นี่ ๆ เหล่านักปฏิบัติ จ๋าาา ช่วยวิสัชนา ตอบ นู๋บี ทีซิ ว่า ขรัวตาจะตีไหมค้าาาาาาาา ?

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย 5th-Lotus, 20 ตุลาคม 2009.

  1. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    <object width="480" height="385"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/ZMevEd-YMrQ?fs=1&amp;hl=en_US"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/ZMevEd-YMrQ?fs=1&amp;hl=en_US" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="480" height="385"></embed></object>

    <object width="480" height="385"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/X1TbScs_1c0?fs=1&amp;hl=en_US"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/X1TbScs_1c0?fs=1&amp;hl=en_US" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="480" height="385"></embed></object>
     
  2. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    นิทานเซน : ปัจจุบันกาล
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>8 ธันวาคม 2553 08:17 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>《当下之时》

    ยังมีแม่ทัพใหญ่ผู้หนึ่ง ในใจมีคำถามที่ขบคิดไม่เข้าใจอยู่ 3 ประการ จึงได้ตัดสินใจปลอมแปลงตนเองด้วยเครื่องแต่งกายของชาวบ้านธรรมดา แล้วออกเดินทางขึ้นเขาเพื่อไปขอให้อาจารย์เซนชี้แจงแถลงคำตอบของปัญหาทั้ง 3 ข้อนี้ต่อเขา

    เมื่อแม่ทัพเสาะหาจนพบอาจารย์เซน อาจารย์เซนกำลังขุดดินดายหญ้าอยู่ในแปลงผัก แม่ทัพจึงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นว่า "ข้ามีปัญหารบกวนจิตใจอยู่ 3 ประการที่ต้องการคำชี้แนะจากท่านอาจารย์"

    ข้อแรกคือ เวลาใด ที่สำคัญที่สุด?
    ข้อสองคือ ในการร่วมกันทำงานนั้น บุคคลที่สำคัญที่สุดคือใคร?
    ข้อสุดท้ายคือ สิ่งสำคัญที่สุดที่ควรกระทำคืออะไร?

    ทว่าอาจารย์เซนไม่เพียงไม่ตอบคำถาม ทั้งยังก้มหน้าก้มตาขุดดินดายหญ้าต่อไป ฝ่ายแม่ทัพเห็นว่าอาจารย์เซนอายุมาก ทั้งยังผอมแห้งแรงน้อย จึงอาสาช่วยขุดดินแทนให้ พร้อมทั้งกล่าวกับอาจารย์เซนว่า "หากท่านอาจารย์ไม่มีคำตอบให้ข้า ขอเพียงเอ่ยปาก ข้าก็จะเดินทางกลับ" ทว่าอาจารย์เซนยังคงเงียบงัน แม่ทัพจึงขุดดินดายหญ้าต่อไปเรื่อยๆ

    จากนั้นไม่นาน ปรากฏคนผู้หนึ่งซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสโซซัดโซเซมาถึงเบื้องหน้าคนทั้งสอง จากนั้นจึงสลบไป แม่ทัพจึงรีบประคองคนผู้นั้นไปพักผ่อนยังเพิงหญ้าคาทั้งยังทำแผลให้และคอยเฝ้าดูอาการจนวันรุ่งขึ้น

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>http://ts.zgfj.cn</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> วันรุ่งขึ้น เมื่อชายผู้ได้รับบาดเจ็บฟื้นขึ้นมาพบหน้ากับแม่ทัพใหญ่ ได้เอ่ยปากขออภัยในทันที ส่วนแม่ทัพกลับไม่ทราบว่าเป็นเรื่องราวใด คนผู้นั้นจึงอธิบายว่า "ในสงครามครั้งหนึ่ง ท่านเคยสังหารน้องชายของข้า บัดนี้เมื่อข้าทราบว่าท่านเดินทางขึ้นเขา จึงสบโอกาสคิดมาลอบสังหารท่าน มิคาดกลับโดนผู้ติดตามของท่านทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส แรกทีเดียวคิดว่าต้องตายแน่นอน แต่สุดท้ายกลับเป็นท่านอีกเช่นกันที่ช่วยชีวิตข้าไว้ ดังนั้นข้าจึงล้มเลิกความคิดฆ่าฟันท่านแล้ว"ความแค้นที่แม่ทัพได้ก่อไว้เมื่อหลายปีก่อน คลี่คลายลงอย่างง่ายดายในลักษณะนี้ จนแม้แต่ตัวแม่ทัพเองยังแทบไม่เชื่อว่าเป็นความจริง

    ก่อนที่แม่ทัพจะเดินทางลงจากเขา อาจารย์เซนจึงได้เอ่ยปากกับเขาเป็นครั้งแรกว่า "ปัญหาทั้ง 3 ข้อของท่านคงได้รับการคลี่คลายแล้ว" แต่แม่ทัพยังคงไม่เข้าใจ อาจารย์เซนจึงอธิบายต่อว่า "หากเมื่อวานนี้ท่านไม่ได้อยู่ช่วยข้าขุดดินดายหญ้า แต่ตัดสินใจเดินทางกลับไปก็อาจจะโดนคนผู้นี้ทำร้ายกลางทาง ดังนั้นเวลาที่สำคัญที่สุดก็คือเวลาที่ท่านขุดดินดายหญ้านี้เอง และวานนี้หากท่านไม่ยื่นมือช่วยคนผู้นี้ ท่านกับเขาย่อมไม่อาจเพาะบุญคุณ ลบความแค้น ดังนั้นบุคคลที่ทำคัญที่สุดสำหรับท่านในตอนนี้ก็คือคนผู้นี้เอง และสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ควรกระทำคือการที่ท่านได้ดูแล รักษาอาการบาดเจ็บของเขาจนหายดี...ท่านจงจำไว้ว่า เวลาที่สำคัญที่สุดคือ ปัจจุบัน เพราะเป็นช่วงเวลาเดียวที่ท่านสามารถควบคุมจัดการได้ ส่วนบุคคลที่สำคัญที่สุดก็คือคนที่อยู่กับท่าน ณ ขณะนั้น และสิ่งที่พึงกระทำมากที่สุดคือทำให้คนที่อยู่ข้างๆ ณ ขณะนั้นเป็นสุข"

    ปัญญาเซน : สรรพสิ่งมี "เกิดขึ้น" และ "ดับลง" ในระหว่างการ เกิด-ดับ นั้น มีเพียงสิ่งเดียวที่คงอยู่ คือ ปัจจุบันกาล และเป็นสิ่งเดียวที่สามารถควบคุมจัดการได้ เพื่อให้บรรลุยังเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้
    </TD></TR></TBODY></TABLE>China - Manager Online -
     
  3. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,944
    ค่าพลัง:
    +3,294
    อย่าเซ็นต์นานนะ... เด๋วลืมจ่ายยย
     
  4. ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2008
    โพสต์:
    3,277
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +6,490
    ยูสเซอร์นี้ OLDCAR AND A YOUNGMAN เป็นการเรียนแบบ OLDMAN AND A CAR หรือไม่ ทำให้สมาชิกสับสนหรือไม่ โปรดพิจารณา

    ทางที่ดีน่าจะงดใช้และใช้ชื่้ออื่นดูจะเหมาะกว่า

     
  5. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [​IMG]

    ด้าน ดร.ก้องภพ อยู่เย็น วิศวกรคนไทย จากองค์การนาซา สหรัฐอเมริกา ที่สนใจและศึกษาเกี่ยวกับระบบสุริยจักรวาล กล่าวว่า ภาวะโลกร้อนที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน หลายคนรู้ว่าสาเหตุหลักมาจากการกระทำของฝีมือมนุษย์ แต่ในความเป็นจริงปรากฏการณ์ที่ทำให้โลกร้อนนั้น อาจจะเกิดขึ้นจากระบบสุริยจักรวาล โดยที่ดวงอาทิตย์ ส่งพลังงานสุริยะมายังโลก และการเกิดภัยพิบัติน้ำท่วมหนักในไทยช่วงที่ผ่านมาก็ไม่ใช่เพราะภาวะโลกร้อน เพียงอย่างเดียว

