ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

สาธุกับการ"คิดบวก"ครับ

ดังนั้นเราเห็นว่าจะเกิดภัยพิบัติ เราก็เร่งสร้างสรรค์สิ่งที่จะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมให้มากๆ ปฏิบัติธรรมกันด้วยความไม่ประมาทครับ

 

คุณมีดครับ
1.1 การคิดเชิงบวก (positive thinking):
1.2 รู้เท่าทันความคิดของตัวเอง :
เป็นสิ่งที่ดีมากๆครับแต่คนส่วนใหญ่ไม่ได้ตระหนักถึงเรื่องเหล่านี้เลย ประกอบกับพลังงานฝ่ายลบก็ทวีความรุนแรงขึ้น ทำให้บดบังจิตของผู้คนจนมองเห็นแค่เพียงว่าทำไมคนอื่นๆถึงต้องทำในสิ่งที่ขัดต่อความรู้สึกของตัวเราเองจนทำให้เรามีโทสะทุกครั้งที่พบเจอ และทุกครั้งที่โทสะเกิดตัวเราก็ขาดสติไปชั่วขณะบางครั้งสติก็กลับมาบางครั้งสติก็ยังไม่กลับมา เพราะความไม่พอใจเขาความคับข้องใจในตัวเขามันเริ่มรุนแรงขึ้นและก็แรงขึ้น อย่าว่าแต่คนทั่วไปเลยแม้ในหมู่ผู้ปฏิบัติธรรมด้วยกันก็ยังเจอะเจอกันมาแล้ว การรู้เท่าทันความคิดของเราเองเป็นสิ่งที่ดีมากแต่ก็ทำได้ยากในบางสถานการณ์ ผมได้แต่คอยบอกว่าให้ฝึกฝนสร้างปัญญาญานกันให้มากๆเพราะอภิญญาต่างๆใช่ว่าจะต่อกลอนกับพลังฝ่ายลบได้หากขาดซึ่งปัญญาญานคุมบังเหียน เราต้องเรียนต้องฝึกฝนใน กฏไตรลักษณ์ อริยะสัจจ์สี่ โภชฎงค์เจ็ด กฏแห่งกรรม และ พระอภิธรรม(จิเจรุนิ) ให้บรรลุแจ้งแทงตลอดคือฐานที่ตั้งของปัญญาญานครับ

 

คิดในเชิงบวกสำคัญมากครับในยุคนี้..
เรื่องภัยพิบัติก็เหมือนกัน อย่าไปคิดเชียวว่า โลกเราจะแย่แน่แล้ว จนเกิดความกลัว หดหู่ วิตกกังวล..พลอยไม่ยอมทำสิ่งดีๆ..หรือหยุดการสร้างสรรค์ต่างๆ..โลกยังต้องหมุนต่อไป ยังเป็นห้องเรียนของเราและคนรุ่นใหม่ไปอีกนาน

ให้คิดว่าเราจะทำอะไรดีๆให้เกิดขึ้นบนโลกได้บ้าง มีโอกาสมาเกิดบนโลกใบนี้ เพียงแค่เรา คิดดี ทำดี พูดดี..นั้นก็เกิดประโยชน์อย่างมากครับ..แค่เรื่องเล็กๆที่เราทำ โลกของพลังงาน มิติทางพลังงานก็ทำงานงานของมันโดยอัตโนมัติ
ความลับ: มวลรวมของพลังงานจากของโลก จะเป็นตัววัดระดับความรุนแรงของภัยฯครั้งนี้..
ใครที่ทราบแล้วก็ช่วยกันส่งแต่พลังด้านบวกออกมาเยอะๆครับ..เช่น ความรัก ความเมตตา ความมีสติ ฯลฯ

"Energy flows when attention goes"​

"พลังงานจะไหลลื่น เมื่อความมุ่งมั่นเกิดขึ้น"

 

ผมจะบอกไปดีมั้ยเนี่ย ...
กลัวว่าเดี๋ยวจะตื่นตระหนกกันใหญ่

ส่วนใครที่มีเสบียงเก็บไว้เรียบร้อยแล้ว
และมีที่หลบภัยบนเขาสูงๆ ไม่ต้องเครียดครับ

 

นานาๆ ทัศนะจากการไปดูภาพยนต์​

The mist​

ปาฏิหาริย์<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1027175", true); </SCRIPT> สมาชิก

วันนี้ ได้ไปดูภาพยนต์เรื่อง the mist มา
ได้ข้อคิดว่า
การที่มนุษย์ หลากชนชั้น ฐานะ อาชีพ และ สังคม
มารวมตัวกัน เพื่อ หนีภัยพิบัติ
ด้วยความหวาดกลัวในความตายนั้น

ภายในวันสองวัน เท่านั้นเอง
ที่มีสภาวะกดดันตึงเครียด
มนุษย์จะเริ่มอ่อนแอ ไม่ไว้ใจ
แยกกลุ่มตามความเชื่อ
ตามผู้ชี้นำ ที่ชี้ให้เห็นทางรอด

(เป็นสองกลุ่มครับ กลุ่มศาสนาที่นำมิจฉาทิฏฐิมาชี้นำ
และ กลุ่มที่คิดอะไรเป็นเหตุผลตรงไปตรงมา
เพื่อหาทางการดำรงชีวิตให้อยู่รอด)

สองกลุ่มนี้ก็เริ่มไม่ไว้ใจกันและ ฆ่ากันเองครับ
ด้วยอาวุธที่ทุกคนพอหยิบหาได้ใกล้มือ
(ไม่สปอยล์ต่อแล้วครับ เผื่อคนที่ยังไม่ได้ดู)
แต่หนังกดดันอารมณ์คนดู เหมือนกันครับ

