มนุษย์ต่างดาวจากดาวอังคาร และดาวศุกร์ จะบุกโลกในปี พ.ศ.2565

มนุษย์ดาวอังคารน่ะ ไม่มีหรอกครับ
มีแต่"อดีตมนุษย์"ดาวอังคาร สัตว์โลกกลุ่ม อากาสเทวา
ความจริงในบรรดาดวงดาวทั้งหลายที่นักดาราศาสตร์ค้นพบว่า ไม่มีสิ่งชีวิตอยู่เพราะเข้าใจเอาว่าสิ่งชีวิตมีเพียงมนุษย์และสัตว์ ถ้านักดาราศาสตร์หรือนักวิทยาศาสตร์ เหล่านั้นสามารถฝึกจิตให้มีคุณภาพพิเศษดังกล่าวไว้ได้ ก็ย่อมจะเห็นสิ่งมีชีวิตมากมาย อยู่ในดวงดาวเหล่านั้น เพียงแต่ร่างกายของสัตว์เหล่านั้นโปร่งใสจนสายตาของมนุษย์มองไม่เห็น เราเรียกกันว่า กายทิพย์ ซึ่งจัดอยู่ในเทวภูมิชั้นที่หนึ่ง

สัตว์ที่มีกายทิพย์เหล่านี้ มีที่อยู่บนดวงดาวต่างออกไปอีกมิติหนึ่ง ที่อยู่เหล่านั้นสุขสบายจนเรียกกันว่าเป็นสมบัติทรัพย์ โดยไม่เกี่ยวกับเนื้อดินหรือหินที่เห็นได้ด้วยตา มนุษย์ในดวงดาวนั้นๆ เป็นมิติละเอียดที่ซ่อนอยู่ในของหยาบ

ในจักรวาลหนึ่งๆ มีดวงดาวชนิดต่างๆ นับไม่ถ้วน ดวงดาวเหล่านี้ไม่มีดวงใดว่างเปล่า ไร้สิ่งมีชีวิตเลยแม้แต่ดวงเดียว ไม่ว่าดวงดาวนั้นจะลุกโพลงเป็นเปลวไฟอยู่ หรือเต็มไปด้วยน้ำแข็งเย็นเฉียบ มิติหยาบกับมิติละเอียดไม่มีสิ่งใดสัมพันธ์กัน จะเกี่ยวข้องก็เพียงมีสถานที่ตั้งเป็นที่แห่งเดียวกันเท่านั้นเอง ความร้อนเย็นมีอากาศ หรือไม่มีของมิติหยาบไม่กระทบกระเทือนมิติละเอียด

 

สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในอนาคตนั้นเป็นไปตามแรงบุญและแรงกรรมของสัตว์ที่มาเกิดยังโลกมนุษย์

ถ้าหากว่าพวกเค้าคิดอะไรอย่างไร ก็จะไปดึงเอาสิ่งนั้นมาเกิดขึ้นตามแรงบุญบาป ที่รวมตัวกันของสัตว์กลุ่มนั้น
เมื่อใดที่ถึงแรงบุญหรือบาปนั้นรวมตัว จนถึงขึดถึงขั้นมันก็จะส่งผลออกมา

โดยส่วนตัวแล้ว ในอดีตก็ชอบดูหนัง Sci Fi อยู่เหมือนกัน แต่เดี๋ยวนี้ไม่ดูแล้ว มีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน

ความปรารถนาของมนุษย์ที่พอจะมีบุญอยู่บ้าง และไม่ทำบาปอะไร แล้วมีความปรารถนาที่จะไปอยู่ยังดาวอื่น
นี่ก็เป็นการรวมตัวของกระแสบุญและบาปของพวกเค้า ที่ถูกอัพยกตาธัมมาดึงเอาไว้ ให้ไม่หยุด ไม่รู้ความจริง
พวกเค้าอาจจะตายกันไปก่อนที่โครงการความฝันนี้จะเป็นรูปธรรม แต่นั่นก็หมายความว่าเค้าได้ Set Program
เข้าในจิตของพวกเค้าแล้ว

เนื่องจากพวกเค้าไม่ได้ใส่ใจกับการทำชั่วอะไรในสังคม ไม่ได้ต้องการลาภ ยศ สรรเสริญอะไร
ใจมีแต่จดจ่อกับการหาที่เกิดใหม่ที่ดีกว่านี้ อาจจะทำบุญให้ทานกันในสังคมตนเองอยู่บ้างแบบไม่พบเนื้อนาบุญ
การไปเกิดในชาติหน้านั้น ก็อาจจะเป็นโลกมนุษย์ในทวีปอื่นแทน ที่ไม่มีพระพุทธเจ้าไปเกิดที่นั้น
เพราะว่าไม่ทราบความเป็นจริงอะไรในวัฏฏะสงสาร ก็จะวนอยู่อย่างนี้นานมากๆ
อกุศลาธัมมาก็ไม่ใช่ กุศลาธัมมาก็ไม่ใช่ จะว่าฉลาดมีปัญญารู้แจ้งก็ไม่ใช่ จะว่าไม่ฉลาดก็ไม่เชิง

