ปกิณกธรรม งานบวงสรวงไหว้ครูและเป่ายันต์เกราะเพชร (รอบเช้า) วัดท่าขนุน วันที่ ๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 11 กันยายน 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,205
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,514
    ค่าพลัง:
    +26,347
    รับพระไปแล้วดูแลดี ๆ นะ พระเครื่องรุ่นนี้ไม่มีใครสร้างได้อีกแล้ว เพราะว่าวัสดุส่วนผสมก็คือ สังฆาฏิของสุดยอดพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ๒๒ รูปด้วยกัน รูปสุดท้ายก็คือหลวงพ่ออุตตะมะ วัดวังก์วิเวการาม
     
  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,205
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,514
    ค่าพลัง:
    +26,347
    นั่งชิด ๆ ไปใกล้เครื่องบวงสรวงที่สุดเลยนะ เพราะว่าตอนบารมีพระแผ่ลงมาจะเริ่มจากศูนย์กลางตรงเครื่องบวงสรวงโน่น ใครนั่งห่าง รับไม่ถึงช่วยไม่ได้..!

    ญาติโยมลองนึกดูว่า เครื่องบวงสรวงโดยเฉพาะบายศรีองค์ใหญ่ เหมือนอย่างกับเสาอากาศ ถึงเวลารับบารมีพระมาแล้วก็กระจายให้พวกเรา เพราะฉะนั้น..อยู่ใกล้เสาอากาศเท่าไรก็พลังแรงเท่านั้น อย่าถึงกับปีนขึ้นไปบนต้นบายศรีนะ ปีนไปตรงเสาอากาศอาจจะโดนฟ้าผ่าตาย..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,205
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,514
    ค่าพลัง:
    +26,347
    (การเป่ายันต์เกราะเพชร รอบ ๑๓.๐๐ น.)

    ยันต์เกราะเพชรนั้นมาในตำราพระร่วง เป็นส่วนหนึ่งของธงมหาพิชัยสงคราม ตัดมาเฉพาะส่วนคอธงที่เป็นอักขระ ๕๖ ตัว แล้วเขียนลงแบบหนังสือจีน เป็น ๗ แถว ๆ ละ ๘ ตัว ดังนั้น..ถ้าใครบอกว่าไปสักยันต์ ๕ แถวมา ทุกคนคุยทับไปได้เลยว่า "ฉันไปเป่ายันต์ ๗ แถวมา..!"

    เขียนลงแบบหนังสือจีน ๗ แถว ๆ ละ ๘ ตัว รวมแล้วได้ ๕๖ ตัว อ่านตามขวางได้ว่า อิ ระ ชา คะ ตะ ระ สา, ติ หัง จะ โต โร ถิ นัง ไปจนถึง อะ วิ สุ นุต สา นุส ติ

    ซึ่งโบราณาจารย์ยังแยกออกเป็นอิติปิ โสฯ ๘ ทิศ เรียกชื่อต่าง ๆ กันไปตั้งแต่กระทู้ ๗ แบก ฝนแสนห่า นารายณ์เคลื่อนสมุทร เป็นต้น เมื่อชักสูตรแล้ว ตีตารางออกมาจะเป็นยันต์เกราะเพชร มีบางคนเรียกว่ายันต์ตาข่ายเพชร

    ครูบาอาจารย์ตามสายกรรมฐาน คือหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ท่านศึกษาตำราพระร่วงมาจากท่านอาจารย์แจง ชาวสวรรคโลก เมื่อถึงเวลาท่านอาจารย์แจงรับตำรากลับคืนไปแล้วท่านตายเสียก่อน ไม่ได้มอบหมายให้ใคร แล้วตำราพระร่วงนี้ก็สืบเฉพาะสายเลือดเท่านั้น พูดง่าย ๆ ว่าถ้าไม่ใช่เชื้อสายพระร่วง ก็ต้องได้รับการครอบครูจากครูบาอาจารย์มาก่อน
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,205
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,514
    ค่าพลัง:
    +26,347
    เมื่อหลวงพ่อฤๅษีฯ ตอนนั้น ท่านยังเป็นเจ้าอาวาสวัดบางนมโคอยู่ ได้ข่าวว่าท่านอาจารย์แจงเสียชีวิตแล้ว จึงไปขอศึกษาตำราพระร่วง แต่ว่าภรรยาท่านอาจารย์แจงบอกว่าให้ไม่ได้ เพราะสามีสั่งไว้ว่า ถ้าใครมาขอศึกษาตำรานี้ ให้เอาดาบคู่มือที่ท่านอาจารย์แจงเตรียมไว้ ๒ เล่ม ไปรำที่กลางแจ้ง ถ้าใครรำดาบแล้วมีฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นสัญญาณบอกว่าเป็นลูกหลานพระร่วง ให้มอบตำราให้คนนั้นไปศึกษา

    หลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านเล่าว่าเราเป็นพระ จะให้ไปรำดาบก็น่าเกลียด จึงขอถือดาบยืนนิ่ง ๆ อยู่กลางแจ้งสัก ๒ นาที ถ้าฟ้าไม่ผ่าก็เป็นอันว่าไม่ขอศึกษาตำรานี้ ท่านบอกว่าเพิ่งจะถอดดาบออกจากฝัก เดินยังไม่ทันจะพ้นบอกชาน ฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา หูอื้อกันทั้งบ้านเลย ภรรยาท่านอาจารย์แจงจึงได้มอบตำราให้กับหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านเอามาศึกษาแล้วก็ทำตามตำรานั้น

    ท่านบอกว่า ยันต์เกราะเพชรนั้นเป็นบารมีพระพุทธเจ้า การเป่ายันต์เกราะเพชร เขาเป่ากันทีละศาลา อาตมภาพเจอครั้งแรกเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๒๕ หลวงพ่อวัดท่าซุงประกาศเป่ายันต์เกราะเพชร ลูกศิษย์หลานศิษย์ก็ตั้งใจไปรับกัน ตอนนั้นศาลาทำบุญของวัดท่าซุงก็คือศาลาพระพินิจอักษร ปรากฏว่าต้องเป่ายันต์ถึง ๕ - ๖ รอบด้วยกัน ท่านจึงรีบสร้างศาลา ๒ ไร่ต่อมา

    แต่ว่ายังสร้างไม่ทันจะเสร็จ วันที่ ๑๓ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๒๖ ทำการเป่ายันต์เกราะเพชรที่ศาลา ๒ ไร่ วัดท่าซุง ได้ผลดีมาก เพราะว่าฝุ่นจับขาววอกไปทุกคน..! เนื่องเพราะว่าเพิ่งเทพื้นใหม่ ๆ ช่างต้องเอาฝุ่นปูนซัดเอาไว้เพื่อให้พื้นแห้ง พวกเราต้องไปนั่งคลุกฝุ่นกันจนกระทั่งตัวขาววอกไปหมด ดังนั้น..ใครรับยันต์ในการเป่าครั้งที่ ๒ ของหลวงพ่อวัดท่าซุง ต้องคลุกฝุ่นมาด้วยกัน (ลูกเจนนี่..แม่หนูก็ไปคลุกฝุ่นกับหลวงพ่อมาแล้วนะจ๊ะ..!)

    พอเป่ายันต์ครั้งที่ ๓ วันที่ ๓ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๒๗ ศาลา ๒ ไร่พัง..! เพราะว่าโยมเป็นแสนคนอัดกันแน่น แล้วมีการเบียด การดัน การกระแทกกันขึ้นมา ประตูยืดที่เป็นประตูศาลา ๒ ไร่โดนเบียดกระเด็นไปทั้งยวง..! หลวงพ่อท่านจึงต้องสร้างศาลา ๔ ไร่เพิ่มขึ้นมา
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,205
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,514
    ค่าพลัง:
    +26,347
    จากปี ๒๕๒๖ ญาติโยมไปรับยันต์เกราะเพชรที่วัดท่าซุง ต้องหุงข้าวเลี้ยงโยมไป ๒๒ กระสอบ พอวันที่ ๓ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๒๗ แค่ช่วงเช้าข้าวสารหมดไปเกือบ ๓๐ กระสอบ หลังจากนั้นมาคนก็มีแต่มากขึ้น ๆ ศาลา ๔ ไร่ไม่พอใช้งาน ศาลา ๒ ไร่บวกศาลา ๔ ไร่ ไม่พอใช้งาน หลวงพ่อท่านจึงต้องไปสร้างศาลา ๑๒ ไร่เอาไว้อย่างที่เห็นในปัจจุบันนี้

