ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. greatmans

    greatmans เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +1,131
    เรียนท่านผู้อ่านทุกท่านทราบโดยเฉพาะแถว 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โปรดระวังเหตุใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆนี้ โปรดระวังภัยจากแผ่นดินไหวอาจจะเกิดขึ้นมาอีก และสุดท้ายผมขอขอบคุณกรมชลประทานที่มีการเตรียมพร้อมรับมือภัยน้ำท่วม อีกทั้งคุณอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่า กทม. ที่ตื่นตัวเรื่องภัยน้ำท่วมกรุงเทพฯ หวังว่าทุกหน่วยงานคงจะรับมือไหวและกรุงเทพฯคงจะรอดพ้นภัยจากน้ำท่วมนะครับ วันนี้ผมเป็นไข้หวัดใหญ่งอมแงมและขอพักผ่อนก่อนนะครับ / ขอบคุณ

    http://www.mornid.com/home.php


    หมอนิดทำนายค่อนข้างแม่นทุกเหตุการณ์เลยนะครับตามที่ติดตาม ยังไงก็ระวังหน่อยล่ะกันเด้อพี่น้อง
     
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    นอสตราดามุสเคยทำนายหายนะจาก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ตุลาคม 2007
  3. ปทุมารียา

    ปทุมารียา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2005
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +363
    ไฟล์เกี่ยวกับ คำทำนายภัยพิบัติโลก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 12_GE.zip
      ขนาดไฟล์:
      2.2 MB
      เปิดดู:
      665
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ตำนานละแวก


    <DD>[SIZE=-1]ต้นฉบับตำนานละแวกนี้ เป็นของวัดศรีพิงค์เมือง (วัดศรีปิงเมือง) ต.หายยา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ จำนวน ๑ ผูก ความยาว ๖๒ หน้า คัดลอกโดยมหาวันภิกขุ เมื่อพ.ศ. ๒๔๒๓ ตรงกับ จ.ศ.๑๒๔๒ ปีกดสะง้า เดือน ๑๒ แรม ๙ ค่ำ วัน ๓ สรุปใจความได้ดังนี้[/SIZE] <DD> <DD><DD>[SIZE=-1]ในสมัยที่พระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่นั้น ทรงทำนายเหตุการณ์ในอนาคตไว้ที่เมืองละแวก เมื่อเสด็จมาถึงเมืองแห่งนี้ พญานาคได้มาอุปัฏฐาก จึงทำนายว่า สถานที่ดังกล่าวนี้จะเป็นที่ตั้งของพระพุทธศาสนา พระอานนท์จึงขอเอาพระเกศาธาตุบรรจุไว้ที่นี่ พระพุทธองค์ทรงมอบพระเกศาธาตุให้จำนวน ๕ เส้น จากนั้นพระอินทร์ พระพรหม ครุฑ นาค และพญาเจ้าเมืองละแวก จึงก่อเจดีย์ขึ้นเป็นจำนวน ๕ องค์ สำหรับเป็นเครื่องหมายของศาสนา ๕ พันปี[/SIZE] <DD> <DD><DD>[SIZE=-1]ครั้นเมื่อพระพุทธองค์นิพพานไปแล้ว ๒๒ ปี พญาอโสกธัมมิกราชได้มาบูรณปฏิสังขรณ์เจดีย์ดังกล่าวให้เจริญรุ่งเรือง โดยก่อกำแพงแก้วรอบบริเวณพร้อมทั้งติดแผ่นทองจังโกทุกองค์เจดีย์ ส่วนเมืองละแวกแห่งนั้นมีบริเวณกว้าง ๓ พันวา ยาว ๒ พันวา กำแพงเมืองก่อด้วยหินหนา ๖ พันวา สูง ๔ พันวาคูเมืองลึก ๗ วา สำหรับบริเวณที่สร้างเจดีย์ ๕ องค์กว้าง ๓๐๐ วา ฐานเจดีย์องค์หนึ่งกว้าง ๑๔ วา สูง ๒๐ วา แต่ละเจดีย์มีซุ้มพระพุทธรูปทั้ง ๔ ด้าน เหมือนกันหมดทุกองค์[/SIZE] <DD> <DD><DD>[SIZE=-1]เจดีย์ทั้ง ๕ องค์ดังกล่าวนี้ พระพุทธองค์ให้สร้างไว้เพื่อเป็นเครื่องหมายทางศาสนา หากเจดีย์จมพื้นดินลงไป ๑ องค์ เท่ากับศาสนาพ้นไปแล้ว ๑ พันปี จนกว่าจะครบ ๕ พันปี เจดีย์ทั้งหมดจึงจะหายไปในที่สุด เจดีย์ดังกล่าวนี้มีผู้อุปัฏฐากดูแลคือ ภิกษุ ๕๐๐ องค์ สามเณร ๕๐๐ รูป คฤหัสถ์ ๕๐๐ คน[/SIZE] <DD> <DD><DD>[SIZE=-1]ในช่วงระยะเวลาระหว่างพุทธศาสนา ๕ พันปีนั้น จะมีพญาธัมมิกราชเกิดมาจำนวน ๕ องค์โดยมีช่วงเวลาครั้งละ ๑ พันปื สำหรับพญาธัมมิกราชองค์ที่ ๓ ที่จะเกิดมาในระหว่างพุทธศาสนาได้ ๓ พันปีนั้น(พ.ศ.2001-3000) จะเกิดมาในขณะที่บ้านเมืองเดือดร้อนวุ่นวาย ผู้คนไม่มีศีลธรรม เกิดมีการรบพุ่งฆ่าฟันกันไปทั่ว [/SIZE]<DD> <DD><DD>[SIZE=-1]ก่อนที่จะมีพญาธัมมิกราชเกิดขึ้นนั้น ท้องฟ้าจะมืดมิดเป็นเวลา ๗ วัน ครั้นถึงวันที่ ๘ ท้องฟ้าจึงจะสว่างสดใส เทวบุตรจะนำเอาเครื่องสูง ๕ ประการมาทำพิธีราชาภิเษกโดยมีนางฟ้าและพระฤาษีมาร่วมพิธีด้วย รวมทั้งข้าทาสบาทบริจาริกาจำนวนหนึ่งหมื่นหกพันนางจากอุตรกุรุทวีป[/SIZE] <DD> <DD><DD>[SIZE=-1]เมื่อเสร็จพิธีราชภิเษกแล้ว ปราสาท ๓ หลังจะผุดขึ้นมาจากพื้นดิน แต่ละหลังทำด้วยทองคำ แก้วและเงิน พญาธัมมิกราชองค์นั้นได้เสวยราชสมบัติในเมืองฝาง ในราชสำนักจะมีบุรุษผู้ประเสริฐ จำนวน ๖ คน พญาธัมมิกราชจะขุดเอาข้าวของเงินทองจากพื้นดินมาบูรณะบ้านเมืองและแจกจ่ายเป็นทานแก่คนทั่วไป หลังจากนั้นจึงได้ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้มีความเจริญรุ่งเรืองสืบต่อไป[/SIZE] <DD> <DD>
    ที่มาhttp://www.lannaworld.com/story/legend/lawak.htm
    </DD>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ตุลาคม 2007
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    มาช่วยกันค้นหาเมือง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ตุลาคม 2007
  6. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** เดาใจ...นอสตราดามุส ****