    “โลกของเรานั้นอยู่ในระบบสุริย จักรวาล ในกาแล็กซีทางช้างเผือกหรือที่เรียกว่ามิลกี้เวย์ ซึ่งจะโคจรรอบดวงอาทิตย์และหมุนรอบตัวเอง กาแล็กซีทางช้างเผือกนั้นมีรูปแบบเป็นระนาบเห็นเป็นแถบเส้นตรง ใน 33 ล้านปี จะเกิดการตัดผ่านของระบบสุริยจักรวาล สิ่งที่เราจะพบในช่วง ของการตัดผ่านนั่นก็คือการเสียดสีของพลังงานสุริยะและจะเกิดภัยพิบัติตามมา สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการเสียดสี มาจาก ดวงอาทิตย์จะผลักฝุ่นละอองบางอย่างออกมาตลอดเวลา มีลักษณะเป็นพลาสมาเรียกว่าลมสุริยะ โดยทุก ๆ 11 ปีจะมีการเปลี่ยนแปลงของลมสุริยะ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นครั้งล่าสุดนั้น จะตรงกับการตัดผ่านของระบบสุริยจักรวาลพอดี (33 ล้านปีเกิดครั้งหนึ่ง) จึงเป็นผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของโลก” ดร.ก้องภพ กล่าว

    ดร.ก้องภพ กล่าวต่อว่า โลกจะเกิดการเปลี่ยนแปลงมากพอสมควร ถ้าดูจากการเกิดปรากฏการณ์ครั้งที่ผ่าน ๆ มา แต่ในครั้งนี้พิเศษมากกว่า ผลกระทบของลมสุริยะทำให้เกิดพายุมากขึ้น ใหญ่ขึ้น และอาจเชื่อมโยงถึงแผ่นดินไหว และเกิดการกระเพื่อมของระบบไฟฟ้าทั่วโลก จนทำให้เกิดไฟดับได้ นอกจากนั้นยังส่งผลต่อสภาพอากาศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คือโลกจะร้อนขึ้น น้ำจะท่วมเพราะเกิดการระเหยของมหาสมุทร อากาศจะร้อนจัด ป่าไม้ที่เคยอุดมสมบูรณ์อาจกลับกลายเป็นทะเลทรายที่แห้งแล้ง ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากการตัดผ่านของระบบสุริยจักรวาลและพลังงานสุริยะ ทั้งสิ้น

    ที่มา
    [​IMG]
    Daily News Online > หน้าสังคม > แนะสร้างเขื่อนอ่าวไทยป้องกท.จม สมิทธชี้เสี่ยงท่วมหนัก
     
  6. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    นิทานเซน : อาจารย์เซนทำนายฝัน
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>15 ธันวาคม 2553 06:43 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>[​IMG]

    ภาพประกอบจาก 3lian.com

    《神师解梦》

    ยังมีบัณฑิตผู้หนึ่ง เดินทางเข้าเมืองหลวงเพื่อหวังเข้าร่วมการสอบจองหงวน ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่สามแล้ว โดยในระหว่างที่รอเวลาสอบ ได้ขออาศัยอยู่ที่วัดเซนแห่งหนึ่ง

    ทว่าในคืนก่อนสอบ เมื่อบัณฑิตล้มตัวลงนอนหลับไป เขาได้ฝันถึงเหตุการณ์สามเหตุการณ์ดังนี้ ความฝันที่หนึ่งคือ เขาปีนขึ้นไปปลูกผักกาดขาวอยู่บนกำแพง ความฝันที่สองคือในฝันฝนตก ส่วนเขาก็สวมงอบทั้งยังกางร่มอีกหนึ่งคัน ความฝันสุดท้ายเขานอนอยู่คู่กับหญิงสาวที่แอบรัก ทั้งสองเปลือยเปล่าแต่กลับนอนหันหลังชนกัน

    เมื่อตื่นขึ้นมา ความฝันทั้งสามเรื่องรบกวนจิตใจ จนบัณฑิตหนุ่มต้องรีบไปหาหมอดูเพื่อให้ช่วยทำนายความฝัน ไขปริศนาให้กระจ่าง เมื่อหมอดูได้ทราบเรื่องราวความฝันทั้งหมดก็กล่าวอย่างมั่นใจว่า "พ่อหนุ่มจงเดินทางกลับบ้านไปเถิด การสอบครั้งนี้คงไม่ราบรื่น เจ้าลองคิดดูว่าการปลูกผักบนกำแพงย่อมไม่เห็นผล มิใช่เสียแรงเปล่าดอกหรือ? ส่วนการใส่งอบแล้วยังกางร่มก็เป็นการทำสิ่งที่เกินความจำเป็น และการได้นอนคู่กับหญิงสาวที่รักแต่กลับหันหลังให้กันนั่นก็หมายถึงอยากกระทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดแต่กลับไร้ซึ่งความหวังนั่นเอง"

    เมื่อฟังคำทำนายจบ บัณฑิตหนุ่มหมดอาลัยตายอยาก คือว่าความฝันทั้งสามเรื่องคงเป็นลางบอกเหตุล่วงหน้าถึงผลการสอบจองหงวนของตน สุดท้ายจึงเดินทางกลับวัดเซน เพื่อเก็บข้าวของเตรียมตัวกลับบ้าน

    เมื่อมาถึงวัด บัณฑิตหนุ่มบังเอิญได้พบกับอาจารย์เซน จึงถ่ายทอดเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง ทั้งยังกราบลาอาจารย์เซน ทว่าอาจารย์เซนกลับกล่าวตอบอย่างแย้มยิ้มว่า "ข้าเองก็สามารถทำนายฝันได้เช่นกัน แต่กลับเห็นว่าความฝันของเจ้าต้องตีความดังนี้ ความฝันแรก การได้ปีนขึ้นไปปลูกผักบนกำแพงสูง ย่อมหมายถึงเจ้าจะสอบติดในตำแหน่งสูง(คำว่า 种 ที่แปลว่า "ปลูก" พ้องเสียงกับคำว่า 中 ที่แปลว่า "ได้สำเร็จ") ความฝันต่อมาการสวมงอบกางร่มก็หมายถึง การสอบครั้งนี้เจ้าได้เตรียมตัวมาอย่างดีไม่มีทางพลาด และความฝันสุดท้าย การนอนเปลื้องผ้าหันหลังชนกับหญิงที่แอบรัก มิใช่แปลว่า เพียงแค่พลิกตัวความสำเร็จก็อยู่แค่เอื้อมหรอกหรือ?"

    บัณฑิตหนุ่มได้ฟังก็เห็นว่าการทำนายฝันของอาจารย์เซนก็มีเหตุผล สุดท้ายจึงตัดสินใจรั้งอยู่เพื่อเข้าร่วมการสอบ และผลออกมาปรากฏว่าเขาทำสำเร็จ สอบติดในตำแหน่ง "ท่านฮวา"(ชื่อตำแหน่ง ของผู้ที่สอบเข้ารับราชการติดในลำดับที่ 3 ของประเทศ)

    ปัญญาเซน : ความฝันเดียวกันแต่ตีความได้ผิดแผก สาเหตุเกิดจากสภาวะจิตใจที่แตกต่าง ความกระตือรือล้นและการมองโลกในแง่งามจะเป็นตัวผลักดันพฤติกรรม ให้เลือกกระทำในสิ่งซึ่งนำความสำเร็จมาสู่ตน

    ที่มา : หนังสือ 《禅的故事精华版》, 慕云居 เรียบเรียง, สำนักพิมพ์ 地震出版社, 2006.12, ISBN 7-5028-2995-4

    China - Manager Online -
     
  7. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,944
    ค่าพลัง:
    +3,294
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด.<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4142610", true); </SCRIPT>
    ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    ยูสเซอร์นี้ OLDCAR AND A YOUNGMAN เป็นการ เรียนแบบ เลียนแบบ OLDMAN AND A CAR หรือไม่
    ตั้งใจเลียนแบบครับ...

    ทำให้สมาชิกสับสนหรือไม่
    ประเด็นนี้ ไม่มีเจตนาอย่างนั้นครับ

    โปรดพิจารณา
    โอเคซึ้ง... รับทราบ ครับผม จะปฏิบัติตามครับ

    ทางที่ดีน่าจะงดใช้และใช้ชื่้ออื่นดูจะเหมาะกว่า
    งดใช้ก้อด้าย... แค่คล้ายๆเอง แหม แต่อย่าแบนน์กันนะ เก็บไว้เผื่อนานๆเข้ามาใช้สักทีนึงนะ อิ อิ

    ขอบพระคุณมากที่ท่านบอกกล่าวแบบกัลยาณมิตร
     
  8. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=FmPeddEYX8U&feature=related"]....[/ame]..........................
     