อีกอย่าง ในหนัง มีตอนหนึ่ง
อาวุธที่จะนำมาสู้กับภัยภายนอกนั้น
ถ้าไม่ฝึกให้เชี่ยวชาญ หรือ ไม่มีสติควบคุม
เพราะหวาดกลัว ตื่นตระหนก
ไม่สามารถใช้ได้ทันเวลา รวมไปถึง
อาวุธนั้นก็จะ ส่งผลร้ายให้กับผู้ใช้ได้โดยง่ายครับ

​

​

ที่มา http://hilight.kapook.com/view/17603

war of the worlds​

userx<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1027273", true); </SCRIPT> สมาชิก

คำถามของคุณทำให้ผมนึกถึงหนังเรื่อง War of the Worlds ที่ Tom Cruise แสดง คุณลองดูสิว่าเกิดอะไรขึ้นในหนัง

สำหรับผมคิดว่าถ้าโลกมันเกิด Keos ขนาดนั้นจริงๆ การไม่มีอะไรเลยตัวเปล่าๆดีที่สุด เพราะถ้าคุณมีอะไรสักอย่างที่สามารถใช้ในการดำรงชีพได้ คุณก็จะถูกแย่งชิงไปอย่างป่าเถื่อนจากฝูงชน นอกจากว่าคุณต้องพยายามอยู่ห่างๆจากเขตเมืองที่มีฝูงชนจำนวนมาก พยายามอยู่ในเขตชนบทในป่าเขาที่ห่างไกลจากผู้คนดีที่สุด

ผมคิดว่าถ้าคุณใช้ชีวิตอยู่ในชนบทแบบเศรษฐกิจพอเพียง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบนโลก ลูกหลานคุณสามารถอยู่บนโลกได้ไปอีกหลายศัตวรรษอย่างแน่นอน คนที่มีวึถีชีวิตอยู่ในสังคมเมืองสมัยใหม่คือผู้ที่จะเดือดร้อนที่สุด

สียามา​

marine24<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1027322", true); </SCRIPT> สมาชิก

ถ้าจะให้เข้าใจดีต้องไปดูหนัง เรื่อง สียามา ที่หมู่บ้านที่อยู่อย่างสันติ ต้องเข้าร่วมสงคราม ในสภาวะบ้านแตก กลียุค คนพาลสันดานหยาบ จะมีสภาพเป็นโจรทันที อยู่ในบ้านอาจจะถูกบุกเข้าปล้น หรือระหว่างอพยพ อาจจะถูกเข้าปล้นแย่งชิงทรัพย์ ทำร้ายร่างกายระหว่างทาง กว่าจะเดินทางไปถึงจุดหมายแหล่งของกลุ่มคนสัมมาทิษฐิ อาจจะฝ่าอันตรายสารพัดรูปแบบ

ที่มา http://palungjit.org/showthread.php?t=116822&page=4

 

คุณมี้ดพูดถูก เกี่ยวกับ การคิดเชิงบวก เพราะมันเป็นกฏตายตัวของจักรวาล ความรู้สึกชนิดเดียวกันก็จะดึงดูด ความรู้สึก หรือเหตุการณ์ชนิดเดียวกันมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง คุณเป็นผู้เลือกโลกแห่งความเป็นจริงของตัวคุณเอง เปรียบได้กับคุณเป็นทั้งผู้แสดง ผู้กำกับ ผู้บอกบท และ ผู้ชม ทุกคนเลือกเป้าหมาย และสาระชีวิตที่ทุกคนต้องการบรรลุมาตั้งแต่ก่อเกิดเป็นร่างกายเนื้อหนังแล้ว

 

ข้ามไปดูเรื่องดีๆบ้างดีกว่า
อ.เทพนม มีเพื่อนที่ใช้ Software ของ Bible Code
ค้นหาอะไรเกี่ยวกับประเทศไทยก็ตรงหมด
สําหรับศตวรรษที่ 21 Bible code บอกว่า
ไทยแลนด์จะรวยและเป็นผู้นําในภูมิภาคนี้

อ้างอิงจากบทความของคุณสนธิ สารธรรม

 

บทความ ปราโมทย์ นาครทรรพ

ผมขอเสนอคำพูดของโทนี่ แบลร์ นายกฯอังกฤษเมื่อ 14 กันยายนนี้เอง

What is now plain is that the emission of greenhouse gases, associated with industrialisation and strong economic growth from a world population that has increased sixfold in 200 years, is causing global warming at a rate that began as significant, has become alarming and is simply unsustainable in the long-term. And by long-term I do not mean centuries ahead. I mean within the lifetime of my children certainly; and possibly within my own. And by unsustainable, I do not mean a phenomenon causing problems of adjustment. I mean a challenge so far-reaching in its impact and irreversible in its destructive power, that it alters radically human existence.

แบลร์วิตกว่า มนุษย์ได้ทำลายธรรมชาติจนกระทั่งเกือบจะสายเกินแก้ จะเร่งส่งผลให้โลกอวสาน มนุษยชาติสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ ในชั่วอายุลูกของเขาอย่างแน่นอน และบางทีอาจจะภายในชีวิตของแบลร์เองก็ได้

แบลร์เป็นคนฉลาดมากๆ มีผู้เดาว่าเขาเข้ากับบุช ในสงครามอิรักเพื่อชิงความเป็นผู้นำให้อังกฤษ และเพื่อให้บุชตายใจ จะได้ช่วยป้องกันมิให้บุชทำลายโลก บุชกับสมุนแวดล้อมนั้นร้ายกาจมาก สหรัฐไม่ยอมลงนามปฏิญญาเกียวโตเรื่องสิ่งแวดล้อม บุชมองปัญหาการขาดแคลนน้ำมันในแง่นายทันอุตสาหกรรมน้ำมัน ที่มุ่งจะขุดขุด ขุด ลูกเดียว นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบลอเมริกัน 8 คนลงนามคัดค้านการเลือกตั้งบุชครั้งนี้ เช่นเดียวกับนักวิทยาศาสตร์โนเบลหลายสิบคนครั้งก่อน เพราะเห็นว่าบุชเป็นภัยต่อโลก ระดับสมองและความชุ่ยของบุชอาจทำให้เขาก่อสงครามนิวเคลียร์หรือปล่อยให้เกิดสงครามนิวเคลียร์โดยบังเอิญได้ง่ายๆ