    แล้วในปี ๒๕๓๕ ต้นปี หลวงพ่อท่านบอกให้พระทั้งวัดภาวนาจับภาพพระพุทธเจ้าให้เป็นปกติ เพื่อรอรับการไหว้ครู สืบสายยันต์เกราะเพชรมา แต่ปรากฏว่าคณะกรรมการสงฆ์วัดท่าซุงคิดอย่างไรก็ไม่ทราบ ปรึกษากันแล้วก็ลงความเห็นว่า การเป่ายันต์เกราะเพชรนั้นเป็นหน้าที่ของหลวงพ่อวัดท่าซุงเท่านั้น ถ้าใครคิดจะทำตามถือว่าเป็นการวัดรอยเท้าครูบาอาจารย์..!

    อาตมภาพได้ยินก็ "ของขึ้น" เนื่องเพราะว่า
    ถ้าเป็นคำสั่งครูบาอาจารย์ก็คือเราต้องทำด้วยชีวิต..! จึงไปขอขันครูจากโยมศุภาพร ปุษยะนาวิน เจ้าหน้าที่บายศรีประจำวัดท่าซุง โดยมีพระรุ่นน้องก็คือท่านชาติชาย สุธมฺมธนปาโล ตามไปอีกคน

    ตอนนั้นอาตมภาพได้ ๗ พรรษา ท่านชาติชายได้ ๒ พรรษา "ป้าศุ" ของทุกคนมองหน้าแล้วก็ถอนใจ บอกว่า "หลวงพี่..สองคนรวมกันยังไม่ได้ ๑๐ พรรษาเลย จะไปลุ้นเขาไหวหรือ ?" อาตมาตอบไปว่า "ป้าก็รู้ว่าอะไรที่พ่อสั่งก็คือต้องทำกันจนตัวตาย ใครจะบอกว่าฝืนคำสั่งกรรมการสงฆ์ จะขับออกจากวัดอาตมาก็ยินดีที่จะไป..!"

    ป้าศุจึงบอกว่า "ถ้าอย่างนั้นป้าจะทำขันครูเผื่อพระที่ถวายการรับใช้หลวงพ่อในศาลา ๑๒ ไร่ด้วย" พูดง่าย ๆ ว่าหาคนมา "โดน" ด้วยกัน..! ก็เลยทำให้มีบุคคลได้รับการครอบครูตามสายยันต์เกราะเพชรมาด้วยกัน ๙ รูป ตอนนี้ก็ทั้งมรณภาพและโยกย้ายออกไปด้านนอก เหลือคาวัดอยู่ ๑ รูปเท่านั้น..! เป็นใครให้ไปหาเอาเอง อีก ๘ รูป สึกไปเสียเป็นส่วนใหญ่
    อาตมภาพที่แทบจะอาวุโสรั้งท้ายมาอยู่ที่วัดท่าขนุนนี่ แล้วก็เป็นเรื่องแปลกว่า พระท่านมาสั่งให้เป่ายันต์เกราะเพชรเป็นคนแรก..!
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,205
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,514
    ค่าพลัง:
    +26,347
    ในตอนที่ครอบครูเพื่อรับช่วงการเป่ายันต์เกราะเพชรนั้น พระท่านมีคำสั่งว่า อันดับแรก ห้ามใช้กำลังของตัวเองอย่างเด็ดขาด ต่อให้คล่องตัวในสมาบัติ ๘ ขนาดไหน ทำไปก็ได้ไม่ถึง ๒ เปอร์เซ็นต์ของพระท่าน

    อันดับที่สอง ให้ใช้ทิพจักขุญาณเกาะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่ตลอดเวลา ท่านสั่งให้ทำอย่างไรก็ทำอย่างนั้น ให้ภาวนาคาถาบทไหนก็ภาวนาอย่างนั้น

    ข้อต่อไปก็คือ ห้ามเดินสายรับเป่ายันต์ พูดง่าย ๆ ว่าห้ามหากินด้วยวิธีนี้ อยู่ที่วัดไหนให้เป่าสงเคราะห์คนได้เฉพาะที่วัดนั้นเท่านั้น

    ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อาตมภาพในระยะแรกก็โดนเพื่อนพ้องพี่น้อง โดยเฉพาะญาติโยมสายวัดท่าซุงถล่มจมธรณีไปเลย..! หาว่าวัดรอยเท้าหลวงพ่อ ท่านทั้งหลายต้องฟังท่านเจ้าคุณหลวงตาวัชรชัย (พระราชภาวนาพัชรญาณ วิ.) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสระบุรี เจ้าอาวาสวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) ท่านบอกว่า "ไม่ใช่ว่าพวกเราเห็นช้างขี้แล้วขี้ตามช้าง แต่กูเป็นลูกช้างจะให้ขี้แบบหมากูทำไม่ได้..!" ฟังหลวงตาท่านพูดประโยคเดียวจบเลย

    อาตมภาพก็ทำมาแล้วเกิดผลอย่างที่ญาติโยมหลายต่อหลายท่านเห็นและส่งประสบการณ์มา ในเมื่อญาติโยมมีประสบการณ์มากขึ้นทุกที ความเชื่อถือมีมากขึ้น ก็กลายเป็นว่ามาอยู่กันเต็มวัดอย่างที่เห็นกันตอนนี้

    บุคคลที่รับยันต์เกราะเพชรไปต้องรักษาเอาไว้ให้ได้ วิธีรักษาก็คือภาวนานึกถึงพระ นึกถึงยันต์ไว้ทุกวัน โดยเฉพาะช่วงเช้า ๆ ถ้าภาวนา อิติปิ โสฯ ๓ ห้อง ๓ จบได้ยิ่งดี ถ้าไม่ได้อย่างน้อยก็ "พุทโธ..พุทโธ" เอาไว้ พอกำลังใจทรงตัวแล้วกลืนน้ำลายลงไป อานุภาพยันต์เกราะเพชรจะรักษาได้ตลอดเวลาในวันนั้น
     
  7. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,205
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,514
    ค่าพลัง:
    +26,347
    คราวนี้ถ้าหากว่าเราจะรักษายันต์เกราะเพชร นอกจากภาวนาไว้ทุกเช้าแล้ว ยังต้องรักษาศีลให้ได้อย่างน้อย ๒ ข้อ ก็คือต้องไม่ลักขโมยคนอื่น และไม่ดื่มสุราหรือเสพยาเสพติด ญาติโยมจะเห็นว่าโบราณาจารย์ท่านมีความฉลาดมาก ก็คือให้เรารักษาศีลด้วยการไม่ขโมย ไม่ดื่มสุราเมรัย เจริญสมาธิด้วยการภาวนานึกถึงยันต์เกราะเพชรไว้ทุกเช้า ถ้าเราเองมีความฉลาดมากกว่านั้นว่า ยันต์เกราะเพชรคือบารมีพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าไม่อยู่ที่ไหนนอกจากพระนิพพาน ก็เอาจิตเกาะพระนิพพานไว้ เป็นการใช้ทั้งศีล สมาธิ และปัญญาโดยสมบูรณ์พร้อม

    บุคคลที่รักษายันต์เกราะเพชรเอาไว้ได้ จะไม่เป็นอันตรายด้วยไสยศาสตร์ อาตมภาพเองเคยโดนเสียเกือบตาย ไปถามหลวงพ่อฤๅษีฯ ว่า "ไหนหลวงพ่อว่าไม่เป็นอันตรายเพราะไสยศาสตร์ ทำไมผมโดนเต็ม ๆ เลย ?" ท่านบอกว่า "คำว่าไม่เป็นอันตรายก็คือจะไม่ตายด้วยไสยศาสตร์ ไสยศาสตร์เหมือนกับไฟ ยันต์เกราะเพชรเหมือนผนังกั้นไว้ แต่ถ้าไฟกองใหญ่มาก ความร้อนก็มาถึงอยู่ดี เพียงแต่ว่าเปลวไฟนั้นทำอันตรายเราไม่ได้"

    ด้วยความที่ยันต์เกราะเพชรนั้นเป็นคู่ปรับของไสยศาสตร์ ก็คือใครตั้งใจจะทำไสยศาสตร์ใส่เรา หรือใส่ผู้ที่รับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว เขาตั้งใจจะให้เราลำบากเดือดร้อนเท่าไร ยันต์เกราะเพชรจะสะท้อนผลนั้นกลับไป คนทำจะลำบากเดือดร้อนเองเท่านั้น หลายต่อหลายรายโดนไปจนเข็ดไปตาม ๆ กัน

    ข้อต่อไปก็คือจะไม่ตายโหง อย่างที่ครูบาแก้ว สนฺติโก เจ้าอาวาสวัดท่าช้าง สปป.ลาวท่านเล่ามาให้ฟัง ลูกศิษย์ตกจากหลังคาโบสถ์มาประมาณ ๖ เมตร ไม่มีเครื่องป้องกันอะไร วัตถุมงคลอะไรก็ไม่มี นอกจากเคยรับยันต์เกราะเพชรที่ประเทศลาว ตอนที่วัดท่าขนุนจัดงานเป่ายันต์เท่านั้น ไม่มีอันตรายอะไรแม้แต่นิดเดียว ลุกขึ้นทำงานต่อได้เลย..!
     