  9. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=mJlruLZQHYs"].......[/ame].....................
     
  10. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=EgpSnrNQ1Dk&feature=related"].....[/ame].........................
     
  11. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=iLZYfhIa5c4&feature=related"].......[/ame].......................
     
  12. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=Mq40lCw3xSE&feature=related"].....[/ame].................
     
  13. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=3Spg43IesvY&NR=1"]......[/ame]................
     
  14. 5th-Lotus

    5th-Lotus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    354
    ค่าพลัง:
    +306
    :cool::cool::cool:




    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top width=105></TD><TD vAlign=top>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#dddddd><TBODY><TR><TD bgColor=#204080 vAlign=top><!-- Begin Message Box--><TABLE border=0 width="90%" align=center><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 width="100%" height=36><TBODY><TR><TD vAlign=top width="80%">[​IMG] <B><BIG><BIG><!--Topic-->ชอบนิทานเซ็นเรื่องไหนกันมากที่สุดครับ ^^ </BIG></BIG></B></TD><TD vAlign=top width="20%" noWrap align=right>[​IMG] [​IMG] <!--InformVote=0-->

    <SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[0], 0);</SCRIPT>[​IMG] [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <!--VoteBody--><!--MsgIDBody=0-->ขอเรื่องย่อๆ ด้วย เผื่อเป็นเรื่องที่ผมไม่เคยผ่านตา ^^ <!--MsgFile=0-->

    <TABLE border=0 cellSpacing=1 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=bottom width="10%">จากคุณ</TD><TD>: <!--MsgFrom=0-->ดีดลูกคิดแล้ว [​IMG] [​IMG] </TD></TR><TR><TD vAlign=bottom width="10%">เขียนเมื่อ</TD><TD vAlign=bottom>: <!--MsgTime=0-->12 ก.พ. 54 13:12:13 <!--MsgIP=0-->[​IMG] </TD></TR><TR><TD id=xscore0 vAlign=top></TD><TD id=score0></TD></TR></TBODY></TABLE><HR align=left color=#e0e0e0 SIZE=1 width="100%"><!--Begin Console-->
    <TABLE border=0 cellSpacing=5 cellPadding=5><TBODY><TR><TD align=middle>[​IMG]</TD><TD align=middle>[SIZE=-2]bookmark[/SIZE]</TD><TD align=middle>[SIZE=-2]เก็บเข้าคลังกระทู้[/SIZE]</TD><TD align=middle>[SIZE=-2]ส่งต่อกระทู้[/SIZE]</TD><TD align=middle>[SIZE=-2]พิมพ์[/SIZE]</TD><TD align=middle>[SIZE=-2]หน้าหลัก[/SIZE]</TD><TD align=middle>[SIZE=-2]กระทู้ก่อนหน้า[/SIZE]</TD><TD align=middle>[SIZE=-2]กระทู้ถัดไป[/SIZE]</TD><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>​

    <!--End Console--><!-- End Message Box-->​
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD bgColor=#000000 vAlign=top width=10><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=15 height=15><TBODY><TR><TD bgColor=#403e68 height=15 width=15></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR height=10><TD bgColor=#000000><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=15 height=15><TBODY><TR><TD bgColor=#403e68 height=15 width=15></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD bgColor=#000000 width=10></TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR></TBODY></TABLE><HR align=center color=#f0f0f0 width="90%">
    ที่มา http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y10233111/Y10233111.html
     
  15. 5th-Lotus

    5th-Lotus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    354
    ค่าพลัง:
    +306
    เฮ้อออออ ตะแต่ อิฉานโดนแบน
    แร้วมี พ่อรูปหล่อจิตหลอน
    มาโพส ในกาทู้ ขรัวโตนี่..
    รู้สึก ว่า เรท ติ้ง กาทู้ นี้ ม่ะค่อย กาเตื้อง เยยย เน๊าะ :'(


    เฮ้ออออ นู๋บี เก๊าะเรย ต้อง ยอมเหนื่อยยากลำบากกาย
    แวะมา ช่วยปั่นเรทติ้ง ให้กาทู้นี้ อีกครั้งอ่า...
    ว่าแต่ จะปั่น กาทู้ นี้ ไงดีหว่า ?
    เอาเป็นว่า ไป ขุด ตัวหนังสือ
    ที่ถูก ดับสูญ ณ ลานทำ สวะ นะ
    มาให้ เหล่า แควนขับ ได้ ทัศนา
    เพื่อ เจริญ วิปัดสะนึก ดีฝ่า... งิงิ


    เรื่องมันเริ่มจาก กาทู้ นี้ ง่ะ งิงิ

    ใข่น้อย ฆ่าตัวตาย ในห้องศาสนาพันทิพ !?

    ซึ่งหลังจาก ที่ บักคะหลำน่อย หลานป้านู๋บี
    โดนมือดีจับเอาไปขึงพึด ในนู้น
    ป้าก็เรยลู้สึกฉงฉานคุณหลานมันอ่ะ
    เรย แวะ เข้าไป แจม 1 ดอกส์
    แบบเนี๊ยะ





    พอ โพส ได้ไม่ทัน นกกระจอกจะกินน้ำ
    พ่อแอดมินรูปหล่อมั๊น เก๊าะ แวะมาบอก แบ่บเนี๊ยะ


    </H2>
    เล่นเอา สาวสวยแห่งหลุมดำอย่างป้า
    เสีย self พิลึกเรยว่ะ อ่ะซิก ๆ :'(
    แต่ ปรากฏว่า ขณะที่ โดน อิท้าวสามน มันก่นด่า
    เก๊าะมี แม่นางรจนาปากดี แวะมาปลอบใจป้านู๋บี ในกาทู้ นี้ อ่ะ
    เล่นเอา แปลกใจมากมาย เรยอ่า
    เพราะ ดูจาก ตัวหนังสือ ที่อิฉันโพส
    ม่ะคิดว่า จะมีคราย มาตอแยด้วย
    เพราะ อิฉัน โพส ไว้ ที่ กาทู้ ฉลาดในการรักษาศีล แบบนี้ อ่ะ แหะ ๆ





    ทว่า แม่นางรจนา ตาหวาน
    ก็ดั๊นมาเห็น รูปทองผ่องอำไพ
    ของอิฉันจนได้ เรย ทักทายกลับแบ่บนี้





    แหม๊ ! เจอ แควนขับ ในเวบคู่อริ งี้
    ป้านู๋บีเก๊าะ ตีปีกพั่บ ๆจิคร้าาาาาาาาาาา
    เรย รจนา ตอบ จม. แควน ๆ ไป แบบเนี๊ยะ






    ปากดว่า พอ กดโพสข้อฟาม เท่านั้น แหล่ะ
    ก้อ เจอโนติ๊ส จาก ทั่นท้าวสามน ทันทีเรยว่ะ [​IMG]
    ประมาณว่า

    เฮ้ยยยย กรูขอ รีวิว ตัวหนังสือ เมิง ก่อนโพส นะเฟร้ยยย
    เพราะ กรูกัวว่า ถ้า ขืนปล่อยให้เมิงแพล่มตามใจปาก
    เด๋ว เมิงจามี แควนขับมากกว่า กรู อ่ะ [​IMG]




    หูยยย เจอ มุขนี้ ป้านู้บีก็ได้แต่ หัวเราะกร๊ากกกก [​IMG]
    แร้ว โพส ข้อฟาม อะซิก ๆ ไนกระทู้นั้น อีกหน
    แบ่บเนี๊ยะ






    เฮ้ออออ นี่ก็ผ่านมาหลายวันแระ
    ดูท่า ทั่นท้าวสามน ก๊ะ เหล่า 6 เขย
    จะ วางแผน จับ เจ้าเงาะเป็นเชลย
    ขังลืมมมมม ไว้ ใน กระท่อมน้อยปลายนาแหง๋ ๆ
    ( แร้วตรูจะ ปั่นเรทติ้ง ไงดีว๊าาา ) เซ็งจิตอิ๊บอ๋ายยยย [​IMG]