แต่ในแง่ของศาสนาและลัทธิพยากรณ์ เชื่อว่าบุชจะได้เป็นประธานาธิบดีอีก เพื่อเร่งวันอวสานของโลก เนื่องจากวันเดือนปีเกิดและพฤติกรรมของบุช ตรงกับหมาร้าย แอนไตไครส์หรือศัตรูของพระคริสต์

3. หมาร้ายตัวที่ 3 พระอาทิตย์ดวงที่สอง หรือ ทวิภาวะของจักรวาล นักวิทยาศาสตร์สำนักBerkleley นำด้วย Luis Alvarez โนเบลสาขาฟิสิกส์และสานุศิษย์เอก คือRichard Muller พยายามพิสูจน์ให้ไกลกว่าควอนตั้มฟิสิกส์ว่า โลกเราอยู่ในจักรวาลที่เป็น 2 ระบบ ไม่ใช่ระบบเดียว เหมือนความคิดตะวันออกที่ทุกอย่างมีคู่ ดีกับชั่ว หนาวกับร้อน สร้างสรรค์กับทำลาย ผมให้ชื่อสำนักนี้ว่า Nemesis แปลว่าปฏิปักษ์ สำนักนี้เชื่อและแสดงหลักฐานที่ค่อนข้างน่าเชื่อว่า โลกของเราจะต้องแตกดับทุกๆ 26 ล้านปี สาเหตุมาจากปฏิปักษ์ของดวงอาทิตย์ หมุนมาชนโลกหรือส่งบริวารได้แก่อุกาบาตมาทำลายโลก ไดโนเสาร์มิได้ศูนย์พันธุ์ไปตามหลักวิวัฒนาการ แต่เป็นเพราะอุกาบาตมาชนโลกต่างหาก ปฏิปักษ์ของดวงอาทิตย์นั้น ก็คือดาวที่มีลักษณะเหมือนดวงอาทิตย์ทุกประการ ต่างกันแต่ขนาดเล็กกว่าและมีความร้อนน้อยกว่า โลกเรียกดาวดวงนี้ว่า

 

อ้างอิงจากคุณสนธิ สารธรรม(อีกที)