    อดีต
    อยู่ฝรั่งเศส
    มองเห็นอนาคต...เห็นความจริงที่จะเกิดในอนาคต
    มองเห็นการกระทำในสังคมเสื่อมทราม....มองเห็นกรรมในอนาคต
    และ มองเห็นการมา...ของ สิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดในจักรวาล
    มองเห็น...บุรุษที่จะนำคำสอนมาโปรดนำสัตว์หลุดพ้น
    เขาจึงบันทึกสิ่งที่เห็น....เพื่อประโยชน์ในอนาคต
    นอสตราดามุส...อธิษฐานขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์
    ขอให้มาเกิดในยุค....ที่บุรุษผู้นี้มาปรากฏ
    ขอให้พบ...หลักสัจจะธรรมความจริง
    ขอให้พบ....บุรุษผู้วิเศษที่เห็น
    ขอให้ได้....เรียนรู้ความจริง
    ขอให้...มวลมนุษย์พ้นภัย

    - " หนมาน ผู้นำสาร "
     
  7. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** ศตวรรษ ๑ โคลงที่ ๒๕ ****

    *** เมกกะ กับ สัจจะธรรม ****

    Vous verrez tost & tard faire grand change ,
    Horreurs extresmes & vindications :
    Que si la lune conduicte par son ange ,
    La ciel s
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ตุลาคม 2007
  8. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** ศตวรรษ ๑ โคลงที่ ๕๓ ****

    *** นอสตราดามุส ไม่เข้าใจศรัทธาใหม่ที่เห็น ****

    Las qu
     
  9. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** ศตวรรษ ๑ โคลงที่ ๔๕ ****

    *** นิกายหลงทางหลงกรรม ****

    Secteur de sects grand paine au delateur ,
    Beste en theatre , dresse le jeu scenique ,
    Du faict antique ennobly l
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ตุลาคม 2007
  10. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** ไม่หลงทาง ****

    อย่านำเรื่องบุญ
    มาหลอกให้เขาและเธอ ...หลงใหลบุญ
    เพราะจะพาได้บาปทั้งหมด
    จึงต้องรีบกลับตัวกลับใจใหม่
    กรรมกำลังมาถึง

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ตุลาคม 2007
  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เตือนภัยคน กทม.
    โดยคุณ marine24<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_523690", true); </SCRIPT>

    [​IMG]


    เคยเห็นตอนนั่งสมาธิ ว่า กทม.มีน้ำไหลบ่าท่วมไปหมด ต้องขี่จักรยานลุยน้ำไป แต่ไม่รู้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร พออีกครั้งก็จะเห็นเป็นผู้คนหอบลูกจูงหลาน แบกหามสัมภาระ เดินตามกันไปเป็นขบวนแบบไร้จุดหมาย สภาพภูมิประเทศที่แห้งแล้งกันดารเป็นสภาพพื้นที่ ที่ไร้ต้นไม้เหมือนภาคอีสานในยามหน้าแล้ง

    ที่มา http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=74497&page=3


    <!-- / message -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    ราชบัณฑิตเตือนพิษปลาปักเป้าแรงกว่าไซยาไนต์

    โดยทีมข่าว INN News 03 ตุลาคม 2550 15:53:43 น.





    ราชบัณฑิตสาขาวิชาการประมง เตือนรังไข่ของปลาปักเป้ามีพิษร้ายแรงกว่าไซยาไนต์ และทนความร้อนได้ 200 องศาเซลเซียส จี้กรมประมงเร่งให้ข้อมูลประชาชน ประกาศห้ามบริโภคเด็ดขาด หากพบต้องเร่งทำลาย

    ศ.ดร.เปี่ยมศักดิ์ เมนะเศวต ราชบัณฑิต สำนักวิทยาศาสตร์ประเภทวิชาวิทยาศาสตร์ประยุกต์ สาขาวิชาการประมง กล่าวว่า ปลาปักเป้าที่พบบ่อยในไทยมีปลาปักเป้าลาย และปลาปักเป้าดำ ซึ่งสารพิษในปลาปักเป้า เกิดจากเชื้อแบคทีเรียของแพลงตอน และซากพืช ซากสัตว์ที่ปลาปักเป้ากินเป็นอาหาร ซึ่งพิษมี 2 ชนิดด้วยกัน คือ Tetrotoxin และ Saxitoxin แต่พิษของ Tetrotoxin จัดเป็นสารพิษที่มีความรุนแรงมากที่สุด ส่งผลต่อระบบประสาท ทำให้กล้ามเนื้ออัมพาต และเสียชีวิตได้ในที่สุด พบพิษมากในรังไข่ โดยพิษของปลาปักเป้า 1 ตัว สามารถฆ่าคนได้ถึง 30 คน และพิษยังมีความรุนแรงสูงกว่าไซยาไนต์ถึง 1,200 เท่า และสามารถทนความร้อนได้ถึง 200 องศาเซลเซียส สาเหตุที่พบปลาปักเป้ามาก คาดว่าติดมากับการลากอวนในน้ำลึก และปัญหาสิ่งแวดล้อมทำให้บริมาณปลาปักเป้ามีจำนวนมากขึ้น ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกัน กรมประมงควรมีการแจ้งเตือนประชาชนให้ทราบถึงพิษ และประกาศห้ามรับประทานอย่างเด็ดขาด พร้อมกับทำการแจ้งเตือนเมื่อถึงฤดูกาลที่ต้องเฝ้าระวัง หากพบมีปลาติดมากับอวนชาวประมงต้องทำลายทันที และจัดให้มีการฝึกอบรมการชำแหละอย่างถูกต้องในกรณีใช้บริโภค

    ศ.ดร.ทศพร วงศ์รัตน์ ราชบัณฑิตสำนักวิทยาศาสตร์ ประเภทวิชาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ สาขาวิชาสัตววิทยา กล่าวว่า ปลาปักเป้าทุกชนิดจัดอยู่ในประเภทปลามีพิษ ในประเทศไทยพบมีปลาปักเป้า 10 ชนิดและมีวัฒนธรรมทางพันธุกรรมที่ยาวนานที่สุดก่อนคนไทยและประเทศไทย พิษของปลาปักเป้าอยู่ที่บริเวณผิวหนัง ตับ ลำไส้ และมีพิษร้ายแรงอยู่ที่บริเวณรังไข่ พบมากในช่วงฤดูกาลวางไข่ สาเหตุที่มีการรับประทานปลาปักเป้าในญี่ปุ่นนั้น เนื่องจากพิษในปลาปักเป้าสำหรับคนญี่ปุ่นแล้วเปรียบเสมือนเครื่องเทศของช่องปาก อีกทั้งญี่ปุ่นมีมาตรฐานการชำแหละที่ดี มีการจัดอบรมผู้ชำแหละปลาปักเป้าโดยเฉพาะ สำหรับประเทศไทยแล้วยังขาดการอบรม ระมัดระวัง มีการลักลอบจำหน่าย ไม่มีการแจ้งให้ผู้บริโภคทราบว่า เนื้อปลาที่บริโภคนั้นเป็นเนื้อปลาปักเป้า ผิดกับญี่ปุ่นที่ผู้บริโภคทราบว่า สิ่งที่บริโภคคือเนื้อปลาอะไร นอกจากนี้ จากการศึกษายังพบว่าพิษของปลาเป้าสามารถซึมผ่านผิวหนังของผู้ชำแหละได้ หากมีการชำแหละปลาเป็นเวลานาน และไม่มีการป้องกัน ดังนั้น ไม่ทราบว่าในจังหวัดสมุทรสาคร มีรายงานพบเรื่องดังกล่าวหรือไม่
     
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ยูเอ็นเตือนพม่าเผชิญสภาวะขาดแคลนอาหารซ้ำเติมวิกฤติการเมือง

    [​IMG]

    กรุงเทพฯ 3 ต.ค.
     
