ภัยน้ำท่วม!!!

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย Falkman, 7 ตุลาคม 2006.

  1. ศิษยานุศิษย์

    ศิษยานุศิษย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +303
    ขอเชิญทุกท่านร่วมกันช่วยพี่น้องร่วมเกิดแก่เจ็บตายของเราตามกำลังเป็นงานบุญสาธารณะกุศลเพื่อเร่งรัดบารมีค่ะ ร่วมบริจาคได้ที่


    <TABLE cellSpacing=0 width=624 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center>
    มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยทั่วประเทศ
    1034 ถ. กรุงเกษม แขวงคลองมหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย
    กรุงเทพฯ 10100
    โทร. 02-2829596, 02-2811423 ทางมูลนิธิรับบริจาคเป็นเช็ค หรือธนาณัติเท่านั้นค่ะ (ไม่รับการ Pay in ผ่านธนาคารค่ะ)

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>พุทธศาสนิกชนชาวพิจิตร ร่วมทำบุญในวันออกพรรษา แม้เกิดน้ำท่วมสูง</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>7 ตุลาคม 2549 13:53 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> วันออกพรรษาปีนี้ ชาวบ้านในหลายตำบลของอำเภอสามง่าม อำเภอโพธิ์ประทับช้าง อำเภอโพทะเล และกิ่งอำเภอบึงนาราง จังหวัดพิจิตร ต้องพายเรือมาร่วมทำบุญตักบาตรและฟังธรรมที่วัด เนื่องจากระดับน้ำท่วมยังสูงมาก ซึ่งนับเป็นเวลากว่า 1 เดือนแล้ว ที่ชาวบ้านต้องประสบกับปัญหาน้ำท่วม โดยบางพื้นที่ระดับน้ำท่วมยังสูงถึง 2 - 3 เมตร
    เช่นเดียวกับที่จังหวัดนครสวรรค์ ชาวบ้านในพื้นที่น้ำท่วมสูงต้องอาศัยเรือเป็นพาหนะ เดินทางไปทำบุญที่วัดเนื่องในวันออกพรรษา ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก เนื่องจากชาวบ้านส่วนใหญ่ตั้งใจจะออกมาร่วมทำบุญในวันนี้ เพราะถือเป็นการทำบุญในวันพระใหญ่ ขณะที่ชาวบ้านส่วนหนึ่งเริ่มโอดครวญว่า ราคาเรือซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในช่วงนี้ มีราคาเพิ่มสูงขึ้นมาก
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  3. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ดินภูเขาถล่มปิดทับเส้นทางที่ อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>7 ตุลาคม 2549 13:51 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> ร.ต.ท.อุปฤทธิ์ ศรีจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ สั่งการให้เจ้าหน้าที่ประสานแขวงการทางอุตรดิตถ์ นำรถแบ็กโฮและเครื่องมือหนัก เร่งเปิดเส้นทางในอำเภอลับแล ที่ถูกดินโคลนถล่มปิดทับจนไม่สามารถสัญจรได้ เนื่องจากฝนตกหนักเมื่อคืนจนดินอุ้มน้ำไม่ไหว ซึ่งมี 2 จุด คือ เส้นทางเข้าน้ำตกแม่พูล แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัด และที่ถนนสายผามูบ - มหาราช ในหมู่ 11 โดยจุดนี้มีรายงานว่า มีคนงานที่เข้าไปรับจ้างดายหญ้าในสวนทุเรียนติดอยู่บนภูเขาด้วย
    ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมในอำเภอลับแล ยังวิกฤติหนักเช่นกัน ทั้งในเขตเทศบาลศรีพนมมาศ เทศบาลตำบลหัวดง บ้านผามูบ และบ้านมหาราช ระดับน้ำยังสูงกว่า 1 เมตร</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  4. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ปริมาณน้ำเขื่อนป่าสักฯ เกินระดับที่จะสามารถกักเก็บได้แล้ว</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>7 ตุลาคม 2549 10:45 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> สถานการณ์น้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี ในขณะนี้ นายศักดิ์ศิริ อยู่สุข หัวหน้าโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษา เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี เปิดเผยว่า ระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำของเขื่อนป่าสักฯ ในวันนี้ มีมากถึง 996 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งถือว่ามากกว่าที่ทางเขื่อนป่าสักฯ จะสามารถเก็บกักไว้ได้ โดยทางเขื่อนป่าสักฯ สามารถเก็บกักน้ำได้เพียง 960 ล้านลูกบาศก์เมตรเท่านั้น แต่ขณะนี้ระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำสูงกว่าลิมิตที่ทางเขื่อนป่าสักฯ จะเก็บกักไว้ได้ถึง 36 ล้านลูกบาศก์เมตรแล้ว ขณะที่ระดับน้ำที่ไหลจากแม่น้ำป่านัก จ.เพชรบูรณ์ ผสมกับน้ำฝนที่ตกลงมาในพื้นที่ มีสูงถึงวันละ 63 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน แต่ทางเขื่อนป่าสักฯ สามารถระบายน้ำออกได้เพียงวันละ 3 ล้านลูกบาศก์เมตร เนื่องจากไม่ต้องการให้มีผลกระทบกับการระบายน้ำของเขื่อนเจ้าพระยา ทำให้ทางน้ำป่าสักมีผลกระทบในช่วง จ.ลพบุรี โดยเหนือเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ในช่วง อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี มีน้ำท่วมแล้วในหลายจุด ไม่ว่าจะเป็น ต.หนองยายโต๊ะ บัวชุม และท่ามะนาว ซึ่งระดับน้ำเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    [​IMG]

    ทำบุญออกพรรษา
    พระและสามเณรวัดอินทราราม ตำบลตะกู อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พายเรือออกไปรับญาติโยมมาทำบุญที่วัด ในโอกาสเทศกาลออกพรรษา
     
  6. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=567 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>ฝนตกหนักน้ำหลากทำช้างพังวัย 45 ปีติดหล่มโคลนหวิดดับ</TD></TR><TR><TD class=Text_Story vAlign=top><!-- [​IMG] ฝนตกหนักจนน้ำหลากทำช้างพังวัย 45 ปี ติดหล่มโคลน 3 วันเต็ม เจ้าของช้างและชาวบ้านจ้างรถแบ็คโฮช่วยลากขึ้นจากหล่มโคลนจนสำเร็จ


    (7ตค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุช้างเพศเมียตกหล่มโคลนหลังจากมีฝนตกหนักจนเกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่ อ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี ไม่สามารถขึ้นจากหล่มโคลนได้เอง ชาวบ้านละแวกใกล้เคียงได้พยายามช่วยเหลือโดยใช้รถแบ็คโฮลากช้างขึ้นมาได้อย่างทุลักทุเล
    จากการสอบถามทราบว่าช้างดังกล่าว คือ ช้างพังบุญศรี อายุ 45 ปี เป็นช้างของนายอรุณ เพรี อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17/1 ม.2 ต.พะแสง อ.เคียนซา จ.สุราษฎรธานี ได้ตกลงไปในหล่มโคลนหลังบ้านพัก ที่ทางเจ้าของผูกเชือกล่ามไว้ตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยขาหลังทั้งสองข้างตกลงไปไม่สามารถขึ้นจากหล่มโคลนได้เป็นระยะเวลาร่วม 3 วันเต็มแล้ว
    อย่างไรก็ตามชาวบ้านสามารถช่วยเหลือไว้ได้ ด้วยการนำรถแบ็คโฮมาพยุงลากตัวขึ้นจากหล่มโคลนได้ทันเวลาก่อนที่ช้างพังบุญศรีจะหมดแรงและเสียชีวิต ซึ่งขณะนี้ทางชาวบ้านได้พยายามช่วยเหลือช้างพังบุญศรี โดยการรักษาด้วยยาสมุนไพร
    กระทั่งล่าสุดนายอรรถพร เทพยา ปศุสัตว์จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์จังหวัด ร่วมกับสัตวแพทย์ เดินทางเข้าให้การช่วยเหลือ โดยทางสัตวแพทย์ได้ฉีดยากระตุ้นประสาทที่เท้าทั้งสองข้างให้ทำงาน เนื่องจากติดอยู่ในหล่มโคลนเป็นระยะเวลานาน เกรงว่าเส้นประสาทที่บริเวณหลังทั้งสองข้างจะไม่ทำงาน พร้อมกับรักษาอาการบวมที่เท้า และรักษาตามกรรมวิธีทางการแพทย์ พร้อมกำชับไม่ให้เคลื่อนย้ายช้างพังบุญศรีชั่วคราว เนื่องจากสอง
    ขาหลังได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง โดยมัดเชือกไว้ไม่ให้เคลื่อนไหวและอยู่ในความดูแลของเจ้าของช้างอย่างใกล้ชิด ซึ่งคาดว่าช้างพังบุญศรี จะสามารถเดินได้เป็นปกติในเร็วๆนี้ แต่ต้องใช้เวลารักษาประมาณ 1 -2 สัปดาห์
    นายอรุณ เพรี เจ้าของช้าง กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุมีฝนตกหนัก และได้นำช้างไปผูกไว้หลังบ้านตามปกติ โดยที่ไม่คาดคิดว่าพื้นที่ดินดังกล่าวจะยุบตัวลง ทำให้ช้างตกไปได้ จึงได้พยายามชักชวนเพื่อนบ้านในละแวกบ้านชักลากตัวขึ้นมา แต่ทำไม่ได้ สงสารช้างพังบุญศรีมาก จึงได้ว่าจ้างรถแบ็คโฮให้ลากขึ้นมาได้ แต่ทำเอาทุลักทุเลพอสมควร จากนั้นก็ได้ต้มยาสมุนไพรให้ช้างพังบุญศรีกินตามคำแนะนำของเพื่อนบ้านและเป็นวิธีของคนโบราณ ต่อมาก็ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์เดินทางมารักษาตามวิธีการแพทย์แผนปัจจุบัน นายอรุณ กล่าวอีกว่า ได้เลี้ยงพังบุญศรีมานานแล้ว เพราะเป็นสมบัติของพ่อที่ได้มอบให้ไว้ โดยไม่ได้ใช้งานอะไรมาก นอกจากงานเบาๆ เพราะอายุมากแล้ว และชาวบ้านในละแวกนั้นช่วยกันดูแลเป็นอย่างดี เพราะก่อนหน้านี้เคยช่วยเหลือชักลากไม้ให้เพื่อนบ้านมาบ้างแล้ว แต่ในระยะหลังก็ได้เลี้ยงและล่ามไว้เฉยๆที่บริเวณหลังบ้านพัก ขณะที่นายอรรถพร เทพยา ปศุสัตว์จังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า หลังรับทราบได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์เข้าไปดูแลทันที เพราะช้างเป็นสัตว์ใหญ่ที่หายาก และต้องดูแลอย่างใกล้ชิดในการดูแลรักษาพร้อมกับแจ้งให้เจ้าของดูแลตามคำแนะนำของสัตวแพทย์ เชื่อมั่นว่าอีกไม่นานช้างพังบุญศรีจะหายเป็นปกติ