อนึ่งผมได้รับเอกสารชิ้นหนึ่งจากคุณ สนธิ สารธรรม จ่าหน้าว่า "สาสน์ข้อที่ 3 ของแม่พระที่ฟาติมา" ผมจะขอคัดข้อความส่วนที่กล่าวถึงการทำนายมาลงในที่นี้ เพื่อเปรียบเทียบกับข้อความชิ้นแรก ที่ผมได้อ้างมาแล้วในตอนต้น
"หลังจากที่สมเด็จพระสันตปาปายอห์น ปอล ได้ทรงอ่านทำนายข้อที่ 3 แล้วก็เช่นเดียวกันพระองค์ทรงโทมนัสมากจากข้อความในสาสน์นั้น และทรงอนุญาตให้เปิดเผยบางส่วนให้โลกได้รับทราบในปี ค.ศ.1983-1985 พระองค์ทรงทำดังนี้เพราะมีเวลาเหลืออยู่น้อยแล้ว"
"เสียงจากพระแม่ได้ตรัสกับลูเซียว่า........ลูกที่รักของเราจงไปและบอกให้โลกได้รู้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น หากมนุษย์ไม่ฟังคำสั่งที่พระเป็นเจ้าทรงวางไว้ต่อหน้าพวกเขา ปีศาจจะปกครองโลกและมันกำลังทำให้คนทั้งหลายเกลียดชังกัน อาวุธที่มนุษย์สร้างขึ้นนั้นก็สามารถทำลายโลกได้ในเวลาเพียงนาทีเดียว ครึ่งหนึ่งของมนุษย์ชาติจะถูกทำลาย พระศาสนาจักรเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งความชั่วร้าย จนว่าไม่มีมนุษย์สักคนเข้าใจดีกันได้และมนุษย์จะสูญเสียความเชื่อ.......แผ่นดินไหวจะทำลายแนวเส้นแบ่งของโลก (เส้นศูนย์สูตรของโลก) ผู้ที่ไม่เชื่อในพระเจ้าจะตาย บุคคลเหล่านี้เป็นพวกที่ชีวิตของเขามีรากฐานอยู่บนวัตถุสิ่งของ คนหลายล้านคนจะเสียชีวิตภายในเวลาไม่กี่วินาที ส่วนพวกที่มีชีวิตรอดก็ปรารถนาให้ตัวเองได้อยู่ในหมู่ผู้ตาย (อยากตาย) สภาพของโลกที่อยู่เบื้องหน้าเรานั้นเป็นสภาพที่ไม่อาจจินตนาการได้ แต่สิ่งนี้จะมาอย่างแน่นอน พระเป็นเจ้าจะทรงลงโทษผู้ที่ไม่ต้องการที่จะยอมรับพระองค์ พวกที่เชื่อและสัตย์ซื่อต่อพระองค์จะมีชีวิตรอดและจะมีความเชื่อเพิ่มมากขึ้น"
ลูเซีย เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ เธอได้กลายเป็นแม่ชี และเคยกล่าวเอาไว้ว่า
".........แม่พระทรงโทมนัสมาก เพราะไม่มีใครสนใจในสาสน์ปี ค.ศ.1917 ของพระแม่ จงเชื่อเถิดว่าการลงโทษกำลังจะมาถึงเร็วๆ นี้ และมีวิญญาณมากมายจะประสบความพินาศ หลายชาติจะหายไปจากโฉมหน้าของโลก ในระหว่างนี้ถ้ามนุษย์กลับตัวกลับใจโลกก็จะปลอดภัย........ถึงเวลาแล้วที่ทุกคนจะเริ่มภาวนา ทำการใช้โทษบาปและส่งสาสน์นี้ให้แพร่หลายต่อไปยังครอบครัวญาติมิตร "
"การลงโทษจะมาอย่างแน่นอน เมื่อบุรุษผู้หนึ่งซึ่งมีตำแหน่งสำคัญถูกฆาตกรรม เหตุการณ์นี้จะก่อให้เกิดมติที่จะดำเนินการแก้ไขปัญหานั่นคือ กองทัพที่มีพลังมหาศาลจะบุกเข้าสู่ยุโรป แล้วสงครามนิวเคลียร์จะเริ่มขึ้น มันจะทำลายทุกสิ่ง ความมืดจะครอบคลุมโลกเป็นเวลา 72 ชั่วโมง และ 1 ใน 3 ของมนุษย์ชาติซึ่งจะมีชีวิตรอดจากช่วงเวลาแห่งความมืด 72 ชั่วโมงนั้นจะเข้าสู่ ชีวิตในยุคใหม่และเป็นคนดี"
"ในคืนที่มีอากาศหนาวจัด เมื่อเวลา 10 นาทีก่อนเที่ยงคืน แผ่นดินไหวครั้งใหญ่จะทำให้โลกสั่นสะเทือนเป็นเวลา 8 ชั่วโมง นี่คือสัญญาณที่ 3 ซึ่งแสดงว่าพระเป็นเจ้าทรงเป็นผู้ครอบครองโลก คนดีและผู้ที่ได้เผยแพร่สาสน์ของพระแม่จะไม่ต้องหวาดกลัวเลย จะต้องทำอะไรเล่าจงคุกเข่าและภาวนาวอนขอพระเมตตาจากพระเป็นเจ้า จงอย่าออกไปข้างนอกจงอย่ายอมให้ใครก็ตามเข้าไปในบ้านของท่าน คนดีเท่านั้นจึงจะมีชีวิตรอดจากหายนะครั้งนี้ ส่วนคนชั่วจะตกอยู่ในน้ำมือของปีศาจ "
แม่ชีลูเซียได้แนะ "ทางรอด" ให้แก่ผู้ที่เตรียมตัวพร้อมเอาไว้ดังนี้ว่า
" ดิฉันขอให้เครื่องหมายเหล่านี้ คือคืนนั้นจะหนาวมาก ลมจะพัดแรงและในช่วงเวลาอันสั้นโลกจะเริ่มสั่นสะเทือน ที่บ้านของท่านจงปิดหน้าต่างทุกบานและอย่าพูดกับคนหนึ่งคนใดนอกจากคนในบ้าน อย่ามองออกไปภายนอก อย่าอยากรู้อยากเห็น เพราะนี่เป็นพระพิโรธของพระเป็นเจ้า จงจุดเทียนเสกเพราะจะไม่มีแสงสว่างในรูปแบบอื่นส่องแสงได้เป็นเวลา 3 วัน คุกเข่าต่อไม้กางเขนแล้วภาวนา.....เมื่อโลกหยุดสั่นสะเทือนแล้วท่านจึงมองออกไปภายนอกได้ แต่อย่าได้แตะต้องหรือนำสิ่งใดก็ตามที่ได้สัมผัสกับสิ่งที่เป็นพิษ มิฉะนั้นตัวท่านจะได้รับพิษนั้นด้วย ทุกคนที่ไม่เชื่อและไม่ฟังจะตาย ลมจะพัดเอาอากาศธาตุ (ก๊าซ) มาและแผ่กระจายไปทั่วโลก ในคืนที่ 3 แผ่นดินจะหยุดสั่นสะเทือน มันจะอยู่ในสภาพนิ่ง ดวงอาทิตย์จะปรากฎมา บรรดาทูตสวรรค์จะมาจากฟ้าและอวยพรแผ่นดินโลกอีกครั้งหนึ่ง "
ดร.สุวินัย ภรณวลัย


1 ในเร็วๆนี้ แอนตี้ไคร้สต์ จะปรากฏตัวออกมากล่าวร้ายต่อพระเจ้า
และก่อความปั่นป่วนในวงการนักบวช และจะพยายามเปลี่ยนพระธรรมคำสอน มนุษย์ทั่วไปจะอยู่ใต้ผู้นำรัฐบาลโลกคนนี้ 3 ปีครึ่ง

2 ในอนาคตเงินยูโร จะมีค่าแข็งกว่าเงินดอลลาร์หลายเท่าตัว

3 ก่อนเกิดสงครามโลก ประชาชนทั่วไปจะได้เห็นแสงแดงประหลาด
ตอนเช้า มองเห็นได้โดยทั่วไปในหลายประเทศ ซึ่งอาจเป็นดาวเคราะห์น้อยบริวารของดาวหาง ตกสู่โลกก็ได้ / จะมีความมืดปกคลุมโลก 3 วัน 3 คืน ในช่วงเวลานั้น จะมีการเปิดจิตวิญญาณต่างมิติ ปีศาจและซาตานจะมารวมพลบนโลกมนุษย์ ไฟฟ้าจะดับหมด

4 การทำสงครามโลกครั้งนี้ จะเหลือมนุษย์เพียง 1 ใน 3 รอดชีวิต
ปัจจุบันมีประชากรโลกประมาณ 6,200 ล้านคน ซึ่งจะเหลือประชากรประมาณ 2,000ล้านคน หรือ มีการตายถึง 4,200 ล้านคน