นี่ก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ยังวนอยู่ในวัฏฏะ แบบไม่รู้ แต่ก็ไม่ใช่ไม่รู้เสียเลย
มีคุณธรรมอยู่พอสมควรในระดับกลางๆไม่ใช่กุศลล้วน มีสมาธิที่จะจดจ่อในสิ่งที่ทำอยู่
แต่ก็ไม่ใช่อธิสมาธิที่ฆ่ากิเลสได้

 

25 ปีผมก็ยังไม่แก่ครับ จริงๆแล้ว ผมยังวัยรุ่นอยู่เลยถึงเวลานั้น ผมยังไม่40เลยครับ จะได้อยู่เห็นหรือเน๊าะ สังขารคนเราไม่เที่ยง แล้วทำไมถึงใช้คำว่า บุกโลก

 

อุ้ย! จะได้กลับบ้านแล้วซิเรา เหอะๆ55
ก่อนหน้านั้น โลกคงมีการเปลี่ยนอะไรซักอย่าง ตามมาด้วยการบุกของมนุษย์ต่างดาวเค้าอาจจะมาช่วยพวกเราก็ได้ ไม่แน่อาจจะชวนให้โลกเราเป็นสมาชิกของสหพันธ์จักวาลอะไรประมาณนั้น ประเทศไทยก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงนั้นด้วย แต่การเปลี่ยนแปลงที่ว่าคืออะไรกัน เหอะๆเขียนเองก็งงเอง

 

ให้เขามาเลยครับ เจอพวกเราชาวพลังจิตปล่อยพลังเมตตาหน่อยเป็นไง

 

*** จานบิน **** ตอนเป็นเด็กชอบอ่านเรื่องเกี่ยวกับ "จานบิน" เรื่องลึกลับมาก โตมาเคยฝึกสมาธิแต่ไม่เกิดผลเหมือนคนอื่น เคยอธิษฐานขอให้พบ "สัจจะธรรม" ต่อมาศึกษาเรื่อง นอสตาดามุส จนสุดท้ายก็ได้พบ สิ่งที่นอสตราดามุสพูดถึง.....ส่วน วันนี้...กำลังทำความดี ด้วย "สัจจะ ไม่เห็นผู้อื่นผิด ตั้งแต่เช้า ถึง หกโมงเย็น" - " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

ทุกวันนี้ เขาก็มีอยู่และมาที่โลกนี้แล้ว

 

ใครมีความรู้เกี่ยวกับแสงใต้ทะลตอนกลางคืนบ้างครับ ว่าเกิดขึ้นอย่างไร แล้วเกิดขึ้นมาได้ไง ทำไมถึงเกิดขึ้นหลายดวง เหมือนกับแสงจากไฟฉาย ฉายขึ้นมาบนผิวน้ำ และฉายไปหลายทิศทางด้วยครับ

 

มารอฟังครับ

 

บุกเมืองไทยมาไหว้พระไง
มาขายของด้วย

 

มุนษย์เป็นสิ่งมีชีวติชนิดเดียวที่สร้างอาวุธขึ่นมาเพื่อ"ทำลายล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ด้วยกันเอง"........แค่นี้ก็ไม่ต้องกลัวต่างดาวบุกแล้วละครับกลัวมนุษย์โลกด้วยกันเองก่อนดีกว่า

 

คงไม่ได้บุกมา เพื่อทำร้ายหรอกครับ

คงจะมาช่วยอะไรสักอย่าง

และก็มีบางส่วนอยู่บนโลกอยู่แล้ว
ทำหน้าที่รายงานสถานการณ์

ให้มาช่วยเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้น
ซึ่งจะเป็นผลกระทบต่อระบบดวงดาวต่างๆ

ไม่น่าจะห่วงเรื่องต่างดาวดีกว่า
ห่วงเรื่องต่างชาติที่คิดไม่ดีกับเราดีกว่า
ควรสามัคคีคนในชาติกันไว้ดีกว่ามั๊ยครับ

 

บางคนบอกว่า เป็นแสงจากสาหร่าย แต่ตอนนั้น มันอยู่ในทะเล ซึ่งลึกมาก ไม่น่าจะเป็นแสงจากสาหร่าย เห็นกันหลายคน ยังงงอยู่ว่าเป็นแสงอะไร มีหลายดวง เป็นสิบ ๆ กว่าดวงได้ มันอยู่ในทะเล ตอนนั้น เป็นตอนกลางคืน เห็นกันอยู่บนเรือนะ หาที่มาไม่ได้ แสงไฟคงแรงน่าดู เพราะมองไม่เห็นต้นทางของไฟที่ส่องมาว่าเป็นอะไร เรื่องนี้ เกิดประมาณปี 40 ก็ 9 ปีมาแล้ว ยังจำได้เลย มันส่องมาจากใต้น้ำ เป็นเรือดำน้ำ ก็คงไม่เป็นอย่างนี้แน่ ก็ยังงงอยู่จนทุกวันนี้