    -->
    ฝนตกหนักจนน้ำหลากทำช้างพังวัย 45 ปี ติดหล่มโคลน 3 วันเต็ม เจ้าของช้างและชาวบ้านจ้างรถแบ็คโฮช่วยลากขึ้นจากหล่มโคลนจนสำเร็จ
    (7ตค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุช้างเพศเมียตกหล่มโคลนหลังจากมีฝนตกหนักจนเกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่ อ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี ไม่สามารถขึ้นจากหล่มโคลนได้เอง ชาวบ้านละแวกใกล้เคียงได้พยายามช่วยเหลือโดยใช้รถแบ็คโฮลากช้างขึ้นมาได้อย่างทุลักทุเล
    จากการสอบถามทราบว่าช้างดังกล่าว คือ ช้างพังบุญศรี อายุ 45 ปี เป็นช้างของนายอรุณ เพรี อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17/1 ม.2 ต.พะแสง อ.เคียนซา จ.สุราษฎรธานี ได้ตกลงไปในหล่มโคลนหลังบ้านพัก ที่ทางเจ้าของผูกเชือกล่ามไว้ตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยขาหลังทั้งสองข้างตกลงไปไม่สามารถขึ้นจากหล่มโคลนได้เป็นระยะเวลาร่วม 3 วันเต็มแล้ว
    อย่างไรก็ตามชาวบ้านสามารถช่วยเหลือไว้ได้ ด้วยการนำรถแบ็คโฮมาพยุงลากตัวขึ้นจากหล่มโคลนได้ทันเวลาก่อนที่ช้างพังบุญศรีจะหมดแรงและเสียชีวิต ซึ่งขณะนี้ทางชาวบ้านได้พยายามช่วยเหลือช้างพังบุญศรี โดยการรักษาด้วยยาสมุนไพร
    กระทั่งล่าสุดนายอรรถพร เทพยา ปศุสัตว์จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์จังหวัด ร่วมกับสัตวแพทย์ เดินทางเข้าให้การช่วยเหลือ โดยทางสัตวแพทย์ได้ฉีดยากระตุ้นประสาทที่เท้าทั้งสองข้างให้ทำงาน เนื่องจากติดอยู่ในหล่มโคลนเป็นระยะเวลานาน เกรงว่าเส้นประสาทที่บริเวณหลังทั้งสองข้างจะไม่ทำงาน พร้อมกับรักษาอาการบวมที่เท้า และรักษาตามกรรมวิธีทางการแพทย์ พร้อมกำชับไม่ให้เคลื่อนย้ายช้างพังบุญศรีชั่วคราว เนื่องจากสอง
    ขาหลังได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง โดยมัดเชือกไว้ไม่ให้เคลื่อนไหวและอยู่ในความดูแลของเจ้าของช้างอย่างใกล้ชิด ซึ่งคาดว่าช้างพังบุญศรี จะสามารถเดินได้เป็นปกติในเร็วๆนี้ แต่ต้องใช้เวลารักษาประมาณ 1 -2 สัปดาห์
    นายอรุณ เพรี เจ้าของช้าง กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุมีฝนตกหนัก และได้นำช้างไปผูกไว้หลังบ้านตามปกติ โดยที่ไม่คาดคิดว่าพื้นที่ดินดังกล่าวจะยุบตัวลง ทำให้ช้างตกไปได้ จึงได้พยายามชักชวนเพื่อนบ้านในละแวกบ้านชักลากตัวขึ้นมา แต่ทำไม่ได้ สงสารช้างพังบุญศรีมาก จึงได้ว่าจ้างรถแบ็คโฮให้ลากขึ้นมาได้ แต่ทำเอาทุลักทุเลพอสมควร จากนั้นก็ได้ต้มยาสมุนไพรให้ช้างพังบุญศรีกินตามคำแนะนำของเพื่อนบ้านและเป็นวิธีของคนโบราณ ต่อมาก็ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์เดินทางมารักษาตามวิธีการแพทย์แผนปัจจุบัน
    นายอรุณ กล่าวอีกว่า ได้เลี้ยงพังบุญศรีมานานแล้ว เพราะเป็นสมบัติของพ่อที่ได้มอบให้ไว้ โดยไม่ได้ใช้งานอะไรมาก นอกจากงานเบาๆ เพราะอายุมากแล้ว และชาวบ้านในละแวกนั้นช่วยกันดูแลเป็นอย่างดี เพราะก่อนหน้านี้เคยช่วยเหลือชักลากไม้ให้เพื่อนบ้านมาบ้างแล้ว แต่ในระยะหลังก็ได้เลี้ยงและล่ามไว้เฉยๆที่บริเวณหลังบ้านพัก ขณะที่นายอรรถพร เทพยา ปศุสัตว์จังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า หลังรับทราบได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์เข้าไปดูแลทันที เพราะช้างเป็นสัตว์ใหญ่ที่หายาก และต้องดูแลอย่างใกล้ชิดในการดูแลรักษาพร้อมกับแจ้งให้เจ้าของดูแลตามคำแนะนำของสัตวแพทย์ เชื่อมั่นว่าอีกไม่นานช้างพังบุญศรีจะหายเป็นปกติ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  7. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    [​IMG]
     
  8. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    [​IMG]
    ท่วมถนน
    เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงกำลังรอความช่วยเหลือจากทหารหลังน้ำท่วมพื้นที่จ.จันทบุรี โดยบางจุดมีน้ำท่วมสุงเกือบ 2 เมตร
     
  9. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    [​IMG]
    ย้ายนักโทษ
    นักโทษเรือนจำกลางจังหวัดจันทบุรี ที่น้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร ต้องอพยพนักโทษกว่า 900 คน ไปฝากขังเรือนจำใกล้เคียง 4 แห่งในจังหวัดใกล้เคียง
     
  10. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=567 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>กรมชลฯย้ำหยุดปล่อยน้ำจากเขื่อนไม่ได้แม้น้ำทะเลหนุนสูง</TD></TR><TR><TD class=Text_Story vAlign=top><!-- [​IMG] ผบ.สส.มอบ"อภิรักษ์"ประสานกรมชลฯขอหยุดปล่อยน้ำจากเขื่อนช่วงน้ำทะเลหนุนสูงสุด แต่กรมชลฯย้ำหยุดปล่อยน้ำจากเขื่อนไม่ได้ แต่จะพยายามปล่อยให้น้อยที่สุด กทม.เตรียมเสริมกระสอบทรายริมแม่น้ำเจ้าพระยาเป็น 2.5 เมตร