5 หลังสงครามโลกครั้งที่สามสงบลง ก็จะมีโลกใหม่ หรือฟ้าใหม่
แผ่นดินใหม่เกิดขึ้นด้วยการเนรมิตรของพระผู้เป็นเจ้า

6 จีน จะร่วมมือกับประเทศกลุ่มอาหรับ ถล่มยุโรป อิสราเอล และ
สหรัฐอเมริกา

7 ในภาวะสงคราม ใบหุ้น ใบพันธบัตร และธนบัตร จะไร้ค่า (ใบแทน
เงินและทอง จะพองลม)

8 สงครามโลกครั้งใหม่ จะมีประเทศต่างๆ เข้าร่วมรบ ร่วมสนับสนุนแต่ละฝ่าย รวม 125 ประเทศ ใช้เวลา 9 ปี สงครามยุติ

9 สงครามครั้งนี้ จีนจะใช้นิวเคลียร์กับไต้หวัน (หากเกิดขึ้นจริง ญาติพี่
น้อง หรือมิตรสหายของใครไปมีหุ้น มีการลงทุนในไต้หวัน ก็ต้องติดตามสถานการณ์อย่าง ใกล้ชิด อาจต้องขายหุ้นเอาเงินสดขึ้นมาก่อนที่จะหมดค่าน่าจะดีกว่า)

10 คุณสนธิฯ ได้กล่าวในหนังสือ

 

อ่านข้อความของท่าน wellrider แล้วแฝงไปด้วยความหวาดผวา ตื่นกลัว
มากๆ เลยครับ ใครที่ผ่านมาอ่านก็เตรียมจิตกันดีๆ ซักนิดนะครับ

 

กทม.เสี่ยงแผ่นดินไหว!
พบรอยเลื่อนผ่านตอนใต้
​

เร่งสืบหวั่นมีพลัง - เตรียมซ้อมป้องกัน

นักวิชาการชี้เร่งสืบรอยเลื่อนตอนใต้ กทม. ไหวหมื่นปีก่อนอาจมีพลัง​

 

นิมิตฝัน เตือนภัยคน กทม.
โดยคุณ พุทธเมตตา<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1027559", true); </SCRIPT> สมาชิก​

ภาพประกอบจากทางอินเตอร์เน็ต​

ผมขอเล่าความฝันของคนใกล้ชิดกันบ้างนะครับ คือคุณแม่ของพี่สะใภ้ผมเองครับ ท่านเป็นคนที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และฝึกฝนสมาธิอยู่แล้ว

เมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมานี้ ท่านนิมิตเห็นไปถึงภัยพิบัติต่างๆนาๆ ที่จะเกิดขึ้น โดยที่มีความรุนแรงอย่างมาก กรุงเทพมีตึกถล่ม น้ำท่วม ฯลฯ ซึ่งลูกชายคนเล็กของท่านยังศึกษาอยู่ที่ กทม. ในนิมิตท่านเกิดความสงสารลูก เลยเผลอร้องเรียกชื่อลูกชายตนเอง พอออกจากนิมิตท่านก็ใจไม่ดี ซึ่งเกิดจากการห่วงลูกชายนั่นเอง

แต่ท่านก็ยังคงฝึกสมาธิต่อไป และวันถัดมา ท่านได้เห็นภัยพิบัติต่างๆอีก ซึ่งในนิมิตท่านได้เห็นสถานที่แห่งหนึ่ง จะอยู่รอดปลอดภัยและจะเป็นที่พึ่งของคนยากและผู้ประสบภัยได้ โดยจะมีพี่ชายผมและลูกชายคนเล็กของท่าน จะเป็นกำลังสำคัญในการนำพาและดูแลผืนดินแผ่นนี้ และที่สำคัญ ท่านได้เห็นว่า เหตุการณ์ภัยพิบัติต่างๆ

"จะเกิดขึ้นหลังจากท่านได้ นำพระประทาน จากกรุงเทพมาประดิษฐ์สถานที่วัดแถวบ้านแล้ว" ​

(วัดนี้ ท่านได้บริจาคเงินและซื้อที่ดินเพื่อถวายวัดทุกปีๆ ตลอดจนร่วมสร้างและบุรณะวัดนี้ จนวัดมีเนื้อที่กว้างขวางขึ้นมาก แต่ในโบสถ์ยังไม่มีพระประธานนะ) "แล้วหลังจากนั้นไม่นาน เหตุการณ์ต่างๆ จะเริ่มเกิดขึ้น" ​

หลังจากนั้นอีกหลายวัน มีคนมาเสนอขายที่ให้แก่ท่านจำนวนหนึ่ง ประมาณ 100 ไร่ พอท่านได้ออกไปดู ท่านก็จำได้แม่นเลย ว่าเป็นที่ๆท่านเห็นในนิมิตมาก่อน ทำให้ท่านตกลงใจจะซื้อที่ผืนนี้เอาไว้ เผื่อจะได้เป็นที่หลบภัยของชาวบ้านและคนประสบภัย ​

และเมื่อคืนนี้ ผมได้คุยกับพี่ชาย ซึ่งพี่ชายก็บอกว่า เมื่อกลางเดือน กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ชาวบ้านเค้ามาเร่งรัด ขอพระประธานเข้าโบสถ์ วันที่ 23 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ท่านเลยบอกว่า ถ้าเอาพระจากกรุงเทพนี่คงไม่ทันแน่ ทำให้ท่านต้องออกไปดูตามร้านในจังหวัด แต่กลับไม่มีพระที่สวยถูกใจท่านเลย ​

และท่านได้ตั้งใจแล้วว่า จะเดินทางไปกทม.ปลายเดือน มีนาคมนี้ เพื่อไปหาพระที่ถูกใจท่านและจะได้นำพระมาจากกรุงเทพ มาประดิษฐานที่วัดดังกล่าว​