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ เกษม [​IMG]

    พระศรีอารย์ในช่วงกึ่งพุทธกาล

    ตามตำนานพระศรีอาริย์จุติ ได้กล่าวเอาไว้ว่า เมื่อพระศรีอาริย์ได้เข้าพิธีอุสสาราชาภิเษกแล้ว พระอินทร์จะมาเนรมิตปราสาท 3 หลังให้พระศรีอาริย์ พร้อมทั้งเนรมิตพระนครใหม่ มีบ้านเรือน 36 ล้านหลังให้ภายในพระนครใหม่นั้น ซึ่งตามตำนานกล่าวเอาไว้ว่าอยู่ที่เมืองเชียงใหม่ของประเทศไทยเรานี่เอง
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    เรื่องของพระศรีอารย์ในช่วงกึ่งพุทธกาลนี้ ผมทราบดีว่าเป็นเรื่องที่คนในยุคสมัยนี้ ยากจะเชื่อว่ามันจะเป็นไปได้ พระอินทร์จะมาเนรมิตปราสาท 3 หลังให้จริงหรือ และจะมาเนรมิตเมืองใหม่ที่มีบ้านเรือนตั้ง 36 ล้านหลังได้จริงหรือ ฟังดูเหมือนเป็นนิทานที่เล่าให้เด็กฟังก่อนนอน อะไรประมาณนั้น

    ผมจึงขออนุญาตยกเรื่องของ"พระโชติกะเถระ" ตามที่มีปรากฎอยู่ในพระไตรปิฎก เป็นหลักฐานยืนยันว่า เรื่องที่พระอินทร์มาเนรมิตปราสาทให้ผู้มีบุญนั้นเป็นเรื่องจริง ในสมัยพุทธกาลก็เคยเกิดปรากฎการณ์เช่นนี้มาก่อนแล้ว ในพระไตรปิฎกก็มีบันทึกยืนยันไว้เป็นหลักฐานดังนี้


    <CENTER><BIG>อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท พราหมณวรรคที่ ๒๖</BIG> <CENTER class=D></CENTER></CENTER>
    หน้าต่างที่ ๓๓ / ๓๙.


    <CENTER>เรื่องพระโชติกเถระ [๒๙๖]</CENTER><CENTER>ข้อความเบื้องต้น</CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER>
    พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเวฬุวัน ทรงปรารภพระโชติกเถระ ตรัส<WBR>พระ<WBR>ธรรม<WBR>เทศนา<WBR>นี้ว่า "โยธ ตณฺหํ" เป็นต้น. (ผมขออนุญาตตัดตอนเนื้อหาบางส่วนเพื่อไม่ให้เนื้อเรื่องยาวเกินไป)



    <CENTER>อปราชิตกุฎุมพีเกิดเป็นโชติกเศรษฐี </CENTER>

    กุฎุมพีนั้นทำบุญทั้งหลายจนตลอดอายุอย่างนั้นแล้ว เคลื่อนจากอัตภาพนั้น บังเกิดในเทวโลก ท่องเที่ยวไปในเทวโลกและมนุษยโลกตลอดกาลประมาณเท่านั้น ในพุทธุปบาทกาลนี้ ถือปฏิสนธิในตระกูลเศรษฐีตระกูลหนึ่ง ในกรุงราชคฤห์ อยู่ในท้องของมารดาตลอด ๙ เดือนครึ่ง. ​

    ก็ในวันที่กุฎุมพีนั้นเกิด สรรพอาวุธทั้งหลายในพระนครทั้งสิ้นรุ่งโรจน์แล้ว. แม้อาภรณ์ทั้งหลายที่สวมกาย<SUP>๑-</SUP> ของชนทั้งปวง เป็นราวกะว่ารุ่งโรจน์ เปล่งรัศมีออกแล้ว. พระนครได้รุ่งโรจน์เป็นอันเดียวกัน. แม้เศรษฐีก็ได้ไปสู่ที่บำรุงพระราชาแต่เช้าตรู่. ​

    ครั้งนั้น พระราชาตรัสถามเศรษฐีนั้นว่า "วันนี้ สรรพอาวุธทั้งหลายรุ่งโรจน์แล้ว, พระนครก็รุ่งโรจน์เป็นอันเดียวกัน ท่านรู้เหตุในเรื่องนี้ไหม?"
    เศรษฐี. ข้าแต่สมมติเทพ ข้าพระองค์ทราบ.
    พระราชา. เหตุอะไร? เศรษฐี.
    เศรษฐี. ทาสของพระองค์เกิดในเรือนของข้าพระองค์, ความรุ่งโรจน์นั้นได้มีแล้วด้วยเดชแห่งบุญของเขานั่นแหละ.
    พระราชา. เขาจักเป็นโจรกระมัง?
    เศรษฐี. ข้าแต่สมมติเทพ ข้อนั้นไม่มี, สัตว์มีบุญได้ทำอภินิหารไว้แล้ว.
    พระราชาทรงตั้งทรัพย์ค่าเลี้ยงดูวันละพัน ด้วยพระดำรัสว่า "ถ้ากระนั้น เธอเลี้ยงเขาไว้ให้ดีจึงจะควร นี้จงเป็นค่าน้ำนมสำหรับเขา." ครั้นในวันเป็นที่ตั้งชื่อ ชนทั้งหลายจึงตั้งชื่อของเขาว่า "โชติกะ" นั่นแหละ เพราะพระนครทั้งสิ้นรุ่งโรจน์เป็นอันเดียวกัน.
    ต่อมา ในเวลาที่เขาเติบโตแล้ว เมื่อภาคพื้นอันเขาลงชำระอยู่ เพื่อ<WBR>ต้อง<WBR>การ<WBR>ปลูก<WBR>เรือน ภพของท้าวสักกะ<WBR>แสดงอาการร้อนแล้ว​

    ท้าวสักกะเสด็จมานิรมิตสมบัติให้โชติกเศรษฐี

    ท้าวสักกะทรงใคร่ครวญดูว่า "นี้เหตุอะไรหนอแล?" ทรงทราบว่า "ชน<WBR>ทั้งหลาย<WBR>กำลัง<WBR>จับ<WBR>จอง<WBR>ที่<WBR>ปลูก<WBR>เรือน<WBR>เพื่อโชติกะ" ทรงดำริว่า "โชติกะนี้ จักไม่อยู่ในเรือนที่ชนเหล่านั่นทำแล้ว, การที่เราไปในที่นั้น ควร" แล้วเสด็จไปที่นั้นด้วยเพศแห่งนายช่างไม้ ตรัสว่า "พวกท่านทำอะไรกัน?"

    เหล่าชน. พวกฉันจับจองที่ปลูกเรือน สำหรับโชติกะ.

    ท้าวสักกะตรัสว่า "พวกท่านจงหลีกไป, โชติกะนี้จักไม่อยู่ในเรือนที่พวกท่านปลูก" แล้วทอดพระเนตรดูภูมิประเทศประมาณ ๑๖ กรีส.

    ภูมิประเทศนั้นได้เป็นที่สม่ำเสมอในทันใดนั้นนั่นเอง ดุจวงกสิณ. ท้าวเธอทรงดำริอีกว่า "ขอปราสาท ๗ ชั้นสำเร็จด้วยแก้ว ๗ ประการ จงชำแรกแผ่นดินผุดขึ้น ณ ที่นี้" แล้วทอดพระเนตรดู. ปราสาท (เห็นปานนั้น) ผุดขึ้นแล้วในขณะนั้นนั่นเอง. ท้าวสักกะทรงดำริอีกว่า "ขอกำแพง ๗ ชั้น ที่สำเร็จด้วยแก้ว ๗ ประการ จงผุดขึ้นแวดล้อมปราสาทนี้" แล้วทอดพระเนตรดู. กำแพงเห็นปานนั้นผุดขึ้นแล้ว.

