น่าเป็นห่วง หลักสูตรพุทธศาสนา จากบางอาจารย์ สอนตายแล้วสูญ ( หลักสูตร ม.1- ม.6)

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 24 มกราคม 2006.

?
  1. ไม่เห็นด้วย (คิดว่าสอนผิด)

    0 vote(s)
    0.0%
  2. เห็นด้วย (คิดว่าสอนถูก)

    0 vote(s)
    0.0%
  1. lokemesa

    lokemesa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +26
    ความเผ็ดร้อนร้ายกาจในนรกยังไม่หมดแค่นั้นครับ
    คราวนี้นายนิรยบาล (ผู้คุมนักโทษในนรก) ออกโรง ‘โชะ โชะ’ เองเลย
    จะโหดเหี้ยมเกินคำมาบรรยาย และหะหยองสุดๆ อย่างไร ติดตามไปดูต่อครับ
    <o>
    </o>​
    ภิกษุทั้งหลาย นายนิรยบาลใช้เบ็ดเกี่ยวสัตว์นรกนั้น ขึ้นมาวางไว้บนบก ​
    แล้วถามเขาอย่างนี้ว่า ‘พ่อมหาจำเริญ เจ้าต้องการอะไร’​
    <o>
    </o>​
    เขากล่าวอย่างนี้ว่า ‘ข้าพเจ้าหิว เจ้าข้า’​
    <o>
    </o>​
    นายนิรยบาลจึงใช้ขอเหล็กอันร้อนแดงลุกเป็นแสงไฟ เกี่ยวปากให้อ้า ​
    แล้วใส่ก้อนโลหะอันร้อนแดงลุกเป็นแสงไฟเข้าไปในปาก ​
    ก้อนโลหะนั้นจึงไหม้ริมฝีปากบ้าง ไหม้ปากบ้าง ไหม้คอบ้าง ไหม้ท้องบ้าง ​
    พาไส้ใหญ่บ้าง ไส้น้อยบ้างของเขาออกมาทางทวารหนัก ​
    เขาเสวยทุกขเวทนากล้าอย่างหนัก เผ็ดร้อนอยู่ในนรกนั้น ​
    แต่ยังไม่ตาย ตราบเท่าที่บาปกรรมนั้นยังไม่สิ้นไป​
    <o>
    </o>​
    นายนิรยบาลถามเขาว่า ‘พ่อมหาจำเริญ เจ้าต้องการอะไร’​
    <o>
    </o>​
    เขากล่าวอย่างนี้ว่า ‘ข้าพเจ้ากระหาย เจ้าข้า’​
    <o>
    </o>​
    นายนิรยบาลจึงใช้ขอเหล็กอันร้อนแดงลุกเป็นแสงไฟ เกี่ยวปากให้อ้า ​
    แล้วกรอกน้ำทองแดงอันร้อนแดงลุกเป็นแสงไฟเข้าไปในปาก ​
    น้ำทองแดงนั้นจึงลวกริมฝีปากบ้าง ลวกปากบ้าง ลวกคอบ้าง ลวกท้องบ้าง ​
    พาไส้ใหญ่บ้าง ไส้น้อยบ้างของเขาออกมาทางทวารหนัก ​
    เขาเสวยทุกขเวทนากล้าอย่างหนัก เผ็ดร้อนอยู่ในนรกนั้น ​
    แต่ยังไม่ตาย ตราบเท่าที่บาปกรรมนั้นยังไม่สิ้นไป ​
    นายนิรยบาลจึงโยนเขาเข้าไปในมหานรกอีก!!!​
    <o>
    </o>​
    สัตว์นรกคงเวียนวนทนทุกข์ทรมานอย่างนี้ซ้ำๆ ซากๆ จนนับรอบไม่ถ้วนละครับ​
    <o>
    </o>​
    มาดูฝ่าย พญายมราช บ้างครับ ท่านเห็นสภาพอย่างนี้อยู่เป็นประจำ จึงเกิดความสลดสังเวช
    เบื่อหน่ายในการเห็นสัตว์นรกถูกทำทัณฑ์ทรมานยิ่งนัก
    ท่านถึงกับรำพึงว่าอยากมาเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง
    เพื่อได้พบพระพุทธเจ้า ฟังธรรม บรรลุธรรม กันเลยทีเดียวครับ
    <o>
    </o>​
    ภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว พญายมได้คิดว่า ​
    ‘ได้ยินว่า ชนเหล่าใดทำบาปอกุศลกรรมไว้ในโลก ​
    ชนเหล่านั้นจึงถูกนายนิรยบาลทรมานด้วยวิธีการต่างๆ อย่างนี้​
    โอหนอ เราพึงได้ความเป็นมนุษย์ ​
    พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พึงอุบัติในโลก ​
    เราพึงเข้าไปเฝ้าพระองค์ พระองค์พึงแสดงธรรมแก่เรา และเราพึงรู้ทั่วถึงธรรมของพระองค์’​
    <o>
    </o>​
    ภิกษุทั้งหลาย เราได้ฟังความนั้นจากสมณะหรือพราหมณ์อื่นแล้ว จึงกล่าวอย่างนี้ก็หาไม่
    แต่เรากล่าวสิ่งที่เรารู้เอง เห็นเอง ทราบเองเท่านั้น”
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2008
  2. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจโดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