นั่นอาจจะหมายความว่า เวลาดังกล่าว อาจจะใกล้มาถึงมากๆแล้ว ดังนั้น ขอให้ทุกๆท่าน จงอยู่ในความไม่ประมาท และระวังตัว ระวังใจ ระวังคำพูด และขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองพวกท่านทุกคน
​

ภาพประกอบจากทางอินเตอร์เน็ต​

ที่มา http://palungjit.org/showthread.php?t=79471&page=60<!-- / message -->​

 

ขอบคุณพี่เกษมครับ ดูท่า มีนา นี้ ตึกสูงๆ หลีกเลี่ยงได้ ควรจะเลี่ยง ใช่ไหมเอ่ย

 

หลวงพี่เล็กบอก พระที่เราสร้างกันท่านขอพระให้แคล้วคลาด ไม่ตายโหงแน่ๆ ถ้ารู้สึกไม่ดีให้เริ่มท่องอิติปิโสได้เลย

เลี่ยงตึกสูงไม่ได้หรอกค่ะถ้าต้องไปทำงานเลี้ยงชีพทุกวัน สวดอิติปิโสเอาก็แล้วกัน

 

อย่าเพิ่งตื่นตกใจจนเกินไปครับ หากเกิดแผ่นดินไหวจริงๆ ให้ปฏิบัติตัวตามข่าวข้างล่างนี้ครับ

แผ่นดินไหวสะเทือนกรุงเทพฯ สั่งอพยพคนลงจากตึกสูง

​

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>เมื่อเวลาประมาณ 15.57 น. ของวันที่ 16 พฤษภาคม 2550 กรมอุตุนิยมวิทยาตรวจพบการเกิดแผ่นดินไหว ขนาด 6.1 ริกเตอร์ มีศูนย์กลางอยู่บริเวณพรมแดนลาว-พม่า ห่างจาก จ.เชียงราย ประมาณ 95 กิโลเมตร หรือละติจูดที่ 21.1 องศาเหนือ ลองจิจูดที่ 100.32 องศาตะวันออก มีรายงานความรู้สึกสั่นไหวที่หลายจังหวัดทางภาคเหนือ และบนอาคารสูงในกรุงเทพมหานคร เบื้องต้นไม่มีรายงานความเสียหาย

ล่าสุดศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ รายงานว่า แผ่นดินไหวที่ผ่านมาได้เกิดอาฟเตอร์ช็อกถึง 3 ครั้ง โดยครั้งแรกวัดได้ 6.1 ริกเตอร์ ครั้งที่ 2 วัดได้ 5.7 ริกเตอร์ และครั้งสุดท้าย วัดได้ 4.7 ริกเตอร์ และคาดว่าหลังจากนี้ไปอาจจะเกิดอาฟเตอร์ช็อกอีก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ตึก SM ทาวเวอร์ ถ.พหลโยธิน เวลาประมาณ 16.00 น. ได้เกิดแผ่นดินไหว ทำให้ผู้ที่อยู่บนอาคารรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือน ซึ่งหลังจากนั้นไม่กี่นาที เจ้าหน้าที่ฝ่ายอาคารได้แจ้งให้ทุกสำนักงานภายในตึก ขนย้ายคนออกจากตัวอาคาร ทำให้อาคารสำนักงานต่างๆ ภายในตึกต้องเลิกทำการอย่างกะทันหัน เนื่องจากแผ่นดินไหวครั้งนี้สามารถสัมผัสถึงแรงสั่นสะเทือนได้ ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อตัวโครงสร้างอาคารระดับสูง

อย่างไรก็ตาม การออกจากตัวอาคารของประชาชนเป็นไปอย่างเรียบร้อยท่ามกลางการจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากประเทศไทยไม่ค่อยประสบกับปัญหาดังกล่าวบ่อยครั้งนัก

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ด้านอาคารวิทยาลัยการจัดการมหิดล (CMMU) ริมถนนวิภาวดีรังสิต เยื้องแฟลตดินแดง เวลาประมาณ 16.00 น ก็รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนเช่นกัน โดยทุกคนที่ทำงานในตัวอาคารได้เกิดอาการเหมือนกันคือเวียนศรีษะ เนื่องจากรู้สึกว่าอาคารสั่นอย่างแรง ผ้าม่านปลิว และมีตัวอาคารเริ่มสั่นแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยอาคารดังกล่าวมีความสูง 25 ชั้น ซึ่งเป็นอาคารที่สูงที่สุดในย่านนี้ หลังเกิดเหตุการณ์ทุกคนต่างทยอยกันออกจากตัวอาคารทันที

ผู้สื่อข่าวในพื้นที่ จ.เชียงราย รายงานว่า แผ่นดินไหวเกิดขึ้นเป็นเวลา 35 วินาที ทำให้อาคารสำนักงานและตึกสูงได้รับความสั่นสะเทือนเป็นอย่างมาก เจ้าหน้าที่และผู้ที่อยู่ภายในอาคารต่างๆ วิ่งหนีออกมาภายนอก ขณะเดียวกันได้มีฝนตกลงมาปรอยๆ ฟ้าร้องเป็นระยะๆ และอีกประมาณ 5 นาทีต่อมาก็เกิดแรงสั่นสะเทือนขึ้นอีกเล็กน้อย จากนั้นได้สอบถามไปยัง อ.แม่ฟ้าหลวง ซึ่งอยู่บนดอยสูง ทราบว่าครั้งนี้เกิดแรงสั่นสะเทือนมากกว่าทุกครั้งที่เคยเกิดแผ่นดินไหว