    (7ตค.) พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.สส. ประธานคณะกรรมการอำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ได้เรียกประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ประสบอุทกภัย ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร นนทบุรี สมุทรปราการ อ่างทอง อยุธยา ชัยนาท ลพบุรีและนครสวรรค์และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมชลประทาน กรมอุตุนิยมวิทยา การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กรมทางหลวง กรมทรัพยกรธรณี เพื่อหารือถึงการบริหารจัดการน้ำในเขตพื้นที่ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา และปริมณฑล รวมทั้งการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างเร่งด่วน
    พล.อ.บุญสร้าง แถลงภายหลังประชุมว่า ที่ประชุมรับทราบเกี่ยวกับช่วงที่น้ำทะเลจะหนุนสุงสุด ในวันที่ 10-11 ต.ค.นี้ จึงมอบหมายให้นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการ กทม. ประสานงานกับกรมชลประทาน ให้พยายามปล่อยน้ำเหนือให้น้อยที่สุด หรือหากเป็นไปได้ ให้หยุดปล่อยน้ำ 3 วัน ก่อนหน้าที่จะมีน้ำทะเลหนุนสูงสุด
    ด้านนายพีระพงษ์ สุวรรณมนตรี รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ขณะนี้ปริมาณน้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นมาก ตั้งแแต่นครสวรรค ชัยนาท สิงห์บรี อ่างทอง และอยุธยา ประกอบกับน้ำในเขื่อนป่าสัก มีความสูงเกิน 100 เปอร์เซนต์แล้ว กรมชลประทาน จึงจำเป็นต้องระบายน้ำส่วนเกินลงอยุธยา ผ่าน อ.บางไทร โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ปริมาณน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา อยู่ที่ระดับ 3,330 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทั้งนี้ไม่มีฝนตก และกทม.หยุดสูบน้ำจากพื้นที่กรุงเทพชั้นในลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ก็จะช่วยทำให้การระบายน้ำดีขึ้นในช่วงที่น้ำทะเลหนุน 10-11 ต.ค.นี้
    " กรมชลประทานคงไม่สามารถกักน้ำไว้ได้ตามที่ผบ.สส.ระบุ จำเป็นจะต้องปล่อยลงมาเล็กน้อย แต่จะคุมไม่ให้ปริมาณน้ำเกิน 3,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เนื่องจากเขื่อนเจ้าพระยา ไม่ใช่เขื่อนใช้สำหรับกักเก็บน้ำ ทั้งนี้มั่นใจว่า ปริมาณน้ำจะไม่สูงเกิน 4,200 ลูกบาศก์เมตร เหมือนเมื่อปี 2545 ที่มีปัญหาน้ำท่วม
    นายอภิรักษ์ กล่าวว่า ในส่วนของกรม. มีพื้นที่เสี่ยง 2 จุด คือริมแม่น้ำเจ้าพระยา และพื้นที่ด้านตะวันออก โดยในส่วนพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพำระยานั้น กทม.ได้สร้างแนวเขื่อนกั้นน้ำสูง 3 เมตร ระยะทาง 57 กิโลเมตร ส่วนที่ยังสร้างไม่เสร็จ ได้เสริมกระสอบทราย สูง 2.2 เมตร ซึ่งจากการประเมินสถานการณ์ วันที่ 10-11 ต.ค.นี้ คาดว่าปริมาณท้ายเขื่อนเจ้าพระยา น่าจะอยู่ใกล้เคียง หรือมากกว่าปัจจุบันเล็กน้อย คือประมาณ 2.07 เมตร ซึ่งต่ำกว่าแนวกระสอบทราบที่กทม.วางไว้ ขณะเดียวกันคาดการณ์ว่าน้ำทะเลในวันที่ 10-11 จะถึงสูงถึง 2.27 เมตร ซึ่งเกินแนวกระสอบทราย ดังนั้นกทม.จะเสริมแนวกระสอบทรายให้สูงขึ้นเป็น 2.5 เมตร
    ต่อมาเวลา 13.30 น. นายอภิรักษ์พร้อมด้วยพล.อ.ไพโรจน์ พานิชสมัย รองผบ.สส. ได้เดินทางตรวจพื้นที่น้ำท่วม และเยื่ยมผู้ประสบภัยในพื้นที่หมู่บ้านทหารกองหนุน ซ.พระยาสุเรนทร์ 28 และตรวจน้ำท่วมใมนพื้นที่การเกษตร แขวงทรายกองบินใต้ และร่วมกันมอบถุงยังชีพพระราชทาน ให้แก่ประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วมด้วย
    สำหรับสถานการณ์ระดับน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรีหลังจากระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำของเขื่อนป่าสักเต็มความจุของเขื่อนป่าสักแล้วเมื่อ 2 วันก่อนมนระดับ 960 ล้านลูกบาศก์เมตร จนถึงขณะนี้น้ำจากแม่น้ำป่าสักในจังหวัดเพชรบูรณ์และน้ำฝนที่ตกลงมาในพื้นที่ยังมีมากอยู่และไหลเข้ามาสู่ในตัวเขื่อนป่าสักสูงถึงวันละ 67 ล้านลูกบาศก์เมตรนั้นทำให้ระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำของเขื่อนป่าสักมีสูงถึง 996 ล้านลูกบาศก์ ซึ่งถือว่าเกินกว่าระดับความปลอดภัยของเขื่อนถึง 39 ล้านลูกบาศก์เมตรแล้ว และทางเขื่อนป่าสักเองก็ไม่สามารถระบายน้ำออกมาได้อย่างเต็มที่เพราะจะกระทบกับการระบายน้ำของทางเขื่อนเจ้าพระยาที่ระบายมามาก จึงจำเป็นต้องแบกระภาระน้ำที่สูงอยู่ และการระบายน้ำออกจากเขื่อนป่าสักในวันนี้อยู่ที่ 32 ล้านลูกบาศก์เมตรเท่านั้น อย่างไรก็ตามในวันนี้ทางเขื่อนอาจจะต้องมีการระบายน้ำเพิ่มเต็มเพื่อเป็นการลดปริมาณน้ำในเขื่อนลง ซึ่งคาดว่าน่าจะระบายน้ำออกในช่วงเย็นนี้อยู่ที่ 450-500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หรือวันละ 39-40 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน โดยอาจจะทำให้ในช่วงท้ายเขื่อนได้ระบผลกระทบต่อการระบายน้ำของเขื่อนป่าสักในครั้งนี้แต่จะให้ได้รับน้อยที่สุด ส่วนในอำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี หลังจากที่เขื่อนป่าสักมีน้ำอยู่มากจึงทำให้น้ำในแม่น้ำป่าสักล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนชาวบ้านในหลายตำบล เช่น หนองยายโต๊ะ บัวชุม ท่ามะนาวและลำนารายณ์ ซึ่งระดับน้ำกำลังสูงขึ้น ทำให้ชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมอพยพสัตว์เลี้ยง ทั้งหมู วัว และสิ่งของหนีน้ำขึ้นมาอยู่ริมถนนและ โดยคาดว่านาจะมีน้ำท่วมขังนานหากเขื่อนป่าสักยังไม่สามารถระบายน้ำได้เต็มที่ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักก็จะยังไม่ลดลง

    -->
    ผบ.สส.มอบ"อภิรักษ์"ประสานกรมชลฯขอหยุดปล่อยน้ำจากเขื่อนช่วงน้ำทะเลหนุนสูงสุด แต่กรมชลฯย้ำหยุดปล่อยน้ำจากเขื่อนไม่ได้ แต่จะพยายามปล่อยให้น้อยที่สุด กทม.เตรียมเสริมกระสอบทรายริมแม่น้ำเจ้าพระยาเป็น 2.5 เมตร
    (7ตค.) พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.สส. ประธานคณะกรรมการอำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ได้เรียกประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ประสบอุทกภัย ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร นนทบุรี สมุทรปราการ อ่างทอง อยุธยา ชัยนาท ลพบุรีและนครสวรรค์และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมชลประทาน กรมอุตุนิยมวิทยา การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กรมทางหลวง กรมทรัพยกรธรณี เพื่อหารือถึงการบริหารจัดการน้ำในเขตพื้นที่ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา และปริมณฑล รวมทั้งการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างเร่งด่วน
    พล.อ.บุญสร้าง แถลงภายหลังประชุมว่า ที่ประชุมรับทราบเกี่ยวกับช่วงที่น้ำทะเลจะหนุนสุงสุด ในวันที่ 10-11 ต.ค.นี้ จึงมอบหมายให้นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการ กทม. ประสานงานกับกรมชลประทาน ให้พยายามปล่อยน้ำเหนือให้น้อยที่สุด หรือหากเป็นไปได้ ให้หยุดปล่อยน้ำ 3 วัน ก่อนหน้าที่จะมีน้ำทะเลหนุนสูงสุด
    ด้านนายพีระพงษ์ สุวรรณมนตรี รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ขณะนี้ปริมาณน้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นมาก ตั้งแแต่นครสวรรค ชัยนาท สิงห์บรี อ่างทอง และอยุธยา ประกอบกับน้ำในเขื่อนป่าสัก มีความสูงเกิน 100 เปอร์เซนต์แล้ว กรมชลประทาน จึงจำเป็นต้องระบายน้ำส่วนเกินลงอยุธยา ผ่าน อ.บางไทร โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ปริมาณน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา อยู่ที่ระดับ 3,330 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทั้งนี้ไม่มีฝนตก และกทม.หยุดสูบน้ำจากพื้นที่กรุงเทพชั้นในลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ก็จะช่วยทำให้การระบายน้ำดีขึ้นในช่วงที่น้ำทะเลหนุน 10-11 ต.ค.นี้
    " กรมชลประทานคงไม่สามารถกักน้ำไว้ได้ตามที่ผบ.สส.ระบุ จำเป็นจะต้องปล่อยลงมาเล็กน้อย แต่จะคุมไม่ให้ปริมาณน้ำเกิน 3,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เนื่องจากเขื่อนเจ้าพระยา ไม่ใช่เขื่อนใช้สำหรับกักเก็บน้ำ ทั้งนี้มั่นใจว่า ปริมาณน้ำจะไม่สูงเกิน 4,200 ลูกบาศก์เมตร เหมือนเมื่อปี 2545 ที่มีปัญหาน้ำท่วม
    นายอภิรักษ์ กล่าวว่า ในส่วนของกรม. มีพื้นที่เสี่ยง 2 จุด คือริมแม่น้ำเจ้าพระยา และพื้นที่ด้านตะวันออก โดยในส่วนพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพำระยานั้น กทม.ได้สร้างแนวเขื่อนกั้นน้ำสูง 3 เมตร ระยะทาง 57 กิโลเมตร ส่วนที่ยังสร้างไม่เสร็จ ได้เสริมกระสอบทราย สูง 2.2 เมตร ซึ่งจากการประเมินสถานการณ์ วันที่ 10-11 ต.ค.นี้ คาดว่าปริมาณท้ายเขื่อนเจ้าพระยา น่าจะอยู่ใกล้เคียง หรือมากกว่าปัจจุบันเล็กน้อย คือประมาณ 2.07 เมตร ซึ่งต่ำกว่าแนวกระสอบทราบที่กทม.วางไว้ ขณะเดียวกันคาดการณ์ว่าน้ำทะเลในวันที่ 10-11 จะถึงสูงถึง 2.27 เมตร ซึ่งเกินแนวกระสอบทราย ดังนั้นกทม.จะเสริมแนวกระสอบทรายให้สูงขึ้นเป็น 2.5 เมตร
    ต่อมาเวลา 13.30 น. นายอภิรักษ์พร้อมด้วยพล.อ.ไพโรจน์ พานิชสมัย รองผบ.สส. ได้เดินทางตรวจพื้นที่น้ำท่วม และเยื่ยมผู้ประสบภัยในพื้นที่หมู่บ้านทหารกองหนุน ซ.พระยาสุเรนทร์ 28 และตรวจน้ำท่วมใมนพื้นที่การเกษตร แขวงทรายกองบินใต้ และร่วมกันมอบถุงยังชีพพระราชทาน ให้แก่ประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วมด้วย
    สำหรับสถานการณ์ระดับน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรีหลังจากระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำของเขื่อนป่าสักเต็มความจุของเขื่อนป่าสักแล้วเมื่อ 2 วันก่อนมนระดับ 960 ล้านลูกบาศก์เมตร จนถึงขณะนี้น้ำจากแม่น้ำป่าสักในจังหวัดเพชรบูรณ์และน้ำฝนที่ตกลงมาในพื้นที่ยังมีมากอยู่และไหลเข้ามาสู่ในตัวเขื่อนป่าสักสูงถึงวันละ 67 ล้านลูกบาศก์เมตรนั้นทำให้ระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำของเขื่อนป่าสักมีสูงถึง 996 ล้านลูกบาศก์ ซึ่งถือว่าเกินกว่าระดับความปลอดภัยของเขื่อนถึง 39 ล้านลูกบาศก์เมตรแล้ว และทางเขื่อนป่าสักเองก็ไม่สามารถระบายน้ำออกมาได้อย่างเต็มที่เพราะจะกระทบกับการระบายน้ำของทางเขื่อนเจ้าพระยาที่ระบายมามาก จึงจำเป็นต้องแบกระภาระน้ำที่สูงอยู่ และการระบายน้ำออกจากเขื่อนป่าสักในวันนี้อยู่ที่ 32 ล้านลูกบาศก์เมตรเท่านั้น
    อย่างไรก็ตามในวันนี้ทางเขื่อนอาจจะต้องมีการระบายน้ำเพิ่มเต็มเพื่อเป็นการลดปริมาณน้ำในเขื่อนลง ซึ่งคาดว่าน่าจะระบายน้ำออกในช่วงเย็นนี้อยู่ที่ 450-500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หรือวันละ 39-40 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน โดยอาจจะทำให้ในช่วงท้ายเขื่อนได้ระบผลกระทบต่อการระบายน้ำของเขื่อนป่าสักในครั้งนี้แต่จะให้ได้รับน้อยที่สุด ส่วนในอำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี หลังจากที่เขื่อนป่าสักมีน้ำอยู่มากจึงทำให้น้ำในแม่น้ำป่าสักล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนชาวบ้านในหลายตำบล เช่น หนองยายโต๊ะ บัวชุม ท่ามะนาวและลำนารายณ์ ซึ่งระดับน้ำกำลังสูงขึ้น ทำให้ชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมอพยพสัตว์เลี้ยง ทั้งหมู วัว และสิ่งของหนีน้ำขึ้นมาอยู่ริมถนนและ โดยคาดว่านาจะมีน้ำท่วมขังนานหากเขื่อนป่าสักยังไม่สามารถระบายน้ำได้เต็มที่ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักก็จะยังไม่ลดลง
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  11. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=3 width="95%" align=center bgColor=#000033 border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD width="76%" bgColor=#eeeeee colSpan=2 height=21>
    พยากรณ์อากาศประจำวัน
    วันเสาร์ ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2549
    ออกประกาศเวลา 2300 น.
    </TD></TR><TR vAlign=top><TD width="76%" bgColor=#eeeeee colSpan=2 height=21><CENTER>สภาวะอากาศทั่วไป</CENTER>
    <DD>ร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่านภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือและมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ ทำให้ทุกภาคของประเทศมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักเกิดขึ้นได้ ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยและพื้นที่ลุ่มบริเวณดังกล่าวโดยเฉพาะจังหวัดตาก สุโขทัย อุตรดิตถ์ พิษณุโลก และนครราชสีมา ระมัดระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก สำหรับประชาชนบริเวณจังหวัดอยุธยา ปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด ยังคงต้องระวังอันตรายจากน้ำท่วมต่อไปอีก ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังในระยะนี้
    </DD>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=567 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top height=8></TD></TR><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=567 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>เร่งสำรวจเจดีย์อายุกว่า 100 ปีทรุดตัวหลังฝนตกต่อเนื่อง</TD></TR><TR><TD class=Text_Story vAlign=top><!-- [​IMG] พระเจดีย์ธาตุท่าไชย จ.ตาก อายุกว่า 100 ปี ทรุด เหตุจากฝนตกหนัก กรมศิลปากรต้องเร่งตรวจ พบเป็นองค์ใหม่ที่สร้างครอบของเดิมจัดเวรยามเฝ้าหวั่นพระเก่าแก่ถูกขโมย