    ***ยอมรับหรือไม่ว่า "ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ต้องมาจากเหตุปัจจัยเท่านั้น" ?????***

    ***ถ้ายอมรับ ช่วยตอบหน่อยว่า ......***


    ***เราสามารถมีจิตโดยไม่ต้องมีร่างกายได้หรือไม่
    ?***

    ***และเพราะอะไร?***



    ***หรือถ้าไม่ยอมรับ ช่วยตอบหน่อยว่า...***

    ***ทำไมถึงไม่ยอมรับ เพราะนี่คือความจริงทึ่ใครๆก็เข้าใจและยอมรับกันอยู่แล้วทั้งสิ้น(นอกจากคนพาล)?***

    (ฉันคืออะไร? = เวบไซต์สำหรับบุคคลอัจฉริยะ www.whatami.net - www.whatami.5u.com )
     
  3. lokemesa

    lokemesa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +26
    นี่ ลงท้ายด้วยคำตรัสยืนยันเรื่องนี้ที่ทรงนำมาตรัสเล่าให้พวกเราฟังว่า
    พระองค์ไม่ได้ฟังมาจากใครทั้งนั้น
    แต่พระองค์ทรงรู้ ทรงเห็น ทรงทราบด้วยข่ายพระญาณของพระองค์เอง
    <o>
    </o>
    พระสูตรนี้นี่ล่ะ จะเป็นเครื่องยืนยันถึง ‘สภาพนรกที่เป็นภพภูมิ’
    เป็นสถานที่แห่งหนึ่งที่ใช้ลงโทษทำทัณฑ์ทรมานสัตว์นรก
    ซึ่งก็คือผู้ที่ได้เคยทำบาป ทำชั่วไว้ในครั้งที่เขายังมีชีวิตอยู่
    ซึ่งหากไม่เลิก แล้วรีบทำแต่บุญทำแต่ความดีเสียบัดนี้ เขาได้ไป เจ๊อะด้วยตัวเอง ตอนตายแน่
    ถึงตอนนั้นแม้จะร้องร่ำว่า ‘โอ๊ย เชื่อแล้ว นรกมีจริง สวรรค์มีจริง’ ก็สายเสียแล้วละครับ
    <o>
    </o>
    จากข้อความในพระไตรปิฎกที่ยกมานี้ เราจะเห็นได้ชัดเจนว่า
    ในมหานรกนั้น มีสภาพเป็นภพภูมิที่เป็นสถานที่แห่งหนึ่งที่มีอยู่จริงในภพสามนี้
    ซึ่งพระพุทธองค์ทรงตรัสอธิบายไว้แล้วอย่างชัดเจนเสียจนไม่อาจตีความเอาแต่เพียงว่า
    ‘สวรรค์แค่ในอก นรกแค่ในใจ’ ได้ล่ะครับ
    <o>
    </o>
    ดังนั้นนรกที่เป็นภพภูมิสำหรับทำทัณฑ์ทรมานวิญญาณบาปหลังความตายนั้น มีอยู่จริงในภพสามนี้เอง<o></o>
     
  4. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจโดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

    ***ยอมรับหรือไม่ว่า "แม้ตำราก็อาจถูกแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ผิดเพี้ยนไปจากต้นกำเนิดได้?***

    ***ถ้ายอมรับ ก็แสดงว่า แม้ตำรพระไตรปิฏกก็อาจถูกแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ผิดเพี้ยนมาก่อนที่จะมาถึงเราแล้วก็ได้ ***

    ***ดังนั้น เราจึงเชื่อพระไตรปิฏกทั้งหมดเลยไม่ได้***

    ***เมื่อเชื่อไม่ได้จะทำอย่างไร?***

    ***ก็ไม่ได้ห้ามศึกษา คือเราสามารถศึกษาและคัดเลือกเอาส่วนที่เราสามารถพบเห็นได้จริงและปฏิบัติได้จริงเท่านั้นมาศึกษาและปฏิบัติ***

    ***ส่วนที่เราไม่สามารถพบเห็นได้จริง หรือปฏิบัติไม่ได้ เราก็อย่าเชื่อ อย่าไปสนใจ***

    (ฉันคืออะไร? = เวบไซต์สำหรับบุคคลอัจฉริยะ www.whatami.net - www.whatami.5u.com )
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2008
  5. lokemesa