  8. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,205
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,514
    ค่าพลัง:
    +26,347
    อีกข้อหนึ่งก็คือจะไม่ตายด้วยพิษของสัตว์มีพิษ ไม่ว่าจะงูกัด แมงป่องต่อย ตะขาบกัด ต่อต่อย เป็นต้น พิษสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้นจะโดนจำกัดเขตอยู่ ถ้าโดนในระหว่างข้อไหนของร่างกาย ก็จะไม่เกินข้อนั้นขึ้นมา แต่ว่าน่าเสียดายตรงที่ว่ายังเจ็บอยู่เหมือนเดิม..!

    อาตมภาพโดนงูกะปะกัด พิษวิ่งปวดเป็นเส้นขึ้นมา ปวดชนิดอยากจะดิ้นร้องโอดโอยไปเลย แต่ก็ใช้วิธีทนเอา โดนกัดที่ข้อมือพอขึ้นมาถึงข้อศอกก็ยันอยู่ตรงนั้น ขึ้นต่อไม่ได้ แล้วก็เลื่อนกลับไปที่รอยแผล หลังจากนั้นก็พยายามวิ่งขึ้นมาใหม่ ยันกันไปยันกันมาอยู่ ๓ - ๔ รอบ ก็หายไปเฉย ๆ แม้ทุกวันนี้ก็ยังมีรอยเขี้ยวงูกะปะอยู่ที่ชีพจรมือซ้ายเห็น ๆ อยู่เต็ม ๔ เขี้ยวเลย ใครอยากดูมาขอดูได้..!

    เมื่อเรารับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว ถ้าหากว่าเป็นผู้หญิงมีท้องมารับไปแล้วเป็นลูกคนแรก ถ้าคลอดออกมาเป็นผู้ชายจะมียันต์ติดตัวมาด้วย ถ้าเป็นลูกผู้หญิง หรือว่าเป็นผู้ใหญ่ก็จะไปพิสูจน์กันได้ตอนตายแล้ว ก็แปลว่าตายแล้วเผา ถึงจะเห็นว่ามียันต์ติดอยู่ที่กระดูกหรือเปล่า ?

    ส่วนที่ต้องระมัดระวังที่สุดก็คืออาหารที่มีส่วนผสมของเหล้า อาตมภาพเจอมาช็อกโกแล็ตไส้บรั่นดี ทั้งท็อปปิ้งเชอรี่แช่บรั่นดี แล้วก็แม้กระทั่งไอศกรีมรัมเรซิ่น คนถวายมันไม่รู้ว่ารัมคือเหล้า อาตมภาพเปิดขึ้นมาบอก "เฮ้ย..เหล้า..!" เขาว่า "ไม่ใช่..นี่คือรัมเจ้าค่ะ" ถามว่า "เอ็งรู้ไหมว่ารัมคือเหล้าเถื่อนของฝรั่ง ?" ดังนั้น..เราต้องระวังกันเอง ถ้ากินเข้าไปเท่ากับเราละเมิดข้อห้าม ก็จะทำให้ยันต์สลายตัวไป อาตมภาพแก่จนปานนี้แล้ว ไม่ทราบว่าจะมีเวลาเป่ายันต์ไปได้อีกกี่ครั้ง

    ถ้ารักษาเอาไว้ได้แล้วภาวนาไว้ทุกวัน เราจะมีเครื่องป้องกันตัวชั้นดี ถ้าญาติโยมสงสัยว่าป้องกันอย่างไร ? อาตมภาพเคยเกิดอุบัติเหตุรถยนต์บ่อยมาก บางครั้งถึงขนาดเขาต้องมางัด มาแงะ มาตัด มาถ่างเอาออกจากรถมา ก็ไม่ได้เป็นอะไรเลย จะบอกว่าเป็นอานุภาพยันต์เกราะเพชร ก็กลัวญาติโยมจะกำลังใจดีเกินไป ลองไปบวกกับ ๑๘ ล้อดู..! ลูกศิษย์อาตมภาพคนหนึ่งตายคาที่ ทั้งตัวไม่มีรอยแผลอะไรเลยแต่ตาย ก็แปลว่า
    ถ้าของหนักเกินไปก็รับไม่ไหวเหมือนกัน
     