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่อาคารธนาลงกรณ์ ปิ่นเกล้า ซึ่งเป็นที่ทำการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นอาคารสูง 25 ชั้น ได้มีการแจ้งเตือนข้าราชการและคนที่อยู่ในตึกให้อพยพออกจากตัวอาคารให้หมด เนื่องจากเกิดแผ่นดินไหว ทำให้เกิดโกลาหลขึ้น เพราะมีทั้งคนเชื่อและไม่เชื่อว่าเกิดแผ่นดินไหว โดยหลายคนกล่าวถึงความรู้สึกว่ารู้สึกเวียนศีรษะเหมือนไม่สบาย และข้าราชการส่วนใหญ่ยังจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์สิ่งที่เกิดขึ้น และเกิดความกลัวไม่กล้าที่จะขึ้นมาทำงานต่อ จึงเดินทางกลับบ้านรวมทั้งคุณหญิงไขศรี ศรีอรุณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งกำลังนั่งเซ็นเอกสารอยู่บนชั้นที่ 23 สำนักรัฐมนตรี เมื่อได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ว่าเกิดแผ่นดินไหว จึงได้ออกจากตึกเช่นกัน ทั้งนี้ จากการสำรวจของเจ้าหน้าที่อาคารเบื้องต้นยังไม่ได้รับรายงานความเสียหายแต่อย่างใด

ด้านนายวัลลภ สุวรรณดี รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า เหตุแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ทางกทม.จะต้องตรวจสอบข้อมูลทางวิชาการจากกรมอุตุนิยมวิทยา ว่าแรงสั่นสะเทือนที่ถึง กทม. มากน้อยแค่ไหน ส่วนความรู้สึกที่ประชาชนใน กทม.ได้รับจากอาคารสูง มีรายงานเข้ามาถึงทุกย่าน อาทิ สีลม คลองเตย เพชรบุรี เพลินจิตร ซึ่งขอย้ำให้ประชาชนมั่นใจและอย่าตื่นตระหนัก สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ของ กทม. กระจายอยู่ทั่ว กทม.ทั้ง 50 เขต ซึ่งมีเจ้าหน้าที่พร้อมออกปฏิบัติการช่วยเหลือ หากเกิดกรณีอัคคีภัย หรือสิ่งของเสียหายอันเนื่องมาจากเหตุแผ่นดินไหว หรือช่วยชีวิต

ทั้งนี้ มีข้อปฏิบัติสำหรับผู้ที่อยู่บนตึกสูง หากเกิดแผ่นดินไหว ให้หลีกให้ไกลจากวัสดุของมีคม หากมีท่อแก๊สหรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวกับไอระเหยต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดการติดไฟได้ ให้ปิดวาล์วทันที หลีกเลี่ยงอยู่ใกล้สายไฟฟ้าที่อาจจะพาดผ่านถึง และรีบออกจากอาคารให้เร็วที่สุด อีกทั้งไม่ควรอยู่ใกล้บริเวณที่มีกระจก ซึ่งอาจจะแตกร้าวใส่ตัวได้

ส่วนตึกไหนบ้างที่ต้องเฝ้าระวังพิเศษ นายวัลลภ กล่าวว่า ไม่มีตึกไหนเป็นพิเศษ แต่ตึกสูงและบ้านเรือนประชาชนก็ต้องเฝ้าระวังเท่าเทียมกัน ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในย่านสีลม ซึ่งเป็นย่านธุรกิจมีอาคารสูงจำนวนมาก พนักงานรู้สึกถึงแรงสั่นไหวในครั้งนี้ และหลายรายมีอาการเวียนหัว ขณะที่ทางบริษัทได้รีบแจ้งให้พนักงานทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และอนุญาตให้กลับบ้านทันที

ด้านนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯกทม. ให้สัมภาษณ์พิเศษทางโทรศัพท์จากประเทศสหรัฐอเมริกาว่า ขณะนี้ตนได้รับทราบรายงานการเกิดแผ่นดินไหวที่ประเทศลาวและกทม.ก็ได้รับแรงสั่นสะเทือนดังกล่าว อย่างไรก็ตามอยากให้ประชาชนมั่นใจเพราะสปภ.กทม.ได้มีการซักซ้อมการรับมือหากตึกสูงต่างๆเกิดอาการสั่นไหวตลอดเวลา ยังไงก็ตามขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานความเสียหาย

ทั้งนี้ตนได้มอบหมายให้นายวัลลภ สุวรรณดี รองผู้ว่าฯกทม.ประสานกรมอุตุฯและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมกันนี้ตนของให้ประชาชนแจ้งเข้ามายังหมายเลข 1555 หากตึกที่ตนอยู่ยังเกิดอาการสั่นไหวซึ่งกทม.จะได้ส่งเจ้าหน้าที่สปภ.และเจ้าหน้าที่โยธาเข้าไปตรวจสอบโครงสร้างของอาคาร

ศ.ดร.ปณิธาน ลักคุณะประสิทธิ์ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านวิศวกรรมแผ่นดินไหวและการสั่นสะเทือน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า แม้ว่าแผ่นดินไหวจะรู้สึกได้ถึงกรุงเทพฯ แต่เคยเกิดขึ้นแล้ว ไม่น่ามีปัญหา และผู้ที่อาศัยอยู่บนตึกสูงไม่ควรตกใจมากจนต้องวิ่งหนีเหยียบกันจนเป็นอันตราย ส่วนที่แผ่นดินไหวมีจุดศูนย์กลางอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ มากยังรู้สึกถึงได้นั้น มีความเป็นไปได้ที่คลื่นแผ่นดินไหวจะมาถึงและเมื่อเดินทางถึงกรุงเทพฯ แล้ว เนื่องจากกรุงเทพฯ มีชั้นดินอ่อน คลื่นแผ่นดินไหวก็จะขยาย 3-4 เท่าของการสั่นสะเทือน ดังนั้น ผู้ที่อยู่บนตึกสูงประมาณ 10 ชั้นขึ้นไป จะรู้สึกว่าตัวโยกแต่ไม่น่ามีอะไรรุนแรง สำหรับอาฟเตอร์ช็อกที่จะตามมาของแผ่นดินไหวขนาด 6.1 ริกเตอร์นั้น ก็มีขนาดเล็กกว่า