    ครั้งนั้น ท้าวเธอทรงดำริว่า "ขอต้นกัลปพฤกษ์ทั้งหลาย จงผุดขึ้นในที่สุดรอบกำแพงเหล่านั้น" แล้วทอดพระเนตรดู. ต้นกัลปพฤกษ์ทั้งหลายเห็นปานนั้น ผุดขึ้นแล้ว. ท้าวเธอทรงดำริว่า "ขุมทรัพย์ ๔ ขุม จงผุดขึ้นที่มุมทั้ง ๔ แห่งปราสาท" แล้วทอดพระเนตรดู. ทุกสิ่งได้มีอย่างนั้นเหมือนกัน.

    ก็บรรดาขุมทรัพย์ทั้งหลาย ขุมทรัพย์ขุมหนึ่งได้มี<WBR>ประมาณ<WBR>โยชน์<WBR>หนึ่ง, ขุม<WBR>หนึ่ง<WBR>ได้<WBR>มี<WBR>ประมาณ ๓ คาวุต, ขุมหนึ่งได้มีประมาณกึ่งโยชน์, ขุมหนึ่งได้มีประมาณคาวุตหนึ่ง, ที่ซุ้มประตูทั้ง ๗ ยักษ์ ๗ ตน ยึดการรักษาไว้แล้ว. ในซุ้มประตูที่ ๑ ยักษ์ชื่อยมโมลีพร้อมด้วยยักษ์พันหนึ่งที่เป็นบริวารของตน ยึดการรักษาไว้แล้ว, ที่ซุ้มประตูที่ ๒ ยักษ์ชื่ออุปปละพร้อมด้วยยักษ์ที่เป็นบริวารของตน ๒ พัน ยึดการรักษาไว้แล้ว, ที่ซุ้มประตูที่ ๓ ยักษ์ชื่อวชิระพร้อมด้วยยักษ์ที่เป็นบริวารของตน ๓ พัน ยึดการรักษาไว้แล้ว, ที่ซุ้มประตูที่ ๔ ยักษ์ชื่อวชิรพาหุพร้อมด้วยยักษ์ที่เป็นบริวารของตน ๔ พัน ยึดการรักษาไว้แล้ว, ที่ซุ้มประตูที่ ๕ ยักษ์ชื่อสกฏะพร้อมด้วยยักษ์ที่เป็นบริวารของตน ๕ พัน ยึดการรักษาไว้แล้ว, ที่ซุ้มประตูที่ ๖ ยักษ์ชื่อสกฏัตถะพร้อมด้วยยักษ์ที่เป็นบริวารของตน ๖ พัน ยึดการรักษาไว้แล้ว, ที่ซุ้มประตูที่ ๗ ยักษ์ชื่อทิสามุขะพร้อมด้วยยักษ์ที่เป็นบริวารของตน ๗ พัน ยึดการรักษาไว้แล้ว. ทั้งภายในและภายนอกแห่งปราสาท ได้มีการรักษาอย่างมั่นคงแล้ว ด้วยอาการอย่างนี้. ​

    ที่มา http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25.0&i=36&p=33
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ตุลาคม 2007
  15. จักรพนธ์

    จักรพนธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    373
    ค่าพลัง:
    +4,622
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom background=images/brkn_red_midtop.gif>ประจำวันที่ 3 ตุลาคม 2550
    [​IMG]
    [​IMG][​IMG]<!--[​IMG]-->[​IMG][​IMG]</TD><TD width=8>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD width=1 bgColor=#000000>[​IMG]</TD><TD bgColor=#dddddd><!-- CONTENT --><TABLE height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="96%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD width="85%">
    <!--<TABLE width=501 cellpadding=0 cellspacing=0 align=center border=0>--><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><!--<TD width=1 bgcolor="#000000">[​IMG]</TD>--><TD width=468 bgColor=#dddddd>[​IMG]
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=10 width="96%" align=center border=0><TBODY><TR><TD height=70>พระพม่าจำนวนมากพยายามหนีออกจากย่างกุ้ง </TD></TR><TR><TD vAlign=top bgColor=#ededed>21:07 น. สำนักข่าว BBC รายงานว่า พระสงฆ์พม่าจำนวนมาก พยายามที่จะหนีออกจากย่างกุ้ง หลังเกิดเหตุการณ์ทหารใช้กำลังเข้ากวาดล้างผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลจนกลายเป็นเหตุนองเลือด ผู้เห็นเหตุการณ์ เปิดเผยว่า พระสงฆ์จำนวนมาก ไปรวมกันอยู่ที่สถานีรถไฟ ขณะที่คนขับรถประจำทางไม่ยอมให้รับพระสงฆ์ขึ้นรถ เพราะกลัวจะไม่ได้รับการอุดหนุนเชื้อเพลิง นอกจากนี้ มีรายงานว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา มีคนถูกจับเพิ่มอีก หลังมีการจับกุมไปก่อนหน้านี้แล้วหลายร้อยคน มีรายงานว่า พระสงฆ์หลายร้อยรูป ที่นำการประท้วง ได้ถูกจับกุม ขณะที่แหล่งข่าวระบุว่า พระสงฆ์เหล่านี้ ถูกส่งไปยังเรือนจำห่างไกลทางเหนือของประเทศ ขณะที่อีกประมาณ 25 รูปถูกกองกำลังรักษาความมั่นคงบุกจู่โจมเข้าจับกุมถึงในวัดเมื่อคืนที่ผ่านมา ผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า มีพระสงฆ์จำนวนมาก ติดอยู่ที่สถานีขนส่งหลายแห่ง เพราะไม่สามารถเดินทางออกจากย่างกุ้งได้ มีพระไม่กี่รูปที่เดินอยู่ตามถนน ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า มีนายทหารยศพันตรี ได้หนีข้ามชายแดนมายังประเทศไทย ซึ่งนับเป็นการแปรพักตร์ครั้งแรกของทหารพม่า นับตั้งแต่เกิดการกวาดล้างผู้ประท้วง นายทหารผู้นี้ถูกระบุว่า ได้รับคำสั่งให้เข้าย่างกุ้ง เพื่อจัดการผู้ประท้วง แต่เขาไม่กล้าตีหรือยิงพระสงฆ์ และปัจจุบันเขากำลังพยายามหาทางขอลี้ภัยไปต่างประเทศ
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    "น้ำจะท่วมฟ้า ปลาจะกินดาว"

    [​IMG]

    คำพยากรณ์โลก โดย อ.ปริญญา ตันสกุล<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p< class=inlineimg title="Tongue out" alt="" border="0" src="images/smilies/tongue-smile.gif" O:p</O:p<>


    การชำระล้างโลกของพระบิดา

    กระบวนการทางเทคนิคของพระบิดาต่อไปนี้ จะเปิดเผยเฉพาะบางส่วนที่มนุษย์ควรรู้เท่านั้น เพื่อให้มนุษย์ได้ใช้เป็นข้อพิสูจน์ว่าความรู้ทั้งหมดทั้งสิ้น ล้วนเป็นพระเมตตาที่พระบิดาประทานมาให้เผยแพร่ มิใช่เป็นการกระทำขึ้นมาเองของมนุษย์ที่อวดอุตริจริงแท้หรือไม่

    หากทุกอย่างเป็นความจริงตามที่เผยให้รู้ไว้ล่วงหน้านี้ ย่อมจะเป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนว่าองค์จิตจักรวาล ผู้เป็นพระบิดาหรือพระผู้สร้างหรือว่าพระเจ้าล้วนมีจริงเป็นแน่แท้ แต่จะมีใครสักกี่คนกันเล่า ที่จะมีโอกาสข้ามผ่านกลียุคครั้งที่ 4 นี้ไปได้เพื่อถึงวันเวลาแห่งการพิสูจน์นั้น?