  9. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,205
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,514
    ค่าพลัง:
    +26,347
    พระที่รับไปบรรจุผงสังฆาฏิสุดยอดพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบถึง ๒๒ รูป ไม่มีใครทำได้ดีกว่านี้อีกแล้ว รักษาไว้ให้ดี ติดตัวแล้วพยายามอาราธนาไว้ทุกวัน คำว่าอาราธนาแปลว่าร้องขอ แต่ความจริงก็คือเรานึกถึงท่านเอาไว้

    ธูปเทียนที่มีอยู่สำคัญมาก เพราะว่าสามารถใช้ในลักษณะของมีดหมอก็ได้ เจอใครโดนผีเจ้าเข้าสิงหรือถูกคุณถูกของมา ว่าคาถานะโมพุทธายะ ขอบารมีพระพุทธเจ้าท่านขับไล่ถอดถอนได้ ถ้าจะไล่ของก็ใช้วิธีเคาะจากข้างบนไล่ลงปลายเท้า แต่ว่าอย่าให้คนไปอยู่ด้านปลายมือปลายเท้า เพราะว่าอาจจะโชคดี รับช่วงต่อไปก็ได้..!
     
  10. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,205
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,514
    ค่าพลัง:
    +26,347
    ท่านใดระหว่างรอรับยันต์รอบบ่ายโมง จะขึ้นไปกราบรอยพระพุทธบาทวัดท่าขนุน ก็เดินออกประตูใหญ่หน้าวัด เยื้องซ้ายมือหน่อยเป็นถนนของเทศบาลตำบลท่าขนุน เดินตรง ๆ จะเห็นทางขึ้นรอยพระพุทธบาท เป็นบันไดมาตรฐาน ๑,๑๗๓ ขั้น ถ้าระดับความสูงก็แค่ ๘๙๑ เมตรเท่านั้น แต่ด้วยความที่เราวิ่งตรง ๆ ไม่ได้ ใช้วิธีหักเลี้ยวไปมาเพื่อที่จะลดระดับให้เตี้ยที่สุด ญาติโยมจะได้ไม่ต้องเดินมาก หรือว่าเดินลำบาก ก็ได้เป็นบันได ๑,๑๗๓ ขั้น คนทั่วไปถ้าแข็งแรงชั่วโมงหนึ่งก็ถึง อาตมภาพเดิน ๑๘ นาทีเท่านั้น..!

    หรือจะขึ้นไปกราบพระบรมสารีริกธาตุบนยอดเขาพระพุทธเจติยคีรี บันไดแค่ ๓๙๐ กว่าขั้นเท่านั้น ขึ้นไปสามารถเห็นทิวทัศน์ทองผาภูมิทั้งอำเภอ

    หรือใครจะไปจับจ่ายใช้สอยที่ตลาดริมแควเมืองท่าขนุน ก็เดินข้ามสะพานแขวนหลวงปู่สายไปทางหลังวัด ซึ่งถ้าหากว่าทำเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว ตัวสะพานกับตลาดจะเชื่อมเป็นส่วนเดียวกัน แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ทำ สะพานก็เลยยังแยกส่วนกับทางด้านตลาดอยู่
     
  11. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,205
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,514
    ค่าพลัง:
    +26,347
    ขอเจริญพรขอบคุณท่านเจ้าของโรงทานทุกร้าน บางท่านก็มาตั้งกัน ๒ ร้าน ๓ ร้านเลย อย่างป้าสุรีย์ก็มีข้าวเหนียวลาบหมู ลูกชายก็เอากาแฟโรดดริปเปอร์มา ใครอยากจะกินกาแฟอร่อยไปรับได้ที่โรงทาน เจ้าของร้านสู้แค่หมดตัว แต่ดูท่าจะหมดยาก เพราะว่าเขาเตรียมเมล็ดกาแฟมาเป็นกระสอบ บดตรงนั้น ชงตรงนั้นเลย..!
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...