    ปอลิง


    อนึ่งเนื่องในโอกาส ดีเดย์ วันแห่งฟามรัก นี้
    ป้านู๋บี ขอ ไว้อาลัยให้กับ เซนต์ วาเลนไทน์
    และ เจ้าเงาะผู้บ้าใบ้ ในกระท่อมน้อยปลายนา นะเจ้าคะ
    ขอพระผู้เป็นเจ้าทรงเมตตา ลูกแกะตาบอด ของพรองค์ด้วยเถิด
    อาเมน...... [​IMG]
     
  16. 5th-Lotus

    5th-Lotus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    354
    ค่าพลัง:
    +306
    [​IMG]


    “ ทุกคนมีกรรมเป็นแดนเกิด
    มีกรรมเป็นเครื่องหล่อเลี้ยง
    และกรรมนั้นก็พามาถึงอวสานอันเดียวกัน
    แต่กรรมนั้นคือกรรมใดเล่า
    ที่พาเอาความตายมาถึงคนเป็นอันมากในเวลาเดียวกัน
    สิ่งที่เราผู้มิใช่พรหมพอจะมองเห็นได้นั้นก็มีแต่อย่างเดียว
    คือมรณะซึ่งทุกคนกลัวเกรงนั้น
    ในบางกรณีก็เป็นการลงโทษอย่างแรงของกรรมอันชั่ว
    บางครั้งก็เป็นผลสนองตอบแทนกรรมอันดีบริสุทธิ์
    บางคราวก็เป็นกุญแจไขปัญหา และบางโอกาสก็เป็นยาสมานแผล
    ในเมื่อยาอย่างอื่นไม่สามารถรักษาให้หายได้”






    [​IMG]



    ระยะเวลาอีกสามสี่ปีต่อมา
    เป็นเวลาที่พระเสมทุ่มเทชีวิตจิตใจ
    ให้แก่การปฏิบัติตนในพระศาสนา
    ตามประสาคนหนุ่มที่ได้รับการอบรมอย่างในสมัยนั้น
    พระเสมก็กระหายในอิทธิฤทธิ์
    เชื่อแน่ว่าการบำเพ็ญตนโดยเคร่งครัด
    อิทธิฤทธิ์ต่าง ๆ หรืออำนาจอันเป็นทิพย์นั้นอาจบังเกิดแก่ตนได้
    พระเสมเริ่มท่องจำคาถาอาคมต่าง ๆ
    และเริ่มสะสมของดีของวิเศษ

    เมื่อรู้ว่าพระภิกษุองค์ใดมีคาถาอาคมในทางอยู่ยงคงกระพัน
    หรือในทางเมตตา พระเสมก็เที่ยวติดตามไปฝากตัว
    ขอเรียนวิชาและอาคมคาถาต่าง ๆ จนท่องจำได้
    ถ้าพระเสมรู้ว่าที่วัดไหนมีตะกรุดหรือเครื่องราง
    ก็มักจะไปติดต่อคุ้นเคยจนได้ของดีของวิเศษนั้น ๆ

    มา วันหนึ่ง ๆ เมื่อไม่มีกิจวัตรอันใด
    พระเสมก็เข้ากุฏิบริกรรมปลุกเสกเครื่องราง
    หรือปลุกเสกตนเอง ในใจนั้น
    ก็นึกอยู่ว่าวิธีการเหล่านี้จะได้นำตนเอง
    ให้บรรลุถึงจุดหมายปลายทางในที่สุด

    บางครั้งพระเสมก็เพลิดเพลิน
    นั่งบริกรรมท่องบ่นเวทมนตร์คาถาต่าง ๆ อยู่จนดึกดื่น
    นานเข้าร่างกายของพระเสมนั้นก็ซูบผอมลง
    เพราะอดกินอดนอน และต้องกังวลอยู่ด้วยคาถาอาคมต่าง ๆ เป็นอันมาก
    พระเสมมีผิวพรรณเหมือนกับคนเป็นไข้หนัก
    มีดวงตาที่ลอยไม่จับคนเหมือนกับคนเสียสติ
    บางเวลาก็เผลอเรอพูดจาผิด ๆ พลาด ๆ
    จนพระในวัดพากันวิตกแต่ไม่มีใครกล้าตักเตือน
    เพราะต่างองค์ต่างก็เห็นว่า
    การกระทำของพระเสมเป็นบุญกิริยาที่ไม่ควรขัดขวาง

    พระเสมไปได้สติ ได้คิดจากแหล่งที่มิได้นึกฝันว่าควรจะได้
    ที่ศาลาท่าน้ำวัดนั้นมีชายชราคนหนึ่งมาอาศัยนอนทุกคืน
    พระในวัดและคนในละแวกบ้านพากันเรียกชายชราคนนั้นว่า "ตาชมบ้า"
    เพราะตาชมแกหัวเราะได้ในเรื่องที่คนอื่นเห็นว่าไม่น่าหัวเราะ
    และพูดด้วยถ้อยคำที่บางครั้งไม่มีใครเข้าใจ

    ตาชมไม่มีสมบัติติดตัวอะไรมากนัก
    นอกจากเรือผุ ๆ ลำหนึ่งที่แกใช้เป็นพาหนะ
    ออกเที่ยวภิกขาจารตามบ้านคน
    หม้อข้าวแตก เตาไฟ และกระเบื้องถ้วยกะลาแตกอีกสองสามชิ้น
    ที่ตาชมแกใช้เป็นเครื่องมือประกอบอาหาร
    และบ้องกัญชาอีกอันหนึ่งที่เรียกได้ว่าเป็นของรักที่สุดของแก

    ตาชมอาศัยหลับนอนอยู่ที่ศาลาริมน้ำ
    เช้าขึ้นตาชมก็ออกหากินเหมือนนก
    โดยพายเรือผุของแกหายไป เย็นลงตาชมก็กลับวัด
    กลางคืนเมื่อสูบกัญชาเป็นที่สบายอารมณ์แล้ว
    ตาชมก็ไปตามกุฏิพระเที่ยวถือวิสาสะกินน้ำร้อนน้ำชา
    พูดคุยกับพวกศิษย์วัดบ้าง หรือคุยกับพระที่ปรารถนาจะคุยกับแก
    คืนหนึ่งตาชมบ้าโผล่มาที่กุฏิพระเสม แล้วถามขึ้นว่า

    "คุณอาพาธเป็นอะไรไป?"
    "เปล่า" พระเสมตอบ "ไม่ได้อาพาธหรอกตาชม หมู่นี้เพลียไปบ้างเท่านั้น"
    "ถ้าเพลียไม่สบาย ทำไมคุณไม่จำวัดเสียบ้างเล่า?" ตาชมซัก
    "กลางคืนมันสงัดดี" พระเสมตอบ "ฉันก็นั่งท่องบริกรรมไปตามเรื่อง"
    "คุณจะบริกรรมเอาอะไร?" ตาชมถามไม่ลดข้อ
    "ก็ท่องคาถาต่าง ๆ ที่ได้มา ปลุกตัวบ้าง
    ปลุกเครื่องรางบ้าง ฉันชอบทางนี้ อยากจะทดลองดู
    เขาว่ากันว่าถ้าทำได้จริงก็อยู่ยงคงกระพัน ล่องหนหายตัว
    หรือถึงเหาะเหินเดินอากาศได้ แต่ฉันก็ยังไม่รู้จริง
    เพียงเริ่มเล่าเรียน บางทีจะยังทำไม่ถูกวิธีก็เป็นได้"


    ตาชมหัวเราะดังแค่ก ๆ ชอบใจ แล้วก็กล่าวว่า


    "อยู่ยงคงกระพัน ล่องหนหายตัว
    เหาะเหินเดินอากาศ โอ้โฮ! เรียนเอามาก!
    แล้วคุณจะเอาความเหนียวไปรบสู้ตีรันฟันแทงกับใคร
    คุณกลัวใครหรือถึงกับจะต้องหายตัวหนีเขา
    แล้วสมมุติว่าคุณเหาะได้จริง ๆ คุณจะเหาะไปไหน
    เรือแพก็มีทำไมคุณไม่นั่งไปให้สบาย ๆ ?"
    ว่าแล้วตาชมบ้าก็เดินหัวเราะลงจากกุฏิไป
    ทิ้งพระเสมให้นั่งคิดแล้วก็เห็นจริงตามคำตาชมบ้าอยู่องค์เดียว