    (7ตค.) ฝนที่ตกหนักติดต่อกันส่งผลให้องค์พระธาตุเก่าแก่ทรุดตัวครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 7 ตุลาคม องค์พระเจดีย์ธาตุเก่าแก่ในหมู่บ้านวังหม้อ ต.เกาะตะเภา อ.บ้านตาก จ.ตาก ซึ่งคนทั่วไปให้ความเคารพนับถือ เนื่องจากเป็นโบราณสถานศักดิ์สิทธิ์ โดยองค์พระเจดีย์เกิดรอยแตกร้าว และบางส่วนทรุดตัว โดยเฉพาะฐานรากจรดปลายยอดฉัตร และด้านหลังองค์พระธาตุ มีรอยแตกร้าวมากมาย ขณะที่ส่วนปลายองค์พระธาตุ เริ่มเอนเอียง ส่อแววว่าจะพังทลายลงในอีกไม่ช้า โดยมีพระสงฆ์ และเจ้าหน้าที่ อบต.เกาะตะเภา เจ้าของพื้นที่ ยืนมุงดูสภาพความเสียหายขององค์พระเจดีย์ธาตุอยู่คอยกันไม่ให้คนไม่เกี่ยวข้องเข้าใกล้ เนื่องจากเกรงว่า พระโบราณที่มีอยุ่จะถูกขโมย
    พระใบฎีกาเชาว์ ฐานิโย เจ้าคณะตำบลเกาะตะเภา กล่าวว่า ได้แจ้งให้พระร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่ จัดเตรียมสถานที่ กั้นเชือกปิดล้อมรอบบริเวณองค์พระธาตุ ป้องกันอันตรายจากการทรุดตัวของยอดพระธาตุ ที่จะสร้างอันตรายแก่ฝูงชนยืนมุงดู โดยได้รายงานให้ทางสำนักงานพุทธศาสนาจังหวัดตาก เจ้าคณะอำเภอบ้านตาก และจังหวัดทราบแล้ว และให้ทาง อบต.เกาะตะเภาประสานงานให้ทางกรมศิลปากร จ.สุโขทัยเข้าตรวจสอบใน เวลาต่อมา
    “องค์พระธาตุ เป็นโบราณสถานยุคสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ก่อนหน้าที่ทรุดมีรอยร้าวตามร่องปูน และก้อนอิฐ ตลอดจนพวกวัชพืช กาฝากที่ขึ้นเต็มรอบองค์พระธาตุ ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หยดน้ำฝนซึมซับเข้าไปผิวดินชั้นในพระธาตุ จนทรุดพังทลายลงมา ซึ่งจะต้องเร่งบูรณะ หรืออาจต้องสร้างองค์พระธาตุใหม่ขึ้นประดิษฐานแทน ตามรูปแบบองค์เดิมที่พัง” พระใบฎีกาเชาว์ กล่าว
    ด้าน นายกาวี ด้วงทอง รองนายก อบต.เกาะตะเภา กล่าวว่า ขณะนี้ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ อปพร.ประจำตำบล กว่า 30 คน ร่วมกันจัดเตรียมสถานที่ และเข้าเวรยามรักษาการณ์รอบพื้นที่ หลังพบเซียนพระ หลายคน ทั้งในและต่างจังหวัด เข้ามาเยี่ยมชมองค์พระธาตุ ทำให้เกรงว่าหากยอดพระธาตุทรุดพังทลายลง มาอาจจะเกิดเหตุการณ์ชุลมุนและจะทำให้ทรัพย์สมบัติของแผ่นดินถูกขโมยเสียหาย นอกจาก นี้ยังได้ขอกำลังตำรวจ สภ.อ.บ้านตาก ร่วมเฝ้าจับตาดูพฤติกรรมของพวกมิจฉาชีพที่แอบแฝงเข้ามาก่อเหตุลักทรัพย์ในพื้นที่ มีการติดตั้งระบบไฟฟ้าแสงสว่าง และจัดเจ้าหน้าที่เข้าผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเฝ้าตลอด 24 ชั่วโมง
    ต่อมาช่วงบ่าย นายธราพงษ์ ศรีสุชาติ ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปากรที่ 6 จังหวัดสุโขทัย พร้อมคณะนัก โบราณคดี เดินทางเข้าตรวจสอบสภาพความเสียหายขององค์พระธาตุ โดยกล่าวว่า พระธาตุองค์นี้ชาวบ้านได้ร่วมกันสร้างขึ้นใหม่ล้อมรอบองค์พระธาตุของเดิมที่มีอายุเก่าแก่ ประมาณ 200 ปี โดยสร้าง เมื่อสมัย 70-80 ปี ไม่นานมานี้ เป็นทรงระฆังคว่ำ ศิลปกรรมสมัยล้านนา รุ่นหลังจากพระธาตุยุทธหัตถี ซึ่งมีอายุมากกว่า 700 ปี
    “สำหรับการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่กรมศิลปากร ขณะนี้ได้ถ่ายภาพนิ่งไว้เป็นหลักฐาน ไว้ก่อน เนื่อง จากโบราณสถานแห่งนี้ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนจากกรมศิลปากรมาก่อน แต่เมื่อเป็นโบราณ สถาน ก็ถือว่าเป็นทรัพย์สมบัติของชาติ ซึ่งกรมศิลปากรมีหน้าที่ในการควบคุม ตรวจสอบ ดูแลรักษาให้ คงไว้เป็นสมบัติของแผ่นดินอยู่แล้ว ในส่วนของความเสียหายที่เกิดขึ้น ไม่น่าจะซ่อมแซม หรือบูรณะ ใหม่แทนได้ เนื่องจาก องค์ที่ชำรุดภายในมีแต่ดินที่อุ้มน้ำไว้มาก และมีรากของ พวกวัชพืช ต้นไม้กาฝากขึ้นอยู่มาก
    น.ส.นาฎตยา ภูศรี นักโบราณคดี 5 ประจำสำนักงานกรมศิลปากรที่ 6 จังหวัดสุโขทัย กล่าวว่า ดูจากองค์พระธาตุแล้ว น่าจะมีอายุราว 100 ปี เป็นศิลปกรรมที่ได้รับอิทธิพลมาจากสมัยล้านนา คาดว่าน่าจะสร้างในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ขณะที่ข้อมูลทั่วไป ตรวจพบขนาด รอบองค์ธาตุ กว้างประมาณ 7 เมตร สูงเฉลี่ยประมาณ 15- 18 เมตร ขณะที่อิฐที่ใช้ก่อองค์ธาตุ มีขนาดความโต กว้าง 14 ยาว 28 และหนา 4 เซนติเมตร ซึ่งเป็นอิฐ ที่เก่าโบราณมากแล้ว ในเบื้องต้นต้องเก็บข้อมูลให้ได้มากที่สุด เพื่อประโยชน์ใน การบูรณะสร้างขึ้นใหม่แทนองค์เดิมที่ได้รับความเสียหาย พร้อมกันนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่ติดป้ายเตือนชาวบ้านให้ออกนอกเขตแนวเชือก เพราะอาจได้รับอันตรายหากพระธาตุทรุดตัว ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มอีกว่า ในส่วนของยอดองค์พระธาตุท่าไชย ภายในบรรจุ พระเครื่อง เครื่องเงิน ทอง แก้ว แหวน ของโบราณล้ำค่า ขณะนี้ อบต.เกาะตะเภาได้ประสานขอสนับสนุนเครื่องจักรรถเครนจากหน่วยงานราชการในพื้นที่ ยกยอดฉัตร ส่วนปลายองค์ธาตุ ออกจากองค์พระธาตุ เพื่อป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้นและป้องกันมิจฉาชีพ.