    ขึ้นตอนโดยสังเขปทางเทคนิคของพระบิดา

    1. ก่อนวันชำระครั้งใหญ่จะเริ่มต้นขึ้น 15 วัน แกนหมุนรอบตัวเองของดาวเคราะห์โลก ที่ทำมุมกันแนวดิ่งอยู่ 23.5 องศานั้น จะถูกกำหนดให้มันค่อย ๆ ขยับตัวเพื่อเบี่ยงเบนไปจากแนวเดิมเรื่อย ๆ จะทำให้ขั้วโลกเหนือก้มหัวลงหันเข้าหาดวงอาทิตย์มากขึ้น

    2. น้ำแข็งบริเวณขั้วโลกเหนือจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น จากกรณีที่เกิดขึ้นในข้อแรก ทำให้น้ำแข็งละลายกลืนกับน้ำในมหาสมุทรอย่างรวดเร็ว

    3. เมื่อโลกเอียงในลักษณะก้มหัวมากขึ้นเรื่อย ๆ น้ำจากขั้วโลกก็จะพากันไหลหลั่งลงสู่เบื้องล่างเป็นคลื่นน้ำระลอกใหญ่ ในอันที่จะนำไปสู่คลื่นยักษ์ถาโถมแผ่นดิน และบริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วที่จะกลืนแผ่นดินต่อไป

    4. ขณะเดียวกันก็จะกำหนดให้เกิดการสั่นสะเทือนใต้มหาสมุทรบริเวณขั้วโลกใต้ เพื่อกระเทาะเอาก้อนน้ำแข็งขนาดยักษ์ให้หลุดออก เพื่อใช้เป็นมวลในการถ่วงดุลด้านน้ำหนักมวลระหว่างขั้วโลกเหนือกับขั้วโลกใต้ ในกระบวนการทางเทคนิคที่จะกล่าวถึงในข้อ 5 และ 6 เป็นลำดับต่อไปนั่นเอง

    5. เมื่อครบ 15 วันตามกำหนดที่จะชำระความครั้งใหญ่แล้ว แกนหมุนรอบตัวเองของดาวเคราะห์โลกจะเบี่ยงเบนไปจากเดิม 8.5 องศา หรืออยู่ที่ 32 องศากับแนวดิ่งแล้ว ตรงพิกัดตำแหน่งนี้จะเป็นกำหนดเวลาที่ส่วนโค้งของโลก จะเริ่มบดบังแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ได้อย่างเหมาะเจาะพอดีอีกต่างหากด้วย ดังนั้นวันแรกแห่งการชำระความในกรณีชำระโลกครั้งใหญ่ ที่มนุษย์จะสังเกตมายาได้ก็คือ ฟ้าจะเริ่มมืดสลัวลง ผิดปรกติ

    6. ดาวเคราะห์โลกจะค่อย ๆ ม้วนตัวก้มหัวเอาขั้วโลกเหนือ คว่ำลงแทนที่ตำแหน่งขั้วโลกใต้อย่างช้า ๆ โดยมีน้ำหนักจากขั้วโลกเหนือที่ไหลลงสู่ด้านล่าง และก้อนน้ำแข็งขนาดยักษ์ทางด้านขั้วโลกใต้ช่วยส่งเสริม กระบวนการทางเทคนิคนี้ให้แนบเนียนกลมกลืนยิ่งขึ้น เมื่อขั้วโลกเหนือย้ายตนเองไปสู่ขั้วโลกใต้แล้วก็จะค่อย ๆ พลิกม้วนตัวขึ้นเพื่อย้อนคืนสู่ตำแหน่งเดิมของตนต่อไป โดยไม่ย้อนรอยเดิม แนวแกนหมุนรอบตัวเองตำแหน่งใหม่ในยุคพลังงานใหม่ก็คือ 22 องศากับแนวดิ่ง เพื่อสร้างฤดูกาลใหม่ที่สมดุลให้กับมนุษย์ยุคพลังงานใหม่แห่งโลกเสรี

    ระยะเวลาที่โลกม้วนตัวตีลังกาครบ 1 รอบ จะใช้เวลาดำเนินการทั้งสิ้น 30 วัน!

    7. คำกล่าวที่ว่า
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ตุลาคม 2007
  17. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    น้ำมันดิบโลกปรับตัวลดเล็กน้อย-หุ้นสหรัฐดิ่งลง

    โดยทีมข่าว INN News 04 ตุลาคม 2550 07:00:12 น.

    ราคาน้ำมันดิบโลกปรับตัวลดลงเล็กน้อย แต่ถือว่ายังอยู่ใกล้กับระดับสถิติส่วนดัชนีหุ้นสหรัฐ ปรับตัวลดลง จากปัจจัยที่นักลงทุน เริ่มคลางแคลงใจเกี่ยวกับรายงานด้านการจ้างงานเดือนกันยายน

    ราคาน้ำมันดิบโลกวันนี้ยังคงปรับตัวสูงขึ้นใกล้กับระดับสถิติ แม้ว่าได้ลดลงเล็กน้อย นับตั้งแต่
    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่ปริมาณน้ำมันลดลงอย่างไม่คาดหมายของนักวิเคราะห์ โดยกระทรวงพลังงานสหรัฐ ระบุในรายงานประจำสัปดาห์ล่าสุดว่า กำลังการผลิตน้ำมันในส่วนของปริมาณสำรองน้ำมันดีเซลปรับลดลง 1.2 ล้านบาร์เรลมาอยู่ที่ระดับ 135.9 ล้านดอลลาร์ ในช่วงสิ้นสุดสัปดาห์ ณ วันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา

    ในช่วงปิดตลาด ราคาน้ำมันดิบนิวยอร์ค รอบส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ปรับลดลง 8 เซ็นต์ มาปิดที่ระดับ 79.97 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากที่ช่วงก่อนหน้านั้นแตะเหนือระดับ 80 ดอลลาร์ ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนต์ ที่ตลาดลอนดอนของอังกฤษ ปรับลดลงอีก 19 เซ็นต์ มาปิดที่ระดับ 77.19 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

    ส่วนตลาดหุ้นวอลสตรีท วันนี้ ดัชนีหุ้นสำคัญสหรัฐ ปรับตัวลดลง จากการที่นักลงทุนเริ่มแสดงท่าทีคลางแคลงใจเกี่ยวกับรายงานการจ้างงาน รวมถึงอัตราการว่างงาน ประจำเดือนกันยายนในวันศุกร์นี้ ซึ่งจะเป็นข้อบ่งชี้ถึงทิศทางหนึ่งสำหรับการตัดสินใจด้านการปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด ที่กำลังจะมีการประชุมกันอีกครั้งในวันที่ 30 - 31 ตุลาคมนี้

    โดยในช่วงปิดตลาด ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวลดลง 79.26 จุด หรือ 0.56 เปอร์เซ็นต์มาปิดที่ระดับ 13,968.05 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแดค ปรับตัวลดลง 17.68 จุด หรือ 0.64 เปอร์เซ็นต์ มาปิดที่ระดับ2,729.43 จุด และดัชนีสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ ปรับลดลงอีก 7.04 จุด หรือ 0.46 เปอร์เซ็นต์ มาปิดที่ระดับ1,539.59 จุด
     
  18. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    ลุ้น! กู้ภัยช่วยคนงาน 3,200 ชีวิตขึ้นจากเหมืองทองในแอฟริกา

    โดย ผู้จัดการออนไลน์ 4 ตุลาคม 2550 09:55 น.