    lokemesa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +26
    คนเป็นอันมากมักเห็นคำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นเรื่องยาก มีนัยยะซับซ้อนซ่อนเงื่อน ต้องตีความกันใหญ่โต ซึ่งบางครั้งก็เป็นเหตุให้เกิดความเข้าใจผิดกันไป ก็มีไม่น้อย ซึ่งในเรื่องนี้พระองค์ก็คงรู้อยู่แล้ว
    พระองค์จึงทรงตรัสยืนยันไว้แล้วว่าไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย เราลองมาศึกษาจากคำตรัสเหล่านี้ดูครับ
    <o>
    </o>​
    [๒๘๘] เอว สฺวากฺขาโต ภิกฺขเว มยา ธมฺโม อุตฺตาโน วิวโฏ ปกาสิโต ฉินฺนปิโลติโก<o></o>
    ภิกษุทั้งหลาย ในธรรมที่เรากล่าวไว้ดีแล้วอย่างนี้ เป็นธรรมง่าย เปิดเผย ปรากฏ ไม่มีเงื่อนปมแล้ว
    <o>
    </o>​
    อ้างอิงจาก-พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๒ ข้อที่ ๒๘๘ หน้าที่ ๒๘๐.​
    -----------------------------------------​
    <o>
    </o>​
    หรือคำยืนยันจากผู้ที่ได้ฟังธรรมมาจากพระองค์โดยตรง ก็กล่าวเหมือนกัน (มีอยู่มากแห่งในพระไตรปิฎก)ว่า
    <o>
    </o>​
    เสยฺยถาปิ ภนฺเต นิกฺกุชฺชิต วา อุกฺกุชฺเชยฺย ปฏิจฺฉนฺน วา วิวเรยฺย มูฬฺหสฺส วา มคฺค อาจิกฺเขยฺย <o></o>
    อนฺธกาเร วา เตลปฺปชฺโชต ธาเรยฺย จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตีติ ฯ <o></o>
    เอวเมว ภควตา อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต ฯ <o></o>
    พระองค์ทรงประกาศธรรมแจ่มแจ้งโดยประการต่างๆ
    เปรียบเหมือนบุคคลหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางแก่ผู้หลงทาง
    หรือตามประทีปในที่มืดด้วยตั้งใจว่า ‘คนตาดีจักเห็นรูปได้’
    <o>
    </o>​
    อ้างอิงจาก-พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๘ ข้อที่ ๕๙๒ หน้าที่ ๓๘๐.​
    <o>
    </o>​
    ------------------------------------------------------​
    และถ้อยคำคือพระธรรมคำสั่งสอนเหล่านี้นั้น พระองค์ทรงตรัสยืนยันไว้อย่างยิ่งว่า
    <o>
    </o>​
    ยฺจ ภิกฺขเว รตฺตึ ตถาคโต อนุตฺตร สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌติ <o></o>
    ยฺจ รตฺตึ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายติ <o></o>
    ยเมตสฺมึ อนฺตเร ภาสติ ลภติ นิทฺทิสติ สพฺพนฺต ตเถว โหติ โน อฺถา <o></o>
    ตสฺมา ตถาคโตติ วุจฺจติ ฯ<o></o>
    ภิกษุทั้งหลาย ตถาคตตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณในราตรีใด
    และปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุในราตรีใด
    ในระหว่างนี้ ย่อมภาษิต กล่าว แสดงออกซึ่งคำใด คำนั้นทั้งหมดเป็นจริงอย่างนั้นแล ไม่เป็นอย่างอื่น
    ฉะนั้น ชาวโลกจึงเรียกว่า ‘ตถาคต’
    <o>
    </o>​
    อ้างอิงจาก-พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ ข้อที่ ๒๙๓ หน้าที่ ๓๒๑-๓๒๒.​
     
  6. lokemesa

    lokemesa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +26
    มีพุทธพจน์กล่าวไว้ว่า
    <o></o>
    ภิกษุผู้ชอบทะเลาะ ถูกโมหะปิดบัง<o></o>
    แม้เพื่อนพรหมจารีผู้มีศีลตักเตือนแล้ว
    ก็ไม่ยอมรับรู้ธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแล้ว
    <o></o>
    ภิกษุผู้ถูกอวิชชาหุ้มห่อแล้ว
    ชอบเบียดเบียนพระอริยะผู้อบรบตนแล้ว
    ไม่รู้ว่าเป็นความเศร้าหมองและเป็นหนทางให้ตกนรก
    <o></o>
    ภิกษุเมื่อไม่รู้เช่นนั้น ก็ต้องเกิดในอบาย
    ออกจากครรภ์สู่ครรภ์ ออกจากที่มืดสู่ที่มืด
    ภิกษุผู้เช่นนั้นเมื่อตายไปย่อมได้รับทุกข์<o></o>
    <o></o>
    บุคคลใดมีความประพฤติเสียหายเช่นนี้ตลอดกาลนาน
    พึงเป็นผู้เต็มด้วยบาป เหมือนหลุมคูถที่เต็มอยู่นานปี
    บุคคลนั้นเป็นผู้มีกิเลสเพียงดังเนิน ชำระให้หมดจดได้ยาก
    <o></o>
    ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงรู้จักบุคคลผู้อาศัยเรือน<o></o>
    มีความปรารถนาชั่ว มีความดำริชั่ว<o></o>
    มีอาจาระและโคจรชั่ว เช่นนี้<o></o>
    <o></o>
    เธอทั้งหลายพึงเป็นผู้พร้อมเพรียงกัน เลิกคบบุคคลนั้น<o></o>
    จงกำจัดผู้ที่ไม่มีคุณธรรมในใจเหมือนแกลบออกเสีย<o></o>
    จงคร่าผู้ทุศีลออกจากหมู่ เหมือนคนกำจัดหยากเยื่อออกจากบ้าน ฉะนั้น<o></o>

    <o></o>
    ต่อจากนั้น เธอทั้งหลายจงขับไล่ผู้ไม่ใช่สมณะ<o></o>
    แต่แต่งกายเลียนแบบสมณะออกไปจากสงฆ์<o></o>
    เหมือนคนคัดข้าวลีบทิ้ง ฉะนั้น
    <o></o>