ศ.ดร.ปณิธาน กล่าวแนะนำด้วยว่า ถ้ารู้สึกถึงแผ่นดินไหวแล้วอยู่บนตึกสูง อย่าแย่งกันวิ่งหนีออกจากตึกหรือลงลิฟต์ แต่ให้ลงบันไดและมีสติให้มาก โดยหลักปฏิบัติของประเทศที่เกิดแผ่นดินไหวบ่อย ๆ สำหรับกรณีที่เกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรง จะไม่ให้วิ่งออกจากตัวอาคาร แต่ให้หลบใต้โต๊ะที่แข็งแรงหรือข้างตู้ วัสดุที่แข็งแรง

ด้านนายอภิชัย ชวเจริญพันธ์ อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี เปิดเผยว่า แผ่นดินไหวที่เกิดขนาด 6.1 ริกเตอร์ ศูนย์กลางห่าง 60 กิโลเมตร จากอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย เป็นแผ่นดินไหวขนาดกลางที่ลึกลงไปใต้ดินไม่มากนัก นอกจากประชาชนที่อยู่บริเวณจังหวัดเชียงรายจะรู้สึกได้แล้ว ยังรู้สึกได้ในจังหวัดใกล้เคียง รวมทั้งกรุงเทพมหานคร ขณะนี้ กรมทรัพยากรธรณีกำลังตรวจสอบว่าจะมีอาฟเตอร์ช็อกตามมาหรือไม่ คาดว่าถ้ามีคงจะไม่แรงเท่าที่เกิดจุดศูนย์กลาง รวมทั้งได้ให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบว่ามีอาคารเสียหายหรือไม่ สำหรับรอยเลื่อนแม่จัน เป็นรอยเลื่อนที่ยังมีพลังอยู่ จึงมีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวอยู่เป็นระยะ

ด้านนายสมิทธ ธรรมสโรช ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กล่าวว่า หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว ศูนย์กลางที่ประเทศลาว ความรุนแรง 6.1 ริกเตอร์ ศูนย์กลางห่างจากอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย 61 กิโลเมตร ได้เกิดแผ่นดินไหวขนาดกลางหรือขนาดเล็ก ที่เรียกว่า

 

<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>



ตาต้ามอเตอร์ บริษัทรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอินเดีย ประกาศผลิตรถยนต์ที่ใช้พลังงานลมในการขับเคลื่อน โดยจะทยอยนำส่งเข้าสู่โชว์รูมในปี พ.ศ. 2552 รถยนต์พลังลม หรือ Air C ar นี้ ใช้การปล่อยอากาศจากระบบบีบอัดอากาศด้วยความดันสูง โดยอากาศที่ปล่อยออกมาจะทำหน้าที่หมุนเพลา ทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ โดยการเติมอากาศ สามารถเติมได้ตามสถานีอัดอากาศด้วยราคาไม่แพง โดยความเร็วสูงสุดที่ทำได้อยู่ที่ประมาณ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และสามารถวิ่งได้ประมาณ 200 กิโลเมตรต่อการเติมอากาศหนึ่งครั้ง
บริษัทผู้ออกแบบรถยนต์พลังลมคันนี้ คือ บริษัท MDI จากประเทศลักเซมเบิร์ก ซึ่งให้สิทธิบัตรแก่ตาต้าในการผลิตรถยนต์พลังลมในประเทศอินเดีย
โมเดลแรกของตาต้า C ity C AT ตั้งราคาไว้ประมาณ 400,000 บาท โดยตาต้าหวังไว้ว่าจุดเด่นของ C ity C AT ที่ไม่มีการปล่อยมลพิษทางอากาศ และราคาไม่แพง จะทำให้รถพลังลมรุ่นแรกนี้ จะทำยอดขายได้ดีในตลาดอินเดีย

 

*** ทฤษฎีสรรพสิ่ง ****

ก็คือ..."หลักสัจจะธรรม"
ตัวกระทำมีจริง ตัวกระทำไม่ตาย ตัวกระทำมีผลตอบแทน

สิ่งที่กำลังทำ....จะมีผลตอบแทน แน่นอน !!!

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

คนที่ตอบผมเนี่ยนะ สุดโต่งไปหรือเปล่าคับ มีสักกี่คนที่จะมีเงินทองมากมาย จนพอที่จะทำให้คนอื่นเดือดร้อน

ทางโลกเนี่ย ความมั่งคั่งต้องเริ่มจากการสะสม คุณขายของได้กำไรมาก็เก็บไว้เป็นทุนทำการค้าต่อไป สะสมไปเรื่อยๆจนมั่งคั่ง การค้าขายนั้นไม่ได้คดโกง ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน เป็นความผิดตรงไหนครับ แต่ถ้าคุณไม่สะสมทุน การงานคุณจะเติบโตไม่ได้

ทางธรรม การสละ ละวาง เริ่มต้นด้วยทาน การสละทรัพย์ การรักศีล ก็เป็นการละวางกิเลส ที่สุดการภาวนา คือการละวางตัวตน

แล้วผมพูดผิดตรงไหนครับ

 

มาจริง วิ่งได้ จะรอซื้อมาให้ลูกขับเล่นก่อน น่ะ......อิๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 

<object width="425" height="355"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/QmqpGZv0YT4"></param><param name="wmode" value="transparent"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/QmqpGZv0YT4" type="application/x-shockwave-flash" wmode="transparent" width="425" height="355"></embed></object>

พัฒนาโดยบริษัทผลิตรถยนต์ของอินเดีย (ตาต้ามอร์เตอร์ส)
http://www.gizmag.com/go/7000/
http://www.gizmag.com/go/7000/gallery/
http://www.popularmechanics.com/automotive/new_cars/4251491.html