    -->
    พระเจดีย์ธาตุท่าไชย จ.ตาก อายุกว่า 100 ปี ทรุด เหตุจากฝนตกหนัก กรมศิลปากรต้องเร่งตรวจ พบเป็นองค์ใหม่ที่สร้างครอบของเดิมจัดเวรยามเฝ้าหวั่นพระเก่าแก่ถูกขโมย
    (7ตค.) ฝนที่ตกหนักติดต่อกันส่งผลให้องค์พระธาตุเก่าแก่ทรุดตัวครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 7 ตุลาคม องค์พระเจดีย์ธาตุเก่าแก่ในหมู่บ้านวังหม้อ ต.เกาะตะเภา อ.บ้านตาก จ.ตาก ซึ่งคนทั่วไปให้ความเคารพนับถือ เนื่องจากเป็นโบราณสถานศักดิ์สิทธิ์ โดยองค์พระเจดีย์เกิดรอยแตกร้าว และบางส่วนทรุดตัว โดยเฉพาะฐานรากจรดปลายยอดฉัตร และด้านหลังองค์พระธาตุ มีรอยแตกร้าวมากมาย ขณะที่ส่วนปลายองค์พระธาตุ เริ่มเอนเอียง ส่อแววว่าจะพังทลายลงในอีกไม่ช้า โดยมีพระสงฆ์ และเจ้าหน้าที่ อบต.เกาะตะเภา เจ้าของพื้นที่ ยืนมุงดูสภาพความเสียหายขององค์พระเจดีย์ธาตุอยู่คอยกันไม่ให้คนไม่เกี่ยวข้องเข้าใกล้ เนื่องจากเกรงว่า พระโบราณที่มีอยุ่จะถูกขโมย
    พระใบฎีกาเชาว์ ฐานิโย เจ้าคณะตำบลเกาะตะเภา กล่าวว่า ได้แจ้งให้พระร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่ จัดเตรียมสถานที่ กั้นเชือกปิดล้อมรอบบริเวณองค์พระธาตุ ป้องกันอันตรายจากการทรุดตัวของยอดพระธาตุ ที่จะสร้างอันตรายแก่ฝูงชนยืนมุงดู โดยได้รายงานให้ทางสำนักงานพุทธศาสนาจังหวัดตาก เจ้าคณะอำเภอบ้านตาก และจังหวัดทราบแล้ว และให้ทาง อบต.เกาะตะเภาประสานงานให้ทางกรมศิลปากร จ.สุโขทัยเข้าตรวจสอบใน เวลาต่อมา
    “องค์พระธาตุ เป็นโบราณสถานยุคสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ก่อนหน้าที่ทรุดมีรอยร้าวตามร่องปูน และก้อนอิฐ ตลอดจนพวกวัชพืช กาฝากที่ขึ้นเต็มรอบองค์พระธาตุ ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หยดน้ำฝนซึมซับเข้าไปผิวดินชั้นในพระธาตุ จนทรุดพังทลายลงมา ซึ่งจะต้องเร่งบูรณะ หรืออาจต้องสร้างองค์พระธาตุใหม่ขึ้นประดิษฐานแทน ตามรูปแบบองค์เดิมที่พัง” พระใบฎีกาเชาว์ กล่าว
    ด้าน นายกาวี ด้วงทอง รองนายก อบต.เกาะตะเภา กล่าวว่า ขณะนี้ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ อปพร.ประจำตำบล กว่า 30 คน ร่วมกันจัดเตรียมสถานที่ และเข้าเวรยามรักษาการณ์รอบพื้นที่ หลังพบเซียนพระ หลายคน ทั้งในและต่างจังหวัด เข้ามาเยี่ยมชมองค์พระธาตุ ทำให้เกรงว่าหากยอดพระธาตุทรุดพังทลายลง มาอาจจะเกิดเหตุการณ์ชุลมุนและจะทำให้ทรัพย์สมบัติของแผ่นดินถูกขโมยเสียหาย นอกจาก นี้ยังได้ขอกำลังตำรวจ สภ.อ.บ้านตาก ร่วมเฝ้าจับตาดูพฤติกรรมของพวกมิจฉาชีพที่แอบแฝงเข้ามาก่อเหตุลักทรัพย์ในพื้นที่ มีการติดตั้งระบบไฟฟ้าแสงสว่าง และจัดเจ้าหน้าที่เข้าผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเฝ้าตลอด 24 ชั่วโมง
    ต่อมาช่วงบ่าย นายธราพงษ์ ศรีสุชาติ ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปากรที่ 6 จังหวัดสุโขทัย พร้อมคณะนัก โบราณคดี เดินทางเข้าตรวจสอบสภาพความเสียหายขององค์พระธาตุ โดยกล่าวว่า พระธาตุองค์นี้ชาวบ้านได้ร่วมกันสร้างขึ้นใหม่ล้อมรอบองค์พระธาตุของเดิมที่มีอายุเก่าแก่ ประมาณ 200 ปี โดยสร้าง เมื่อสมัย 70-80 ปี ไม่นานมานี้ เป็นทรงระฆังคว่ำ ศิลปกรรมสมัยล้านนา รุ่นหลังจากพระธาตุยุทธหัตถี ซึ่งมีอายุมากกว่า 700 ปี
    “สำหรับการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่กรมศิลปากร ขณะนี้ได้ถ่ายภาพนิ่งไว้เป็นหลักฐาน ไว้ก่อน เนื่อง จากโบราณสถานแห่งนี้ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนจากกรมศิลปากรมาก่อน แต่เมื่อเป็นโบราณ สถาน ก็ถือว่าเป็นทรัพย์สมบัติของชาติ ซึ่งกรมศิลปากรมีหน้าที่ในการควบคุม ตรวจสอบ ดูแลรักษาให้ คงไว้เป็นสมบัติของแผ่นดินอยู่แล้ว ในส่วนของความเสียหายที่เกิดขึ้น ไม่น่าจะซ่อมแซม หรือบูรณะ ใหม่แทนได้ เนื่องจาก องค์ที่ชำรุดภายในมีแต่ดินที่อุ้มน้ำไว้มาก และมีรากของ พวกวัชพืช ต้นไม้กาฝากขึ้นอยู่มาก
    น.ส.นาฎตยา ภูศรี นักโบราณคดี 5 ประจำสำนักงานกรมศิลปากรที่ 6 จังหวัดสุโขทัย กล่าวว่า ดูจากองค์พระธาตุแล้ว น่าจะมีอายุราว 100 ปี เป็นศิลปกรรมที่ได้รับอิทธิพลมาจากสมัยล้านนา คาดว่าน่าจะสร้างในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ขณะที่ข้อมูลทั่วไป ตรวจพบขนาด รอบองค์ธาตุ กว้างประมาณ 7 เมตร สูงเฉลี่ยประมาณ 15- 18 เมตร ขณะที่อิฐที่ใช้ก่อองค์ธาตุ มีขนาดความโต กว้าง 14 ยาว 28 และหนา 4 เซนติเมตร ซึ่งเป็นอิฐ ที่เก่าโบราณมากแล้ว
    ในเบื้องต้นต้องเก็บข้อมูลให้ได้มากที่สุด เพื่อประโยชน์ใน การบูรณะสร้างขึ้นใหม่แทนองค์เดิมที่ได้รับความเสียหาย พร้อมกันนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่ติดป้ายเตือนชาวบ้านให้ออกนอกเขตแนวเชือก เพราะอาจได้รับอันตรายหากพระธาตุทรุดตัว ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มอีกว่า ในส่วนของยอดองค์พระธาตุท่าไชย ภายในบรรจุ พระเครื่อง เครื่องเงิน ทอง แก้ว แหวน ของโบราณล้ำค่า ขณะนี้ อบต.เกาะตะเภาได้ประสานขอสนับสนุนเครื่องจักรรถเครนจากหน่วยงานราชการในพื้นที่ ยกยอดฉัตร ส่วนปลายองค์ธาตุ ออกจากองค์พระธาตุ เพื่อป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้นและป้องกันมิจฉาชีพ.
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  13. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=3 width="95%" align=center bgColor=#000033 border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD width="76%" bgColor=#eeeeee colSpan=2 height=21>
    พยากรณ์อากาศประจำวัน
    วันอาทิตย์ ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2549
    ออกประกาศเวลา 0600 น.
    </TD></TR><TR vAlign=top><TD width="76%" bgColor=#eeeeee colSpan=2 height=21><CENTER>สภาวะอากาศทั่วไป</CENTER>
    <DD>ร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่านภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือและมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ ทำให้ประเทศไทยตอนบน มีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักเกิดขึ้นได้ ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยและพื้นที่ลุ่มบริเวณดังกล่าวโดยเฉพาะจังหวัดตาก สุโขทัย อุตรดิตถ์ และพิษณุโลก ระมัดระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก สำหรับประชาชนบริเวณจังหวัดอยุธยา ปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด ยังคงต้องระวังอันตรายจากน้ำท่วมต่อไปอีก
    </DD>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  14. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ เสด็จฯเยี่ยมราษฎรชาวหนองจอกที่ประสบภัยน้ำท่วม</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>8 ตุลาคม 2549 17:56 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ เสด็จฯพร้อมด้วย พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ ทรงเยี่ยมราษฎร ชุมชนแผ่นดินทอง มัสยิด ดาลุ์นนาซีฮะห์ บ้านลำแขก แขวงลำผักชี เขตหนองจอก พร้อมพระราชทานถุงยังชีพ

    วันนี้ (8 ต.ค.) สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯพร้อมด้วย พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ ทรงเยี่ยมราษฎรเขตหนองจอกที่ประสบภัยน้ำท่วมและพระราชทานถุงยังชีพพระราชทาน ณ วัดลำต้อยติ่ง เข้าสู่ภายในพระอุโบสถ เพื่อทรงสักการะพระประธานประจำพระอุโบสถ โดยมีนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม.พร้อมด้วย นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ รักษาราชการแทนปลัด กทม. นายศิริพงศ์ หังสพฤกษ์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ นายพีรพงศ์ สุวรรณมนตรี รองอธิบดีกรมชลประทาน ข้าราชการ กรุงเทพมหานคร และประชาชน ร่วมเฝ้าฯรับเสด็จฯ

    จากนั้นเสด็จฯไปยังศาลาริมคลองหลวงแพ่ง ทรงรับฟังบรรยายการสรุปสถานการณ์น้ำท่วมขังในเขตพื้นที่ จากนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม.