    <o></o>
    ครั้นกำจัดพวกปรารถนาชั่ว มีอาจาระและโคจรชั่วออกได้แล้ว
    เธอทั้งหลายผู้มีศีลบริสุทธิ์ จงเคารพยำเกรงกันอยู่ร่วมกับท่านผู้บริสุทธิ์
    หลังจากนั้น เธอทั้งหลายจงเป็นผู้สามัคคีกัน มีปัญญารักษาตน จักทำที่สุดแห่งทุกข์ได้
    <o></o>
    อ้างอิงจาก-พระไตรปิฎก (มจร.) เล่มที่ ๒๕ ข้อที่ ๒๗๙-๒๘๖ หน้าที่ ๕๖๕-๕๖๖.
    ------------------------------------------------------------
    <o></o>
    ผู้เป็นมิจฉาทิฏฐิอย่างร้ายแรงนั้น ไม่อาจงอกงามได้ในพระธรรมวินัยนี้ดอกครับ
    เปรียบประดุจท่อนไม้ที่ด้านหัวและท้ายมีไฟลุกไหม้อยู่ แถมตรงกลางก็เปื้อนคูถ<o></o>
    เป็นที่น่ารังเกียจ และทำอันตรายแก่ผู้จับต้อง เลิกเสียเถิดแผนชั่วที่คิดน่ะ<o></o>
    [FONT=&quot]ท่านกำลังเล่นกับไฟอเวจี มันจะทำอันตรายแก่ท่านอย่างเหมือนไม่มีวันจบสิ้นทีเดียว.[/FONT]
     
  7. dearestguardian

    dearestguardian เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    306
    ค่าพลัง:
    +1,418
    คุณเตช เห็นอันนี้ตรงกับคุณเลยเอามาฝาก

    " ส่วนเหล่าสุดท้ายเป็นพวก ปทปรมะ ท่านบอกว่าเป็นเหมือนกับดอกบัวที่จมอยู่ใต้น้ำ พร้อมที่จะตกเป็นภักษาหารของเต่าและปลา คำว่าปทปรมะนี่มันแปลจริง ๆ มากด้วยบทบาท คน พวกนี้ไม่ใช่คนโง่แต่ฉลาดเกินไป พวกตะเเบงข้างเก่ง พวกนี้เขาประเภทที่เรียกว่าฟังธรรมแล้วจะไม่น้อมจิตตามไป แต่จะหาช่องว่างรอยโหว่เพื่อที่จะเถียงมันก็เลยกลายเป็นว่าสอนไม่ได้ เพราะฉะนั้นบางทีเราไปคิดว่าปทปรมะ นี่พวกโง่เต่าตุ่น ไม่ใช่ พวกปทปรมะนี่ฉลาดเกินไปจนสอนไม่ได้ โง่จริง ๆ ถ้าหากว่าเป็นบุคคลที่บำเพ็ญบารมีมาถึงขนาดได้ฟังเทศน์ฟังธรรมกับพระพุทธเจ้า ถ้าโง่จริง ๆ ไม่มีหรอก อย่างดีก็เป็นพวกเนยยะ เคี่ยวเข็ญกันได้ ปทปรมะนี่ฉลาดเกินเหตุ( พระครูธรรมธร เล็ก สุธัมมปํญโญ 2549)"

    คุณเตช อย่าลืมรายละเอียด หนังสือที่คุณแต่งนะ พร้อม ISBN ด้วย รอมานานแล้วนะ

    คุณเตช คุณพูดเรื่องพระไตรปิฏก คุณคิดว่าตัวคุณเองเรียนเจนจบแล้วเหรอ ต่อให้อ่านจบคุณเข้าใจทุกตัวอักษรและสัมผัสทุกสภาวะธรรมอาการทั้งหมดในนั้นหรือยังเข้าใจ เข้าถึงทุก อรรถ พยัญชนะ จนกระทั่งสามารถบั่นสั้น ขยายยาวในทุกข้อความหรือไม่ ถ้ายังไม่ได้ก็เปล่าประโยชน์ที่จะแสดงทัศนะน่ะ

    ***ส่วนที่เราไม่สามารถพบเห็นได้จริง หรือปฏิบัติไม่ได้ เราก็อย่าเชื่อ อย่าไปสนใจ***
    จะบอกว่า ถ้ามีคนคิดแบบคุณทุกวันนี้เราก็คงไม่มีวิทยาศาสตร์ที่ก้าวหน้าอย่างนี้ สมัย ก่อนประมาณศตวรรษที่ 16-18 ทางตะวันตกเขาไม่มีใครเชื่อว่าคนจะบินได้ ถ้าสองพี่น้องตะกูลไร้ท์ไม่พยายามทำเครื่องบินต้นแบบและมีความเชื่อในสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น เราจะมีเครื่องบินใช้กันเหรอ
    ถ้าคุณไม่มีความศรัทธา ผลการปฏิบัติย่อมไม่เกิด สิ่งที่ทำไม่ได้ หากไม่เพียรทำด้วยความศรัทธาต่อการเห็นความจริง มันก็ย่อมไม่เกิดผล เหมือนคุณขุดหาทอง บางทีทองอาจอยู่ลึกจากผิวดินไปถึง 20 เมตร ณ.ที่ตรงนั้น คุณคุณไปแค่ 7 เมตร แล้วก็บอกว่า ที่นี่ไม่มีหรอกทอง ไปดีกว่าเสียเวลา คุณก็จะไม่มีวันเจอทอง ณ. ตรงนั้น ในขณะที่คนอื่นผ่านมาแล้วขุดต่อจากคุณเอาทองไป คุณอาจแวะผ่านมาแล้วบอกว่า เห็นไหมฉันบอกแล้วว่า ไม่มี ขุดลึกตั้ง 20กว่าเมตรแล้วยังไม่เห็น ที่ไหนได้ ตรงนั้นถูกขุดเอาไปเสียแล้วแต่คุณไม่เห็น น่าอนาจไหม