    สถานที่ตั้งของเหมืองเอแลนด์สแรนด์



    เอเจนซี/เอเอฟพี – หน่วยกู้ภัยเร่งให้การช่วยเหลือคนงานเหมืองทองในแอฟริกาใต้ร่วม 3,200 คน โดยสามารถนำ 150 คนแรกขึ้นมาได้แล้ว หลังจากที่ติดอยู่ในเหมืองมานานกว่า 15 ชั่วโมง เมื่อลิฟต์ใต้ดินถูกตัดกระแสไฟฟ้า

    บริษัทฮาร์โมนี โกล์ด มั่นใจว่า จะสามารถช่วยเหลือคนงานเหมืองเอแลนด์สแรนด์ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงโยฮันเนสเบิร์ก ซึ่งติดอยู่ที่เหลือทั้งหมดได้ หลังจากนำคนงานราว 150 คนขึ้นมาจากใต้ดินสำเร็จ เมื่อเวลาประมาณ 2.30 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือประมาณ 7.30 น.ตามเวลาประเทศไทย


    (ไฟล์ภาพ) ภายในเหมืองทองของฮาร์โมนี โกล์ด



    “ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต อาจต้องใช้เวลานานกว่า 10 ชั่วโมง ลิฟต์เคลื่อนที่ค่อนข้างช้าเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง แต่ผมมั่นใจว่าทุกคนจะออกมาได้” แกรแฮม บริกส์ ประธานบริหารฮาร์โมนี โกล์ด ซึ่งเป็นผู้ผลิตทองรายใหญ่อันดับที่ 5 ของโลกกล่าว

    คนงานทั้งหมดกว่า 3,200 คนติดอยู่ในเหมืองใต้ดินไปราว 2.2 กิโลเมตร เมื่อสายไฟฟ้าที่เชื่อมกับลิฟต์เสีย เมื่อเวลาประมาณ 8.00 น. ตามเวลากรีนนิช ของเช้าวันพุธ (3) ที่ผ่านมา

    อย่างไรก็ดี โฆษกสหพันธ์คนงานเหมืองแห่งชาติ หรือเอ็นยูเอ็ม เผยว่า คนงานเหล่านั้นติดอยู่ในพื้นที่แออัด ซึ่งมีอุณหภูมิสูงถึง 30-40 องศาเซลเซียส ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายกับพวกเขาเหล่านั้นได้

    ขณะที่ บริกส์เสริมว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยบนภาคพื้นดินอยู่ในการติดต่อกับคนงานที่ติดอยุ่ใต้ดินตลอด และยังสามารถส่งอากาศบริสุทธิ์ และน้ำสะอาดลงไปให้พวกเขาได้ “มันเป็นเหตุการณ์ที่ร้ายแรง แต่มันอยู่ภายใต้การควบคุม”
     
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ระวังภายใน 5 ปีโลกวิกฤต!! แม่เหล็กเปลี่ยนขั้ว - "ไทย" รับเคราะห์</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการรายสัปดาห์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>4 ตุลาคม 2550 08:12 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=left border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=230 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=230>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>"ผมไปพูดเรื่องมนุษย์ต่างดาว จานบิน ที่ไหนๆหลายคนมองว่าผมบ้า ผมก็ไม่โกรธเขานะที่เขาคิดไม่เหมือนผม ผมเชื่อของผมอย่างนี้และผมก็ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนที่สำคัญประเทศมหาอำนาจของโลกทั้งอเมริกา รัสเซีย จีน เขาสนใจเรื่องนี้ทั้งนั้น"น้ำเสียงสุขุม นุ่มนวล ที่หลุดจากปากชายวัย 72 ปี อย่างศาสตราจารย์ ดร.เทพพนม เมืองแมน ทำให้ได้รับทราบถึง "ความเชื่อ" ส่วนตัวที่เขามีมาต่อเนื่องนานนับ 30 ปีเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวและจานบิน แม้วันนี้จะยังไม่มีใครสามารถพิสูจน์ได้ว่าเรื่องมนุษย์ต่างดาวนั้นมีจริงหรือไม่

    **********​

    วิทยาศาสตร์พิสูจน์แล้ว...
    ทางช้างเผือกมีจริง

    ศ.นพ.เทพพนม เป็นคนไทยคนแรกๆที่กล้าออกมาบอกกับสาธารณชนว่ามนุษย์เรานั้นไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวในจักรวาลนี้ หากแต่เรายังมี "เพื่อนบ้าน"ซึ่งมีเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ากว่ามนุษย์อาศัยอยู่ในจักรวาลนี้ด้วย​

    "นักวิทยาศาสตร์ นักดาราศาสตร์ทั่วโลกพิสูจน์มาแล้วว่าทั้งจักรวาลนั้นมีหลายแสนแกแล็คซี่ แกแล็คซี่ที่โลกมนุษย์อยู่นี้เพียงแห่งเดียวมีดาวตั้งแสนล้านดวง ในดาวแสนล้านดวงนั้นคิดง่ายๆว่ามีดวงอาทิตย์หนึ่งดวงมีดาวนพเคราะห์โคจรรอบอยู่ประมาณ 10 ดวง ฉะนั้นดาวนพเคราะห์จะต้องมีอยู่ตั้งหนึ่งล้านล้านดวง แล้วดาวตั้งหนึ่งล้านล้านดวงแล้วบอกว่าเราเป็นโลกเดียวที่มีมนุษย์อยู่มันไม่น่าเป็นไปได้" ศ.นพ.เมืองแมน อธิบายสมมุติฐานให้ฟัง​

    ในปัจจุบันองค์การนาซา (NASA)ของสหรัฐได้นำเอาสมการ เรคส์ (RARKE) มาใช้คำนวณหาจำนวนดวงดาวนพเคราะห์ในทางช้างเผือก (เรคส์นี้เป็นนักดาราศาสตร์ที่มีชื่อเสียงของประเทศสหรัฐและเคยไปบรรยาที่มหาวิทยาลัยฮาวาร์ด) ว่าหากคำนวณตามสมการเรคส์จะพบว่าในทางช้างเผือกของเรามีดาวนับแสนล้านดวง จะมีดาวนพเคราะห์ที่มีมนุษย์อยู่และสามารถเดินทางมายังโลกมนุษย์ได้นี้มีอยู่ประมาณหนึ่งล้านดวงซึ่งมนุษย์ดาวต่างๆที่ว่านั้นสามารถเดินทางมาโลกมนุษย์เราได้เพราะเขามีเทคโนโลที่ก้าวหน้ามากกว่ามนุษย์หลายร้อยเท่า​

    ศ.นพ.เทพพนม อธิบายอีกว่า ในระยะ 300-400 ปีที่ผ่านมามนุษย์เราสามารถพิสูจน์ได้ว่าหนึ่ง โลกกลมไม่ใช่แบน สองเมื่อก่อนมนุษย์เชื่อว่าโลกที่เราเป็นศูนย์กลางของจักรวาล ดวงอาทิตย์มาหมุนรอบโลกแต่ที่สุดกาลิเลโอก็พิสูจน์ให้เห็นว่าโลกนี้ไปหมนุนรอบดวงอาทิตย์ สามมนุษย์ในศตวรรษที่ 21 น่าจะมีการพิสูจน์มาให้เห็นได้แล้วว่ามีมนุษย์อื่นที่อยู่ยังโลกอื่นยังมีอยู่ มนุษย์ไม่ได้เป็นสิ่งมีชีวิตเดียวที่อยู่ในจักรวาลนี้​

