟังที่มีต่อศิลปินคนนั้นไขว้เขว...พูดง่ายๆ มันคือการหลอกลวงประชาชนนั่นเอง

    กระทรวงวัฒนธรรมของจีนที่เป็นผู้ฟ้องระบุว่า กฎหมายกำหนดห้ามไม่ให้นักแสดง และนักร้องที่เปิดการแสดงเชิงพาณิชย์ร้องเพลงแบบลิปซิงค์นั้นเป็นสิ่งที่ประชาชนในประเทศต้องการ และบอกอีกด้วยว่าถ้านักร้องคนเดิมฝ่าฝืนอีกจะถูกลงโทษโดยการสั่งระงับไม่ให้รับงานในเชิงพาณิชย์เป็นเวลา 2 ปี

    กฏหมายฉบับนี้ออกมาบังคับใช้เมื่อสิงหาคม ปีที่แล้ว อันเนื่องจากเหตุที่นักร้องเด็กคนหนึ่งแกดันลิปซิงค์ในงานเปิดกีฬาโอลิมปิกที่ปักกิ่งในปี 2551 โดยผู้จัดอ้างว่า เด็กที่เสียงดีนั้นหน้าตาไม่ดีพอที่จะออกมาให้ชาวโลกเห็น

    รัฐบาลจีนอาจจะปล่อยปละละเลยหรือหลับตาข้างหนึ่งเรื่องสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ แต่รัฐบาลจีนเดียวกันนี้พยายามจะปกป้องคนของเขาไม่ให้ถูกหลอก...หรือพยายามจะป้องกันไม่ให้วงการมายามาใส่อะไรผิดๆ ให้แก่ประชาชนของเขา นั่นคือนักร้องต้องร้องจริง แสดงความสามารถทางการใช้เสียงจริง...ไม่ใช่ร้องหลอกๆ

    นักร้องจีนอาจจะไม่ใช่สินค้าส่งออกที่ฮิตเท่านักร้องเกาหลี หน้าตาของเขาอาจจะไม่หล่อเท่า ไม่สวยเท่าแต่เขาก็ไม่โกหกคนฟังเท่ากับบรรดาลิปซิงค์จากเกาหลีเช่นกัน

    และอย่างน้อยพวกเขาก็ร้องเพลงกันจริงๆ

    แต่ก็อีกแหละครับสิ่งนี้เมื่อยกมาให้อ่าน มันอาจจะไม่ทำให้สาวกเกาหลีในไทยฉุกคิดอะไรเลย เพราะ คนไทยนั้นตกอยู่ในวัฒนธรรมของการหลอกลวงมานานจนเราเชื่อไปแล้วว่า การหลอกลวงเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ยอมรับได้

    นี่ละมั้งที่ทำให้ไทยถึงกลายเป็นสวรรค์ของเหล่านักร้องเกาหลีนะครับ

    Entertainment - Manager Online


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...