    นายอภิรักษ์ กล่าวถวายรายงานว่า กทม.ใช้แนวทางระบบป้องกันน้ำท่วม 5 ประการ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแนวพระราชดำริไว้ตั้งแต่ปี 2523 ประกอบด้วย การเร่งระบายน้ำให้ออกทะเล ผ่านคลองฝั่งตะวันออกของ กทม. การจัดให้มีพื้นที่สีเขียวเพื่อป้องกันการขยายตัวของเมือง และเป็นทางระบายน้ำเมื่อน้ำหลาก การสร้างระบบป้องกันน้ำท่วมในชุมชนต่าง ๆ การจัดสร้างสถานที่กักเก็บน้ำตามจุดต่าง ๆ และการขยายทางน้ำหรือเปิดทางน้ำในจุดที่ผ่านทางหลวงหรือทางรถไฟ

    นอกจากนี้ ในฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา กทม. ได้จัดทำแนวทางกั้นน้ำตามแนวพระราชดำริ เพื่อป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ชั้นในของ กทม. และเสริมสมรรถนะการระบายน้ำในคลองหลัก อุโมงค์ระบายน้ำ ท่อระบายน้ำ สถานีสูบน้ำ และประตูระบายน้ำ และ กทม.ได้ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมด้วยการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการกู้ภัยน้ำท่วมบริเวณใกล้เคียงจุดวิกฤติรวม 89 จุด โดยระดมแก้ไขปัญหาทางสัญจร เร่งระบายน้ำท่วมขัง รวมทั้งจัดสรรกระสอบทราย สะพานไม้ ชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้น

    สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่เขตหนองจอกมีน้ำท่วมขังใน 55 ชุมชน 2,618 ครัวเรือน โรงเรียน 13 โรง วัด 4 แห่ง มัสยิด 4 แห่ง หมู่บ้าน 4 หมู่บ้าน ถนน 22 สาย พื้นที่การเกษตรเสียหายประมาณ 40,000 ไร่ ได้ให้ความช่วยเหลือกระสอบทราย 255,045 ใบ พร้อมตั้งคณะสำรวจความเสียหายด้านการเกษตร ปศุสัตว์ และประมง เพื่อขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานราชการในอนาคต

    จากนั้นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พร้อมด้วยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา ประทับเรือยนต์พระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรบ้านเรือนราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมบริเวณคลองหลวงแพ่ง จนถึงประตูระบายน้ำลำวันคา และพระราชทานถุงยังชีพแก่ราษฎรทั้งสองฝั่งคลอง และเสด็จฯ ประทับรถยนต์พระที่นั่งไปยังมัสยิดดารุนนาซีฮะห์ พระราชทานถุงยังชีพและทรงมีพระราชปฏิสันถารกับผู้นำชุมชน

    ทั้งนี้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระราชทานถุงยังชีพ จำนวน 50 ราย และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ ประทานถุงยังชีพ 50 ราย นอกจากนี้ ยังได้พระราชทานถุงยังชีพจำนวน 1,000 ถุง ให้กรุงเทพฯนำไปมอบให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมต่อไป

    นางนภาพร แป้นมณี ชาวบ้านผู้ประสบภัย กล่าวว่า ตนอาศัยในซอยร่วมพัฒนา เขตหนองจอก มาตั้งแต่เกิด สถานการณ์ขณะนี้ยังคงมีน้ำท่วมขังในตัวบ้านและบริเวณรอบนอก ความสูงระดับ 30-50 ซม. น้ำท่วมขังมานานกว่า 3 สัปดาห์แล้ว ในวันที่เกิดเหตุน้ำท่วมมีฝนตกหนักช่วงกลางคืน ปกติแล้วจะไม่ท่วม ชาวบ้านจึงชะล่าใจไม่ได้เตรียมป้องกันไว้ จึงได้ตั้งข้อสังเกตว่าตั้งแต่เปิดใช้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและมีสนามกอล์ฟบริเวณใกล้เคียงทำให้เกิดน้ำท่วมหนักกว่าปีก่อน ๆ รวมทั้งมีปัญหายุงชุกชุมเนื่องจากมีน้ำขัง และพบว่าเพื่อนบ้านมีอาการป่วยคล้ายโรคฉี่หนู และในอดีตเมื่อเกิดน้ำท่วมน้ำก็จะลดลงอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าทางการคงจะมีวิธีแก้ปัญหา ส่วนการช่วยเหลือของ กทม. ได้ให้กระสอบทราย ซึ่งประชาชนต้องไปตักทรายเองที่สำนักงานเขต จึงไม่สะดวก ชาวบ้านที่มีฐานะดีก็จะไปซื้อทรายมาทำกระสอบทรายเอง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  15. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    พระเมตตา
    สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯ พร้อมด้วยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ ทรงเยี่ยมราษฎรเขตหนองจอกที่ประสบภัยน้ำท่วมและพระราชทานถุงยังชีพ ณ วัดลำต้อยติ่ง แขวงลำต้อยติ่ง และชุมชนมัสยิด ดารุนนาซีฮะห์ เขตหนองจอก วันที่ 8 ตุลาคม
    [​IMG]
     
  16. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=3 width="95%" align=center bgColor=#000033 border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD width="76%" bgColor=#eeeeee colSpan=2 height=21>
    พยากรณ์อากาศประจำวัน
    วันอาทิตย์ ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2549
    ออกประกาศเวลา 1700 น.
    </TD></TR><TR vAlign=top><TD width="76%" bgColor=#eeeeee colSpan=2 height=21><CENTER>สภาวะอากาศทั่วไป</CENTER>
    <DD><DD>ร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่านภาคกลางและภาคตะวันออกของประเทศไทย และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันมีกำลังค่อนข้างแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ทุกภาคของประเทศมีฝนฟ้าคะนองกระจาย กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยและพื้นที่ลุ่มจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงราย ตาก สุโขทัย และพิษณุโลก ระมัดระวังอันตรายภัยจากฝนตกหนักในระยะนี้ ส่วนบริเวณทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังในระยะ 1-2 วันนี้ สำหรับสภาวะฝนที่ตกบริเวณจังหวัดปราจีนบุรี จันทบุรี และตราดมีแนวโน้มลดน้อยลงแล้ว แต่ยังคงต้องระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมต่อไปอีกระยะหนึ่ง <DD>อนึ่ง ระดับน้ำในลุ่มน้ำชีที่อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคามและลุ่มน้ำมูลที่อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่า จะท่วมบางพื้นที่ของริมฝั่งแม่น้ำ จึงขอให้ประชาชนที่มีบ้านเรือนอาศัยอยู่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำระมัดระวังอันตรายจากสภาวะน้ำล้นตลิ่งในระยะ 1-2 วันนี้ไว้ด้วย
    </DD>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  17. NiNe

    NiNe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,780
    ค่าพลัง:
    +7,482
    ที่แน่ๆ วันนี้ (9 ต.ค. 49) เขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิตต์ รับน้ำไว้แล้ว 97% (อีก 3% ก็จะเต็มแล้ว) ส่วนเขื่อนป่าสักรับน้ำเต็ม 100% แล้ว และอีกไม่กี่วันน้ำทะเลหนุนอีกขึ้นมาอีก ...

    หรือว่า มหานคร จะเป็นนครบาดาล ... หวังว่าคงไม่เป็นเช่นนั้นนะ
     
  18. littleweb

    littleweb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    343
    ค่าพลัง:
    +1,355
    จังหวัดปราจีนบุรี น้ำท่วมถนนแล้ว บ้านที่อยู่ติดแม่น้ำ ก็ท่วมกันแล้ว
    ถ้าตกติดต่อกันอีกเปนอาทิตย์ คงจะแย่ตามๆกัน
    หลายจังหวัดน่าเป็นห่วง น้ำลึกถึงคอ ท่วมบ้านชั้นเดียวแล้ว
    ขอให้ทุกคนอย่าประมาทคอยติดตามข่าวน้ำท่วมบ่อยๆ(จะได้หนีทัน)

    http://www.tmd.go.th/program/daily_forecast.php
    (ฝากลิงค์กรมอุตุนิยมวิทยาไว้ด้วย)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ตุลาคม 2006
  19. littleweb

    littleweb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    343
    ค่าพลัง:
    +1,355
    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=3 width="95%" align=center bgColor=#000033 border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD width="76%" bgColor=#eeeeee colSpan=2 height=21>
    พยากรณ์อากาศประจำวัน


    วันจันทร์ ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2549
    ออกประกาศเวลา 0600 น.


    </TD></TR><TR vAlign=top><TD width="76%" bgColor=#eeeeee colSpan=2 height=21><CENTER>สภาวะอากาศทั่วไป</CENTER>
    <DD>ความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนแผ่ปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้ร่องความกดอากาศต่ำที่พาดผ่านภาคกลางและภาคตะวันออกมีกำลังค่อนข้างแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยและพื้นที่ลุ่มบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตาก เชียงราย เชียงใหม่ น่าน พะเยา ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก เพชรบูรณ์ เลย ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ ปราจีนบุรี และสระแก้ว ระมัดระวังอันตรายภัยจากฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากในระยะนี้


    </DD></TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=3 width="95%" align=center bgColor=#003366><TBODY><TR vAlign=top><TD class=logfont vAlign=center bgColor=#eeeeee colSpan=2 rowSpan=2>
    พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา


    0600 น. วันจันทร์ จนถึงเวลา 0600 น. วันอังคาร


    </TD><TD width="41%" bgColor=#eeeeee height=21>
    คาดหมาย




    </TD></TR><TR vAlign=top><TD width="41%" bgColor=#eeeeee height=21><TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=logfont width="35%">จังหวัด</TD><TD class=logfont width="20%">ต่ำสุด</TD><TD class=logfont width="20%">สูงสุด</TD><TD class=logfont width="25%"></TD><!-- <td class="logfont" width="25%">ฝน/วัน(มม)</td> --></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR vAlign=top><TD class=logfont width="27%" bgColor=#eeeeee height=21>
    กรุงเทพมหานครและปริมณฑล



    </TD><TD class=logfont align=left width="32%" bgColor=#eeeeee height=21>มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิสูงสุด 32 องศา ต่ำสุด 25 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.