    ตั้งแต่นั้นมา คาถาอาคมเรื่องราวต่าง ๆ ก็หมดความหมาย
    พระเสมรู้จากตาชมว่า ผลต่าง ๆ จากของเหล่านั้น
    ถึงแม้ว่าจะมีจริง ก็ไร้ประโยชน์สำหรับตนผู้อยู่ในสมณเพศ
    พระเสมไม่มีเรื่องไปตีรันฟันแทงกับใคร
    เฉพาะผ้าเหลืองที่นุ่งห่มก็เป็นเครื่องคุ้มกันดีที่สุดอยู่แล้ว
    ใครเห็นใครก็ไหว้กราบมิได้คิดทำร้าย

    พระเสมไม่มีเรื่องที่จะต้องกลัวใครถึงกับจะต้องหายตัวหลบหลีก
    เพราะทุกคนย่อมยินดีต้อนรับสาวกของพระพุทธเจ้า
    ยิ่งเรื่องเหาะเหินเดินอากาศยิ่งดูไม่จำเป็น
    สำหรับผู้ที่อยู่ง่าย อยู่ที่ไหนก็ได้เท่ากัน
    และเป็นผู้ที่หยุดยั้งแล้วไม่มีเหตุจำเป็น
    ที่จะต้องไปไหนโดยรีบด่วน
    พระเสมเริ่มฉันจังหัน บิณฑบาต
    และหลับนอนเป็นปรกติเหมือนพระองค์อื่น ๆ
    ผิวพรรณนั้นก็ผุดผ่องและมีราศี
    ที่เกิดจากการล่วงพ้นจากกิเลสและอคติไปอีกปลดหนึ่ง

    แม้ว่าพระเสมจะเลิกสนใจกับคาถาอาคมต่าง ๆ ไปได้พักหนึ่ง
    และครองสมณเพศตามปกติต่อไป
    ความเรียกร้องบางอย่างในหัวใจก็กลับเกิดขึ้นใหม่
    ในเวลาไม่นานนัก การที่จะอยู่กินไปวันหนึ่ง ๆ
    แม้จะอยู่ในศีล แต่ก็หาได้ทำให้พระเสมเกิดความพอใจโดยแท้ไม่
    พระเสมต้องการจะบรรลุถึงจุดหมายอย่างใดอย่างหนึ่ง
    ซึ่งตนเองในขณะนั้นก็บอกไม่ถูกว่าเป็นอะไร
    รู้แต่เพียงว่าถึงเข้าเมื่อใดก็คงจะรู้เอง


    พระเสมเคยได้ยินว่าพระบางองค์ที่ท่านเคร่งครัดทางสมถะ
    ท่านพิจารณาอสุภ คือ ศพ หรือโครงกระดูกคน
    และฉันอาหารเพียงมื้อเดียว
    แม้อาหารที่ฉันนั้นก็คลุกปนกันเสีย
    ไม่เลือกว่าจะเป็นคาวหวาน
    เพื่อฆ่ารสทางลิ้นมิให้เกิดกำหนัดในรส

    ทางนี้เป็นทางหนึ่งที่พระเสมยังมิได้ลอง
    พระเสมจึงเริ่มบำเพ็ญทุกรกิริยา
    ทรมานกายด้วยวิธีต่าง ๆ
    จังหันบิณฑบาตที่เคยฉันมาแต่ก่อน
    พระเสมก็สละ แต่เริ่มฉันข้าวที่คลุกกับกล้วย
    กับเกลือและน้ำส้มมะขามเปียกปนกับใบไม้ที่มีรสขม
    ภาชนะที่ใส่จังหันก็ใช้เพียงกะลาใบหนึ่ง


    ยิ่งกว่านั้นพระเสมยังไปหากะโหลกศพไม่มีญาติจากป่าช้า
    มาวางไว้ข้างที่นอนเพื่อพิจารณาอสุภได้ทุกโอกาส
    พระเสมบำเพ็ญอยู่อย่างนี้หลายเดือน
    แต่มรรคผลอย่างไรก็มิได้เกิดขึ้น
    ตรงกันข้ามร่างกายพระเสมก็กลับผ่ายผอมลงไปอีก
    สติปัญญาก็ล่องลอย ตาไม่จับคนเหมือนกับที่เคยเป็นมาครั้งหนึ่ง
    นานเข้าตาชมบ้าแกเห็นท่าพระเสมจะไม่ได้การ
    แกก็เดินกะร่องกะแร่งขึ้นมาบนกุฏิในตอนเพลวันหนึ่ง
    ขณะที่พระเสมกำลังนั่งฉันข้าวคลุกจากกะลา


    ตาชมนั่งมองพระเสมอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ถามขึ้นว่า
    "คุณฉันอะไร"
    "ฉันข้าว" พระเสมตอบ
    "ทำไมต้องฉันอย่างนี้?" ตาชมถามอีก
    "เพื่อมิให้เกิดกำหนัด เกิดยินดีในรสอาหาร" พระเสมอธิบาย

    ตาชมหัวเราะอย่างขบขันแล้วพูดว่า
    "คุณนี่ก็แปลก ถ้าจะว่าไปคุณก็ขอเขากินแบบเดียวกับผมนั่นเอง
    แต่คุณยังดีกว่าผมที่เลือกกินได้
    แต่อย่างผมถ้าจะเลือกกินข้าวกับกล้วยและมะขามเปียก
    ก็เห็นจะลำบาก ถ้าไม่มีใครเขาให้ก็อดตายเปล่า
    ผมจึงต้องเป็นคนกินง่ายไม่พิถีพิถันอย่างคุณ
    ใครเขาให้ทานอะไรมาผมก็กินอย่างนั้น เฮ้อ!"
    ตาชมถอนใจใหญ่ แล้วก็มองเข้าไปในกุฏิ
    เห็นหัวกะโหลกคนวางอยู่ก็ถามขึ้นว่า

    "นั่นคุณไปเอาหัวกะโหลกมาไว้ทำไม?"
    "เอาไว้ปลง" พระเสมตอบอ้อมแอ้ม
    "ปลงทำไม?"
    "ปลงว่าคนเราเกิดมาแล้วก็ต้องตาย เสื่อมโทรม เน่าเปื่อยไปเป็นธรรมดา"
    ตาชมมองหน้าพระเสม แล้วก็ถามต่อไปว่า
    "ถ้าคุณไม่เห็นกะโหลกอันนี้
    คุณนึกไม่ออกเทียวหรือว่าคนเราเกิดมาแล้วต้องตาย?
    ไม่น่าจะหลงลืมกันง่าย ๆ เลย
    ใคร ๆ ก็ต้องตายด้วยกันทั้งนั้น
    หัวผีหัวสางมันก็ต้องอยู่ในป่าช้า
    ไปเอามาวางไว้ข้างที่นอน รกกุฏิเปล่า ๆ"
    ว่าแล้วตาชมก็เดินบ่นพึมพำลงจากกุฏิไป

    คำพูดของตาชม ทำให้พระเสมต้องเกิดความละอายอีก
    จริงของตาชมว่า ภิกษุ แปลว่า ผู้ขอ
    ในฐานะเช่นนั้นก็ไม่ควรเลือกอาหาร
    การปลงใจเฉพาะว่าจะกินแต่อาหารอย่างใดอย่างหนึ่งเสียอีก
    กลับจะเป็นกิเลสสร้างความต้องการ
    สร้างความจำเป็นขึ้นในที่ที่ไม่ควรจะมี

    หัวกะโหลกคนที่วางไว้เป็นเครื่องเตือนใจนั้นก็อีก
    ความรู้ตัวว่าจะต้องตายวันหนึ่งเป็นความรู้เบื้องต้นของทุกคน
    ถ้าใครไม่รู้ก็นับว่าตั้งอยู่ในความประมาท
    พระเสมรู้ว่าตนเองอยู่ในสมณเพศ
    ย่อมอยู่ในที่ที่ไม่ควรประมาทน้อยกว่าคนธรรมดา
    สิ่งเตือนใจเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ดูจะเป็นของฟุ่มเฟือยไม่จำเป็นแม้แต่น้อย