 

ถ้าเป็นสาวๆก้ดีสิ กึ๋ยๆ

อยากเห็นมานุดต่างดาว

 

จะดาวดวงนี้ หรือดาวไหนๆ ก็คงหนีไม่พ้นกฎแห่งกรรมไปได้หรอก

 

จริงปะคับ

โทรจิต+พลังงานแห่งปีรามิต อาวุธพลังงานเส้นแสง ตอนนี้รัฐเซียกำลังจะจุดชนวนให้เกิดสงครามแห่งวันสิ้นโลกขึ้น ปลุกนครแอดแลนติสที่สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าตื่นขึ้น ชาวดาวอังคารจึงมาเตือน

 

ขุดๆ

 

โลกคือดาวมรณะ เพราะโลกมีมนุดอยู่มาก

มนุดเป็นสัตว์โลกเพียงชนิดเดียวที่ฆ่าพวกเดียวกัน
มนุดเป็นสัตว์โลกเพียงชนิดเดียวที่ฆ่าสิ่งมีชีวิตอื่นเพราะความสนุกสนานไม่ได้ฆ่าเพราะความหิว


นั่นแลคือสาเหตุที่อว่า "ดาวมรณะ"

 

เพราะมนุษย์เรา ไม่เข้าใจ ในสรรพชีวิต ในสัญญา
พระพุทธเจ้า ให้หลักพื้นฐาน ไว้ว่า ชีวิตนั้น มีขัณฑ์ห้า คือ
1 รูป คือ วัตถุ กาย เทหวัตถุ ที่สัมผัสได้ด้วย อายตนะหก
2 สังขาร คือ ภาวะของรูป ที่เจริญขึ้น เสื่อมลง คงที่ หรือ แปรเปลี่ยนได้
3 วิญญาณ คือ พลังงานธาตุรู้ จิตใจ คอยกำกับ รูป ผ่านสมอง ออกทางกายทำ วาจาปากพูด
4 เวทนา คือ ภาวะของวิญญาณ จิตใจ ให้แสดงออกทางรูป เป็นอารมณ์ ดีไม่ดี แปรเปลี่ยนได้ ไม่ว่า รัก โลภ โกรธ หลง
5 สัญญา คือ กฎฯ แห่งการอยู่ร่วมกันอย่างพึ่งพา ได้แก่
แรงยึดเหนี่ยว เกี่ยวพัน ให้อยู่รวมกัน อย่างสมดุลย์ มั่นคง ระหว่าง รูป กับ วิญญาณ ให้รวมกันเป็น ตัวตนเรา
แรงยึดเหนี่ยว เกี่ยวพัน ให้อยู่รวมกัน อย่างสมดุลย์ มั่นคง ระหว่าง สรรพชีวิต กับ สรรพชีวิต ด้วยความรัก เมตตา พึ่งพากันและกัน ตามกฎแห่งกรรมที่ดี
แรงยึดเหนี่ยว เกี่ยวพัน ให้อยู่รวมกัน อย่างสมดุลย์ มั่นคง ระหว่าง สรรพสิ่ง กับ สรรพสิ่ง โลก กับ ดาว กับ อาทิตย์ กับจักรวาล หรือ จักรวาล กับจักรวาล ฯลฯ ด้วยความรัก เมตตา พึ่งพากันและกัน ตาม กฎแรงโน้มถ่วง กฎแรงดึงดูด กฎฯลฯ

สรุป
มนุษย์โลก ไม่เข้าใจว่า อะไรคือชีวิต?? อะไรมีขัณฑ์ครบ?? อะไรคือสัญญา??
จึงต่างพากันทำลายชีวิตโลก อันกระทบ ต่อดวงดาว ต่อจักรวาลๆๆๆๆๆๆ
ชาวต่างดาว ต่างจักรวาล จึงต้องหันกลับมา รักษาโลก รักษาจักรวาล ร่วมกัน เอย

(แปรเปลี่นได้ คือที่มาของ ไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แล)
(b-flower) (b-flower) (b-flower) (b-glass)
กลับตัว กลับใจ ไวๆเถิด มนุษย์ เอ๋ย ด้วยการทำดี มีเมตตาต่อกัน ต่อสรรพชีวิตและสรรพสิ่ง
มิฉะนั้นแล้ว พวกท่านจะไม่ผ่าน การพิพากษา