    "ผมได้ศึกษาเรื่องต่างๆเหล่านี้มานานถึง 30 ปีเพราะส่วนตัวผมนั้นผมเคยเห็นจานบินซึ่งมีการศึกษาจากองค์การนาซ่ามาแล้วว่ามนุษย์ใน 100 คนนั้นจะสามารถเห็นมนุษย์ต่างดาวได้ 5 คนในหนึ่งครั้งในชีวิต ซึ่งหากเห็นหนึ่งครั้งในชีวิตมันศึกษาไม่ได้มันต้องเห็นหลายๆครั้ง ดังนั้นผมได้ไปปรึกษากับด็อกเตอร์คนหนึ่งวึ่งหากเอ่ยชื่อไปแล้วคนทั่วโลกรู้จักท่าน และท่านสนใจทั้งยังเชื่อว่ามีมนุษย์ต่างดาวจริงเพราะด็อกเตอร์ท่านนั้นได้เห็นมนุษย์ต่างดาวมาแล้วอย่างน้อย 30 ครั้งซึ่งมันยิ่งทำให้ผมอยากจะรู้มากขึ้น"​

    หัดทำสมาธิ กรรมฐานกับ 3 อาจารย์ดัง

    ศ.นพ.เทพพนม ได้รับคำแนะนำจากด็อกเตอร์คนดังว่าหากต้องการจะติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวได้ต้องหัดนั่งสมาธิ ปฏิบัติกรรมฐาน อย่างต่อเนื่อง ด้วยความสนใจว่าที่เขาคิดมาตลอดว่ามีมนุษย์จากโลกอื่นมีจริงไม่ใช่สิ่งที่เขาจินตนาการขึ้นเองทำให้ตัสินใจไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อฤษีลิงดำ พระเกจิอาจารย์ชื่อดังที่จังหวัดอุทัยธานี หัดฝึกสมาธิจนเกิดความชำนาญในระดับหนึ่ง จนกระทั่งหลวงพ่อฤษีลิงดำมรณภาพจึงเดินทางไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อจรัล และคุณแม่ศิริ กลินชัย และล่าสุดได้ดั้นด้นไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์กับโยคีที่มีชื่อเสียงที่สุดในอินเดีย​

    "อาจารย์ที่ผมไปฝากตัวเป็นศิษย์นี่แต่ละคนล้วนแล้วแต่ได้อภิญญาทั้งนั้นคนทั่วประเทศก็ยอมรับท่านนะ ส่วนตัวผมผมปฏิบัติทำสมาธิมานานนับ 20 ปีแล้วและเท่าที่ได้ถามอาจารย์ทั้งสี่คนท่านก็บอกว่ามนุษย์ต่างดาวน่ะมีจริงๆเพราะท่านก็เคยเห็นมาหมด" ศ.นพ.เมืองแมนบอกและว่า อาจารย์ทั้งสามคนในเมืองไทยท่านเคยบอกว่าท่านเคยเห็นด้วยตัวท่านเองและในพระไตรปิฎกพระพุทธเจ้าท่านก็บอกมาตั้งแต่ 2500 ปีบอกไว้ว่าท่านเคยไปมาแล้วดาวหนึ่งชื่อ "อุตระประเทศ"เป็นดาวที่มนุษย์นั้นใจบุญสุนทาน หน้าตางดงามมากกว่าโลกมนุษย์เราหลายร้อยเท่า​

    ด้วยความมุ่งมั่นที่จะให้ได้ทราบข้อเท็จจริงว่ามนุษย์ต่างดาวนั้นมีจริงหรือไม่ ศ.นพ.เทพพนม จึงพยายามที่จะฝึกสมาธิอย่างสม่ำเสมอจนกระทั่งสามารถติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวได้ด้วยการส่ง "โทรจิต"ผ่านการทำสมาธิที่ที่ฝึกฝนมาหลายสิบปีจนถึงวันนี้เขาบอกว่าสามารถทำได้ในทุกที่ทุกเวลา และยังสามารถทำให้คนอื่นๆได้เห็นจานบิน และมนุษย์ต่างดาวได้ด้วย​

    ภายใน 5 ปี ภัยพิบัติเกิดขึ้นทั่วโลก

    หลังจากที่ศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และลองนั่งสมาธิ ทำกรรมฐานจนสามารถติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวได้แล้วทำให้ ศ.นพ.เทพพนม สามารถถ่ายรูปมนุษย์ต่างดาว ยานอวกาศได้ด้วยตัวเองนับร้อยๆภาพ เขาบอกว่าภาพถ่ายนี่คือหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ คนที่สงสัยว่าผมทำภาพเองก็สามารถนำไปตรวจได้ว่านั่นคือภาพถ่ายที่ถ่ายมนุษย์ต่างดาวจริงๆ​

    "ใครไม่เชื่อผมก็ไม่ว่านะเพราะผมรู้ตัวเองว่าผมทำอะไร ภาพถ่ายที่ผมถ่ายได้ก็เป็นภาพจริงๆ เอาไปตรวจได้เลย ผมไม่มีความจำเป็นที่จะโกหกใครๆ เพราะสถานะทางสังคม การเงินหน้าที่การงานมั่นคง ชื่อเสียงของผมก็มี ไม่จำเป็นต้องไปหลอกใคร"​

    การติดต่อกับมนุษย์ต่างดาว ศ.นพ.เทพพนม บอกว่า จะต้องติดต่อผ่านการทำสมาธิเพียงอย่างเดียวเท่านั้นเนื่องจากจะสามารถผ่าน "ภพภูมิ"ต่างๆไปได้ด้วยจิตที่ละเอียดเพียงพอนั่นหมายถึงการนั่งสมาธิจน "ถอดจิต"ออกจากร่างได้นั่นเอง​

    สำหรับคนที่สนใจสามารถศึกษาด้วยตัวเองได้ในพระไตรปิฎกที่เขียนเรื่องภพภูมิไว้อย่างชัดเจน โดยศาสนาพุทธนิกายหินยานบอกว่าในจักวาลนี้มีภพภูมิอยู่ถึง 31 ภพภูมิ ขณะที่ฝ่ายมหายานบอกว่ามีภพภูมิ 32 ภพภูมิ รวมภพ "อันตรภูมิ" ซึ่งเป็นภพภูมิที่วิญญาณต้องรอกรรมการตัดสินว่าจะไปสวรรค์หรือนรกรวมเข้าไปด้วย ในขณะที่มนุษย์ต่างดาวที่เขาบอกว่าเขามีความเจริญกว่าเรานั้นบอกว่าในจักรวาลมีตั้งร้อยกว่าภพภูมิและยังบอกว่า การเวียนว่ายตายเกิดนั้นเป็นเรื่องจริง​

    เรื่องภพภูมินี้เราสามารถอธิบายอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ได้เพราะผมเคยได้ศึกษาวิจัยร่วมกับ ศ.ดร.เอียนส์ ซิเวนเซนต์ จากดุ๊กส์ ยูนเวอซิตี้ สหรัฐเอมริกา เรื่องการระลึกชาติโดยศึกษาจากคนไทยที่สามารถระลึกชาติได้ 300 คน ศึกษาจากคนทั่วโลกรวมทั้งสิ้น 3,000 คนปรากฏว่าเด็กที่ระลึกชาติได้นั้นมีอยู่ทั่วทุกทวีป แต่ละคนที่เข้าร่วมโครงการสามารถระลึกชาติได้จริงๆ ยิ่งทำให้ผมมั่นใจว่ามนุษย์เรานี้มีการเวียนว่ายตายเกิด มีภพมีภูมิที่แตกต่างกันจริงๆ​