    พระไตรปิฏกทุกตัวอักษรมีค่ามหาศาล เสียยิ่งกว่าทอง บางคำคุณอาจไม่เข้าใจแต่กับอีกคนเมื่อเห็นคำนั้นเขาอาจจะคลิกเพราะตรงใจพอดี คุณไม่มีสิทธิตัดสินคนอื่นด้วยความคิดของคุณ ไม่ต้องไปตัดสินแทนคนอื่นว่าสิ่งนี้ดีสิ่งนี้ไม่ดี เพราะคนแต่ละคนถูกตกแต่งมาต่างกัน พูดง่ายๆต่างภูมิธรรมกัน

    คุณรู้ไหม ฝรั่งเขาว่า คนที่โง่ที่สุดคือคนที่คิดว่า ตัวฉลาดที่สุด ข้าพเจ้าเห็นด้วยอย่างยิ่ง

    คุณเตช อย่าลืมรายละเอียด หนังสือที่คุณแต่งนะ พร้อม ISBN ด้วย รอมานานแล้วนะ
     
  8. lokemesa

    lokemesa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +26
    มีพระพุทธพจน์ที่มาในสุตตนิบาตว่า
    <o></o>
    ผู้ที่คบบุคคลผู้มีคุณธรรมน้อย เป็นคนพาล
    ยังไม่บรรลุประโยชน์ตน ทั้งยังมีใจริษยา
    ไม่เข้าใจธรรมในศาสนานี้ได้อย่างแจ่มแจ้ง<o></o>
    ยังไม่ทันหมดความสงสัยก็สิ้นชีวิตไปก่อน<o></o>
    <o></o>
    เปรียบเหมือนคนข้ามแม้น้ำที่มีน้ำมาก กำลังหลากมา มีกระแสเชี่ยว
    ถูกน้ำพัดลอยไปตามกระแสน้ำเสียเอง จะสามารถช่วยพาผู้อื่นให้ข้ามไปได้อย่างไร ฉันใด
    บุคคลผู้ยังไม่เข้าใจธรรมแจ่มแจ้ง ก็ฉันนั้น
    ไม่พิจารณาความหมายแห่งธรรมให้ถ่องแท้ ในสำนักอาจารย์ผู้เป็นพหูสูต<o></o>
    ตนเองยังไม่รู้แจ้งจริง ทั้งยังไม่หมดความสงสัย<o></o>
    จะสามารถสอนผู้อื่นให้เพ่งพินิจธรรมได้อย่างไร<o></o>
    <o></o>

    อ้างอิงจาก-พระไตรปิฎก (มจร.) เล่มที่ ๒๕ ข้อที่ ๓๒๑-๓๒๓ หน้าที่ ๕๗๓-๕๗๔.
    ------------------------------------------------
    <o></o>
    ระวังให้ดี สาวกผู้ตั้งตนเป็นอาจารย์ แล้วยกตนเก่งเกินกว่าพระศาสดา
    ลดความน่าเชื่อถือ กล่าวตู่ บิดเบือนคำสอนพระศาสดา จะพบความพินาศอย่างคาดไม่ถึงเลย ระวังตัวไว้.
     
  9. ความจริงแท้๒

    ความจริงแท้๒ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +0
    คุณใช้ปัญญาพิจารณาดูเถิด ว่าในพระธรรมของพระพุทธเจ้ามีคำลวงอะไรหรือไม่ หากคุณคิดว่ามีและเห็นว่าไม่ถูกต้องก็ให้ค้นหาดู หากคุรค้นแล้วแต่ไม่พบสิ่งที่พอใจคุณอาจหันไปหาศาสนาอื่นหรือความเชื่อที่คุณไม่มีข้อสงสัยก็ได้


    พระพุทธเจ้าได้เปรียบคนไว้เหมือนบัว4เหล่า
     
  10. หนองสะลาบ

    หนองสะลาบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    334
    ค่าพลัง:
    +564
    สมณะเตชครับ!!!เท่าที่ผมติดตามอ่านวิวาทะของท่านพอจะสรุปได้ว่าท่านเป็นแค่นักโต้วาทีเท่านั้น ผมยังข้องใจที่ท่านท้าดวลวาทะกับใครก็ได้ที่เป็นสุภาพบุรุษ ใช้เหตุผล ไม่หยาบคาย แต่ทุกกระทู้ที่ท่านตอบกลับเฉไฉไปทางอื่นแถมยังพูดจาถากถาง เย้ยหยันในที ยั่วยุผู้อื่นให้ลุแก่โทษะ แถมยังบิดเบือนพระไตรปิฏก ยกเอาบางส่วนมาอ้างแล้วเอาทุนนิยมมาใส่ คิดจะสร้างนิกายใหม่หรือไง ถึงแม้ปัจจุบันจะยากที่มีธรณีสูบแต่ก็ไม่ยากที่ผมจะส่งท่านและพวกพ้องให้ไปอยู่กับพระเทวทัตได้นะครับ
     
  11. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจโดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

    ระวังให้ดี สาวกผู้ตั้งตนเป็นอาจารย์ แล้วยกตนเก่งเกินกว่าพระศาสดา
    ลดความน่าเชื่อถือ กล่าวตู่ บิดเบือนคำสอนพระศาสดา จะพบความพินาศอย่างคาดไม่ถึงเลย ระวังตัวไว้.