    ตั้งแต่นั้นมา พระเสมก็เลิกบำเพ็ญทุกรกิริยา
    หันเข้าหาทางวิปัสสนาธุระอย่างจริงจัง
    นั่งสมาธิเพ่งทางเจตสิกก็แล้ว แต่มิได้บังเกิดผล
    เพราะเจตสิกมิได้ผุดขึ้นมาให้เห็นได้
    พระเสมทดลองนั่งกสิณ หาของเขียวมาทำให้เป็นวงบ้าง
    หากระดาษมาเจาะรูให้เป็นวงกลมรับแสงสว่าง
    แล้วก็เพ่งแต่ตรงนั้นบ้าง บางครั้งก็นั่งเทียนเข้าสมาธิ
    แน่นิ่งปล่อยใจและความรู้สึกทั้งหมดไปเพ่งอยู่ที่เปลวไฟ

    ในการบำเพ็ญเช่นนี้ พระเสมได้รับความรู้สึกแปลก ๆ
    ได้เห็นของแปลก ๆ บางครั้งก็ต้องหูอื้อตัวเบา
    รู้สึกเหมือนกับว่าตัวลอยไปในอากาศ
    บางครั้งก็เห็นภาพประหลาดพิสดาร
    เห็นเมืองนรกที่เต็มไปด้วยภูตผีปีศาจต่าง ๆ
    หรือเห็นเมืองสวรรค์มีเทวดาอินทร์พรหม

    แต่แรกเมื่อได้เห็นภาพเช่นนี้พระเสมก็อิ่มเอิบใจ
    แต่พระเสมมีอายุและสติมากพอที่จะไม่ลุ่มหลงไป
    เพราะสตินั้นเป็นเครื่องคอยเตือนว่า
    ภาพที่เห็นนั้นไม่ผิดไปจากภาพนรกสวรรค์ที่ผนังโบสถ์
    จะผิดไปก็เพียงแต่ภูตผี หรือเทวดาที่เห็นนั้นเคลื่อนไหวได้
    แต่รายละเอียดต่าง ๆ นั้น เหมือนกันทุกอย่าง
    เทวดานั้นแต่งตัวเช่นเดียวกับที่เขาเขียนไว้
    วิมานเทวดาที่เห็นก็เหมือนที่ผนังโบสถ์
    ตลอดจนภูตผีปีศาจก็หน้าตาเหมือนกัน
    ไม่มีอะไรเกินกว่าที่ช่างเขียนแต่ก่อนได้วาดภาพไว้เลย


    พระเสมไปดูภาพที่ผนังโบสถ์อย่างละเอียดถี่ถ้วน
    แล้วมาเปรียบกับภาพต่าง ๆ ที่ตนได้เห็นขณะนั่งวิปัสสนา
    ก็รู้แน่ว่าภาพต่าง ๆ ที่เห็นนั้นเป็นเพียงภาพมายา
    เกิดจากสัญญาณ คือความจำของตนเอง
    หาใช่นรกสวรรค์ที่จริงจังนั้นไม่

    ถึงจะรู้เช่นนั้น พระเสมก็มิได้ละความพยายาม
    แต่ความสงบที่แท้จริงนั้นเป็นของอัศจรรย์
    จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อบุคคลนั้นหมดตัณหา
    คือ ความอยากได้ ยิ่งบุคคลยิ่งอยากได้
    ยิ่งอยากบรรลุถึงความสงบสุขที่อยากได้
    หรือจุดหมายปลายทางที่อยากไปถึงนั้นเองก็ยิ่งร่นไกลออกไป


    พระเสมพยายามบำเพ็ญทุกอย่างด้วยความอยากได้
    พระเสมจึงยังเข้าไม่ถึงจุดที่ปรารถนา
    แต่ความพยายามความไม่ท้อถอยของพระเสมนั้นเอง
    ไม่เป็นผลเสียหลาย แต่เป็นการเตรียม
    ให้พระเสมได้เข้าถึงฌานบางอย่างที่น้อยคนจะเข้าถึงได้

    คืนวันหนึ่ง พระเสมชำระกายสะอาดแล้วเตรียมตัวจะเข้านอน
    ก่อนจะนอนพระเสมก็จุดธูปเทียนลงกราบพระพุทธรูป
    จะสวดมนต์ตามปรกติ แสงเทียนจับพระพักตร์พระพุทธรูปองค์น้อยนั้น
    กระจ่างจับตา พระเสมเงยหน้าขึ้นมองดูโดยมิได้ตั้งใจ
    เมื่อแลเห็นความงามของพระพุทธรูปจับด้วยแสงเทียน
    พระเสมก็นึกถึงพระพุทธคุณ ยิ่งนึกไปก็ยิ่งปีติ อิ่มเอิบใจ


    พระเสมภาวนาอยู่ในใจว่า "พุทธํ สรณํ คจฉามิ"
    และภาวนาซ้ำอยู่เช่นนั้น
    มิได้มีความปรารถนาต้องการสิ่งใดโดยเฉพาะ
    จับเอาพระพุทธคุณนั้นมาเป็นจุดศูนย์กลางแห่งความนึกคิด
    กิเลสตัณหาต่าง ๆ หลุดลอยไปไกล
    พระเสมรู้ตัวบริบูรณ์ว่านั่งอยู่หน้าพระในกุฏิ
    มิได้เลื่อนลอยไปไหน มีความรู้สึกเป็นเอกัคตาหรือสมาธิ


    ในกุฏิที่พระเสมนั่งอยู่นั้นก็รู้สึกว่ามีแสงสว่างไปทั่ว
    แต่แสงนั้นเป็นแสงที่เยือกเย็นปราศจากความร้อน
    มิใช่แสงที่เกิดจากดวงอาทิตย์หรือแสงไฟ
    และก็เป็นแสงที่เกิดขึ้นเอง มิใช่แสงสะท้อนอย่างแสงจันทร์
    พระเสมรู้สึกว่ามีความสุขเป็นอย่างยอดเยี่ยม
    และเป็นความสุขทั้งรู้ ความสุขอันเกิดจากการระงับ
    แต่มิใช่การระงับเยี่ยงสลบลืมตัว
    ความสุขเช่นนั้นจะเกิดขึ้นได้จากทางเดียว คือ จากสมาธิที่หมดกิเลส

    พระเสมจะนั่งอยู่นานเท่าไรก็จำไม่ได้
    แต่ในที่สุดก็ค่อย ๆ ถอดใจจากสมาธิ
    โดยมิได้เคลื่อนไหวกาย แสงสว่างนั้นจางหายไป
    ธูปเทียนมอดดับไปนานแล้ว
    พระเสมเข้านอนด้วยความชุ่มชื่นหัวใจ
    อย่างที่มิได้เคยประสบมาแต่ก่อน

    พระเสมบำเพ็ญชีวิตในพระศาสนาต่อไป
    ด้วยความมั่นใจ ไม่บังเกิดความกระวนกระวายใจ
    หรือใฝ่ฝันที่จะค้นหาสิ่งใดอีกต่อไป
    พระเสมมองโลกด้วยความเมตตา ปราศจากความสงสัย
    ชีวิตทุกอย่างเป็นของที่พึงเมตตา

    เพราะเมื่อมีชีวิตแล้วก็ต้องมีทุกข์
    สัตว์ทุกชนิดและคนทุกคนเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ของพระเสม
    และในฐานะเช่นนั้นจึงอยู่ในข่ายแห่งความเมตตาทั้งสิ้น
    และด้วยฤทธิ์เมตตานั้นเอง พระเสมก็ได้รับเมตตาตอบ
    สัตว์ต่าง ๆ รักพระเสมยิ่งกว่าคนอื่น ๆ
    แม้แต่นกป่าที่มาอาศัยในวัดก็มิได้เกรงกลัวพระเสม
    เพราะรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณของสัตว์ว่า
    พระเสมเป็นบุคคลที่ไม่มีอันตราย
    กิตติศัพท์ในความเมตตาของพระเสมที่มีต่อคนต่อสัตว์นั้นก็เลื่องลือไป