    "มนุษย์ต่างดาวที่มาติดต่อกับผมมาจากหลากหลายที่เขาเคยบอกผมว่ามนุษย์ที่เกิดมาในโลกนี้ล้วนแล้วแต่เกิดตามกระแสกรรม ใครทำดีย่อมไปเกิดในภพภูมิที่ดีใครทำชั่วย่อมไปเกิดในภพภูมิที่เลวร้าย พระเจ้าท่านไม่ได้มาเป็นผู้ตัดสินนะแต่ตัวมนุษย์เองนั่นแหละเป็นคนกำหนดว่าตัวเองตายแล้วจะไปไหนนั่นคือเรื่องของการกระทำหรือที่เราเรียกว่ากรรม และวิธีตัดสินกรรมอันเกิดจากการกระทำของมนุษย์นี่ถือเป็นการตัดสินที่ยุติธรรมที่สุด"​

    ศ.นพ.เทพพนม บอกว่า การที่มนุษย์ต่างดาวเลือกที่จะติดต่อกับเขานั้นเป็นเพราะในภพภูมิหนึ่งเคยได้เป็นส่วนหนึ่งของเขา ทำให้เขาสามารถสื่อกับมนุษย์ต่างดาวได้และเขาเชื่อว่าเขาถูกส่งมาเพื่อยกจิตวิญญาณของมนุษย์ให้ดีขึ้น แต่มาถึงวันนี้ยังไม่สามารถทำตามวัตถุประสงค์ได้ ซึ่งมนุษย์ต่างดาวบอกว่าเพราะมนุษย์นั้นเป็นสิ่งชั่วร้ายและก็มาถึงยุคสุดท้ายที่มนุษย์จะถูกทำลายล้าง​

    "ผมไม่รู้นะว่าจะมีคนเชื่อผมแค่ไหนแต่ เท่าที่ผมได้ติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวเขาบอกว่าภายใน 5 ปี นับจากนี้ มนุษย์จะเผชิญกับภัยพิบัติมากมาย ซึ่งที่เขาบอกผมมันไปตรงกับภาวะโลกร้อนเข้าพอดี ซึ่งสหรัฐได้ทำการวิจัยแล้วว่าโลกมนุษย์กำลังเผชิญกับช่วงแม่เหล็กเปลี่ยนขั้ว โดยทุกๆ 26,000 ปีแม่เหล็กโลกจะเปลี่ยนขั้วแบบเหนือเป็นใต้ใต้เป็นเหนือเลยซึ่งเรื่องนี้คนที่ทำคือมนุษย์ กรอปกับจุดดับในดวงอาทิตย์ที่เพิ่มมากขึ้นทำให้โอกาสที่จะเกิดภัยพิบัติต่อโลกภายในปี คศ.2012 มากมาย"​

    สำหรับการศึกษาเรื่องแม่เหล็กเปลี่ยนขั้นนี้สหรัฐเป็นผู้ดำเนินการเขาทำการศึกษามาแล้วว่าโลกมนุษย์เราเกิดแม่เหล็กเปลี่ยนขั้วมาแล้ว 8 ครั้งแต่ละครั้งจะทำให้เกิดพายุหมุน แผ่นดินไหว อุณหภูมิเปลี่ยน ประเทศที่ร้อนอย่างประเทศไทยก็อาจจะมีหิมะตก​

    นอกจากนี้ภาวะแม่เหล็กเปลี่ยนขั้วจะทำให้เกิดภัยพิบัติอันเนื่องมาจากโรคระบาดมากมาย ไวรัสเปลี่ยนสายพันธุ์ เช่นเชื้อไวรัสไข้หวัดนกซึ่งมีการพิสูจน์แล้วว่าสามารถติดจากสัตว์มาสู่คนได้แล้ว ต่อไปมันต้องพัฒนาจนสามารถติดจากคนสู่คนได้ซึ่งเรื่องนี้วงการแพทย์เรากลัวมาก​

    "เรื่องเชื้อไวรัสไข้หวัดนกที่ติดจากคนมาสู่คนนั้นมีรายงานทางการแพทย์มาหลายประเทศแล้วทั้งอินโดนีเซีย จีน ไทยและเวียดนามเพียงแต่มันยังมีไม่มากทางการแพทย์จึงยังถือว่ามันไม่เกิดขึ้นแต่ถ้าหากมันเกิดขึ้นแล้วเชื่อว่าโลกเราจะเผชิญกับโรคระบาดที่รุนแรงและน่ากลัว เช่นเดียวกับที่เราเคยเผชิญกับเชื้อกาฬโรคมาแล้วในอดีต ซึ่งจะทำให้มนุษย์เสียชีวิตมากมายทีเดียว"ศ.นพ.เมืองแมนกล่าว​

    จิตแพทย์ฟันธง
    "หมอเทพพนม" ไม่บ้า

    ด้วยความเชื่อที่แปลกแหวกแนวของ ศ.นพ.เทพพนม เมื่อเทียบกับนายแพทย์คนอื่นๆทำให้ "ผู้จัดการรายสัปดาห์"ได้สัมภาษณ์จิตแพทย์จากกรมสุขภาพจิตอย่างน้อย 3 คน ว่าการมีความเชื่อเช่นนี้เขามีความผิดปกติหรือไม่อย่างไร และเราได้คำตอบตรงกันว่าในลักษณะของ นพ.เทพพนมนั้นเป็นความเชื่อส่วนบุคคล และปัจจุบันท่านยังสามารถจำวันเวลา สถานที่ ประกอบกิจการงานได้และยังเป็นที่ปรึกษาบริษัทอีกหลายๆแสดงว่าท่านมีสติสัมปชัญญะที่สมบูรณ์ ดังนั้นที่ใครๆคิดว่าท่านบ้านั้นไม่จริงแน่นอนเพียงแต่ท่านอาจจะมีความเชื่อและความคิดที่ไม่เหมือนคนอื่นๆเท่านั้นเอง​

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ตุลาคม 2007
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เกิดเหตุแผ่นดินถล่มในเมืองซานดิเอโกรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐ


    [​IMG]

    เกิดเหตุแผ่นดินถล่มในเมืองซานดิเอโกรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐเป็นเหตุให้ถนนพังเสียหายอย่างหนักและมีบ้านเรือนประชาชนจำนวนหนึ่งได้รับความเสียหาย

    แผ่นดินถล่มที่เกิดขึ้นเป็นเหตุถนน 4 เลน พังเสียหายยับเยินเป็นความยาวราว 46 เมตร และเป็นหลุมลึกลงไปถึง 15 ฟุต นอกจากนี้ ยังทำให้บ้านหลังหนึ่งในบริเวณใกล้เคียงพังถล่ม ขณะที่บ้านอีก 5 หลังได้รับความเสียหายบางส่วน
    เจ้าหน้าที่ต้องเร่งอพยพผู้คน 20 ครอบครัวออกจากบ้าน แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้ ยังทำให้สายส่งกระแสไฟได้รับความเสียหายทำให้ครัวเรือนราว 2,400 ครอบครัวไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ชั่วคราว แต่ขณะนี้ สถานการณ์เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว

    ทั้งนี้สองวันก่อนหน้าที่จะเกิดดินถล่มดังกล่าวทางการได้ส่งหนังสือแจ้งเตือนประชาชนว่าอาจเกิดเหตุดินถล่มและแนะนำให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงอพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัย

    [ 2007-10-04 : 10:01:30 ]

    ที่มา http://tna.mcot.net/#
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ตุลาคม 2007

แชร์หน้านี้

Loading...