    ---------------------
    สมณะเตชครับ!!!เท่าที่ผมติดตามอ่านวิวาทะของท่านพอจะสรุปได้ว่าท่านเป็นแค่นักโต้วาทีเท่านั้น ผมยังข้องใจที่ท่านท้าดวลวาทะกับใครก็ได้ที่เป็นสุภาพบุรุษ ใช้เหตุผล ไม่หยาบคาย แต่ทุกกระทู้ที่ท่านตอบกลับเฉไฉไปทางอื่นแถมยังพูดจาถากถาง เย้ยหยันในที ยั่วยุผู้อื่นให้ลุแก่โทษะ แถมยังบิดเบือนพระไตรปิฏก ยกเอาบางส่วนมาอ้างแล้วเอาทุนนิยมมาใส่ คิดจะสร้างนิกายใหม่หรือไง ถึงแม้ปัจจุบันจะยากที่มีธรณีสูบแต่ก็ไม่ยากที่ผมจะส่งท่านและพวกพ้องให้ไปอยู่กับพระเทวทัตได้นะครับ
    ---------------------------------------------------
    ***ใจเย็นๆ ถึงกับจะฆ่าจะแกงกันเลยหรือไง?***

    ***ใครสอนให้ทำอย่างนี้? หรือครั่งศาสนากันไปเอง?***

    ***ถ้าเชื่อเรื่องเวรกรรมก็ปล่อยให้เวรกรรมจัดการซิ จะไปเดือดร้อนทำไม? จริงใหม?***

    ***ถ้าไปจัดการเองก็แสดงว่าไม่เชื่อเรื่องเวรกกรม จริงหรือไม่?***

    ***ที่กล่าวหาอาตมาว่าบิดเบือนนั้น ก็ช่วยเล่าแจ้งแถลงไขมาว่าบิดเบือนตรงไหน?? และมีผลเสียแก่ใครอย่างไร?***

    ***ถ้าอาตมาผิดจริง ทำไมถึงไม่แจ้งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ??***

    ***และทำไมจนป่านนี้ ถึงยังไม่มีใครมาตรวจสอบอาตมา***

    ***หรือเพราะกลัวว่าจะแพ้เหตุผล แพ้ความจริง???***

    (ฉันคืออะไร? = เวบไซต์สำหรับบุคคลอัจฉริยะ www.whatami.net - www.whatami.5u.com )
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กันยายน 2008
  12. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    ...................................................................................
     
  13. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจโดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

    ***ก็ในเมื่อในพระไตรปิฎก ก็มีคำสอนที่ขัดแย้งกันอยู่มากมาย แล้วเราจะเชื่ออันไหน?***

    ***อย่างเช่น ที่สอนว่า นรก - สวรรค์ที่ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจก็มี ซึ่งมันเป็นวิทยาศาสตร์ ที่ใครๆก็ต้องยอมรับ***

    ***ส่วนนรกใด้ดิน - สวรรค์บนฟ้านั้น เราไม่สามารถพบเห็นได้จริง มันจึงไม่เป็นวิทยาศาสตร์(พิสูจน์ไม่ได้) พูดไปคนมีปัญญาเขาไม่ยอมรับ***

    ***หรือ นิพพาน ที่หมายถึง ความสงบเย็น เมื่อกิเลสดับ นั้นก็เป็นวิทยาศาสตร์***

    ***ส่วนนิพพานที่เป็นบ้านเป็นเมือง ที่จะถึงได้ต่อเมื่อตายไปแล้วนั้น มันไม่เป็นวิทยาศาสตร์***

    ***แล้วจะให้เชื่ออันไหนดี?? ระหว่างความฝันกับความจริง??**

    (ฉันคืออะไร? = เวบไซต์สำหรับบุคคลอัจฉริยะ www.whatami.net - www.whatami.5u.com )
     
  14. dearestguardian

    dearestguardian เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    306
    ค่าพลัง:
    +1,418
    หวัดดีคุณเตช ยังไม่เลิกอีกเหรอ

    คุณเตชช่วยเอารายละเอียดหนังสือที่คุณแต่งให้ข้าพเจ้าด้วยซิ รอ นานๆๆๆๆ จนทำให้ต้องแวะเข้ามาทักเรื่อยๆทั้งที่ขี้เกียจพิมพ์สุดๆๆ

    ***ก็ในเมื่อในพระไตรปิฎก ก็มีคำสอนที่ขัดแย้งกันอยู่มากมาย แล้วเราจะเชื่ออันไหน?***
    อย่าอ้างพระไตรถ้าคุณไม่ดเข้าใจในสิ่งที่คุณอ่าน พระไตรปิฏกอ่านดีๆๆจะไม่มีอะไรขัดแย้งกันเลย ทุกอย่างไปในทางเดียวกันหมด เรียกได้ว่าเป็นเอกเสมอ
    คุณเองไม่ฉลาดพอทีจะเข้าใจก็เลยเห็นบางอย่างขัดแย้งทั้งๆที่จริงๆทุกอย่างเป็นหนึ่ง คุณจับไม่ถูกเองว่าขณะไหนอารมณ์ใดควรใช้ธรรมข้อไหนแก้ แต่ก็ว่าคุณไม่ได้เพราะ กรรม จำแนกสัตว์

    ***อย่างเช่น ที่สอนว่า นรก - สวรรค์ที่ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจก็มี ซึ่งมันเป็นวิทยาศาสตร์ ที่ใครๆก็ต้องยอมรับ***