    วันหนึ่งเจ้าคณะแขวงนั่งเรือมาจากวัดที่อำเภอ
    ท่านได้ยินชื่อเสียงกิตติคุณหลวงพ่อเสมก็แวะเข้ามาเยี่ยมถึงวัด
    ถึงแม้เจ้าคณะแขวงจะมีอายุน้อยกว่าพระเสมหลายปี
    อายุพรรษาก็น้อยกว่า แต่ท่านก็เป็นพระเปรียญมีสมณศักดิ์เป็นพระครู
    หลวงพ่อเสมก็ต้อนรับแสดงคารวะต่อท่านก่อนโดยมิได้รังเกียจ
    เมื่อได้ปฏิสันถารกันตามสมควรแล้ว


    ท่านพระครูเจ้าคณะแขวงก็อมยิ้มถามขึ้นว่า
    "เขาลือกันว่าหลวงพ่อมีของดี จริงหรือครับ?"
    หลวงพ่อเสมหัวเราะตอบว่า
    "ไม่มีอะไรหรอกขอรับ มีเพียงเศษสบงเก่า ๆ
    และเศษใบชา เขาหยิบกันเอาไปเอง เขาขอให้กระผมเสก กระผมก็เสกให้"
    "แล้วหลวงพ่อเสกว่าอย่างไร"
    "กระผมก็เพียงแต่แผ่เมตตาจิต
    ว่าไตรสรณาคม ระลึกถึงคุณพระเท่านั้นเอง
    และเมื่อให้ไปก็สอนให้เขามีเมตตาต่อสัตว์
    อย่าเบียดเบียนกัน เท่านั้นเอง"


    ท่านพระครูไต่ถามทุกข์สุขอยู่ครู่หนึ่ง
    แล้วก็อำลากลับ ก่อนจะกลับท่านพระครู
    ก็ลงกราบหลวงพ่อเสมสามครั้งแล้วกล่าวว่า


    "หลวงพ่อขอรับ กระผมเองก็ใคร่ขอชายสบงหลวงพ่อไปเป็นที่ระลึกสักชิ้น เพราะใครก็ตาม ถ้าปฏิบัติธรรมะได้เพียงเท่าที่หลวงพ่อสอน คือ เมตตาต่อสัตว์ อย่าเบียดเบียนกัน ผู้นั้นก็จะต้องมีความเจริญและมีความสุข"


    และความจริงก็เป็นเช่นนั้น
    คนที่ถวายตัวเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อเสม
    และได้ "ของดี" ของหลวงพ่อไปรักษาไว้
    ก็จะมีศรัทธาเชื่อถือหลวงพ่อ แผ่เมตตาสัตว์
    ไม่เบียดเบียนใคร ตัวผู้นั้นเองก็ได้ความสุขใจ ทำมาค้าขึ้น
    และศัตรูที่เคยมีก็หมดไปจริง ๆ

    ลูกศิษย์ของหลวงพ่อเสมที่มีเป็นจำนวนมาก
    จึงเป็นผู้ที่มีฐานะดีมีอันจะกิน
    แต่ชื่อเสียงนั้นเป็นเครื่องนำมาซึ่งลาภสักการ
    บางคนก็นำของที่มีค่าหรืออาหารอันโอชะมาถวาย
    หลวงพ่อเสมก็มิได้นิยมยินดี รับประเคนไว้
    แล้วก็จ่ายแจกถวายพระองค์อื่นที่ขัดสน
    หรือบริจาคเป็นทานแก่ผู้ที่ยากจน ปฏิบัติเช่นนี้เสมอมามิได้ขาด

    อีกยี่สิบปีต่อมา หลวงพ่อเสมก็เป็นสมภารวัดกลาง
    ด้วยอาวุโสพรรษา ลูกศิษย์ลูกหาก็มีมากมายสุดที่จะประมาณ
    แต่ทุกคนย่อมแปลกใจที่ได้เห็นวัดกลางอยู่ในสภาพเก่า
    ทุกอย่างในวัดซ่อมแซมไว้บริบูรณ์แข็งแรงเรียบร้อย
    แต่โบสถ์นั้นก็ยังเป็นโบสถ์อิฐของโบราณ
    ศาลาการเปรียญก็คงยังเป็นศาลาไม้


    กุฏิก็ยังเป็นกุฏิไม้หลังคาจากอย่างที่ทุกคนเคยเห็นมาแต่เมื่อยังเป็นเด็ก
    ขณะเดียวกันวัดอื่น ๆ ใกล้เคียงได้เปลี่ยนสภาพแปลกไปจนแทบจำไม่ได้
    ทุกวัดมีโบสถ์คอนกรีต ศาลาคอนกรีต ท่าน้ำคอนกรีต ใหญ่บ้างเล็กบ้าง
    กุฏินั้นกลายเป็นกุฏิตึก สลับด้วยโรงเรียนนักธรรมกถึก
    ถังน้ำฝนใหญ่โต หอระฆัง ฯลฯ ทุกอย่างประดับประดาด้วยกระจกสีแวววาว
    ดูแล้วเป็นที่เจริญตาเจริญใจ เคยมีคนมาถามหลวงพ่อเสมว่า
    เหตุไฉนวัดกลางซึ่งมีคนมากไม่ขาดแต่ละวัน
    จึงมีสภาพไม่รุ่งเรืองเหมือนวัดอื่น
    หลวงพ่อเสมก็ตอบว่า


    "ฉันเห็นว่าพระจะอยู่ได้
    ด้วยฆราวาสเขาเป็นอุปัฏฐาก พูดง่าย ๆ
    ก็ต้องอาศัยชาวบ้านเขากิน
    ฉันก็ไม่อยากขัดศรัทธาใครดอก
    แต่ถ้าตราบใดชาวบ้านเขายังอยู่เรือนหลังคาจาก
    ฝากระแชง ไม่คุ้มแดด คุ้มฝน
    ใจฉันก็ไม่อยากอยู่ตึก ใครที่เขาจะเอาเงินมาถวายสร้างวัด
    ฉันก็ขอให้เขาเอากลับไปซ่อมบ้านเขา
    ให้เป็นเรือนฝากระดานเสียก่อน
    ถ้าชาวบ้านเขาอยู่ตึกกันหมดเมื่อไหร่นั่นแหละ
    บางทีฉันก็จะคิดอยู่ตึกกับเขาบ้าง"

    :cool::cool::cool:
     
  17. 5th-Lotus

    5th-Lotus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    354
    ค่าพลัง:
    +306
    ลิง.... ก๊ะ.... ลา....

    [​IMG]




    <TABLE class=yiv776736958ecxMsoNormalTable border=0 cellSpacing=3 cellPadding=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-BOTTOM: 0.75pt; PADDING-LEFT: 0.75pt; PADDING-RIGHT: 0.75pt; PADDING-TOP: 0.75pt" vAlign=top>
    ลิงกับลา







    หญิงชาวบ้านคนหนึ่งอาศัยอยู่คนเดียวในกระท่อม
    ด้วยความเหงานางจึงหาสัตว์มาเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนสองตัว คือ ลิงและลา
    วันหนึ่งหญิงชาวบ้านคนนี้ต้องออกไปตลาดเพื่อซื้ออาหาร
    ก่อนออกจากบ้านเธอได้เอาเชือกมาผูกคอลิง
    แล้วมัดขาของลาเอาไว้ทั้งสองข้าง
    เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์เลี้ยงทั้งสองตัวเดินย่ำไปมาในกระท่อม
    จนทำให้ข้าวของต่างๆ ได้รับความเสียหาย





    ทันทีที่หญิงชาวบ้านออกจากบ้านไป
    ลิงซึ่งมีความฉลาดและแสนซนเป็นคุณลักษณะประจำตัว
    ก็ค่อย ๆ คลายปมเชือกออกจากคอของมัน อีกทั้งยังซุกซน
    ไปแก้เชือกมัดขาให้แก่ลาอีกด้วย





    หลังจากนั้นเจ้าลิงก็กระโดดโลดเต้น ห้อยโหนโจนทะยานไปทั่วกระท่อม
    จนทำให้ข้าว ของต่างๆ ล้มระเนระนาดกระจัดกระจายไปทั่ว
    อีกทั้งยังซุกซนรื้อค้นเสื้อผ้าของหญิงชาวบ้านมาฉีกกัดจนไม่เหลือชิ้นดี
    ในขณะที่ลาได้แต่มองดูการกระทำของเจ้าลิงอยู่เฉย ๆ