    </TD><TD width="41%" bgColor=#eeeeee height=21><TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=logfont width="39%">กรุงเทพมหานคร </TD><TD class=logfont align=left width="18%">26 </TD><TD class=logfont align=left width="18%">32 </TD><TD class=logfont align=middle width="25%"></TD></TR><TR><TD class=logfont width="39%">นนทบุรี </TD><TD class=logfont align=left width="18%">25 </TD><TD class=logfont align=left width="18%">32 </TD><TD class=logfont align=middle width="25%"></TD></TR><TR><TD class=logfont width="39%">สมุทรปราการ </TD><TD class=logfont align=left width="18%">27 </TD><TD class=logfont align=left width="18%">31 </TD><TD class=logfont align=right width="25%"></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR vAlign=top><TD class=logfont width="27%" bgColor=#eeeeee height=21>
    ภาคเหนือ


    </TD><TD class=logfont align=left width="32%" bgColor=#eeeeee height=21>มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตาก เชียงราย เชียงใหม่ น่าน พะเยา ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิสูงสุด 32 องศา ต่ำสุด 23 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม.


    </TD><TD width="41%" bgColor=#eeeeee height=21><TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=logfont width="39%">แม่ฮ่องสอน </TD><TD class=logfont width="18%">23 </TD><TD class=logfont width="18%">32 </TD><TD class=logfont align=middle width="25%"></TD></TR><TR><TD class=logfont width="39%">เชียงใหม่ </TD><TD class=logfont width="18%">23 </TD><TD class=logfont width="18%">31 </TD><TD class=logfont align=middle width="25%"></TD></TR><TR><TD class=logfont width="39%">พิษณุโลก </TD><TD class=logfont width="18%">24 </TD><TD class=logfont width="18%">32 </TD><TD class=logfont align=right width="25%"></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR vAlign=top><TD class=logfont width="27%" bgColor=#eeeeee height=21>
    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ



    </TD><TD class=logfont align=left width="32%" bgColor=#eeeeee height=21>มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ ขอนแก่น ยโสธร และอุบลราชธานี อุณหภูมิสูงสุด 32 องศา ต่ำสุด 23 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม.


    </TD><TD width="41%" bgColor=#eeeeee height=21><TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=logfont width="39%">เลย </TD><TD class=logfont align=left width="18%">23 </TD><TD class=logfont align=left width="18%">31 </TD><TD class=logfont align=middle width="25%">


    </TD></TR><TR><TD width="39%">ขอนแก่น </TD><TD class=logfont align=left width="18%">24 </TD><TD class=logfont align=left width="18%">31 </TD><TD class=logfont align=middle width="25%">


    </TD></TR><TR><TD class=logfont width="39%">อุบลราชธานี </TD><TD class=logfont align=left width="18%">24 </TD><TD class=logfont align=left width="18%">31 </TD><TD class=logfont align=right width="25%">


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR vAlign=top><TD width="27%" bgColor=#eeeeee height=23>
    ภาคกลาง



    </TD><TD class=logfont align=left width="32%" bgColor=#eeeeee height=23>มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท กาญจนบุรี และสุพรรณบุรี อุณหภูมิสูงสุด 33 องศา ต่ำสุด 25 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ ชม.


    </TD><TD class=logfont width="41%" bgColor=#eeeeee height=23><TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=logfont width="39%">นครสวรรค์ </TD><TD class=logfont align=left width="18%">25 </TD><TD class=logfont align=left width="18%">32 </TD><TD class=logfont align=middle width="25%"></TD></TR><TR><TD class=logfont width="39%">สุพรรณบุรี </TD><TD class=logfont align=left width="18%">26 </TD><TD class=logfont align=left width="18%">32 </TD><TD class=logfont align=middle width="25%"></TD></TR><TR><TD class=logfont width="39%">กาญจนบุรี </TD><TD class=logfont align=left width="18%">26 </TD><TD class=logfont align=left width="18%">33 </TD><TD class=logfont align=right width="25%"></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR vAlign=top><TD width="27%" bgColor=#eeeeee height=21>
    ภาคตะวันออกรวมทั้งชายฝั่ง



    </TD><TD class=logfont align=left width="32%" bgColor=#eeeeee height=21>มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่และมีฝนตกหนักบางแห่งส่วนมากบริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี และสระแก้ว อุณหภูมิสูงสุด 32 องศา ต่ำสุด 23 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร


    </TD><TD width="41%" bgColor=#eeeeee height=21><TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=logfont width="39%">ปราจีนบุรี </TD><TD class=logfont align=left width="18%">25 </TD><TD class=logfont align=left width="18%">32 </TD><TD class=logfont align=middle width="25%"></TD></TR><TR><TD class=logfont width="39%">ระยอง </TD><TD class=logfont align=left width="18%">26 </TD><TD class=logfont align=left width="18%">32 </TD><TD class=logfont align=middle width="25%"></TD></TR><TR><TD class=logfont width="39%">จันทบุรี </TD><TD class=logfont align=left width="18%">23 </TD><TD class=logfont align=left width="18%">31 </TD><TD class=logfont align=middle width="25%"></TD></TR><TR><TD class=logfont width="39%">ตราด </TD><TD class=logfont align=left width="18%">24 </TD><TD class=logfont align=left width="18%">31 </TD><TD class=logfont align=right width="25%"></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR vAlign=top><TD width="27%" bgColor=#eeeeee height=21>
    ภาคใต้ฝั่งตะวันออก



    </TD><TD class=logfont align=left width="32%" bgColor=#eeeeee height=21>มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร อุณหภูมิสูงสุด 34 องศา ต่ำสุด 23 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร


    </TD><TD width="41%" bgColor=#eeeeee height=21><TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=logfont width="39%">ชุมพร </TD><TD class=logfont align=left width="18%">24 </TD><TD class=logfont align=left width="18%">34 </TD><TD class=logfont align=middle width="25%"></TD></TR><TR><TD class=logfont width="39%">สุราษฎร์ธานี </TD><TD class=logfont align=left width="18%">23 </TD><TD class=logfont align=left width="18%">34 </TD><TD class=logfont align=middle width="25%"></TD></TR><TR><TD class=logfont width="39%">นครศรีธรรมราช </TD><TD class=logfont align=left width="18%">23 </TD><TD class=logfont align=left width="18%">33 </TD><TD class=logfont align=middle width="25%"></TD></TR><TR><TD class=logfont width="39%">สงขลา </TD><TD class=logfont align=left width="18%">23 </TD><TD class=logfont align=left width="18%">33 </TD><TD class=logfont align=right width="25%"></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR vAlign=top><TD class=logfont width="27%" bgColor=#eeeeee height=80>
    ภาคใต้ฝั่งตะวันตก




    </TD><TD class=logfont align=left width="32%" bgColor=#eeeeee height=80>มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต อุณหภูมิสูงสุด 34 องศา ต่ำสุด 23 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร


    </TD><TD width="41%" bgColor=#eeeeee height=80><TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=logfont width="39%">ระนอง </TD><TD class=logfont width="18%">24 </TD><TD class=logfont width="18%">33 </TD><TD class=logfont align=middle width="25%"></TD></TR><TR><TD class=logfont width="39%">พังงา </TD><TD class=logfont width="18%">23 </TD><TD class=logfont width="18%">33 </TD><TD class=logfont align=middle width="25%"></TD></TR><TR><TD class=logfont width="39%">ภูเก็ต </TD><TD class=logfont width="18%">24 </TD><TD class=logfont width="18%">33 </TD><TD class=logfont align=middle width="25%"></TD></TR><TR><TD class=logfont width="39%">สตูล </TD><TD class=logfont width="18%">23 </TD><TD class=logfont width="18%">34 </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ตุลาคม 2006
  20. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=585 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=567 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=567 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>น้ำป่าพัดพาซุงถล่มชาวอำเภอฝางดับ 4 สูญหายไม่ต่ำ 8</TD></TR><TR><TD class=Text_Story vAlign=top><!-- [​IMG] น้ำป่าไหลหลากพัดพาซุงถล่มชาว อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ เบื้องต้นพบผู้เสียชีวิตแล้ว 4 ราย และสูญหายอีกไม่ต่ำกว่า 8 ราย