    ***ส่วนนรกใด้ดิน - สวรรค์บนฟ้านั้น เราไม่สามารถพบเห็นได้จริง มันจึงไม่เป็นวิทยาศาสตร์(พิสูจน์ไม่ได้) พูดไปคนมีปัญญาเขาไม่ยอมรับ***
    รู้ได้ไงว่าเขารับหรือไม่รับ อย่าเอามาตราฐานของตัวเองมาตัดสินคนทั้งโลกซิ
    คุณรู้ไหมคุณเตชคนทุกคนเท่าเทียมเพราะมีสมองเหมือนกันทุกคน ถ้าไม่พิการทางสมองก็คิดเป็นกันทุกคน ทุกคนมีปัญญา คือความฉลากดทั้งนั้น ผิดกันแต่ว่าปัญญามี 2 ลักษณะ คือ สัมมากับมิจฉา ปัญญา อ่ะ

    ***หรือ นิพพาน ที่หมายถึง ความสงบเย็น เมื่อกิเลสดับ นั้นก็เป็นวิทยาศาสตร์***

    คุณเข้าใจคำว่า วิทยาศาสตร์ว่าอย่างไรคุณเตช? ; วิทยะ แปลว่า ความรู้ ศาสตร์ แปลว่า วิชา สรุป คือ วิทยาศาสตร์เป็นองค์ความรู้ ทุกสิ่งที่มนุษย์ศึกษา เป็น วิทยศาสตร์ทั้งนั้น คุณรู้จักกล้อง กอร์เลี่ยนไหม
    แล้วคุณเคยได้อ่านข่าวชิ้นนี้ไหม

    "ที่ประเทศอังกฤษ มาสัมผัสกับ GHOST BUSTER – เครื่องตรวจจับวิญญาณ คุณเคยเห็นวิญญาณ หรือจู่ๆ ก็ขนลุกโดยไม่รู้สาเหตุบ้างหรือเปล่า บางทีวิทยาศาสตร์อาจมีคำตอบให้กับเรื่องนี้ นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัย เบอร์มิงแฮม ได้ประดิษฐ์เครื่องมือชิ้นใหม่ ที่จะมาช่วยค้นหาคำตอบ ของปรากฏการ์เหนือธรรมชาติให้กับเรา"
    source: http://modernine.mcot.net/inside.php?modid=2464&modtype=1
    อ่านข่าวชิ้นนี้แล้วหวังว้่าคุณเตชคงเข้าใจคำว่าวิทยาศาสตร์นะ ถ้ายังไม่เข้าใจ แนะนำให้เปิดพจนานุกรม ถ้ายังไม่กระจ่างแนะให้ถามท่าน ดร. อาจอง ชุมสายฯ หรือ ดร.สนอง วรอุไร
    แต่อย่างท่านคงไม่เสียเวลาเสวนากับคุณเตชหรอกมั้งค่ะ แต่ก็ไม่แน่เหมือนกันเพราะท่านเมตตาอยู่

    ***ส่วนนิพพานที่เป็นบ้านเป็นเมือง ที่จะถึงได้ต่อเมื่อตายไปแล้วนั้น มันไม่เป็นวิทยาศาสตร์***

    อันนี้คงไม่ต้องตอบซ้ำเพราะได้ตอบรวมเข้าไปในข้อข้างบนแล้ว

    ***แล้วจะให้เชื่ออันไหนดี?? ระหว่างความฝันกับความจริง??**

    แล้วคุณแน่ใจได้อย่างไรว่าสิ่งที่คุณสัมผัสด้วยอายตนะทั้ง 6 นั้นเป็น การสัมผัส สภาพแท้ของวัตถุธาตุ เช่น โต๊ะ สภาพแท้เกิดจากการอัดของธาตุ ที่เราเรียกว่าไม้แต่สภาพไม้จริงๆที่จับได้จากกล้องจุลทรรศน์กับที่ตามองต่างกันเพราะเครื่องมือจับได้ละเอียดกว่า ตาคุณนะหลอกหลวงได้นะ คุณลองจ้องสีเขียวนานๆๆๆแล้วมองขึ้นไปบนฟ้าซิ คุณจะเห็นฟ้าแดงทั้งๆที่ความจริงมันไม่แดง

    ขี้เกียจอธิบายยาวๆเพราะไม่อยากพิมพ์ยาว(นี่ก็ยาวมากแล้วน่ะ) ช่วยเอา รายละเอียดหนังสือมาให้หน่อยซิเพราะขี้เกัยจแวะเข้ามาเช็คบ่อยๆอ่ะ
     
  15. manson810

    manson810 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    410
    ค่าพลัง:
    +780
    จริตคนมีมากมายหลากหลาย พระพุทธเจ้าท่านทรงสั่งสอนธรรมะ ไปตามจริตของคนเหล่านั้น

    ท่านเตชปัญโญ อาจจะถืออัตตาของตัวเองมากเกินไป เลยคิดว่า ถ้าตัวท่านคิดเห็นอย่างไร คนอื่นก็ต้องคิดเหมือนท่าน เพราะท่านคิดว่าสิ่งที่ท่านคิดนั้นมันถูกต้อง

    ประโยคที่ท่านถามว่า "***แล้วจะให้เชื่ออันไหนดี?? ผมก็ขอตอบให้ว่า
    ท่านคิดว่าธรรมข้อใดที่ตรงกับตัวท่านท่านก็เชื่อธรรมข้อนั้นไป ส่วนธรรมข้อใดที่ไม่ตรงกับตัวท่าน ท่านก็ควรละเว้นเสีย ที่บอกให้ละเว้นไม่ใช่ให้ท่านไปปฏิเสธธรรมข้อนั้น เพราะอาจจะยังมีคนอีกมากที่อาจจะเห็นธรรมข้อที่ท่านละเว้นเป็นประโยชน์ต่อเค้าคนนั้น

    ธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นประโยชน์และถูกต้องหมดทุกข้อแหละครับ อยู่ที่ว่าคนรับธรรมผู้นั้นจะมองเห็นประโยชน์ของธรรมะเหล่านั้นหรือไม่ ไม่มีแบ่งแยกว่า "ความฝันกับความจริง"(อย่างที่ท่านเตชปัญโญกล่าว) แต่มันอยู่ที่ปัญญาของผู้ที่รับธรรมมากกว่า บางคนปัญญามากหน่อยเค้าจะไม่สงสัยการเวียนว่ายตายเกิด อย่างเช่น เค้าเห็นทุกข์แล้วในชาตินี้และทุกข์ในข้างหน้า ตายแล้วเกิดเกิดแล้วตาย วนเวียนไปไม่สิ้นสุด ส่วนบางคนมีปัญญาน้อยลงมาหน่อยก็จะเห็นทุกข์เฉพาะชาตินี้เท่านั้นข้างหน้าไม่เห็น แต่โดยรวมแล้วสองประเภทนี้ก็มองเห็นทุกข์เหมือนกันแต่คิดไม่เหมือนกัน แต่สิ่งที่จะทำเหมือนกันก็คือการดับทุกข์,การดับกิเลสตัณหา เพื่อไปสู่พระนิพพาน นั่นเอง
     
  16. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ไม่ต้องรู้พระไตร ไม่ต้องเข้าใจพระไตร อย่างแจ่มแจ้งหลอกครับ แค่พิจารณาความทุกข์ ตาำมหลักสติฐานสี่ ก็ถึงผลแล้ว

    ของอย่างนี้ต้องลงมือทำครับ หากยังหาช่องลอด หรือยังไม่แน่ใจในพระพุทธ ยังไม่แน่ใจในนิพพาน มันก็ สังโยชน์ 2 วิกิจจา นั่นเอง
    สังโยชน์มีไว้เทียบผล เทียบระยะทางที่เหลือในสงสารวัฏ ลองเทียบกันดู ถ้าใครคิดว่าพ้น คิดว่ารู้ ^-^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ตุลาคม 2008
  17. forever_love

    forever_love Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +43
    ขอเชิญทุกทุกท่าน(ที่สนใจ)อ่าน



    What The Buddha Taught : อริยสัจจ์ ข้อที่ 1 "ทุกข์"
    http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y7055050/Y7055050.html

    What The Buddha Taught : อริยสัจจ์ ข้อที่ 2 "สมุทัย"
    http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y7066144/Y7066144.html

    What The Buddha Taught : อริยสัจจ์ ข้อที่ 3 " นิโรธ "
    http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y7083834/Y7083834.html


    What The Buddha Taught : อ นั ต ต า
    http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y7093616/Y7093616.html


    จากหนังสือ พระพุทธเจ้าสอนอะไร โดย แผนกวิชาการ
    คณะกรรมการนิสิต มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ปีการศึกษา 2521

    ซึ่งแปลมาจาก หนังสือ What The Buddha Taught
    ( by Walpola Rahula ) <!--MsgFile=0-->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ตุลาคม 2008
  18. ศึกษาธรรม2551

    ศึกษาธรรม2551 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    669
    ค่าพลัง:
    +234
    ควายยังไม่สูญพันธ์ มีอยู่ให้เราเห็นๆกันครับ
     
  19. ปถุชนคนดี

    ปถุชนคนดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    298
    ค่าพลัง:
    +214
    เฮ้ย.....ดีนะเนี่ยที่ผมไม่ได้เรียนหลักสูตรนี้ตั้งแต่เกิด ไม่งั้นผมก็คงคิดว่าชีวิตนี้จะทำระยำตำบอนอะไรก็ได้เพราะมันก็ไม่มีผลอยู่แล้วนรกสวรรค์ก็ไม่มีสู้ใช้ชีวิตสุดเวี่ยงไปเลยดีกว่าเกิดทีเดียวตายหนเดียว

    ถ้าอย่างนั้นขมขื่นคนอื่นโอ้โหสุดมันสะใจถ้าหนีตำรวจได้ก็ถือว่าจบกัน(เพราะถ้ามันทำได้อย่างนี้มันก็ไม่รุ้สึกเศร้าหรอกเตรียมหาคนต่อไป)ไม่มีผลกรรมอะไรอีกแล้วแต่ถ้าตำรวจจับก็ซวยไปอย่างนั้นหรอ

    บาปตามหลักสูตรคือ รู้สึกไม่ดี บุญคือรู้สึกดี แค่นั้นเอง(เหอะๆดีเนอะ)

    100%เด็กที่เรียนต้องคิดแบบนี้(ถ้าเด็กไม่รู้พื้นธรรมะมาก่อนนะ)

    สลดกับหลักสูตรจริงๆเลย
     
  20. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจโดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

    ***เมื่อทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ต้องมาจากเหตุปัจจัย***

    ***ช่วยตอบหน่อยว่า ......***

    ***เราสามารถมีจิตโดยไม่ต้องมีร่างกายได้หรือไม่
    ?***

    ***และเพราะอะไร?***


    (ฉันคืออะไร? = เวบไซต์สำหรับบุคคลอัจฉริยะ www.whatami.net - www.whatami.5u.com )
     

แชร์หน้านี้

Loading...