    สักครู่หนึ่ง หญิงชาวบ้านคนนี้ก็กลับมาจากตลาด
    เจ้าลิงมองเห็นเจ้าของเดินมาแต่ไกลจากทางหน้าต่าง
    ก็รีบเอาเชือกมาผูกคอตนไว้ อย่างเดิมและอยู่อย่างสงบนิ่ง



    ฝ่ายหญิงชาวบ้านเมื่อเปิดประตูกระท่อมเข้ามา
    เห็นข้าวของของตนถูกรื้อค้น กระจุยกระจายเช่นนั้นก็เกิดโทสะขึ้นทันที
    หันมองลิงและลา เพื่อดูว่าใครเป็นผู้ก่อเรื่อง และเห็นว่าลาไม่มีเชือกผูกขาดังเดิม
    เธอก็คิดเอาเองว่าเจ้าลานี่เองคือตัวปัญหา
    ทำให้กระท่อมของเธอมีสภาพไม่ต่างจากโรงเก็บขยะ



    </TD></TR></TBODY></TABLE>​

    ดังนั้นหญิงชาวบ้านจึงวิ่งไปหยิบท่อนไม้นอกบ้าน
    มาทุบตีลาอย่างรุนแรง ซึ่งเจ้าลาผู้น่าสงสาร
    ก็ได้แต่ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด
    จนสิ้นใจโดยไม่สามารถทำอะไรได้เลย



    เธอทั้งหลาย...
    เธอหลายคนคงไม่ค่อยชอบตอนจบของนิทานเรื่องนี้นัก
    เพราะสงสารเจ้าลาที่ไม่ได้ทำความผิดอะไรแต่กลับถูกเจ้าของทำโทษจนตาย
    ส่วนเจ้าลิงซึ่งเป็นต้นเหตุแท้ๆ กลับรอดพ้น และไม่ได้รับผลกรรมใดๆ
    แต่แท้ที่จริงแล้วนิทานเรื่องนี้ต้องการชี้ให้เห็นถึง ความเป็นผู้นำของหญิงชาวบ้าน
    ที่ไม่พิจารณาเหตุการณ์ให้ถ่องแท้ เชื่อแค่สิ่งที่ตนเห็น
    แล้วลงโทษไปตามความรู้สึกและประสพการณ์ส่วนตัว
    เธอมองเห็นข้าวของเสียหาย และมองเห็นลาที่หลุดออกมาจากเชือก
    แล้วตัดสินว่าลาคงเป็นผู้กระทำ แต่ไม่ได้มองว่า
    ลาไม่มีปัญญาจะแก้เชือก และไม่มีนิสัยชอบรื้อทำลาย


    เธอมองเห็นลิงยังถูกเชือกล่ามอยู่ก็คิดว่าลิงคงไม่ใช่ผู้กระทำ
    แต่มองไม่ออกว่าผู้น่าจะแก้ปมเชือกได้
    และมีนิสัยชอบรื้อทำลายนั้นคือลิง

    ความจริงถ้าเธอรู้จักสำรวจ ร่องรอยความเสียหายเสียสักเล็กน้อย
    เธอก็จะพบรอยเท้าและฟันของลิงกระจายไปทั่วห้อง
    แต่ไม่พบรอยเท้าของลาเลย เพราะลาไม่ได้เคลื่อนที่ไปไหน


    เหตุที่องค์กรต้องเหน็ดเหนื่อยทรมานกันอยู่ทุกวันนี้
    ก็เพราะความสะเพร่าของผู้นำที่ "ปล่อยให้ลิงสร้างปัญหา แต่ลารับเคราะห์"
    ลาก็เหมือนกับคนที่ปฏิบัติงานได้ตามหน้าที่
    แต่ไม่ค่อยมีปากมีเสียง พูดจาตรงไปตรงมาแต่ไร้เลห์เหลี่ยม
    ลิงก็เหมือนกับคนที่ฉลาดแกมโกงพูดมากพรีเซ็นต์เก่ง
    อ้างอิงตำราได้สารพัด แต่ไม่เคยทำงานจริง


    นายที่ดีไม่ควรปล่อยให้ลิงหลงระเริงว่าทำผิดเท่าไหร่นายก็ไม่มีทางรู้
    ผู้เป็นนายไม่ควรยึดติดความสบาย นั่งขึ้นอืดรอฟังแต่รายงานในห้องประชุม
    รู้จักยอมเสียสละตน สละเวลาอีกเล็กน้อยเพื่อค้นหาความจริง
    เพื่อควบคุมเจ้าลิง เพราะไม่เช่นนั้น องค์กรก็จะทุกข์ทรมานอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
    ถ้าลิงสงบได้องค์กรก็จะพลอยสบายและมีความสุขอย่างยั่งยืนไปด้วย




    ที่มา ฟอร์เวิร์ดเมล์จากพี่ที่ทำงาน ฮ่ะ



    ปอลิง

    ขอทุกทั่นโปรด ขอยืนสงบนิ่ง
    เพื่อไว้อาลัย หั้ย กับเจ้าลาหัวดื้อผู้อาภัพรัก 1 นาที


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 15 มีนาคม 2011
  18. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ขอยืน ซาหงบ นิ่ง ไว้อาลัยให้เจ้าลาผู้ไม่มีปากไม่มีเสียงกะผู้ใด

    อาเมน
     
  19. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    ตามมาอ่านแล้วค่ะ ชอบๆ เอาอีกๆ แหะๆๆ ชอบอ่านนิทาน
     
  20. 5th-Lotus

    5th-Lotus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    354
    ค่าพลัง:
    +306
    [​IMG]

    อิอิ แท้งกิ๋วนะเจ้าคะ
    ที่ เหล่าแควนขับ ( เคลื่อนที่แบบกองโจร ) ของอิฉัน
    แวะเข้ามาแจมกันในกาทู้นี้

    เด๋วไว้ฤกษ์งามยามดี อิฉานจะหอบกาทู้


    " บ่นเรื่อย ๆ เมื่อยก็พัก ( สำหรับนักปฏิบัติ ไม่เอาไหน ก๊ะ เสือใบลานไม่เอาถ่าน ? "



    มาให้แควน ๆ ได้เสพกำซาบ กัล ณ ห้อง อพินยาฯนะเจ้าค่ะ
    ดูซิ ว่า จารอดพ้นเงื้อมมือ เหล่า อัศวินเจได ไหม
    เพราะ ลู้สึกว่า ที่ผ่านมากาทู้อิฉัน ม่ะเคยมีวาสนา
    ได้มาแก้ผ้าแบหราอยู่คู่ห้องอพินยา แบบถาวร ซักทีเรยว่ะ
    หลัง ๆ มานี่ โพส กาทู้ทีไร
    โดนพี่เจไดอุ้มลงหลุมดำทู๊กกกที อะซิก ๆ
    แต่อิฉันว่า กาทู้ที่มีดำริคิดจาเขียนล่าสุดเนี่ย
    น่าจะรอดพ้นปากเหยี่ยวปากกานะ
    ( ลองมาพนันกันป่ะ งิงิ )




    ปอลิง
    เออ เฮ้ยยย แต่ถ้า กาทู้บ่นเรื่อย ๆ ฯ มันโดนอุ้มจิง ๆ
    อิฉันจะใช้มารยาญิ๋งไปบีบน้ำตา อ่ะซิก ๆ อ้อนเหล่าอัศวินเจได ไงดีวะ
    คนพวกนั้นมันถึงจะใจอ่อนปวกเปียกเป็นขี้ผึ้งลนไฟไม่มาหมั่นไส้อิฉันอีก


    เฮ้อออออออ วอน แควน ๆ ช่วย กันช่วยคิดหน่อยจิ
    ว่าจะ อ่ะซิก ๆ แง ๆๆๆ อ้อนพวกป๋าเค้าไงดีหนอออ
    กาทู้ล่อเป้าของ อินู๋ มาแล่ ถึงจาไม่โดนอุ้มช่วยอิฉันเลือก ทีเน๊าะ

    ระหว่าง
    อะซิก ๆ แบ่บเนี๊ยะ


    [​IMG]


    [​IMG]




    ก๊ะ แบ่บเนี๊ยะ


    [​IMG]



    เหอ....เหอ.....



    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 มีนาคม 2011

แชร์หน้านี้

Loading...