    (9ตค.) นายศรัญญู ฟูวงค์ สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ เขต อ.ฝาง เปิดเผยว่า น้ำป่าไหลหลากและดินถล่มในพื้นที่หมู่ที่ 12 บ้านยาง ต.แม่งอน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ คืนวานนี้(8ตค.) เจ้าหน้าที่ต้องเร่งอพยพคนในพื้นที่อย่างต่อเนื่องจนถึงเวลา 02.00 น.วันที่ 9 ต.ค.หลังเกิดเหตุเบื้องต้นพบผู้เสียชีวิตแล้ว 4 ราย เป็นเด็ก 2 ราย ผู้ใหญ่อีก 2 ราย สูญหายอีกไม่ต่ำกว่า 8 คน
    ทั้งนี้ สาเหตุที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบ้านเรือนเสียหาย ส่วนหนึ่งมาจากน้ำได้พัดพาท่อนซุงมาด้วยทำให้บ้านเรือนถูกพัดหายไปทั้งหลังรวม 4 หลัง และมีบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักไม่ต่ำกว่า 40 หลังคาเรือน โดยชาวบ้านในพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นคนไทยเชื้อสายจีนยูนนาน
    นอกจากนี้ที่สถานีโครงการหลวงดอยอ่างขาง ซึ่งเป็นจุดแรกที่น้ำป่าเข้านั้นได้รับความเสียหายอย่างหนักโดยหลังคาของอาคารถูกพัดหายไป เครื่องจักร รถยนต์และผลผลิตดอยคำของโครงการหลวงที่เก็บไว้ถูกน้ำพัดพาหายไป เบื้องต้นประเมินมูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท
    นายศรัญญู กล่าวว่า ขณะนี้ฝนยังคงตกหนักในพื้นที่ ถนนในหมู่บ้านหลายแห่งถูกตัดขาดรถไม่สามารถสัญจรผ่านไปได้ เจ้าหน้าที่จากทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 2 (ฉก.ม.2) จำนวน 10 นาย ตชด.ที่ 334 เจ้าหน้าที่ อบต.แม่งอนได้ร่วมกันลำเลียงผู้บาดเจ็บส่วนใหญ่ไปยังโรงพยาบาลฝางและผู้บาดเจ็บสาหัสบางส่วนได้ถูกนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่แล้ว โดยน้ำป่าที่สงบลงเมื่อคืนยังได้เข้าท่วมขังในพื้นที่ 14 หมู่บ้านใกล้เคียงซึ่งทางการได้ประกาศอพยพให้หนีน้ำย้ายขึ้นไปอาศัยชั่วคราวที่ศาลา ภายในที่ว่าการอำเภอฝาง ซึ่งอยู่ในพื้นที่สูงแล้ว
    อย่างไรก็ตาม สำหรับน้ำป่าที่พัดเข้ามาในครั้งนี้ไม่มีการประกาศแจ้งเตือนล่วงหน้าในจุดดังกล่าวเนื่องจากเป็นพื้นที่ซึ่งไม่เคยเกิดน้ำป่าไหลหลากมาก่อน
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากสถานการณ์ฝนที่ตกลงมาอย่างตกเนื่องเป็นวงกว้างในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุดทำให้สะพานแบริ่ง หรือสะพานชั่วคราว เส้นทางหลวง 1001 เชียงใหม่ -พร้าว บริเวณทางเข้าวัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ พังถล่มทำให้การจราจรถูกตัดขาด
    นายราเมศร์ นามัง เจ้าหน้าที่ปกครองอำเภอพร้าว เปิดเผยว่า ในช่วงวันหยุด 2 วันที่ผ่านมามีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง จนล่าสุดเมื่อเวลา 05.00 น.วันนี้ (9 ต.ค.) สะพานดินเกิดการทรุดตัวพังลงมา แต่โชคดีไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
    สำหรับสะพานดังกล่าวเป็นการก่อสร้างแบบชั่วคราวโดยเป็นการนำดินมาถมจนเต็มแล้วทำท่อลอดไว้บริเวณใต้ฐาน ซึ่งขณะนี้ทางอำเภอได้แจ้งไปยังแขวงการทางเชียงใหม่ที่ 3 เพื่อให้จัดส่งเจ้าหน้าที่มาซ่อมแซมเพื่อให้การจราจรสามารถใช้งานได้ตามปกติ ซึ่งจุดดังกล่าวเป็นจุดเดียวกันที่เกิดคอสะพานพังจนมีผู้เสียชีวิต 2 ราย เมื่อปีที่ผ่านมา ด้านนายปราโมทย์ อิ่มเพชร ผู้อำนวยการแขวงการทางเชียงใหม่ที่ 3 กล่าวว่า บริเวณดังกล่าวอยู่ในกิโลเมตรที่ 79-80 โดยทางแขวงได้แจ้งไปยังผู้รับเหมาเพื่อให้เข้าไปดำเนินการซ่อมคอสะพานเดิมที่ชำรุดแล้ว โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเนื่องมาจากฝนตกหนักจนทำให้น้ำป่าพัดท่อลอดใต้สะพานพังและขณะนี้ได้ทางผู้รับเหมาได้เร่งทำการสร้างสะพานไม้ชั่วคราวเพื่อให้ประชาชนและรถจักรยานยนต์สามารถสัญจรผ่านได้ชั่วคราว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงบ่ายของวันนี้การซ่อมแซมจะเสร็จเรียบร้อย ซึ่งจะทำให้การการสัญจรสามารถกลับเข้าสู่ภสาวะปกติได้อย่างแน่นอน ส่วนสะพานถาวรคาดว่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 1 เดือนจึงจะดำเนินการแล้วเสร็จ

    -->
    น้ำป่าไหลหลากพัดพาซุงถล่มชาว อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ เบื้องต้นพบผู้เสียชีวิตแล้ว 4 ราย และสูญหายอีกไม่ต่ำกว่า 8 ราย
    (9ตค.) นายศรัญญู ฟูวงค์ สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ เขต อ.ฝาง เปิดเผยว่า น้ำป่าไหลหลากและดินถล่มในพื้นที่หมู่ที่ 12 บ้านยาง ต.แม่งอน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ คืนวานนี้(8ตค.) เจ้าหน้าที่ต้องเร่งอพยพคนในพื้นที่อย่างต่อเนื่องจนถึงเวลา 02.00 น.วันที่ 9 ต.ค.หลังเกิดเหตุเบื้องต้นพบผู้เสียชีวิตแล้ว 4 ราย เป็นเด็ก 2 ราย ผู้ใหญ่อีก 2 ราย สูญหายอีกไม่ต่ำกว่า 8 คน
    ทั้งนี้ สาเหตุที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบ้านเรือนเสียหาย ส่วนหนึ่งมาจากน้ำได้พัดพาท่อนซุงมาด้วยทำให้บ้านเรือนถูกพัดหายไปทั้งหลังรวม 4 หลัง และมีบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักไม่ต่ำกว่า 40 หลังคาเรือน โดยชาวบ้านในพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นคนไทยเชื้อสายจีนยูนนาน
    นอกจากนี้ที่สถานีโครงการหลวงดอยอ่างขาง ซึ่งเป็นจุดแรกที่น้ำป่าเข้านั้นได้รับความเสียหายอย่างหนักโดยหลังคาของอาคารถูกพัดหายไป เครื่องจักร รถยนต์และผลผลิตดอยคำของโครงการหลวงที่เก็บไว้ถูกน้ำพัดพาหายไป เบื้องต้นประเมินมูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท
    นายศรัญญู กล่าวว่า ขณะนี้ฝนยังคงตกหนักในพื้นที่ ถนนในหมู่บ้านหลายแห่งถูกตัดขาดรถไม่สามารถสัญจรผ่านไปได้ เจ้าหน้าที่จากทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 2 (ฉก.ม.2) จำนวน 10 นาย ตชด.ที่ 334 เจ้าหน้าที่ อบต.แม่งอนได้ร่วมกันลำเลียงผู้บาดเจ็บส่วนใหญ่ไปยังโรงพยาบาลฝางและผู้บาดเจ็บสาหัสบางส่วนได้ถูกนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่แล้ว โดยน้ำป่าที่สงบลงเมื่อคืนยังได้เข้าท่วมขังในพื้นที่ 14 หมู่บ้านใกล้เคียงซึ่งทางการได้ประกาศอพยพให้หนีน้ำย้ายขึ้นไปอาศัยชั่วคราวที่ศาลา ภายในที่ว่าการอำเภอฝาง ซึ่งอยู่ในพื้นที่สูงแล้ว
    อย่างไรก็ตาม สำหรับน้ำป่าที่พัดเข้ามาในครั้งนี้ไม่มีการประกาศแจ้งเตือนล่วงหน้าในจุดดังกล่าวเนื่องจากเป็นพื้นที่ซึ่งไม่เคยเกิดน้ำป่าไหลหลากมาก่อน
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากสถานการณ์ฝนที่ตกลงมาอย่างตกเนื่องเป็นวงกว้างในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุดทำให้สะพานแบริ่ง หรือสะพานชั่วคราว เส้นทางหลวง 1001 เชียงใหม่ -พร้าว บริเวณทางเข้าวัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ พังถล่มทำให้การจราจรถูกตัดขาด
    นายราเมศร์ นามัง เจ้าหน้าที่ปกครองอำเภอพร้าว เปิดเผยว่า ในช่วงวันหยุด 2 วันที่ผ่านมามีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง จนล่าสุดเมื่อเวลา 05.00 น.วันนี้ (9 ต.ค.) สะพานดินเกิดการทรุดตัวพังลงมา แต่โชคดีไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
    สำหรับสะพานดังกล่าวเป็นการก่อสร้างแบบชั่วคราวโดยเป็นการนำดินมาถมจนเต็มแล้วทำท่อลอดไว้บริเวณใต้ฐาน ซึ่งขณะนี้ทางอำเภอได้แจ้งไปยังแขวงการทางเชียงใหม่ที่ 3 เพื่อให้จัดส่งเจ้าหน้าที่มาซ่อมแซมเพื่อให้การจราจรสามารถใช้งานได้ตามปกติ ซึ่งจุดดังกล่าวเป็นจุดเดียวกันที่เกิดคอสะพานพังจนมีผู้เสียชีวิต 2 ราย เมื่อปีที่ผ่านมา
    ด้านนายปราโมทย์ อิ่มเพชร ผู้อำนวยการแขวงการทางเชียงใหม่ที่ 3 กล่าวว่า บริเวณดังกล่าวอยู่ในกิโลเมตรที่ 79-80 โดยทางแขวงได้แจ้งไปยังผู้รับเหมาเพื่อให้เข้าไปดำเนินการซ่อมคอสะพานเดิมที่ชำรุดแล้ว โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเนื่องมาจากฝนตกหนักจนทำให้น้ำป่าพัดท่อลอดใต้สะพานพังและขณะนี้ได้ทางผู้รับเหมาได้เร่งทำการสร้างสะพานไม้ชั่วคราวเพื่อให้ประชาชนและรถจักรยานยนต์สามารถสัญจรผ่านได้ชั่วคราว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงบ่ายของวันนี้การซ่อมแซมจะเสร็จเรียบร้อย ซึ่งจะทำให้การการสัญจรสามารถกลับเข้าสู่ภสาวะปกติได้อย่างแน่นอน ส่วนสะพานถาวรคาดว่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 1 เดือนจึงจะดำเนินการแล้วเสร็จ
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=8>[​IMG]</TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...